Search

Predigten

เรื่องที่ 3: ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ

[3-6] การเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณแท้จริง (อพยพ 12:43-49)

การเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณแท้จริง
(อพยพ 12:43-49)
“พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า ‘ระเบียบพิธีปัสกาเป็นดังนี้ คืออย่าให้คนต่างชาติกินเลย ส่วนทาสซึ่งนายเอาเงินซื้อมา เมื่อให้ทาสนั้นเข้าสุหนัตแล้วจึงให้เขากินได้ ส่วนแขกหรือลูกจ้างอย่าให้กินเลย ให้กินปัสกาแต่ในบ้าน อย่าเอาเนื้อไปนอกบ้าน และอย่าหักกระดูกของมันเลย ให้ชุมนุมคนอิสราเอลทั้งปวงถือและปฏิบัติตามพิธีนี้ เมื่อมีคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้า และใคร่จะถือปัสกาถวายพระเยโฮวาห์ ก็ให้ชายพวกนั้นเข้าสุหนัตเสียก่อนทุกคนแล้วจึงให้เขามาใกล้ และถือพิธีนั้นได้ เขาจึงจะเป็นเหมือนคนเกิดในแผ่นดินนั้น แต่ผู้ใดที่ยังมิได้เข้าสุหนัต อย่าให้เข้าร่วมกินเลี้ยงในพิธีปัสกานั้นเลย พระราชบัญญัติสำหรับคนเกิดในเมืองและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับเจ้าทั้งหลายจะต้องเป็นอันเดียวกัน’”

อะไรคือเงื่อนไขสำคัญของชนชาติอิสราเอล ในการเป็นบุตรของพระเจ้าตามพันธสัญญาฉบับเก่า?
พวกเขาต้องเข้าสุหนัต
 
พระวจนะของพระเจ้าทั้งในพันธสัญญาฉบับเก่าและฉบับใหม่นั้นมีความสำคัญและมีความล้ำค่าต่อพวกเราที่วางใจในพระเจ้าอย่างมาก เราไม่สามารถละเลยวรรคใดวรรคหนึ่งได้เลยเพราะพระวจนะของพระเจ้าคือพระวจนะแห่งชีวิต 
คำกล่าวในทุกวันนี้บอกเราว่าใครก็ตามที่ต้องการรักษาพิธีปัสกา ต้องได้เข้าสุหนัตก่อน เราควรจะคิดเกี่ยวกับเหตุผลที่พระเจ้าทรงบอกเราเกี่ยวกับสิ่งนี้ ถ้าใครไม่เข้าสุหนัตเขาก็ไม่สามารถเข้าพิธีปัสกาได้ 
หากเราวางใจในพระเยซูเราควรจะเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า ที่มีทรงให้มีพระบัญชานี้แก่เรา การเข้าสุหนัตคือการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ทำไมพระเจ้าทรงบอกแก่อับราฮัมและทายาทของเขาให้เข้าสุหนัต? เหตุผลก็คือพระองค์ทรงสัญญาว่ามีเพียงผู้ที่ได้ “ตัด” บาปของเขาออกไปเท่านั้นที่จะได้เป็นประชาชนของพระองค์ 
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พระองค์ทรงบอกแก่ชาวชาติอิสราเอลในพันธสัญญาฉบับเก่าให้เข้าสุหนัต ประชาชนชาวอิสราเอลจะต้องเข้าสุหนัตเพื่อเป็นประชาชนของพระเจ้า มันเป็นรับสั่งของพระองค์ มีพื้นฐานของความศักดิ์สิทธิ์ และทรงเป็นพระเจ้าของผู้ที่ลบล้างบาปของพวกเขาด้วยความเชื่อผ่านการเข้าสุหนัต ในพันธสัญญาฉบับใหม่ก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของผู้ที่ตัดบาปออกไปด้วยความเชื่อ
 


พิธีปัสกา


พิธีปัสกาคืออะไร?
มันเคยเป็นวันของชนชาติอิสราเอลที่จะระลึก และขอบคุณพระเจ้าสำหรับการอพยพไปจากอียิปต์
 
วันหยุดที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของชาวอิสราเอล คือวันปัสกา มันเป็นวันระลึกและขอบคุณพระเจ้าที่อพยพพวกเขามาจากอียิปต์ ที่ที่ชาวอิสราเอลเคยเป็นทาสมากว่า 400 ปี พระเจ้าทรงนำภัยพิบัติสิบอย่างไปเพื่อเปลี่ยนพระทัยที่แข็งกระด้างของฟาโรห์ ดังนั้นพระองค์ทรงนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์และข้ามไปสู่ดินแดนคานาอัน
ชาวอิสราเอลได้รอดจากความตายของการเกิดครั้งแรก ที่เป็นภัยพิบัติสุดท้ายโดยเลือดของแกะสังเวยบาปและการเข้าสุหนัต ดังนั้นพระเจ้าทรงบอกแก่พวกเขาให้รักษาพิธีปัสกาตลอดชั่วชีวิตทั้งหมดของพวกเขาให้เป็นการรำลึกถึงพระเมตตาของพระองค์
 
 
อะไรคือสิ่งที่ชาวอิสราเอลจะต้องทำเพื่อรักษาพิธีปัสกา?

อะไรคือสิ่งที่ชาวอิสราเอลจะ ต้องทำเพื่อรักษาพิธีปัสกา?
พวกเขาจะต้องเข้าสุหนัต
 
เราจะต้องเข้าใจว่าเพื่อที่จะรักษาพิธีปัสกาทางจิตวิญญาณนั้น เราจะต้องเข้าสุหนัตในหัวใจของเราก่อน แม้แต่ชาวอิสราเอลก็ต้องเข้าสุหนัตเพื่อที่จะทำตามธรรมเนียมของพิธีปัสกา  
ในบทอพยพ 12:43–49 เขียนเอาไว้ว่า “ระเบียบพิธีปัสกาเป็นดังนี้ คืออย่าให้คนต่างชาติกินเลย ส่วนทาสซึ่งนายเอาเงินซื้อมา เมื่อให้ทาสนั้นเข้าสุหนัตแล้วจึงให้เขากินได้ ส่วนแขกหรือลูกจ้างอย่าให้กินเลย ให้กินปัสกาแต่ในบ้าน อย่าเอาเนื้อไปนอกบ้าน และอย่าหักกระดูกของมันเลย ให้ชุมนุมคนอิสราเอลทั้งปวงถือและปฏิบัติตามพิธีนี้ เมื่อมีคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้า และใคร่จะถือปัสกาถวายพระเยโฮวาห์ ก็ให้ชายพวกนั้นเข้าสุหนัตเสียก่อนทุกคนแล้วจึงให้เขามาใกล้ และถือพิธีนั้นได้ เขาจึงจะเป็นเหมือนคนเกิดในแผ่นดินนั้น แต่ผู้ใดที่ยังมิได้เข้าสุหนัต อย่าให้เข้าร่วมกินเลี้ยงในพิธีปัสกานั้นเลย พระราชบัญญัติสำหรับคนเกิดในเมืองและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับเจ้าทั้งหลายจะต้องเป็นอันเดียวกัน” ดังนั้นทรงบอกแก่ชาวอิสราเอลให้รักษาพิธีปัสกาไว้หลังจากพวกเขาเข้าสุหนัตแล้ว
ผู้ใดที่ได้รับอนุญาตให้กินเนื้อแกะของพิธีปัสกาและรักษาพิธีปัสกา? มีเพียงผู้ที่ได้รับการเข้าสุหนัตแล้วเท่านั้นที่สามารถรักษาพิธีปัสกาได้
ตามที่เราทั้งหมดรู้แล้วว่า แกะของพิธีปัสกาก็คือพระเยซู คริสต์ ผู้ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป 
แล้วอะไรคือพิธีเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าและฉบับใหม่? พิธีเข้าสุหนัตหมายความถึงการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย พระเยซูทรงเข้าสุหนัตแปดวันหลังจากที่พระองค์ประสูติมาในโลกนี้ พระเจ้ามีรับสั่งว่าทุกคนที่เข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ของพิธีปัสกาจะต้องได้เข้าสุหนัต และทำให้ชัดเจนว่าใครก็ตามที่ไม่ได้รับการเข้าสุหนัตจะไม่สามารถเข้าร่วมพิธีปัสกาได้ 
ดังนั้นทุกคนต้องได้รับการเข้าสุหนัตเหมือนกับที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้แล้ว หากท่านเชื่อในพระเยซู ท่านจะต้องเข้าใจความหมายของการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับใหม่
 


อะไรคือพิธีกรรมของการเข้าสุหนัตที่พระเจ้าทรงรับสั่งให้อับราฮัมไปกระทำ?


อับราฮัมและทายาทของเขาเป็นบุตร ของพระเจ้าได้อย่างไร?
โดยการเข้าสุหนัต
 
ในบทปฐมกาลพระเจ้าทรงปรากฎขึ้นแก่อับราฮัมและทรงทำพันธสัญญาของพระ องค์กับเขาและทายาทของเขา ในบทที่ 15 พระเจ้าทรงสัญญาว่าทายาทของอับราฮัมจะเพิ่มทวีคูณเหมือนกับดาวบนท้องฟ้าและที่พระองค์จะประทานดินแดนคานาอันเป็นมรดกแก่พวกเขา 
และในบทที่ 17 ทรงบอกแก่อับราฮัมว่าหากเขาและทายาทของเขาเข้าไปในพันธสัญญาของพระองค์แล้วและได้เข้าสุหนัตแล้ว พระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาจะเป็นคนของพระองค์ ซึ่งเป็นพันธสัญญาของพระเจ้ากับอับราฮัมและทายาทของเขา พระเจ้าทรงสัญญาว่าเมื่อพวกเขาเชื่อพันธสัญญาของพระองค์และเข้าสุหนัตแล้วก็หมายความว่า พวกเขาได้เป็นคนของพระองค์และพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขาอย่างแท้จริง 
บทปฐมกาล 17:7–8 กล่าวว่า “เราจะตั้งพันธสัญญาของเราระหว่างเรากับเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าตลอดชั่วอายุของเขาให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ เป็นพระเจ้าองค์เดียวแก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าเราจะให้แผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่เป็นคนต่างด้าวนี้ คือบรรดาแผ่นดินคานาอันแก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา” 
 


พิธีเข้าสุหนัตเป็นสัญลักษณ์ของพันธสัญญาของพระเจ้ากับอับราฮัมและทายาทของเขา

 
อะไรคือการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ?
มันคือการตัดบาปในหัวใจของเราออกไป โดยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู

เพราะว่าอับราฮัมเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า พระเจ้าทรงทำให้เขามีความชอบธรรมและเป็นบุตรของพระองค์ มันเป็นพิธีการเข้าสุหนัตที่เป็นสัญลักษณ์ของพันธสัญญาระหว่างพระเจ้าและอับราฮัม 
“นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเจ้าจะต้องรักษาระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายของเจ้าที่จะมาภายหลัง คือเด็กผู้ชายทุกคนในท่ามกลางพวกเข้าจะเข้าสุหนัต” (ปฐมกาล 17:10) 
การเข้าสุหนัตทางกายหมายถึงการขลิบปลายหนังหุ้มอวัยวะเพศชายออก ส่วนการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณนั้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงการผ่านบาปทั้งหมดของเราไปสู่พระเยซูโดยความเชื่อของเราในบัพติศมาของพระองค์ เราได้เข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณเมื่อเราตัดบาปทั้งหมดของเราออกไปโดยยอมรับความรอดของบัพติศมาของพระเยซู พิธีการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับใหม่คือการตัดบาปทั้งหมดออกไปผ่านบัพติสมาของพระเยซูนั่นเอง 
ดังนั้นพิธีการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่า คือบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญ ญาฉบับใหม่ และทั้งสองสิ่งเป็นพันธสัญญาของพระเจ้าที่ทำให้เราได้เป็นคนของพระองค์ ดังนั้นพิธีการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าและบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นเหมือนกัน 
ก็เหมือนกับที่ทายาทของอับราฮัมได้เป็นประชาชนของพระเจ้า เมื่อพวกเขาได้ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออก เราเป็นบุตรของพระเจ้าเมื่อเราตัดบาปทั้งหมดออกไปจากหัวใจของเรา เราทำสิ่งนี้โดยการเชื่อว่าเราไม่มีบาปในโลกนี้เพราะว่าพระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดไปแล้วเมื่อตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
บัพติศมาของพระเยซูได้ทำให้ผู้มีบาปทั้งหมดเป็นผู้ชอบธรรมโดยการตัดบาปของพวกเขาออกไป เหมือนกับที่ส่วนหนึ่งของหนังได้ถูกตัดออกไปในตอนที่ทำการเข้าสุหนัต  ดังนั้นบาปของมนุษยชาติจึงถูกตัดออกไปจากหัวใจของมนุษย์เมื่อตอนที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติสมา ณ แม่น้ำจอร์แดน เหล่าผู้ที่เชื่อในสิ่งนี้สามารถเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณได้และได้เป็นประชาชนของพระเจ้า เป็นคนชอบธรรม
 
 
ความเชื่อผิดที่ทำให้มนุษย์ตัดตัวเองออกจากพระเจ้า
 
อะไรที่ทำให้ชาวอิสราเอลตัดตัวเอง ออกจากพระเจ้า?
การไม่เข้าสุหนัต
 
พระเจ้าทรงบอกอับราฮัมว่าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตควรจะตัดตัวเองออกจากการเป็นคนของพระองค์ แล้วอะไรคือการเข้าสุหนัต? และอะไรคือการข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ? หากการเข้าสุหนัตของเนื้อหนัง คือการตัดส่วนหนึ่งของผิวหนังออกจากร่างกายแล้ว การเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณคือการตัดบาปออกจากหัวใจของเราและผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ 
บัพติศมาของพระเยซูคือพิธีเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติโดยที่บาปของโลกนี้ได้ถูกตัดออกจากเราไปและผ่านไปสู่พระเยซู เหตุผลที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา คือช่วยมนุษยชาติผ่านการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณที่ได้นำบาปทั้งหมดออกไป 
บาปทั้งหมดของมนุษยชาติได้ส่งผ่านไปสู่พระเยซู ในการเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค พระเจ้าของจาคอป และพระเจ้าของทายาททั้งหมดของพวกเขานั้น พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัมและทายาทของเขา และให้พวกเขาต้องตัดส่วนของหนังผุ้มปลายอวัยวะเพศของพวกเขาออก ดังนั้น พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า เป็นผู้ช่วยให้รอดแก่ประชาชนทุกคนที่ได้ตัดบาปของพวกเขาออกไปโดยการเข้าสุหนัต 
อะไรคือการเข้าสุหนัตที่ตัดบาปออกไป? มันเป็นพันธสัญญาของพระเจ้ากับอับราฮัม และคนทั้งหมดที่เกิดใหม่โดยเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเป็นการช่วยให้รอดจากบาปของพวกเขา ในวิธีนี้เองที่พระองค์ประทานสิทธิ์ในการเป็นประชาชนของพระองค์มาให้เรา ดังนั้น พระองค์คือพระเจ้าของเหล่าผู้ที่ได้เข้าสุหนัตแล้ว 
พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “ผู้ชายที่มีอายุแปดวันจะเข้าสุหนัตในท่ามกลางพวกเจ้า เด็กผู้ชายทุกคนตลอดชั่วอายุของพวกเจ้า ผู้ชายที่เกิดในบ้านหรือเอาเงินซื้อมาจากคนต่างด้าวใดๆซึ่งมิใช่เชื้อสายของเจ้า ผู้ชายที่เกิดในบ้านของเจ้าและผู้ชายที่เอาเงินซื้อมาจำเป็นต้องเข้าสุหนัต และพันธสัญญาของเราจะอยู่ที่เนื้อของเจ้า เป็นพันธสัญญานิรันดร์ เด็กผู้ชายที่มิได้เข้าสุหนัต คือผู้ที่มิได้เข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเขา ชีวิตนั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา” (ปฐมกาล 17:12–14)
ใครก็ตามที่พยายามมาหาพระเยซูโดยปราศจากการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ ควรจะตัดออกจากการเป็นคนของพระองค์ การเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณคือการรับบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่ที่ผ่านบาปทั้งหมดของมนุษย์ไปสู่พระองค์ 
ใครก็ตามที่วางใจในพระเยซูควรจะเชื่อในการเข้าสุหนัตของพันธสัญญาฉบับเก่าและบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่ เพื่อว่าเขาอาจจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่ จะรอดจากบาปทั้งหมดและได้เป็นบุตรของพระเจ้า สำหรับเราผู้ที่เชื่อในพระเยซูนั้น การเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าและบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นเหมือนกัน 
หากเราไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการเข้าสุหนัตหรือไม่สามารถยอมรับความรอดในหัวใจของเราผ่านการเข้าสุหนัตทางทางจิตวิญญาณที่ยอมให้เราได้เกิดใหม่ได้แล้ว ความเชื่อของเราก็จะไร้ประโยชน์ เราอาจจะคิดว่าเรามีความศรัทธาต่อพระเจ้าแต่มันก็จะเหมือนกับการสร้างบ้านของความเชื่อของเราบนทรายเท่านั้นเอง  
พระเจ้าทรงบอกทุกคนที่เชื่อในพระองค์ให้เข้าสุหนัตเพื่อที่จะเชื่อในการชำระบาปผ่านบัพติศมาของพระเยซู ที่เป็นการเข้าสุหนัตทางพระวิญญาณ หากปราศจากการเข้าสุหนัตแล้ว เราไม่สามารถเป็นคนของพระองค์ได้ หากปราศจากการเข้าสุหนัตแล้ว เราจะต้องแยกออกจากขอบเขตของการเป็นคนของพระองค์ ดังนั้นพระเจ้าทรงกำหนดว่า ใครก็ตามไม่ว่าเขาจะถูกนำมาด้วยเงินหรือเป็นคนต่างด้าวควรจะเข้าสุหนัตก่อนเข้าร่วมพิธีปัสกา
แม้แต่คนที่เกิดในเมืองอิสราเอลก็จะต้องถูกตัดออกจากการเป็นคนของพระองค์ หากเขาไม่ได้เข้าสุหนัต พันธสัญญาของพระเจ้ากับชาวอิสราเอลควรจะปรับใช้ได้กับทุกคนที่วางใจในพระเยซูทั้งหมดด้วย 
ในอพยพบทที่ 12 ชาวอิสราเอลผู้ที่กินเนื้อของพิธีปัสกาและสมุนไพรขมได้จะต้องได้เข้าสุหนัตแล้ว สิทธิในการกินเนื้อของพิธีปัสกา ได้ประทานให้แก่ผู้ที่ได้เข้าสุหนัตแล้วเท่านั้น
มันสำคัญสำหรับเราที่จะทราบว่าเมื่อชนชาติอิสราเอลได้กินเนื้อของพิธีปัสกาและวางเลือดของเนื้อแกะไว้ที่เสาประตูและวงกบที่บ้านของพวกเขาแล้วนั้น พวกเขาได้เข้าสุหนัตแล้ว 
จากรับสั่งของพระเจ้าที่ว่าหากคนผู้นั้นไม่ได้เข้าสุหนัต เขาอาจจะต้องตัดตัวเองออกจากการเป็นคนของพระองค์และเสียสิทธิ์ในการเป็นบุตรของพระองค์คนหนึ่ง นี่ก็หมายความว่าบาปของการไม่เชื่อในพิธีการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณได้นำมนุษย์ได้ถูกทำลายล้าง มีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับพิธีเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณโดยบัพติศมาของพระเยซูเท่านั้นที่จะรอดจากบาปได้
“เช่นเดียวกันนั้น พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย ” (1 เปโตร 3:21) ท่านเชื่ออย่างแท้จริงไหม ว่าบาปของท่านทั้งหมดได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดนแล้ว? หากท่านเข้าใจและเชื่อในความจริงอย่างแท้จริง ในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูแล้ว ท่านจะตระหนักว่าท่านได้รับการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ และเป็นผู้ที่ชอบธรรมแล้ว และท่านมีความเชื่อทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริงว่าพระโลหิตของพระเยซูหรือไม้กางเขนจะไม่มีความหมายเลยหากปราศจากบัพติศมาของพระองค์
หากท่านเชื่อในไม้กางเขนของพระเยซูโดยปราศจากการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณผ่านความเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูแล้ว ท่านจะพบว่าตัวท่านเองจะถูกขับออกมาจากความเมตตาของพระเจ้า ท่านจะพบว่าท่านยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของท่านอยู่ 
เราจะต้องเชื่อในความจริงที่ว่าการชำระบาปของพระเจ้าเริ่มต้นด้วยบัพติศมาของพระเยซู คริสต์และถูกทำให้สมบูรณ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ในการทำเช่นนั้นเราจะต้องรับเอาพระวจนะของความจริง, บัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ เข้าสู่หัวใจของเราเป็นความรอดของเรา 
ด้วยความเชื่อนี้เราสามารถพ้นจากพลังของความมืดและได้เป็นบุตรของความสว่าง ความเชื่อทางจิตวิญญาณนี้แยกคนที่เกิดใหม่อย่างแท้จริงออกจากขอบเขตของคนที่เชื่อธรรมดาได้  
พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระเยซูทรงบอกเราให้อยู่กับพระองค์ พระองค์ทรงล้างบาปของโลกนี้ไปแล้วพร้อมกับบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ ดังนั้น เราจะต้องเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูเพื่อจะร่วมเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นประชาชนของพระเจ้า หากเรามีความล้มเหลวที่จะทำเช่นนั้นเราควรจะถูกตัดออกจากพระองค์
ความรอดของการชำระบาปนั้นเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากการรับบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่และการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่า ความรอดนั้นสมบูรณ์เพียงเมื่อเรามีความศรัทธาในบัพติศมาของพระเยซู (การเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ) และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน (พระโลหิตของพระเมฆษโปดกในพิธีปัสกา) 
พิธีการเข้าสุหนัตของเนื้อหนังในพันธสัญญาฉบับเก่า คือการเชื่อมต่อของบัพติศมาของพระเยซูคริสต์ในพันธสัญญาฉบับใหม่ อิสยาห์ 34:16 บอกเราว่าทุกคนในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้นมีคู่ซึ่งกันและกัน “จงเสาะหาและอ่านจากหนังสือของพระเยโฮวาห์ สัตว์เหล่านี้จะไม่ขาดไปสักอย่างเดียว ไม่มีตัวใดที่จะไม่มีคู่ เพราะหนังสือนั้นได้บัญชาปากของเราแล้ว และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมไว้” 
แต่ละคำในพันธสัญญาฉบับเก่าได้เชื่อมต่อกับพันธสัญญาฉบับใหม่ ไม่มีแม้แต่คำเดียวของพระวจนะของพระเจ้าที่จะไม่ใช่ของคู่กัน 
 

แล้วคนทั้งหลายที่เชื่ออย่างโง่เขลาในลักษณะที่ไม่ถูกต้องล่ะ?

ในหมู่ผู้ที่เชื่อทั้งหมดในโลกนี้ ใครจะต้องตกนรก?
ผู้ที่ไม่เชื่อในการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ
 
ทุกวันนี้ มีคนหลายคนที่เชื่อในพระโลหิตของพระเมฆษโปดกของพิธีปัสกาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาถามว่า “ การเข้าสุหนัตนั้น หมายความว่าอะไร? มันเป็นเพียงแค่การประยุคใช้กับชาวยิวในพันธสัญญาฉบับเก่าเท่านั้นเอง เราไม่จำเป็นต้องขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของเราออกในเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่หรอก”
แน่นอนว่านี่คือความจริง ผมไม่ได้กล่าวว่าเราควรจะเข้าสุหนัตทางกาย สาวกเปาโลอธิบายถึงการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณอย่างชัดเจน และมันคือการเข้าสุหนัตของหัวใจนั่นเองที่ผมกำลังอ้างอิงถึงอยู่ในตอนนี้ 
ผมไม่ได้บอกท่านให้ต้องเข้าสุหนัตทางกาย การเข้าสุหนัตของเนื้อหนังไม่มีความ หมายอะไรสำหรับเรา แต่เราจะต้องมาสู่พระเยซูและเข้าสุหนัตทางพระวิญญาณโดยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
เพื่อที่จะช่วยเราทั้งหมดให้รอดจากบาป เพื่อให้มนุษย์ได้เกิดใหม่ เขาจะต้องเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ ใครก็ตามที่เชื่อในพระเยซู จะต้องเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณมันเป็นวิธีเดียวที่จะตัดบาปทั้งหมดของพวกเราออกไปได้ เพียงวิธีเดียวที่จะเป็นผู้ชอบธรรม เพียงหลังจากการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณของเรา ทำให้เราไม่มีบาปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเราจะต้องยอมรับการเข้าสุหนัตในหัวใจของเราโดยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
อัครสาวกเปาโลเชื่อในความสำคัญของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน เขากล่าวว่า “การเข้าสุหนัตแท้เท่านั้นเป็นเรื่องของจิตใจ” (โรม 2:29) เราทุกคนต้องเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณเพื่ออิสระจากบาป 
บาปของท่านได้ผ่านไปสู่พระเยซูอย่างแท้จริงไหม หลังจากตัดออกจากท่าน? แม้แต่ในพันธสัญญาฉบับใหม่ ผู้ที่เชื่อในพระเยซูก็จะต้องเข้าสุหนัตในหัวใจของพวกเขาโดยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
อัครสาวกเปาโลได้สร้างความชัดเจนในจดหมายของเขา พระเจ้าทรงช่วยมนุษยชาติทั้งหมดให้รอดจากบาปของโลกนี้ ทำให้พวกเขาเป็นคนของพระองค์ ชาวอิสราเอลเป็นคนของพระเจ้าโดยการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของพวกเขาออก และเราเป็นคนของพระองค์เมื่อเราผ่านบาปทั้งหมดของเราไปสู่พระเยซูโดยการเชื่อในบัพติศมาของพระองค์ 
พระเจ้าทรงยอมรับเราให้เป็นคนของพระองค์เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของพวกเราในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ความศรัทธานี้ทำให้เราเข้าสุหนัตทางจิตใจและนำเราไปสู่ความรอดของเราได้ 
 


ความรอดสำหรับคนบาปโดยบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์


ความรอดนั้นสมบูรณ์โดยพระเยซูได้อย่างไร ? 
โดยบัพติศมาของพระองค์ และการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน 

ความรอดของพระเยซูคริสต์สมบูรณ์ผ่านน้ำของบัพติศมาและพระโลหิตของพระ องค์บนไม้กางเขนนั้นมีเพื่อคนบาปทั้งหลาย พระโลหิตของพระเมษโปดกนั้นเป็นการพิพากษา และบัพติศมาของพระเยซูนั้นเป็นการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณที่ได้ย้ายบาปของเราไปสู่พระองค์ 
คริสตจักรของคริสเตียนในปัจจุบันนี้ไม่ควรจะสร้างความสว่างของความคิดของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณนี้ แม้ว่าการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่านั้นมีความหมายเพียงเล็กน้อยต่อเราในปัจจุบันนี้ก็ตาม แต่ข่าวประเสริฐของการชำระบาปนั้นสมบูรณ์ผ่านบัพติศมาของพระเยซู  
ผมบอกท่านว่าบาปทั้งหมดของท่านได้ถูกนำออกไปแล้วโดยบัพติศมาของพระเยซูและบัพติศมาของพระเยซูได้ช่วยท่านให้รอดจากบาปทั้งหมดของท่าน ท่านเชื่อไหม? หากท่านเพิกเฉยต่อบัพติศมาของพระเยซู ท่านจะไม่มีทางรู้จักข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่ ที่เป็นข่าวประเสริฐของการชำระบาปที่สมบูรณ์โดยบัพติศมาของพระเยซู
เราจะเพิกเฉยต่อบัพติศมาของพระเยซู ที่เป็นการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณที่พระเจ้าทรงบอกเราได้อย่างไร? หากเราอ่านพระคัมภีร์เราจะเห็นว่าการเข้าสุหนัตและเลือดของแกะของพิธีปัสกาและพระโลหิตบนไม้กางเขนนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน นี่คือความลับของการเข้าสุหนัตทางพระวิญญาณคือบัพติศมาของพระเยซู 
ข่าวประเสริฐที่สาวกยอห์นได้เผยแพร่เอาไว้ไม่ใช่สิ่งอื่นใดมากไปกว่าข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตบนไม้กางเขน พระองค์ตรัสใน 1 ยอห์น 5:6 ว่า “นี่แหละคือผู้ที่ได้มาโดยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำสิ่งเดียวแต่ด้วยน้ำและพระโลหิต” 
เขากล่าวว่าพระเยซูเสด็จมาโดยน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ ไม่เพียงแต่น้ำและไม่เพียงแต่พระโลหิตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องโดยน้ำ, พระโลหิตและพระวิญญาณทั้งหมดรวมกัน สามสิ่งนี้คือบัพติศมาของพระเยซู พระโลหิตของพระเยซูบนไม้กางเขนและการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ก็เป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ยืนยันความรอดของเรา 
 


ทำไมพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์?

 
ชาวอิสราเอลรอดจากบาปได้โดยเลือด ของแกะในพิธีปัสกาเท่านั้นหรือ?
ไม่ พวกเขาได้เข้าสุหนัตก่อนที่พวกเขา จะเข้าถือพิธีปัสกาแล้ว
 
บัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์คือสิ่งที่ยอมให้เราเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ ในอพยพบทที่ 12 กล่าวว่า “จงฆ่าลูกแกะของเขาแล้วเอาเลือดที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้ข้างบน ณ เรือนขอท่าน เมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” 
การทราบสิ่งนี้เป็นไปได้ไหมที่เราจะรอดจากบาปทั้งหมดของเราได้โดยการเชื่อเพียงแค่เลือดของแกะในพิธีปัสกาเท่านั้น? แล้วทำไมบัพติศมาของพระเยซูจึงกล่าวถึงกันมากในพันธสัญญาฉบับใหม่ อัครสาวกกล่าวว่า “และได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ในพิธีบัพติสมาแล้ว” (โคโลสี 2:12) “เพราะเหตุว่าคนที่รับบัพติสมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้วก็จะสวมชีวิตพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:27) “.... บัดนี้พิธีบัพติศมาก็ช่วยท่านทั้งหลายให้รอดเช่นเดียวกัน” (1เปโตร 3:21) 
อัครสาวกเปโตร และเปาโล และเหล่าสาวกท่านอื่นๆของพระเยซู คริสต์ได้พูดถึงบัพติศมาของพระเยซู มันเป็นบัพติศมาของพระเยซู ณ แม่น้ำจอร์แดนนั่นเองที่พวกเขาได้อ้างถึงและมันเป็นความเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนที่เป็นความจริงของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
ผมจะบอกความจริงแก่ท่าน ผมเชื่อในพระเยซูมาสิบกว่าปีแล้วโดยไม่มีความรู้ในบัพติศมาของพระเยซูเลย  แต่ความรู้ด้วยตัวเองนี้ไม่ได้นำบาปออกไปจากหัวใจของผมเลย ผมเชื่อในพระเยซูด้วยหัวใจทั้งหมดที่ยังคงเต็มไปด้วยบาปของผม 
หลังจากสิบปี ผมค้นพบความหมายของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ (บัพติศมาของพระเยซู) และจากนั้นก็เกิดใหม่ เพียงเมื่อผมตระหนักถึงความจริงที่ว่า การเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าที่เป็นสัญลักษณ์ของบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่ ผมเชื่อและผมยังคงทำเช่นนั้น 
“ในพันธสัญญาฉบับใหม่ มันเป็นความเชื่อที่ถูกต้องไหม ที่จะเชื่อทั้งในพระโลหิตของพระเยซูและบัพติศมาของพระองค์?  ความเชื่อของผมถูกต้องตามพระคัมภีร์ไบเบิลไหม?” หลังจากที่ผมเกิดใหม่แล้วผมเคยสงสัยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านี้
แม้ว่าผมเชื่อในข้อความของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ผมก็ยังคงมีคำถามคิดอยู่ในใจ “ มันถูกต้องไหมที่จะเชื่อในความจริงที่ว่าบาปทั้งหมดของผมได้ผ่านไปสู่พระเยซูในตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา หรือมันถูกต้องไหมที่จะเชื่อว่าพระเยซูทรงนำเราผ่านความตายของพระองค์บนไม้กางเขนเพียงเท่านั้น? มันไม่พอหรือที่เพียงแต่เชื่อว่าพระเยซูคือพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของผม? ผมรู้สึกสงสัยกับสิ่งนี้ในขณะที่อ่านอพยพบทที่ 12 อยู่  
ทุกวันนี้มีหลายคนที่ได้อ่านบทอพยพที่ 12 และไม่ได้คิดอีกเกี่ยวกับการประกาศที่ว่าพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเป็นดุจผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา พวกเขาคิดว่ามันถูกต้องแล้วที่เชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์ และพวกเขาก็ยืนยันข้อพิสูจน์ของพวกเขา พวกเขาอาจจะเชื่ออย่างไม่ท้อถอยและกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าคือพระคริสต์ และพระบุตรของพระเจ้า แต่พวกเขายังคงเป็นผู้มีบาปอยู่ พวกเขาคิดว่าหากพวกเขาเชื่อว่าพระเยซู คริสต์คือผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะรอดจากบาปแม้ว่าพวกเขายังคงมีบาปอยู่ในหัวใจก็ตาม
ความเชื่อเช่นนี้ไม่ใช่ความเชื่อที่แท้จริง ความเชื่อนี้ไม่สามารถทำให้พวกเขาเกิดใหม่ได้ มีเพียงบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์เท่านั้นที่ทำให้เราเป็นคนชอบธรรมได้ 
แล้วความหมายในอพยพบทที่ 12 หมายถึงอะไร? ผมได้มองลงไปในพระคัมภีร์ไบเบิลแล้วคิดว่า “มันจะเป็นปัญหาอะไรหรือ หากจะเชื่อเพียงพระโลหิตของพระเยซู ในขณะที่เพิกเฉยต่อบัพติศมาของพระองค์? แม้ก่อนที่ผมจะได้อ่านอพยพจบ ผมก็ค้นพบว่าความจริงที่ว่าความรอดนั้นไม่ได้มาโดยพระโลหิตของพระคริสต์เพียงเท่านั้น แต่โดยบัพติศมาของพระองค์ด้วย  ผมยืนยันผ่านพระคัมภีร์ไบเบิลได้ว่า เราสามารถเข้าสุหนัตในหัวใจของเราได้ผ่านบัพติศมาของพระเยซูเช่นเดียวกับพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
 
ทำไมคริสเตียนส่วนใหญ่ ยังคงเป็นตนบาปอยู่?
เพราะพวกเขาไม่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
 
ผมตระหนักในอพยพ 12:47–49 ว่าก่อนที่คนใดคนหนึ่งจะได้รับการอนุญาตให้กินเนื้อจากพิธีปัสกานั้น เขาจะต้องเข้าสุหนัตก่อน นั่นคือเหตุผลที่พระเจ้าตรัสในวรรคที่ 49 ว่า “พระราชบัญญัติสำหรับคนเกิดในเมืองและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับเจ้าทั้งหลายจะต้องเป็นอันเดียวกัน” 
ดังนั้นใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าสุหนัตไม่สามารถกินเนื้อของพิธีปัสกาได้ นั่นก็คือความจริงที่ผมค้นพบ คล้ายกันนี้เมื่อเราเชื่อในพระเยซูว่าเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา อันดับแรกเราจะต้องยอมรับความจริงว่าบาปทั้งหมดของเราถูกส่งผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดน และหลังจากนั้นก็ยอมรับความจริงที่ว่าพระเยซู คริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อบาปเหล่านี้ 
เมื่อผมตระหนักว่า พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อรับการพิพากษาเพื่อบาป ที่พระองค์ทรงนำบาปไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ผมตระหนักและทราบถึงความหมายของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ ที่ช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมด และการละเมิดของโลกนี้เช่นกัน
ในตอนนั้น ผมตระหนักว่าบาปทั้งหมดของผมได้หายไปแล้ว หัวใจของผมก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนหิมะและท้ายที่สุดผมก็นำข่าวประเสริฐของน้ำ พระโลหิตและพระวิญ ญาณเข้าสู่หัวใจของผม 
ผมตระหนักว่ามีสองสิ่งที่ช่วยเราให้รอด คือการเข้าสุหนัตและเลือดของแกะในพันธสัญญาฉบับเก่าและการผ่านบาปทั้งหมดไปที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนในพันธสัญญาฉบับใหม่ การเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าและบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นเป็นหนึ่งเดียวและเหมือนกันอย่างแท้จริง 
พระเยซู คริสต์ถูกพิพากษาไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงทำบาปใดๆด้วยพระองค์เอง แต่เพราะทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปผ่านบัพติศมาของพระองค์ คนทั้งหลายที่เชื่อว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ ที่ให้บัพติศมาแก่พระเยซู และผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปที่พระเยซู นั้นเชื่อทั้งบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตบนไม้กางเขนของพระองค์เช่นกัน 
ทำไมหลายคนปฏิเสธบัพติศมาของพระเยซูแม้ว่ามันจะบรรยายไว้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในพระคัมภีร์ไบเบิลก็ตาม? ด้วยการทำสิ่งนี้ พวกเขายังคงเป็นคนบาปอยู่ แม้ว่าพวกเขาวางใจในพระเยซูก็ตาม พวกเขาอาจจะเชื่อในพระเยซูแต่ยังถูกตัดออกจากพระเจ้า พวกเขาเป็นคนบาปที่น่าสงสาร ผู้ที่จะตกนรก แม้ว่าเขาอาจจะเชื่อในพระเยซูก็ตาม
พวกเขาคงเป็นผู้มีบาปได้อย่างไร หากพวกเขาเชื่อในพระเยซู? ทำไมพวกเขามีชีวิตเป็นคนบาปอยู่? ทำไมพวกเขาถูกทำลายลงเรื่อยๆ? มันช่างน่าสงสารเช่นกัน พวกเขาจะยังคงเป็นคนบาป เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อในความจริงที่บาปทั้งหมดของโลกได้ผ่านสู่ที่พระเยซู คริสต์ ผู้นำความรอดอันเป็นนิรันดร์ไปสู่ประชาชนทั้งหมดผ่านการรับบัพติศมาทางจิตวิญญาณของพระองค์ 
ประชาชนคิดว่าพวกเขาได้รับการชำระบาปโดยการเชื่อพระโลหิตของพระเยซู แต่ความเชื่อเช่นนั้นไม่เคยทำให้พวกเขาสมบูรณ์ได้เลย ทำไม? เพราะว่าพวกเขาผ่านบาปไปสู่พระเยซูไม่สำเร็จน่ะสิ! 
พวกเรารอดจากบาปได้โดยเชื่อในน้ำ (บัพติศมาของพระเยซู) และพระโลหิต ในวิธีที่พระเจ้ารับสั่งเอาไว้เท่านั้น:คือความรอดของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณนั้นเอง เพียงเท่านั้น เราก็เป็นบุตรของพระเจ้าแท้จริงได้
เราจะต้องถามตัวเราเองว่า “หากเราเชื่อเพียงพระโลหิตของพระเยซูว่าเป็นการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณเพียงเท่านั้น บาปของเราจะล้างออกไปหมดอย่างสมบูรณ์ได้ไหม?” เราจะต้องมองลึกเข้าไปในหัวใจของเราเองเพื่อค้นพบคำตอบ 
ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้น ผู้คนรอดจากบาปผ่านการเข้าสุหนัตและเลือดของแกะในพิธีปัสกา ก็เหมือนกับที่เรารอดจากบาปผ่านบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ในวิธีนี้เองเรารอดจากการพิพากษาของพระเจ้า และจากบาปของโลกนี้ ผู้ที่เชื่อก็เป็นบุตรของพระเจ้าและพระเจ้าเป็นพระบิดาของพวกเขา 
คนเราจะรอดจากบาปและเป็นคนของพระเจ้าได้โดยการเชื่อในสองสิ่งนี้คือ การเข้าสุหนัตและเลือดของแกะในพิธีปัสกา ซึ่งก็คือบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ นี่คือความจริงตามพระเยซู นี่คือความหมายแท้จริงของการเกิดใหม่โดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ 
 


อะไรคือการชำระบาปของน้ำและพระวิญญาณที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิล?
 

คนบาปจะเป็นคนชอบธรรมโดยการเชื่อ ในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวไหม?
ไม่ได้เลย 
 
พระเยซูทรงทิ้งบัลลังค์ของพระองค์ในสวรรค์และเสด็จลงมายังโลกนี้ พระองค์ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ตอนที่มีพระชนม์ได้ 30 ปีเพื่อนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ออกไป 
พระโลหิตของพระเยซูบนไม้กางเขนเป็นการเข้าสุหนัตของพระองค์เพื่อบาปของคนบาปทั้งหมดในโลกนี้ พระเยซู คริสต์เสด็จมาโลกนี้ เพื่อเป็นผู้ช่วยให้รอดและช่วยผู้มีบาปทั้งหมดให้รอดจากบาปของพวกเขาโดยน้ำและพระโลหิต
เราเกิดใหม่โดยพระโลหิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหรือ? ไม่เรารอดจากบาปโดยบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ผมอยากจะถามคำถามแก่ผู้ที่เชื่อในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียว “ คนบาปจะเป็นคนชอบธรรมได้ด้วยการเชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์หรือโดยทั้งบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน? มันด้วยการเชื่อว่าเราผ่านบาปทั้งหมดของเราไปสู่พระเยซูแล้วโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์หรือโดยพระโลหิตของพระองค์เพียงอย่างเดียว? ผมขอถามท่าน ว่าอันไหนคือความจริง?”
การเกิดใหม่อย่างแท้จริงโดยน้ำและพระวิญญาณนั้นเราจะต้องทำตามนี้คือ เราต้องเชื่อว่าพระเยซูเสด็จมาโลกนี้ในเนื้อหนัง ว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดในโลกนี้ไว้ที่พระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดนพร้อมกับบัพติศมาของพระองค์และทรงรับการพิพากษาเพื่อบาปของพวกเราบนไม้กางเขน เราเกิดใหม่ได้อย่างแท้จริงด้วยวิธีที่เชื่อในพระเยซู คริสต์ ว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริงของพวกเรา 
ผมอยากจะถามท่านอีกครั้ง อะไรคือความเชื่อตามที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล? มันคือความเชื่อในพระโลหิตของพระเยซู หรือทั้งในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์? 
ความเชื่อในพระโลหิตของพระเยซูคือสิ่งตามนี้ คือพระเยซูทรงรับการพิพากษาและรับโทษบาปทั้งหมดในโลกนี้ เพราะพระองค์ทรงถูกทำลายและได้รับบาดแผลเพื่อบาปของพวกเรา เราจึงรอดจากการพิพากษาที่เลวร้าย แต่นั่นไม่ใช่ความจริงที่สมบูรณ์ ก่อนที่เราจะยอมรับความเชื่อนี้ เราจะต้องทำจุดนี้ให้ชัดเจน ว่าทำไมพระเยซูทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน? 
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างชัดเจนว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย พระเยซูไม่เคยทำบาปใดๆในโลกเลย พระองค์เสด็จมาในเนื้อหนังของมนุษย์ผ่านกายของนางมารีย์ แต่พระองค์ได้เสด็จมาในรูปลักษณ์ของประชาชนทั่วไปตามที่ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าบริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของคนบาปทั้งหลาย นี่คือเหตุผลที่ทำไมทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เมื่อพระองค์รับบัพติศมา พระองค็ก็แบกรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์ ดังนั้นหากไม่มีบัพติศมาแล้ว พระองค์ก็จะไม่ได้รับการตัดสินให้ต้องหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนได้ 
 

ระบบการสังเวยบูชาในพันธสัญญาฉบับเก่า 
 
อะไรคือเงื่อนไขจำเป็นของการถวายบูชา? 
① สัตว์มีชีวิตที่ไม่มีมลทิน
② การวางมือ
③ เลือดของสัตว์
 
เราลองมาดูความจริงนี้ผ่านระบบการทำให้บริสุทธิ์ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญ ญาฉบับเก่า ทั้งผู้มีบาปหรือมหาปุโรหิตได้วางมือของเขาลงบนแกะหรือแพะบูชาเพื่อผ่านบาปของตัวเขาหรือบาปของชาวอิสราเอลไปบนหัวของมัน สัตวบูชาก็จะถูกฆ่าและถูกสังเวยหน้าแท่นบูชา พันธสัญญาฉบับเก่าเป็นเงาของพันธสัญญาฉบับใหม่ และพระเยซู คริสต์จึงเป็นแกะสังเวยที่พระเจ้าที่ได้สัญญาเอาไว้ว่าจะส่งไป 
บาปทั้งหมดของท่านได้ผ่านไปสู่พระเยซูเมื่อใด? ผมอยากให้ท่านคิดและตอบเกี่ยว กับคำถามนี้ ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้นชาวอิสราเอลไม่สามารถฆ่าสัตว์ได้หากไม่มีการวางมือ (การวางมือหมายถึงการผ่านบาปไปบนสัตวบูชา) ก่อนที่เครื่องบูชาบาปจะถูกนำไปต่อหน้าแท่นบูชาเพื่อวางมือลงแทนเพื่อที่จะผ่านบาปไปสู่สัตวบูชา
“ให้เขาเอามือวางบนหัวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชานั้น” (เลวีนิติ 1:4) ได้เขียนเอาไว้ในเลวีนิติว่าเครื่องเผาบูชาทั้งหมดจะต้องถูกวางมือลง ประชาชนชาวอิสราเอลจึงสามารถผ่านบาปของพวกเขาไปสู่หัวของสัวบูชาได้จากการวางมือของพวกเขาลงบนหัวของมันและด้วยการถวายเลือดและเนื้อหนังของมันในความเชื่อต่อพระพักตร์พระเจ้า ทำให้พวกเขารอดจากบาปของพวกเขาได้ ชาวอิสราเอลก็จะรอดได้โดยความเชื่อของพวกเขาในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่า
เมื่อได้ถวายเครื่องเผาบูชาต่อพระพักตร์พระเจ้า ผู้มีบาปจึงได้วางมือของเขาลงบนหัวของมัน ก็เหมือนกับที่ผ่านบาปของผู้มีบาปไปที่สัตวบูชา แล้วจากนั้นก็ถูกฆ่าแทนผู้มีบาป เลือดของมันก็ถูกพรมไปที่มุมทั้งสี่ของเชิงงอนของแท่นบูชา และเลือดที่เหลือก็เทไปบนพื้นตรงฐานของแท่นบูชา สิ่งนี้เป็นวิธีที่ผู้มีบาปได้รับการชำระบาป 
ในพันธสัญญาฉบับใหม่นั้น ผู้มีบาปชำระบาปสามารถชำระบาปทั้งหมดของพวกเขาได้ผ่านความเชื่อของพวกเขาในน้ำและพระโลหิตของพระเยซู 1 ยอห์น 5:1–10 ได้กล่าวว่าผู้มีบาปได้รับการชำระบาปเมื่อเขาเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและเลือดของแกะ (ไม้กางเขน) 
ดังนั้นผู้มีบาปจะได้รับการชำระบาปได้ตราบนานเท่าที่เขาวางใจในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน บัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์พร้อมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งจำเป็นในการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
ท่านอันเป็นที่รัก ท่านได้รับการชำระบาปเพียงเมื่อท่านเชื่อในพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เพียงเท่านั้นหรือ? ผู้ที่คิดว่าพวกเขาเกิดใหม่ได้โดยเชื่อเพียงพระโลหิตบนไม้กางเขนเพียงอย่างเดียว ยังคงมีบาปในหัวใจของพวกเขาอยู่แต่เรารอดจากบาปทั้งหมดได้โดยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูว่าเป็นการเข้าสุหนัตของพันธสัญญาฉบับใหม่ ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกับการเข้าสุหนัตในบรรยายในพันธสัญญาฉบับเก่า
กลุ่มศาสนาทั้งหมดต่างก็มีความเชื่อของตัวเอง เราทราบว่าพวกเขาถูกพิพากษาให้ต้องตกนรกหากพวกเขาไม่ละทิ้งความเชื่อที่ผิดๆไป โบสถ์ของโปแตสแตนต์ ได้เน้นไปที่ลัทธิของการกำหนดไว้ : โบสถ์ของนิกายเมธดิสม์ที่เน้นระเบียบแบบแผน เป็นต้น โบสถ์ของบัพติศมาเน้นความเป็นมนุษย์ บัพติศมาและโบสถ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ , ชีวิตที่สมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ได้เบี่ยงเบนออกจากคำของความจริง 
แต่อะไรคือคำของความจริงที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงเกี่ยวกับการเกิดใหม่? พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าความจริงได้พบในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ใครก็ตามที่เชื่อและปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าและมีความเชื่อในการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณจะพบการชำระบาป
 

อะไรคือความลับของบัพติสมาของพระเยซู?

อะไรคือพิธีการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ ในพันธสัญญาฉบับใหม่?
บัพติศมาของพระเยซู
 
บัพติศมาของพระเยซูเป็นพิธีการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณในพันธสัญญาฉบับเก่า พระเจ้าตรัสว่าใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าสุหนัตควรจะตัดเขาออกจากการเป็นคนของพระองค์
เราจะต้องรู้จักและเชื่อว่าการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณในพันธสัญญาฉบับใหม่นั่นคือบัพติศมาของพระเยซูอย่างแท้จริง เพราะว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาในจุดเริ่มต้นของพันธกิจสาธารณะของพระองค์ เราเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณได้โดยการเชื่อในบัพติศมาขอพระองค์ เราควรจะพิจารณาเหตุผลอย่างรอบคอบว่าทำไมพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา 
“แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า ‘ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์’ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์” (มัทธิว 3:13–15)
พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน “แม่น้ำของความตาย” ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้วางมือของเขาลงบนพระเศียรของพระเยซูและพระองค์ทรงจุ่มพระองค์ลงไป นี่คือวิธีที่ถูกต้องในการรับบัพติศมา (บัพติศมา:การจุ่มลงในน้ำ) เพื่อที่พระเยซูจะทรงนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ออกไปพระองค์จะต้องรับบัพติศมาในวิธีเดียวกัน พร้อมกับการวางมือตามที่ได้อ้างถึงในพันธสัญญาฉบับเก่า
บัพติศมาของพระเยซูคือการเข้าสุหนัตทางพระวิญญาณแก่คนทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซู “บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” (มัทธิว 3:15) มันจึงเป็นการสมควรแล้วที่พระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดของโลกไปและเป็นพระเจ้า และเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา ดังนั้นมันจึงสมควรแล้วตามที่ได้เขียนเอาไว้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนพร้อมกับบาปของเราทั้งหมดบนพระเศียรของพระองค์เอง
บัพติศมาของพระเยซูจึงมีพลังในการทำให้ผู้มีบาปทั้งหมดเกิดใหม่ได้ มันเป็นความ ลับของข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
สิ่งแรกที่พระเยซูทรงทำในพันธกิจสาธารณะของพระองค์เพื่อช่วยคนบาปให้รอดจากบาปทั้งหมดของพวกเขาคือการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา บัพติศมาหมายถึง “การชำระ, การฝัง , การผ่าน” 
พระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้ที่พระองค์ด้วยการรับบัพติศมาตามที่พระเจ้าทรงต้องการ “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกไปเสีย!” (ยอห์น 1:29) บัพติศมาของพระเยซูหมายความว่าประชาชนทั้งหมดของโลกนี้ ผู้ที่เชื่อในพระองค์นั้นได้เข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณแล้ว 
จากนั้นพระองค์เสด็จไปบนไม้กางเขนเหมือนเป็นพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ที่นำบาปทั้งหมดของโลกนี้ออกไป และยอมรับการพิพากษาเพื่อผู้มีบาปทั้งหมด ดังนั้นพระองค์ทรงช่วยมนุษยชาติทั้งหมดจากให้รอดบาป 
ดังนั้นทุกคนที่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซู คริสต์ และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเป็นความรอดของพวกเขานั้นรอดจากบาปทั้งหมดของพวกเขาแล้ว เป็นการเข้าสุหนัตของพันธสัญญาฉบับเก่า พระเยซู คริสต์ทรงช่วยผู้มีบาปทุกคนให้รอดด้วยบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิต นี่คือความจริงของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณ
 

การไถ่บาปนั้นโดยพระโลหิตเพียงอย่างเดียวหรือ? ไม่ ไม่ใช่อย่างเดียว

พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ได้อย่างไร?
โดยน้ำและพระโลหิต
 
ใน 1 ยอห์น 5:4–8 กล่าวว่า “ด้วยว่าผู้ใดที่บังเกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยชนะต่อโลก และนี่แหละเป็นชัยชนะซึ่งได้มีชัยต่อโลก คือความเชื่อของเราทั้งหลายนี่เอง ใครเล่าชนะโลก เว้นไว้แต่ผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า นี่แหละคือผู้ที่ได้เสด็จมาด้วยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต และพระวิญญาณทรงเป็นพยานเพราะพระวิญญาณทรงเป็นความจริง เพราะมีพยานอยู่สามพยานในสวรรค์ คือพระบิดา พระวาทะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพยานทั้งสามนี้เป็นองค์เดียวกัน มีพยานอยู่สามพยานในแผ่นดินโลก คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามนี้สอดคล้องกัน”
ถึงคริสเตียนที่รัก อะไรเป็นพยานของท่านว่าพระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน? มันไม่มีสิ่งอื่นใดไปไม่ได้นอกจากความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้า ผู้เสด็จมาโดยน้ำและพระโลหิต
อะไรคือชัยชนะที่เอาชนะโลกได้? มันไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากพลังของความเชื่อในน้ำและพระโลหิต ซึ่งก็คือพระเยซู คริสต์ผู้เสด็จมาโดยน้ำและพระโลหิต และคือพระวิญญาณที่เป็นพยานว่าพระวิญญาณคือความจริง 
มีสามสิ่งที่เป็นพยานของโลกนี้ คือ น้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ และทั้งสามสิ่งนี้สอดคล้องกัน พระเยซูเสด็จมาโลกนี้ในเนื้อหนัง ทรงรับบัพติศมาและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้รอดจากการถูกพิพากษาอันเป็นนิรันดร์ของพระเจ้า ข้อพิสูจน์ของพระเจ้าผู้ทรงสร้างของเรา ที่เสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของผู้มีบาปทั้งหมดนั้นอยู่ในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ช่วยเราทั้งหมด 
มันเป็นข้อพิสูจน์ของเราที่พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เหมือนกับพระวิญญาณในเนื้อหนัง ทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน เพื่อนำบาปทั้งหมดไปพร้อมกับพระองค์ และทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนในการยอมรับการพิพากษาเพื่อบาปของเรา ดังนั้น พระองค์ทรงช่วยผู้ที่วางใจในพระองค์ให้รอด นี่คือข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
 

อะไรคือน้ำและพระโลหิตที่เป็นพยานของความรอดของพระเจ้า?

อะไรคือสิ่งที่คล้ายกันกับการเข้าสุหนัต ที่ได้อธิบายในพันธสัญญาฉบับเก่า?
บัพติศมาของพระเยซู
 
น้ำได้อ้างอิงถึงบัพติศมาของพระเยซู คริสต์ ซึ่งบัพติศมาของพระเยซู คริสต์หมายถึงการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่า ส่วนที่คล้ายกันกับการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าคือบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่ ข้อพิสูจน์ที่ว่าบาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระเยซูนั้นอยู่ในบัพติศมาของพระเยซู
ใครก็ตามที่เชื่อในความจริงนี้จะสามารถยืนขึ้นต่อพระพักตร์พระเจ้าและกล่าวด้วยสติสัมปชัญญะที่ดีว่า “พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ พระผู้เป็นเจ้า เพราะข้าพระองค์เชื่อในบัพติศมาของพระองค์และเชื่อในพระโลหิตของพระองค์ เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ดังนั้นข้าพระองค์จึงไม่มีบาป ข้าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า และพระองค์คือผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์” เราสารภาพสิ่งนี้ได้พร้อมกับความเชื่อที่แท้จริง เหตุผลคือเรากล่าวคำนี้ได้เพราะความเชื่อของเราในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู
อะไรคือคำที่ได้ทำให้เราได้เกิดใหม่? คือบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ที่ได้เป็นพยานของความรอดในหัวใจของเรา นี่คือข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
คริสเตียนที่รัก ผมอยากจะถามท่านอีกครั้ง “คนบาปจะรอดจากบาปได้ผ่านความเชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์เพียงอย่างเดียวได้ไหม?” ไม่ได้ ความรอดไม่ต้องการเพียงแค่การเชื่อในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนเท่านั้น มันต้องผ่านความเชื่อทั้งน้ำและพระโลหิต -ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ- ที่คนบาปจะเกิดใหม่ได้ ตอนนี้ ให้ผมได้อ้างอิงกับพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ได้กล่าวถึงน้ำหรืออีกนัยหนึ่งคือบัพติศมาของพระเยซู 
1 เปโตร 3:21–22 กล่าวว่า “เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย (ไม่ใช่ด้วยชำระราคีแห่งเนื้อหนัง แต่โดยให้มีใจวินิจฉัยผิดและชอบอันดีจำเพาะพระเจ้า) โดยซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย พระองค์ได้เสด็จเข้าในสวรรค์แล้ว และสถิตอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกทูตสวรรค์และผู้มีอำนาจและผู้มีฤทธิ์เดชทั้งหลาย ทรงมอบไว้ให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้ว” 
อัครสาวกเปโตรยืนยันว่าบัพติศมาของพระเยซูเป็นภาพที่รอดของเราทั้งหมดและก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นการช่วยเราให้รอดจากบาป บัพติศมาของพระเยซูคือสิ่งที่เหมือนกับพิธีการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่า ก็เหมือนกับที่ชาวอิสราเอลเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าและตัดหนังหุ้มปลายลึงค์ของพวกเขาเพื่อให้เป็นบุตรของพระเจ้าในยุคของพันธสัญญาฉบับเก่า บัพติศมาของพระเยซูได้ช่วยเราให้รอดจากบาปของเราในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่
ดังนั้นการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าและบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่จึงเป็นสิ่งเดียวกันและเหมือนกัน ท่านทั้งหมดทราบไหมว่า ตอนนี้การเชื่อว่าบัพติศมาของพระเยซูคือการกระทำที่เหมือนกับพิธีการเข้าสุหนัต? ตามที่เขียนใน 1เปโตร 3:21 ว่าบัพติศมา ช่วยเราให้รอด ท่านมีข้อโต้แย้งกับที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าไหม? 
เราผู้ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้จะอิสระจากบาปได้อย่างไร? มันก็เพียงเพราะว่าพระเยซูคริสต์ ทรงรับบัพติศมาเพื่อทำให้ความชอบธรรมสมบูรณ์ ซึ่งความรอดจากบาปนั้นมีอยู่เพื่อเรา มัทธิว 3:15 กล่าวว่า “สมควรแล้วที่เราทั้งหลาย จะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” 
เพราะว่าบาปของโลกนี้ ได้ถูกผ่านไปสู่พระเยซู ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ในตอนนี้จึงไม่มีบาป เราทั้งหมดเป็นคนชอบธรรมได้โดยการยอมรับความจริงที่ว่าบาปทั้งหมดของเราได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ พระเยซู คริสต์ทรงนำบาปของเราทั้งหมดไว้ที่พระองค์และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้รอดจากการพิพากษาทั้งหมดของเรา
เพื่อนๆทั้งหลาย มีสองสิ่งที่ช่วยเรา คนบาปทั้งหมดให้รอดจากบาปของพวกเรา ก็คือน้ำและพระโลหิต พระองค์ทรงนำบาปของพวกเราและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อพวกเรา ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่พระเยซู คริสต์ทรงทำเพื่อพวกเราในช่วง 3 ปีของพันธกิจสาธารณะของพระองค์ในโลกนี้
ยอห์น 1:29 กล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกนี้ไปเสีย!” พระเยซู คริสต์ ทรงรับบัพติศมาเพื่อนำบาปของโลกนี้ไปและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อการละเมิดบาปของเรา พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้าและทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง พระองค์ทรงทำพันธสัญญาของพิธีเข้าสุหนัตที่พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาฉบับเก่าให้สมบูรณ์โดยการนำความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป 
ใครก็ตามที่เชื่อข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตในหัวใจของเขา จะเกิดใหม่ได้โดยน้ำและพระโลหิต และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของผู้ที่เชื่อทั้งหมด ขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ฮาเลลูยา! พระเยซูทรงทำให้ความรอดของเราสมบูรณ์ ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้และพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของโลกนี้ 
 

มันไม่ใช่การกำจัดความสกปรกของเนื้อหนัง

เนื้อหนังได้รับชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเวลาไหม?
ไม่ เนื้อหนังยังคงเพิ่มพูนบาปไปจนวันที่เราตาย

1 เปโตร 3:21 กล่าวว่า “เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย (ไม่ใช่ด้วยชำระราคีแห่งเนื้อหนัง แต่โดยให้มีใจวินิจฉัยผิดและชอบอันดีจำเพาะพระเจ้า) โดยซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย” 
เมื่อมนุษย์วางใจในพระเยซู คริสต์ว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเขา มันไม่ได้หมาย ความว่าเขาหวังที่จะหยุดทำบาปในเนื้อหนัง เราอาจจะทำบาปต่อไป แต่ด้วยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู เราก็จะผ่านบาปทางโลกทั้งหมดของเราไปที่พระเยซูผู้ทรงจ่ายมันโดยพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ด้วยการเชื่อในทั้งสิ่งนี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความรอดของเรา เราก็จะรอดจากบาปของเราได้ 
การเกิดใหม่หมายถึงการต้อนรับพระเยซูเข้าสู่หัวใจเรา เป็นผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ เราก็จะได้รับการยกความผิดบาปในหัวใจของเราเช่นเดียวกัน เมื่อเราเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน หัวใจของเราก็เกิดใหม่ แต่เรายังคงทำบาปและละเมิดกฎของเนื้อหนังอยู่ แต่บาปทั้งหมดในเนื้อหนังของเราได้รับการยกความผิดบาปแล้ว
บัพติศมาของพระเยซู คือข้อพิสูจน์แก่ผู้ที่รอดจากบาปทั้งหมด พวกเราไม่มีบาปเมื่อเราเชื่อในการยกความผิดบาปโดยบัพติศมาของพระคริสต์ เราเกิดใหม่เมื่อเราเข้าไปในหัวใจของความจริงของการไถ่บาปของเราโดยบัพติศมาของพระเยซูและมีความชอบธรรมโดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
นี่คือความเชื่อของอับราฮัมในพันธสัญญาฉบับเก่า ความเชื่อของการเป็นคนชอบธรรมที่เปาโลได้กล่าวเอาไว้และเป็นภาพของความรอดที่เปาโลได้ยืนยันเอาไว้ 
เหมือนกับที่อับราฮัมได้ฟังและเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าและเป็นคนชอบธรรม เรารอดจากบาปได้ เมื่อเราเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระ องค์บนไม้กางเขน 
ยอห์น 1:12 กล่าวว่า “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ พระองค์ทรงประทานอำนาจให้เป็นบุตรของพระเจ้า คือคนทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระองค์” ท่านยอมรับพระเยซู คริสต์ พระองค์ผู้ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราโดยน้ำและพระโลหิตเป็นพระองค์ผู้ช่วยให้รอดไหม? เราจะต้องได้รับความรอดที่ประทานมาให้เราโดยน้ำและพระโลหิตของพระบุตรของพระเจ้า
ความรอดนั้นโดยพระโลหิตของพระเยซู คริสต์เพียงเท่านั้นหรือ? ไม่ ต้องโดยน้ำและพระโลหิตของพระเยซูด้วย พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่าความรอดไม่ใช่โดยพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวแต่โดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ด้วย 
บัพติศมาของพระเยซูคือการเข้าสุหนัตของจิตวิญญาณของพันธสัญญาฉบับใหม่ มันเป็นความจริงของความรอดที่ได้เอาบาปทั้งหมดของเราออกไป ความจริงที่พระองค์ทรงรับการพิพากษาบาปของโลกนี้ หมายความว่าพระองค์ทรงรับการพิพากษาเพื่อเรา ท่านและผม 
เราอิสระจากการพิพากษาเพื่อบาปของเรา โดยการรับข่าวประเสริฐของการยกความ ผิดบาป คือบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู ด้วยความเชื่อของเราเราจึงรอดจากบาปทั้งหมดที่เราได้กระทำในโลกนี้ เมื่อเรานำเอาบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์มาเป็นความรอดของเรา บาปทั้งหมดในหัวใจของเราจึงได้รับการชำระออกไป ท่านเชื่อและเช้าใจความจริงนี้ไหม? ผมมีความหวังด้วยความจริงใจว่า ท่านจะเชื่อทั้งหมดในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เชื่อและได้รับชีวิตนิรันดร์
   สาวกเปาโลกล่าวว่า “การเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ” (โรม 2:29) เราจะเข้าสุหนัตแท้ในหัวใจของเราได้อย่างไร? เราเข้าสุหนัตทางพระวิญญาณได้เมื่อเราเชื่อในการเสด็จมายังโลกนี้ของพระคริสต์ในสภาพเนื้อหนัง ในบัพติศมาของพระองค์เพื่อรับเอาความผิดบาปของโลกนี้ไปและในการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อบาปของเราและในการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ 
อัครสาวกเปาโลกล่าวว่าการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ การเข้าสุหนัตแท้ที่เป็นเรื่องของจิตใจหมายความว่าเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ หากท่านต้องการเข้าสุหนัตในหัวใจของท่าน ท่านจะต้องรับเอาข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์เข้าไปสู่จิตใจของท่าน แล้วเพียงเท่านั้น ท่านก็สามารถเป็นบุตรของพระเจ้าที่แท้จริงได้ 
 


ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั้นถูกส่งมาจากพระเจ้าใช่ไหม?


ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาคือใคร?
เขาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ และเป็นมหาปุโรหิต คนสุดท้ายตามเชื้อสายของอาโรน
 
เราจะต้องถามว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาแก่พระเยซู คริสต์คือใคร ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ ในมัทธิว 11:11–14 กล่าวว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้ เพราะคำของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายและพระราชบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับในเรื่องนี้ ก็ยอห์นนี้แหละเป็นเอลียาห์ซึ่งจะมานั้น” 
คริสเตียนที่รักทั้งหลาย พระเยซูตรัสว่าในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิงมานั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาอีกแล้ว ยุคของพันธสัญญาแรกของพระเจ้าพร้อมกับการเกิดของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ทำให้ยุคของพันธสัญญาฉบับเก่าสิ้นสุดลง มันจบสิ้นเพราะพระเยซู คริสต์ทรงทำให้พันธสัญญาของพระเจ้าสมบูรณ์ในท้ายที่สุด 
แล้วใครได้ทำให้พันธสัญญาของพระเจ้าสมบูรณ์? พระเยซู คริสต์และยอห์นผู้ให้รับบัพติสมาเป็นผู้ทำ ยอห์นได้ผ่านบาปทั้งหมดของโลกไปสู่พระเยซู ใครเป็นมหาปุโรหิตคนสุดท้ายในพันธสัญญาฉบับเก่า? ใครคือทายาทของอาโรน? พระเยซู คริสต์ทรงยืนยันว่าจะเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้วนอกจาก ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ยอห์นเป็นตัวแทนของมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ที่เกิดจากหญิงมา
 เรามาไตร่ตรองถึงความจริงที่โมเสส, อับราฮัม, ไอแซค และจาคอบล้วนเกิดจากผู้หญิงทั้งสิ้น แต่ท่ามกลางผู้คนทั้งหลายที่เกิดทั้งในพันธสัญญาฉบับเก่าและใหม่นั้น ผู้ที่ได้เกิดจากผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือใคร? คือ ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั่นเอง 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นปุโรหิตคนสุดท้ายในพันธสัญญาฉบับเก่าและเป็นทายาทของอาโรน ได้ให้บัพติศมาแก่พระเมษโปดกของพระเจ้าในพันธสัญญาฉบับใหม่ ในวิธีเดียวกันกับที่อาโรนวางมือของเขาลงบนเครื่องสังเวยบูชา ในวันทำการลบมลทินในพันธสัญญาฉบับเก่า เขาให้บัพติสมาแก่พระเยซู คริสต์ และผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซู คริสต์ เขาเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เขาได้ทำให้การเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณสมบูรณ์ในหัวใจของมนุษยชาติทั้งหมดโดยการให้บัพติศมาแก่พระเยซู 
เราจะต้องเชื่อในบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตของพระองค์ว่าเป็นเครื่องยืน ยันความรอดของเรา พระเยซู คริสต์ทรงนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์และรับการพิพากษาเพราะบาปเหล่านั้น และสิ่งเดียวสำหรับพวกเราที่จะทำนั้นง่ายดาย คือการเชื่อในน้ำพระทัยของพระเจ้าที่เราเชื่อในสิ่งที่พระเยซูทรงทำ
ครั้งหนึ่งที่ท่านนำข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเข้าไปในหัวใจของท่านแล้ว ท่านจะเป็นทายาทของอับราฮัมได้และเป็นบุตรของพระเจ้า มีเพียงไม่กี่คนในพระคริสต์เท่านั้นผู้ที่ยังไม่ยอมรับพระองค์ไว้ในหัวใจของพวกเขาเลย 
เมื่อกลางวันหมดไป ความมืดก็จะเข้ามาครอบงำ จงเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและยอมให้พระองค์เข้าไปในหัวใจของท่าน ความเชื่อของท่านในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์จะทำให้ท่านได้รับพระพรพร้อมกับความรอดทางจิตวิญญาณ
จงจำไว้เสมอว่าการการเจิมทางจิตวิญญาณจะมา เมื่อท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของความรอด ที่เป็นข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ผมต้องการให้ท่านทราบว่าท่านได้เตรียมแกะทางจิตวิญญาณ (คริสตจักร) และน้ำมัน (พระวิญญาณ) เหมือนกับหญิงพรหมจารีทั้งหลาย (มัทธิว 25:4) ไว้แล้ว โดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระเยซูไปโบสถ์พร้อมกับพระวิญญาณในหัวใจของพวกเขา 
 
 

พระเยซูคริสต์ทรงรับบัพติสมาเพื่อใคร?


พระเยซูทรงรับบัพติศมาด้วยวัตถุประสงค์ใด?
เพื่อชำระบาปทั้งหมดของมนุษยชาติออกไป
 
“‘ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?’ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’” (มัทธิว 3:14–15) 
พระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อล้างบาปทั้งหมดของมนุษยชาติ พระเยซู คริสต์คือพระบุตรของพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา พระองค์คือผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งและทรงสร้างเรา พระเยซูเสด็จมาโดยพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา เพื่อทำให้เราเป็นประชาชนของพระองค์ 
ผู้เผยพระวจนะทั้งหมดในพันธสัญญาฉบับเก่าได้พูดเกี่ยวกับใคร? พวกเขาพูดเกี่ยว กับพระเยซู คริสต์ ผู้เผยพระวจนะทั้งหมดในพันธสัญญาฉบับเก่าได้พูดถึงการเสด็จมายังโลกนี้ของพระเยซู คริสต์ เพื่อนำบาปทั้งหมดของเราไปและให้เราอิสระจากบาปชั่วนิรันดร์ 
พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ตามที่ได้พยากรณ์เอาไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่าและทรงนำบาปทั้งหมดของมนุษยชาติทั้งหมดนับจากอดัมและอีฟไปถึงมนุษย์คนสุดท้ายในโลกนี้ไป
ตอนนี้จงนำความรอดโดยบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระเยซูเข้าสู่หัวใจของท่าน ท่านยังคงไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้คือความจริงใช่ไหม? ท่านยังคงมีบาปในหัวใจของท่านไหม? “บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เพื่อให้ความชอบธรรมสมบูรณ์
คำว่า “บัพติศมา” เองนั้นหมายถึง “การชำระล้าง” พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาในวิธีการวางมือที่ได้อธิบายไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่า 
หลังจากที่พระองค์ทรงนำบาปทั้งหมดของมนุษยชาติออกไป พระองค์ทรงจุ่มพระวรกายของพระองค์ลงในแม่น้ำจอร์แดน แม่น้ำที่เป็นสัญลักษณ์ของความตาย และการพิพากษาเพื่อผู้มีบาป การที่พระเยซูทรงจุ่มพระองค์ลงในแม่น้ำ เป็นสัญลักษณ์ของความตายของพระองค์บนไม้กางเขน การจุ่มพระองค์แล้วยืนขึ้นจากน้ำก็เพื่อการเป็นขึ้นมาจากความตาย พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สามหลังจากสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน 
พระเยซูคือพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา ความจริงที่พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ก็เพื่อรับบัพติศมา ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม และตอนนี้ก็ทรงประทับอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าที่ได้ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าพระองค์ทรงช่วยมนุษยชาติทั้งหมดจากความตาย ท่านเชื่อความจริงนี้อย่างจริงใจไหม?
บัพติศมาของพระเยซู คือการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณของพันธสัญญาฉบับใหม่ “การเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องแห่งจิตใจ” การเข้าสุหนัตด้วยหัวใจนั้นสมบูรณ์ เมื่อเราเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู ที่เป็นความจริงของการผ่านบาปทั้งหมดของเราไปสู่พระเยซู การเข้าสุหนัตด้วยหัวใจคือการยอมรับบัพติศมาของพระเยซูที่ได้ผ่านบาปของเราไปสู่พระเยซู
ท่านได้เข้าสุหนัตในหัวใจของท่านไหม? หากท่านเชื่อในการเข้าสุหนัตด้วยหัวใจของท่าน บาปของท่านก็จะได้รับการชำระออกไปเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด พระเยซูทรงทำให้ความชอบธรรมสมบูรณ์และทรงเป็นพยานต่อความรอดของคนบาปทั้งหมดสำหรับวัตถุประสงค์นี้แหละ  
คริสเตียนที่รักทั้งหลาย จงรับข้อพิสูจน์ของความรอดเข้าสู่หัวใจและจิตใจของท่าน  นี่คือความจริง ครั้งหนึ่งที่ท่านนำความรอดของพระเยซูเข้าไปสู่หัวใจของท่านแล้ว ท่านก็จะเป็นอิสระจากบาปของท่านทั้งหมด “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ พระองค์ทรงประทานอำนาจให้เป็นบุตรของพระเจ้า คือคนทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระองค์” (ยอห์น 1:12) 
ตอนนี้ท่านเห็นไหมว่าทำไมพระเยซูต้องเสด็จมาโลกนี้เพื่อรับบัพติศมา? ตอนนี้ท่านเชื่อหรือยัง? พระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อนำบาปทั้งหมดของมนุษยชาติออกไป มันเป็นบัพติศมาของการเข้าสุหนัต นั่นคือเหตุผลที่เปาโลบอกเราให้เข้าสุหนัตในหัวใจของเรา พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดอย่างชัดเจนโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ที่เราไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อมันในหัวใจของเรา เราควรจะกล่าวว่า “ใช่ อาเมน” แก่พระวจนะของพระเจ้าในหัวใจของเรา มันไม่เป็นความจริงใช่ไหม? ท่านเชื่อมันไหม?
 

ท่านยอมรับความจริงนี้ในหัวใจของท่านไหม?

เราจะต้องทำอะไร ก่อนที่เราจะนมัสการพระเยซู?
เราจะต้องนำความจริงของน้ำและพระโลหิต เข้าสู่หัวใจของเราก่อน

เกือบ 2000 ปี ที่ผ่านไปตั้งแต่ที่พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ ในวันนี้และยุคของพระศิริของพระเจ้า เราจะต้องนำความจริงของน้ำและพระโลหิตของพระเยซู เข้าสู่หัวใจของเรา ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่เราจะต้องทำ  
“การเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ” เราจะต้องเข้าสุหนัตผ่านความเชื่อในหัวใจของเรา เรารอดจากบาปได้โดยความเชื่อเพียงเท่านั้น ในพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นชาวอิสราเอลรอดจากบาปได้โดยการเข้าสุหนัตและเลือดของพิธีปัสกาที่วางไว้ที่วงกบประตูทั้งสองข้างและอย่าให้ใครออกจากบ้านของพวกเขา 
คนทั้งหลายที่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์เป็นความรอดของพวกเขานั้นจะไม่กลัวการพิพากษาของพระเจ้าเพราะมันจะผ่านพวกเขาไป แต่การพิพากษาของพระเจ้าจะตกไปสู่ทุกคนที่ไม่ได้นำความจริงเข้าสู่หัวใจของพวกเขา มีหลายคนที่เชื่อในพระเยซูอย่างไร้ผล และพวกเขายังต้องเป็นทาศของบาปของพวกเขาอยู่ 
พวกเขาได้มาถึงในสภาพนี้ได้อย่างไร? ทำไมพวกเขายังคงทรมานจากบาปอยู่? มันเพียงเพราะว่า พวกเขาไม่รู้จักความจริงของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระเยซู พวกเขาเชื่อเพียงพระโลหิตของพระเยซู แล้วละเลยและมองข้ามบัพติศมาของพระองค์ไป 
ความรอดนั้นได้รับโดยความเชื่ออย่างง่ายดายในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวไหม? พระคัมภีร์ไบเบิลบอกกับเราเช่นนี้ไหม? พันธสัญญาฉบับเก่าและใหม่ได้กล่าวเกี่ยวกับสิ่งนี้ว่าอย่างไร? ตามพระคัมภีร์ไบเบิลแล้วการได้รับความรอดนั้นไม่เพียงแต่โดยพระโลหิตของพระเมษโปดกของพระเจ้าเท่านั้น แต่โดยบัพติศมาของพระเยซูด้วยเช่นกัน (1 ยอห์น 5:3–6)
ท่านเชื่อในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวไหม? คนทั้งหลายผู้ที่เชื่อจะยังมีบาปในหัวใจของพวกเขาอยู่ พวกเขาจะต้องเอาชนะความเชื่อผิดๆของตัวเองและกลับไปสู่ข่าวประเสริฐที่แท้จริง
ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องยอมรับตอนนี้ว่าพวกเขาได้ถูกนำไปผิดทางแล้ว โดยไม่ทราบว่าพระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดไปแล้ว ณ แม่น้ำจอร์แดนโดยบัพติศมาของพระองค์ พวกเขาจะต้องยอมรับว่าพวกเขามีความผิดในการเพิกเฉยต่อการยอมรับบัพติศมาของพระเยซู พวกเขาจะต้องนำมันเข้าสู่หัวใจของตัวเองว่า พระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยบัพติศมาของพระองค์ ความรอดนั้นมีได้เพียงเมื่อเราเชื่อในบัพติศมาและไม้กางเขนของพระเยซู อีกนัยหนึ่ง เราได้รับชีวิตนิรันดร์ได้โดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเพียงเท่านั้นเอง  
คริสเตียนที่รักทั้งหลาย ท่านมีชีวิตจนกระทั่งตอนนี้ที่ขึ้นอยู่กับการเชื่อในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวไหม? หากเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านมีบาปในหัวใจของท่านอยู่ หากท่านทำบาปแล้วท่านก็มีบาปในหัวใจของท่าน หากท่านคิดว่าท่านอิสระจากบาปเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ตามกฎของพระเจ้าแล้ว มันก็เป็นเพียงความรู้สึกที่ออกมาจากอารมณ์ของท่านเพียงเท่านั้นเอง ความเชื่อมั่นเช่นนี้ไม่ได้เป็นไปตามพระวจนะของพระเจ้า  
 

มันยังไม่สายเกินไปเลย
 
ความจริงทำให้เราเป็นอิสระจากอะไร?
จากกฎของบาปและความตาย
 
มันยังไม่สายเกินไปเลย ทั้งหมดที่ท่านจะต้องทำก็คือเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู และพระโลหิตของพระองค์ และท่านจะได้เข้าสุหนัตในหัวใจของท่านและเป็นอิสระจากบาปทั้งหมด การเป็นอิสระจากบาปทั้งหมดหมายความว่า ท่านรอดแล้วโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ 
ท่านยังต้องการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์เพื่อความรอดจากบาปของท่านอยู่ไหม? ครั้นที่ท่านเชื่อสิ่งนี้แล้ว ท่านจะได้เรียนรู้ว่าความรอดเป็นเช่นใด ท่านจะได้รับสันติสุขในหัวใจของท่าน และจากนั้นท่านจะเป็นคนชอบธรรม ไม่ได้โดยภารกิจของท่านแต่โดยความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า หากใครก็ตามยังคงเชื่อและยึดพระโลหิตของพระเยซูเป็นความรอดเพียงอย่างเดียวแล้ว ผมอยากจะกระตุ้นให้ท่านเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ 
เพื่อนคริสเตียนที่รักทั้งหลาย ความรอดจากบาปที่สมบูรณ์ของมนุษยชาตินั้นสมบูรณ์โดยข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ พระวิญญาณคือพระเจ้า พระเจ้าเสด็จมาโลกนี้ในสภาพของเนื้อหนังของมนุษย์ 
พระเจ้าตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะว่า เราควรจะเรียกพระนามของพระเยซู เพราะพระองค์ทรงช่วยคนของพระองค์ให้รอดจากบาปของพวกเขา พระเจ้าตรัสว่า “’ดูเถิดหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง จะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล แปลว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา’” (มัทธิว 1:23)
พระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยคนบาป พระองค์รับบัพติศมาเพื่อนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ออกไปและทรงช่วยผู้มีบาปทั้งหมดให้รอดจากบาป นี่คือความจริงของความรอดของน้ำและพระวิญญาณ ผมอยู่ที่นี่เพื่อบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งนี้ เรารอดจากบาปได้โดยพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวหรือ? ไม่อย่างแน่นอน เรารอดจากบาปโดยบัพติสมาของพระเยซู และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน 
มีผู้เผยพระวจนะผิดๆและคนนอกรีตหลายคนในทุกวันนี้ ที่ไม่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและ พระเยซูตรัสว่า “และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท” (ยอห์น 8:32) 
เราจะต้องรู้จักความจริง เราจะต้องทราบว่าทำไมพระเยซูตรัสเกี่ยวกับบัพติศมาของพระองค์และทำไมเราควรจะเชื่อมัน เราควรจะทราบว่าทำไมพระเจ้าทรงบอกคนของพระองค์ในอิสราเอลให้เข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าและทำไมพระองค์ทรงพูดเกี่ยวกับเลือดของแกะในพิธีปัสกา 
เมื่อเราทราบเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเรื่อง เราไม่สามารถรู้ได้ถึงความจริงได้ พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดจากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้” (ยอห์น 3:5)
 

เพื่อรับบัพติสมาเข้าในพระคริสต์

เราจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับความตาย ของพระคริสต์ได้อย่างไร?
โดยการผ่านบาปทั้งหมดของเราไปสู่ พระเยซูผ่านบัพติศมาของพระองค์
 
พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพยานต่อความลับของความรอดไว้ มันโดยพระโลหิตของพระเยซูเพียงเท่านั้น ใช่ไหม? ไม่ โดยพระโลหิตและบัพติศมาของพระองค์ด้วยกัน อัครสาวกเปาโลถามเกี่ยวกับสิ่งนี้บ่อยๆในบทโรม บทที่ 6 และได้ถามอีกหลายครั้งในจดหมายของเปาโลฉบับอื่นๆ 
เรามาอ่านโรม 6:3–8 กัน “ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซู คริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์? เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชพระรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย เราทั้งหลายรู้แล้วว่า มนุษย์เก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย”
ลองมาดูวรรคที่ 5 ที่ว่า “เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย” 
ความตายของพระองค์เป็นความตายของเรา เพราะว่าบาปทั้งหมดของเราถูกผ่านไปสู่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์ ดังนั้นบัพติศมาของพระเยซูเชื่อมเข้ากับพระโลหิตของพระ องค์บนไม้กางเขนพร้อมกับเรา 
ความเชื่อของเราในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ยอมให้เราได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซู “ค่าจ้างของบาปคือความตาย” (โรม 6:23) ดังนั้นความตายของพระเยซูบนไม้กางเขนเป็นความตายของพวกเรา พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อนำบาปทั้งหมดของเราไปสู่พระองค์ การเชื่อในความจริงนี้คือการรวมตัวเราเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซู คริสต์ผู้ช่วยให้รอดของเรา
 

เราไม่ควรจะเชื่อในพระเยซูโดยง่ายตามที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตทางศาสนา
 
“พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและความเที่ยงธรรม” หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่า พระเยซูทรงชำระบาปของเราออกไป ครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด และช่วยทุกคนที่เชื่อในความจริงให้รอด

หลายคนวางใจในพระเยซูว่าเป็นวิถีชีวิตทางศาสนา ดังนั้นพวกเขาไปโบสถ์และร้องให้ออกมาด้วยการอธิษฐานและการกลับใจ พวกเขาสารภาพบาปของพวกเขาและร้องขอการยกโทษบาปทุกๆวัน พวกเขาอธิษฐานว่า “พระเยซู ข้าพระองค์ทราบและเชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อข้าพระองค์ ใช่แล้ว ข้าพระองค์เชื่อ” 
พวกเขาเข้าใจผิดอย่างชัดเจนตามข้อความตามนี้ “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1 ยอห์น1:9) พวกเขาอ้างว่าพวกเขาควรจะได้รับการยกความผิดบาปของตัวเองทุกวันผ่านการสารภาพบาป แต่บาปจากข้อความข้างต้นนี้ไม่ได้หมายถึงการละเมิดกฎเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน สิ่งที่ข้อความนั้นหมายถึงก็คือ การได้รับการยกความผิดบาปของเราครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด เมื่อเราสารภาพว่าเรายังไม่ได้รอดจากบาปเลย 
“ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า” (โรม 10:17) “และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย” ( ยอห์น 8:32 )
คริสเตียนที่รักทั้งหลาย ความจริงนั้นชัดเจนแล้ว หากท่านเชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โดยไม่ได้นำบาปทั้งหมดของเราออกไปโดยบัพติศมาของพระเยซู ณ แม่น้ำจอร์แดนแล้ว ความเชื่อของท่านก็ไร้ผล หากคริสเตียนคนใดต้องการรอดจากบาปทั้งหมดของเขา เขาจะต้องเชื่อว่าบาปของเขาถูกผ่านไปที่พระเยซูโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดน ครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด และเชื่อว่าพระองค์ทรงรับการพิพากษาเพื่อบาปทั้งหมดของเราบนไม้กางเขน อีกนัยหนึ่งเราควรจะเชื่อทั้งในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู
“ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” (กิจการ 4:12) พระเยซู คริสต์ทรงนำบาปของเราไปทั้งหมดโดยบัพติศมาของพระองค์และทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูเสด็จมาโดยน้ำและพระวิญญาณเพื่อช่วยเราจากความพินาศอันเป็นนิรันดร์ “ด้วยว่าความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด”  (โรม 10:10) ท่านเป็นคนบาปหรือเป็นคนชอบธรรม?
กาลาเทีย 3:27 กล่าว่า “เพราะเหตุว่า ทุกคนในพวกท่านที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมชีวิตพระคริสต์” ประโยคนี้บอกเราถึงความจริงที่พระเยซูทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนหลังจากนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยบัพติศมาของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายสามวันหลังจากสิ้นพระชนม์ และตอนนี้ประทับอยู่เบื้องพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าของความรอดเพื่อทุกคนที่เชื่อในพระองค์ 
หากพระเยซูไม่ทรงรับบัพติศมา หากพระองค์ไม่ทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อพวกเราแล้ว พระองค์จะไม่เป็นผู้ช่วยให้รอดของเราได้ เรารอดจากบาปได้เพียงเมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
 

แม้แต่บุตรชายของโมเสส

ทำไมพระเจ้าพยายามฆ่าโมเสส บนทางไปอียิปต์ของเขา?
เพราะว่าบุตรชายของเขาไม่ได้เข้าสุหนัต
 
ท่านที่รักทั้งหลาย ท่านกำลังฟังความลับของการชำระบาปของท่านทั้งหมดโดยน้ำและพระโลหิตของพระเยซูอยู่ มันเป็นพระพรที่แสนวิเศษที่ได้ฟังพระวจนะของพระเจ้า 
โดยพระโลหิตของพระเยซู คริสต์เพียงเท่านั้นหรือ ? ในยุคของพันธสัญญาฉบับเก่า นั้น ผู้คนได้เป็นทายาทของอับราฮัมผ่านการเข้าสุหนัตและเลือดของแกะในพิธีปัสกา ส่วนในตอนนี้ เราเป็นคนของพระเจ้าได้โดยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นถึงข้อพิสูจน์ในพันธสัญญาฉบับเก่าผ่านโมเสส 
เพื่อช่วยชาวอิสราเอลให้รอด พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสและบอกเขาให้นำคนของพระองค์ออกมาจากอียิปต์ ดังนั้น โมเสสได้ทิ้งดินแดนมีเดียนและมุ่งหน้าไปอียิปต์พร้อมกับภรรยาและบุตรชายทั้งหลายของเขาจากการอนุญาตของพ่อตาของเขาเยโธร เมื่อเขากำลังให้ครอบครัวของเขาขี่ลาไป พระผู้เป็นเจ้าก็เสด็จมาหาโมเสสและจะฆ่าเขา 
แต่นางศิปโปราห์ภรรยาของเขาทราบเหตุผลจึงเอาหินคมตัดหนังที่ปลายองคชาตบุตรชายของตน แล้วเอาไปแตะเท้าของโมเสสกล่าวว่า “จริงนะ ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิตแก่ฉัน!” แล้วพระเจ้าจึงละเขาไป
นี่เป็นวิธีของพระองค์ที่จะทรงกล่าวว่า พระองค์จะทรงประหารใครก็ตามได้อย่างแน่ นอน แม้แต่บุตรของโมเสส หากเขาไม่ได้เข้าสุหนัต การเข้าสุหนัตของประชาชนชาวอิสราเอลนั้นเป็นสัญญาณของพันธสัญญาของพระเจ้า พวกเขาทราบว่าพระเจ้าจะทรงตัดใครก็ตามออกจากการเป็นประชาชนของพระองค์อย่างแน่นอน แม้แต่บุตรของผู้นำ หากเขายังไม่ได้เข้าสุหนัต ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดบุตรชายของเขาออก พระเจ้าจึงกระตุ้นโมเสสด้วยวิธีนี้
พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าด้วยเหตุที่นางศิปโปราห์ได้ตัดหนังหุ้มปลายลึงค์ของบุตร ชายของเธอออกและทิ้งไว้ที่เท้าของโมเสสและกล่าวว่า “จริงนะ ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิตแก่ฉัน!” นั้นเป็นความต้องการแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าเพื่อการเข้าสุหนัต (อพยพ 4:26) 
ชาวอิสราเอลผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้เข้าสุหนัตจะถูกตัดออกจากการเป็นคนของพระองค์เพียงแค่ผู้ที่ได้เข้าสุหนัตแล้วเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้กินเนื้อของแกะของพิธีปัสกา และร่วมในการบริการเหมือนกับประชาชนของพระเจ้าได้ 
อัครสาวกเปาโลเคยเป็นฮีบรู เขาได้เข้าพิธีเข้าสุหนัต 8 วันหลังจากที่เขาเกิด และได้รับการศึกษาจากอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ชื่อกามาเรียล และเข้าใจเหตุผลอย่างแท้จริงที่พระเยซู คริสต์ทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน และเหตุผลที่พระองค์ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน ดังนั้นเปาโลได้เขียนเกี่ยวกับบัพติศมาของพระเยซูไว้ในจดหมายทั้งหมดของเขา 
อัครสาวกเปาโลมักจะกล่าวถึงพระโลหิตของพระเยซูว่าเป็นความสมบูรณ์ของความรอดของเรา พระโลหิตจึงเป็นเพียงขั้นสุดท้ายของการชำระบาปของพระองค์ในขณะที่ความจริงของการเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณเป็นบัพติศมาของพระเยซู มันไม่ได้เน้นเพียงแค่พระโลหิตของพระเยซูโดยปราศจากบัพติศมาของพระองค์
อัครสาวกเปาโลมักจะพูดเกี่ยวกับไม้กางเขนของพระเยซูโดยตรง ทำไมล่ะ? เพราะว่ามันคือ หลักฐานสุดท้ายของความรอดของเรา หากพระเยซูได้นำเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปกับพระองค์ แต่ไม่สามารถหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อรับการพิพากษาของพวกเราได้แล้ว เราก็จะไม่รอดอย่างสมบูรณ์ นี่คือเหตุผลที่อัครสาวกเปาโลกล่าวเกี่ยวกับไม้กางเขนอยู่บ่อยๆ ไม้กางเขนจึงเป็นก้าวสุดท้ายในความรอดของเรา  
หากความจริงของความรอดได้ถูกส่งผ่านมาสู่รุ่นต่อรุ่นโดยไม่มีการบิดเบือนแล้ว ตอนนี้ก็คงจะมีคนมากมายที่ไม่มีบาป แต่เคราะห์ร้ายที่ความจริงได้สูญหายไปตามกาลเวลาและคนมากมายก็ยังรู้จักแต่เพียงไม้กางเขนเท่านั้นโดยไม่ได้ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของบัพติศมาของพระองค์เลย  
เพราะพวกเขามีความเชื่อเพียงแค่ในเปลือกที่ว่างเปล่าของข่าวประเสริฐเท่านั้น พวกเขาจึงยังคงเป็นผู้มีบาปอยู่ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่ออย่างหนักแน่นในพระเยซูมากี่ปีแล้วก็ตาม พวกเขาจะยังมาเป็นคนบาปอยู่หลังจาก 10 ปี หรือ แม้แต่หลังจากนั้น 50 ปีของชีวิตทางศาสนาก็ตาม 
 

คำพยานของผม
 
พระเจ้าทรงพิจารณาว่า ผู้มีบาปนั้นชอบธรรมไหม?
ไม่ พระองค์ทรงเที่ยงธรรม คนชอบธรรมคือผู้ที่อิสระจากบาปที่ได้ผ่านบาปทั้งหมดของพวกเขา ไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์
 
ผมเริ่มต้นเชื่อในพระเยซูเมื่อผมอายุได้ 20 ปี ก่อนเวลานั้นผมไม่เคยคิดว่าผมมีบาปมากมายเท่าใด ผมทำบาปในชีวิตของผม เพราะผมไม่รู้จักพระบัญญัติของของพระเจ้า ผมได้มีชีวิตในวิธีของตัวเองโดยไม่เคยรู้จักพระเจ้าจนกระทั่งเวลานั้น 
แล้วผมก็ป่วย ผมเคยป่วยเช่นนั้นเช่นที่ผมคิดว่าผมจะต้องตาย ดังนั้นผมตัดสินใจที่ว่าผมควรจะได้รับการชำระบาปของผมอย่างน้อยซักครั้งก่อนผมตาย เพราะว่าผมได้ยินมาว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อผู้มีบาปเช่นผม ผมตัดสินใจที่จะวางใจในพระองค์ ในตอนเริ่มต้น ผมมีความสุขและอิ่มใจอย่างมาก
แต่หลังจากนั้นความรู้สึกของผมก็เลือนๆไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ทำบาปทุกๆวันโดยไม่มีทางเลือก ผมกลับมาเป็นคนบาปอีกครั้งนึงแล้ว หลังจากสิบปีผมก็ยังคงเป็นเป็นผู้มีบาปอยู่ แท้จริงแล้วมันเลวร้ายกว่าเก่าเสียอีก ผมเชื่อในพระเยซูมาสิบปี และความจริงก็คือว่าผมเป็นคนบาปไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย ผมเป็นทั้งผู้ที่เชื่อและคนบาป 
แม้กระนั้นผมก็ยังร้องเพลงว่า “♪การร้องให้จะช่วยผมได้เลย! น้ำตาที่ไหลอาบหน้าผมจะไม่สามารถระงับความกลัวของผมได้ ไม่สามารถล้างบาปทั้งปีได้! การร้องให้ช่วยอะไรผมไม่ได้เลย!”  ผมร้องให้ทุกครั้งที่ผมทำบาป 
“พระเจ้าอันเป็นที่รัก ได้โปรดยกโทษให้ข้าพระองค์สำหรับบาปนี้ด้วย ได้โปรดยกโทษให้ข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่งและข้าพระองค์จะไม่ทำอีก” หลังจากที่ผมทำบาปผมเคยอธิษฐานกว่าสามวัน ผมขังตัวเองในมุมห้องและอธิษฐานในขณะที่อดอาหารกว่า 3 วัน เพราะว่าสัมปชัญญะของผมนั้นหนักยิ่งนัก ผมร้องให้และร้องขอให้พระเจ้ายกความผิดบาปให้ หลังจากสามวัน ผมจะรู้สึกดีขึ้นและคิดว่าผมจะถูกนำไปอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ได้
 “ผมชำระบาปของผมออกไปอีกครั้งหนึ่ง ฮาเลลูยา!” ดังนั้นผมจึงออกมาและมีชีวิตอยู่อย่างขมีขมันอยู่พักหนึ่ง แต่ผมได้ทำบาปอีกครั้งโดยเร็วและผมก็เกิดความสิ้นหวังขึ้น มันก็เกิดขึ้นเหมือนเดิมอีกอยู่เรื่อยๆ มันรู้สึกยิ่งใหญ่มากที่เชื่อในพระเยซูในตอนเริ่มต้นแต่ยิ่งผมเชื่อนานเท่าใดก็ตาม บาปของผมก็กองสูงขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับฝุ่นในห้องที่ไม่ได้ใช้งานอย่างนั้นแหละ 
หลังจากสิบปี ผมก็เป็นคนบาปที่เลวกว่าตอนที่ผมเริ่มต้น “ทำไมผมเชื่อในพระเยซู ในชีวิตของผมเร็วนัก? มันจะง่ายกว่าในการเชื่อในพระเยซูหากผมรอคอยจนกระทั่งอายุ 80 ปี ก็แค่ก่อนที่ผมตาย แล้วผมจะไม่รู้ถึงบาปและไม่จำเป็นต้องสารภาพบาปทุกวัน” ผมคิดว่าผมควรจะมีชีวิตอยู่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่มันเป็นไปไม่ได้ ผมรู้สึกว่าผมคงบ้าไปแล้วล่ะ 
ผมเริ่มต้นค้นหา และค้นหาพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ผมใช้เวลามากในการศึกษาทฤษฎี แต่หลังจากนั้น 2–3 ปี หัวใจของผมก็รู้สึกแห้งแล้งมากขึ้น ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นอ่านหนังสือทางทฤษฎีทางศาสนา ผมเคยพูดว่าผมจะมีชีวิตเหมือนกับนักบุญเดเมนที่ไม่เคยหลับอย่างเป็นสุขในเตียงที่อบอุ่น ผมให้ปฏิญาณกับตัวเองว่าผมจะไม่ยอมทำตามใจตัวเองแทนที่จะอุทิศตัวเองอย่างสมบูรณ์เพื่อคนที่ยากขัดสน
ตามที่ได้อ่านเกี่ยวกับชีวิตของนักบุญนี้ ผมให้คำปฏิญาณตนที่จะมีชีวิตอยู่เหมือนกับเขา ผมพยายามที่จะมีชีวิตใช้ชีวิตอย่างสันโดษเพื่อตัวเอง ผมเคยคุกเข่าบนพื้นซีเมนต์และอธิษฐานเป็นชั่วโมงในตอนนั้น และผมจะรู้สึกว่าหากผมอธิษฐานมากขึ้นจะมีความหมายมากขึ้น และต่อมาผมก็รู้สึกเกี่ยวกับตัวเองดีขึ้น
แต่หลังจากสิบปี ผมไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไป ดังนั้นผมอธิษฐานต่อพระเจ้า “พระเจ้าที่รักในสวรรค์ ได้โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รอดด้วยเถิด ข้าพระองค์วางใจในพระองค์หมดหัวใจ ข้าพระองค์ทราบว่าการเสียสละของข้าพระองค์จะไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าใครบางคนเอามีดจี้คอของข้าพระองค์ไว้ แต่แม้ว่าข้าพระองค์เชื่อในพระองค์ด้วยหัวใจทั้งหมดของข้าพระองค์ แล้วทำไมข้าพระองค์ยังรู้สึกว่างเปล่าอยู่ในหัวใจ? ทำไมข้าพระองค์จึงรู้สึกล้มเหลวเช่นนี้ ทำไมข้าพระองค์ยังเป็นผู้มีบาปที่เลวร้ายอยู่? ข้าพระองค์ไม่เคยคิดเกี่ยวกับบาปมากขนาดนี้มาก่อน ข้าพระองค์เชื่อในพระองค์และตอนนี้ข้าพระองค์แปลกใจว่าทำไมข้าพระองค์จึงเลวร้ายมากมายนักหลังจากที่มีความเชื่อในพระองค์มาเป็นปี เกิดอะไรขึ้นกับข้าพระองค์?”  
มันมาถึงจุดที่ผมได้ทราบเหตุผล ผมเชื่อพระเจ้าโดยไม่ได้รับการช่วยให้รอดจากบาปของผม ผมไม่รู้จักความจริงในตอนนั้นและมันเพียงพอที่จะทำให้ผมบ้าได้ 
ผมจะบอกผู้อื่นเกี่ยวกับการชำระบาปตามพระคุณของพระเจ้าพร้อมกับบาปในหัวใจของผมได้อย่างไรกัน? ผมจะบอกผู้อื่นให้เชื่อในพระเยซูได้อย่างไร? ผมอธิษฐานครั้งแล้วครั้งเล่า “พระเจ้าอันเป็นที่รัก ข้าพระองค์จะจบการสัมมนาเร็วๆนี้และจะถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นศาสนจารย์ แต่หากข้าพระองค์รับรองพันธกิจไปพร้อมกับบาปอยู่ ข้าพระองค์จะสามารถบอกเรื่องการชำระบาปให้กับคนอื่นๆได้อย่างไร? ข้าพระองค์เป็นคนบาปและเมื่อข้าพระองค์อ่านจดหมายของอัครสาวกเปาโล ข้าพระองค์ก็พบว่าหากใครก็ตามที่ไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์แล้ว เขาใช่บุตรของพระเจ้า แต่ไม่ว่าข้าพระองค์จะค้นหามันอย่างกระตือรือร้นเพียงใดก็ตาม พระวิญญาณก็ไม่ได้สถิตอยู่กับข้าพระองค์เลย ข้าพระองค์รู้สึกว่ามันมีในตอนเริ่มต้นและมันก็หายไป เกิดอะไรขึ้น? พระองค์เจ้าข้า ได้โปรดบอกเหตุผลกับข้าพระองค์ด้วยเถิด” 
ความจริงแล้วเหตุผลก็คือว่าผมหลอกตัวเองให้คิดว่าผมได้รับการชำระบาปแล้วผ่านการเชื่อในพระเยซูอย่างง่ายๆ ผมมีความพยายามต่อสิ่งนี้นานทีเดียวเลย 
พระเจ้าทรงสัญญาที่จะแสดงพระองค์เองแก่ผู้ที่ค้นหาพระองค์ด้วยความกระตือร้นพระองค์ทรงพบผมในความจริงของพระองค์ในตอนท้าย ผมยังคงมีบาปมากว่า 10 ปีหลังจากที่ผมเริ่มต้นเชื่อในพระเยซู แต่เมื่อผมได้เรียนรู้ความลับของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ เมื่อผมก็ค้นพบความหมายของการเข้าสุหนัตในพันธสัญญาฉบับเก่าเมื่อผมตระหนักและเชื่อในความลับของความรอดโดยบัพติศมาของพระคริสต์ ความทุกข์ทรมานทั้งหมดของผมจึงจบสิ้นไป จิตวิญญาณของผมจึงขาวเหมือนหิมะ 
มันจะเหมือนกับท่านเช่นกัน หากท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์แล้ว ท่านจะเป็นผู้ไม่มีบาปเช่นเดียวกัน ท่านอาจจะยังคงไม่สมบูรณ์ แต่ท่านจะเป็นคนชอบธรรมเมื่อท่านรับเอาความจริงนี้เข้าไปสู่หัวใจของท่าน และทำให้มันเป็นรู้จักกับคนอื่น พวกเขาจะรอดจากบาปและสรรเสริญพระเจ้าเช่นกันแล้วร้องออกมาว่า “ฮาเลลูยา!” 
ผมต้องการแสดงความยินดีแก่พี่น้องทั้งหมดที่ได้รับการชำระบาปแล้ว ผมสรรเสริญพระเยซูที่ช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเรา ฮาเลลูยา! เราได้รับการชำระบาปอย่างมีความสุขเพื่อบาปทั้งหมดของเรา 
มันเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่ที่เราไม่สามารถอธิบายความสุขทั้งหมดด้วยคำบรรยายใดๆได้ เราต้องร้องเพลงร่วมกัน “♪พระนามของพระองค์เป็นความลับที่เราไม่ได้ประกาศความลับของเรากับทุกสรรพสิ่งเลย พระองค์ถูกโยนออกมาเหมือนกับหินที่คนสร้างไม่ยอมรับ แต่พระนามของพระองค์ยังทรงเป็นเพชรอันล้ำค่าในหัวใจของข้าพระองค์♪”
 


บัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์มากพอที่จะช่วยคนบาปทั้งหมดให้รอดจากบาปของพวกเขาได้

 
อะไรที่เอาบาปทั้งหมดออกไป จากหัวใจของเรา?
บัพติศมาของพระเยซู
 
พระเยซู คริสต์ทรงชำระบาปทั้งหมดของโลกออกไปผ่านบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ พระองค์ทรงให้เราเข้าสุหนัตทางจิตวิญญาณและทรงทำให้เราเป็นคนของพระองค์ พระองค์คือพระเจ้าของการเกิดใหม่ 
มักจะมีการพิพากษาเพื่อบาปอยู่เสมอ แต่พระเยซูทรงรับบัพติศมาและได้รับการพิพากษาบนไม้กางเขนเพื่อช่วยพวกเราให้รอดจากบาป พระองค์ทรงช่วยเราทั้งหมดและทรงเป็นขึ้นมาจากความตายหลังจากนั้นสามวัน พระเจ้า พระบิดาเป็นผู้ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายนั่นเอง 
ชีวิตของพระเยซูคือชีวิตของพวกเราและเป็นเครื่องหมายของการยังคงเป็นบุตรของพระเจ้าของเรา บัพติศมาของพระองค์ได้นำบาปทั้งหมดของเราออกไปและพระโลหิตที่ล้ำค่าของพระเยซูคือเครื่องยืนยันที่พระองค์ทรงรับการพิพากษาในส่วนของเรา
ท่านที่รักทั้งหลาย ท่านมีสิ่งยืนยันของบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูในหัวใจของท่านไหม? ผมอยากถามท่านอีกครั้ง ความรอดของพวกเราได้มาผ่านแค่พระโลหิตของพระเยซูเท่านั้นหรือ? ไม่ มันมาผ่านบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ด้วย
 

ใครคือคนนอกรีต?
 
ใครคือคนนอกรีต?
คือผู้ที่ได้ปรับโทษตัวเองจากความล้มเหลวใน การเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
 
ท่านที่รักทั้งหลาย ท่านยังคงเป็นผู้มีบาปที่ยังคงสารภาพความเชื่อของท่านในพระเยซูในทุกวันของชีวิตของท่านอยู่ไหม? หากท่านคือคนบาปแม้ว่าท่านเชื่อในพระเยซูแล้วท่านก็คือคนนอกรีต คนนอกรีตคือผู้ที่ไม่เชื่อฟังความจริงของพระเจ้า ทิตัส 3:10 กล่าวถึงคนนอกรีตว่า “คนใดที่ยุให้แตกนิกายกันเมื่อได้ตักเตือนเขาหนหนึ่งหรือสองหนแล้วก็จงอย่าเกี่ยวข้องกับเขาเลย ด้วยรู้แล้วว่าคนเช่นนั้นเป็นคนนอกลู่นอกทางและบาปหนา เขาปรับโทษตัวเขาเอง” 
คนที่ปรับโทษตัวเองกล่าวว่า “พระเจ้าอันเป็นที่รัก! ข้าพระองค์เป็นคนบาป ข้าพระองค์เชื่อในพระองค์แต่ข้าพระองค์ยังคงเป็นผู้มีบาปอยู่ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ข้าพระองค์ก็คือคนบาปและข้าพระองค์รู้ว่ามันคือความจริง” 
พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “เจ้ายังคงเป็นผู้มีบาปและยังไม่ได้เป็นบุตรของเราเลยใช่ไหม? แล้ว เจ้าก็คือคนนอกรีต และเจ้าก็จะถูกเหวี่ยงลงไปสู่ไฟแห่งนรก” 
หากท่านเชื่อในพระเยซู โดยไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูในหัวใจของท่านแล้ว หากท่านปรับโทษตัวเองว่าเป็นผู้มีบาปและสารภาพแก่พระเจ้าว่าจิตวิญญาณของท่านมีบาปแล้ว ท่านก็เป็นคนนอกรีตต่อพระพักตร์พระเจ้า
 

ใครคือผู้ที่เชื่อที่แท้จริง?

อะไรคือพยานของพระเจ้าเกี่ยวกับความรอด?
น้ำ , พระโลหิต และพระวิญญาณ
 
คนทั้งหลายที่เชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระ องค์ คนทั้งหลายที่ได้เป็นคนของพระเจ้า และคนทั้งหลายที่ได้ชำระบาปในหัวใจของพวกเขาออกไปแล้ว นั้นเป็นคนชอบธรรม ท่านจะเป็นคนบาปอยู่ได้อย่างไร ในขณะที่ท่านวางใจในพระเยซู? คนบาปไม่สามารถเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าได้ 
ผู้ที่เป็นคนชอบธรรม โดยการเชื่อในพระเยซูจะมีพยานของพระเจ้า ในหัวใจของเขา พยานนี้คือบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ การทำงานของความรอดคือสิ่งที่พระเยซู คริสต์ทรงทำในโลกนี้ 
ดังนั้นใครก็ตามที่ปฏิเสธที่จะเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาที่พระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดของเราออกไปนั้นจะถูกตัดออกจากพระเจ้า  
พี่น้องในความเชื่อที่รัก ท่านยอมรับข่าวประเสริฐที่เป็นความรอดของคนบาปที่ไม่ใช่โดยพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียว แต่โดยน้ำที่เป็นบัพติศมาของพระเยซูด้วยไหม? 
ใครก็ตามที่เชื่อในงานที่พระเยซูทรงทำในโลกนี้ และใครก็ตามที่ยอมรับน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ จะรอดจากบาปทั้งหมด นี่คือความจริงและภูมิปัญญาของข่าวประเสริฐของน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ 
พระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของเราโดยบัพติศมาของพระองค์ เพื่อที่มนุษยชาติทั้งหมดจะรอดจากบาปได้ผ่านพระองค์ ตอนนี้หากท่านเชื่อใจในพระเยซูอย่างแท้จริง ท่านจะไม่มีทางเป็นผู้คนบาปเลย
พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อเรา ทรงช่วยจิตวิญญาณทั้งหมดที่ได้ลอยออกไปและห่างไกลจากพระเจ้าที่เป็นหนี้การหลอกลวงของปีศาจ พระเยซูทรงต้องการค้นหาจิตวิญญาณที่หลงทางทั้งหมด พระเจ้าทรงทำงานผ่านพระเยซูด้วยข่าวประเสริฐของน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ พระองค์ทรงเรียกเราและตอนนี้เราได้รับการชำระบาปและรอดจากบาปและโดยพระองค์แล้ว
ท่านเชื่อในความจริงนี้ไหม? ผมกำลังบอกท่านว่าความรอดนั้นไม่ได้มาโดยโดยพระโลหิตเพียงเท่านั้น แต่โดยทั้งบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนด้วย ผู้ที่กล่าวว่าพวกเรารอดเพียงแค่โดยพระโลหิตจะต้องทราบว่าพวกเขามีบาปในหัวใจของพวกเขาอยู่ 
เราทั้งหมดเคยคิดว่ามันเพียงพอสำหรับความรอดของเราที่จะเชื่อในพระโลหิตของพระเยซู เราคิดเช่นนั้นมาก่อน แต่ตอนนี้เราควรจะตระหนักว่ามันไม่เพียงพอ เรารอดและเกิดใหม่ได้โดยการเชื่อในพระเยซู คริสต์ ผู้เสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ 
คนบาปทุกคนรอดจากบาปได้โดยความเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ (1 ยอห์น 5:5–10) เรามาสรรเสริญพระเจ้ากัน ฮาเลลูยา!