Search

Predigten

เรื่องที่ 9: โรม (ข้อคิดเกี่ยวกับหนังสือของโรม)

[บทที่ 6-2] ความหมายที่แท้จริงของการรับบัพติศมาขอ งพระเยซู (โรม 6:1-8)

(โรม 6:1-8)
“ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะว่าอย่างไร ควรเราจะอยู่ในบาปต่อไป เพื่อ ให้พระคุณมีมากยิ่งขึ้นหรือ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย พวกเราที่ตายต่อบาปแล้ว จะมีชีวิตในบาปต่อไปอย่างไรได้ ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้ รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์ เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นมาอย่างพระ องค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย เราทั้งหลายรู้แล้วว่า ตัวเก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป เพราะรู้ว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย”
 
 

การรับบัพติศมาหมายถึงอะไร?

 
พวกเราเรียกยอห์น ผู้ให้บัพติศมาต่อพระเยซูว่า ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ถ้าเช่นนั้นการรับบัพติศมาหมายถึงสิ่งใด? “การรับบัพติศมา” หมายถึงคำว่า “βάφτισμα” ในภาษากรีก คำนี้หมายความว่า “การได้รับการจุ่มน้ำ” และความหมายที่สำคัญที่สุดของการรับบัพติศมาคือ “การชำระล้างความบาปและความตาย”
ข้อความที่ว่า “การได้รับการจุ่มน้ำ” หมายความถึงความตาย ความบาปทั้งหมดของโลกได้รับการโยกย้ายไปสู่พระเยซู เมื่อยอห์น ผู้ให้บัพติศมา ได้ให้บัพติศมาแก่พระองค์ หลังจากนั้น พระองค์ทรงรับเอาความบาปทั้งหมดไว้ และทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อทรงชำระค่าจ้างแห่งบาปทั้งหมดของเรา พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ในแผ่นดินของเรา ความตายหมายถึงผลกรรมแห่งความบาปเพราะ “ค่าจ้างแห่งบาปคือความตาย” (โรมัน 6:23)
การรับบัพติศมายังหมายถึง “การได้รับการชำระล้าง” ความผิดบาปของเราทั้งหมดได้รับการชำระล้างโดยไม่เหลือความผิดบาปแม้แต่น้อย เพราะพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของโลกทั้ง หมดไว้ที่เนื้อหนังของพระองค์โดยการรับบัพติศมา ความผิดบาปทั้งหมดในใจของมนุษย์ได้รับการชำ ระล้าง เพราะสิ่งเหล่านั้นได้ถ่ายโอนไปยังพระเยซูโดยการรับบัพติศมา
การรับบัพติศมามีความหมายเหมือนกับ “การวางมือ” “การวาง มือ” หมายถึง “การถ่าย ทอด” การกระทำของการรับบัพติศมาของพระเยซูจากยอห์น คือการทนรับความผิดบาปทั้งหมดของโลก ซึ่งเป็นธรรมบัญญัติอันเป็นนิรันดร์ของการช่วยให้รอดของพระเจ้า ซึ่งปุโรหิตจะวาง มือของท่านบนหัวของเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อไถ่บาปของชาวอิสราเอลไปยังเครื่องบูชาไถ่บาปในวันที่สิบของเดือนเจ็ด
เลวีนิติ 16:21-22 กล่าวว่า “และอาโรนจะเอามือทั้งสองวางบนหัวแพะที่มีชีวิตนั้น และกล่าวคำสารภาพบรรดาบาปของคนอิสราเอล และการทรยศทั้งหมด และบาปทั้งสิ้นให้ตกลงบนหัวแพะนั้น และให้คนที่เตรียมมือไว้พร้อมแล้วมานำแพะไปปล่อยเข้าถิ่นทุรกันดาร แพะนั้นจะบรรทุกมลทินทั้ง หมดไปยังที่เปลี่ยว แล้วเขาก็ปล่อยให้มันเข้าถิ่นทุรกัน ดารไป” เมื่ออาโรน มหาปุโรหิตได้เอามือของเขาวางบนหัวแพะที่มีชีวิต แพะจะรับเอาบาปทั้งหมดของชาวอิสราเอลและถูกฆ่าเพื่อประชาชน
 
 

“การเอามือวางบนหัวของเครื่องบูชาไถ่บาป” ในพระคริสตธรรมคัมภีร์  ภาคพันธสัญญาเดิม หมายถึง “การรับบัพติศมา”  ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่

 
ความหมายของการรับบัพติศมาคือ “การได้รับการจุ่มน้ำ” ซึ่งรวมถึง “การได้รับการฝัง, การชำระล้าง หรือการถ่ายทอดไป” ประชาชนในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมได้นำแพะหรือลูกแกะที่ไร้มลทินบาปมา และเอามือของเขาวางบนหัวของเครื่องบูชาเพื่อถ่ายความ ผิดบาปของพวกเขาไปยังแพะนั้น การทำเช่นนี้ก็คล้ายกับการรับบัพติศมาในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ แพะจะรับเอาความผิดบาปไปโดย “การวางมือ” และจะถูกฆ่า พระเยซูทรงรับบัพติศมาโดยยอห์น ผู้ให้บัพติศมา ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมด เพื่อทรงรับเอาความบาปทั้งหมดของโลกไว้และทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน
อาโรน มหาปุโรหิตและตัวแทนของชาวอิสราเอล เอามือของเขาวางบนหัวแพะเพื่อถ่ายความ ผิดบาปของชาวอิสราเอลไว้ที่แพะนั้น เขาจะฆ่าแพะแล้วใช้นิ้วของเขาจุ่มเลือดแพะไปเจิมที่เชิงงอนของแท่นบูชา ดัง นั้น ท่านลูกากล่าวไว้ว่า ยอห์น ผู้ให้บัพติศมา ผู้ซึ่งกำเนิดในตระกูลอาโรน เป็นตัวแทนของมนุษยชาติดังเช่นอาโรน มหาปุโรหิต ซึ่งเป็นตัว แทนของชาวอิสราเอล
พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา” (มัทธิว 11:11) ยอห์นผู้ให้บัพติศมามีสิทธิ์ที่จะถ่ายความผิดบาปของโลกไปยังพระเยซู โดยการรับบัพติศมาเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด ดังเช่นปุโรหิตของโลก ตามสถานะอันเป็นนิรันดร์แห่งพระเจ้า ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นมหาปุโรหิตท่านสุดท้าย เมื่อผู้เขียนกล่าวว่า ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นมหาปุโรหิต คนบางคนอาจจะกล่าวว่า “ประโยคที่บอกว่ายอห์น ผู้ให้บัพติศมาเป็นมหาปุ โรหิตนั้นอยู่ส่วนไหนของพระคัมภีร์ไบเบิล?” ประโยคนี้มีในหนังสือด้วยหรือ? ชายผู้หนึ่งซึ่งถือกำเนิดโดยเศคาริยาห์ คือยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ปุโรหิตเศคาริยาห์อยู่ในเวรอาบียาห์ หลายชายของอาโรน มหาปุโรหิต ซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ของตระกูลอาโรนที่ชัดเจน
พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงกองเวรปุโรหิต ผู้ซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ของอาโรน ใน 1 พงศาวดาร บทที่ 24 ในวันสุดท้ายของดาวิดมีปุโรหิตหลายท่านและพวกเขาจำเป็นต้องจัดเวร ดังนั้น พวกเขาจึงจัดแบ่งด้วยฉลากเป็น 24 กลุ่มตามจำนวนหลานชาย 24 คนของตระกูลอาโรน ฉลากใบที่ 8 ตกอยู่ที่อาบียาห์ กองเวรแต่ละกองจะปรนนิบัติพระนิเวศและงานดูแลห้องของพระเจ้าเป็นเวลา 15 วัน และเศคาริยาห์แห่งกองเวรของปุโรหิตอาบียาห์ได้รับเลือกโดยพระเจ้าให้เป็นปุโรหิต ผู้มีหน้าที่ในกองเวรของเขา
ลูกา 1:9 กล่าวว่า “ท่านได้ฉลากตามธรรมเนียมของปุโรหิต ต้องเข้าไปในพระวิหารเผาเครื่องหอมบูชา” ซึ่งแสดงให้เราเห็นว่า ยอห์น ผู้ ให้รับบัพติศมาได้กำเนิดมาในตระกูลอาโรน มหาปุโรหิต และมหาปุโร หิตท่านสุดท้าย ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของมนุษย์ทุกคน (มัทธิว 11:11, 3:13-17) มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้กำเนิดในตระกูลของมหาปุโรหิตและกลาย เป็นมหาปุโรหิตตามธรรมบัญญัติ มีเพียงสิงห์โตเท่านั้นที่จะแบกรับลูก ๆ ของสิงห์โตได้ ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาได้รับเอาความเป็นมหาปุโรหิตแห่งอาโรน บรรพบุรุษของท่านไว้
 
 

เหล่าสาวกของพระเยซูได้พิสูจน์การรับบัพติศมาของพระเยซู

 
เหล่าสาวกทุกท่านโดยท่านเปาโล เปโตร มัทธิว และยอห์นได้พิสูจน์การรับบัพติศมาของพระเยซู ขอเราจงดูที่หลักฐานแห่งท่านเปาโลที่จารึกไว้ในข้อความหวักว่า “ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะว่าอย่างไร ควรเราจะอยู่ในบาปต่อไป เพื่อให้พระคุณมีมากยิ่งขึ้นหรือ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย พวกเราที่ตายต่อบาปแล้ว จะมีชีวิตในบาปต่อไปอย่างไรได้ ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์ เหตุฉะ นั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำ เนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือน กัน เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นมาอย่างพร ะองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย เราทั้งหลายรู้แล้วว่า ตัวเก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป เพราะรู้ว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย”
กาลาเทีย 3:27 กล่าวไว้เช่นกันว่า “เพราะเหตุว่าคนที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็จะสวมชีวิตพระคริสต์” ขอพวกเราจงอ่านจด หมายจากท่านเปโตร 1 เปโตร 3:21 กล่าวว่า “บัดนี้พิธีบัพติศมาก็ช่วยท่านทั้งหลายให้รอดเช่นเดียวกัน มิใช่เป็นการชำระมลทินทางกายแต่ให้มีจิตสำนึกว่าชอบจำ เพาะพระพักตร์พระเจ้าโดยที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย”
ท่านยอห์นกล่าวไว้ใน 1 ยอห์น 5:5-8 ว่า “ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง นี่แหละคือผู้ที่ได้มาโดยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำสิ่งเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต และพระวิญญาณทรงเป็นพยาน เพราะพระวิญ ญาณทรงเป็นความจริง มีพยานอยู่สามประการด้วยกัน คือ พระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามนี้สอด คล้องกัน”
จดหมายจากท่านมัทธิวได้เขียนไว้ใน มัทธิว 3:13-17 ว่า “แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า ‘ข้าพระองค์ต้อง การจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์’ แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิดเพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วยอห์นก็ยอม ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์ และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก’”
พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกไว้โดยทรงรับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา “เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระ ทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของโลกไว้ที่พระองค์โดยการรับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ซึ่งเป็นวิธีที่สะอาดที่สุด พระองค์เองทรงพิสูจน์ไว้ว่า “ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์ และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก’” พระเยซูทรงรับเอาบาปของเราทั้งหมดไว้โดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ทรงพิสูจน์ข่าวประเสริฐแห่งน้ำและพระวิญญาณเป็นเวลา 3 ปี ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนจนสิ้นพระ ชนม์ และฟื้นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม ขณะนี้พระองค์ทรงประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
พระเยซูจะเสด็จมาหาผู้ที่รอคอยพระองค์โดยปราศจากบาปอีก ฮิบรู 9:28 กล่าวว่า “พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้ พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรร ดาผู้ที่รอคอยพระ องค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด” พระเจ้าตรัสว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” และวิญญาณบริสุทธ์กล่าวว่า ท่านที่รับเอาบาปทั้งหมดของโลกไว้คือ พระเยซู ผู้ช่วยให้รอด อย่างไรก็ตาม ผู้คนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ไบเบิล เพราะดวงตาแห่งจิตวิญ ญาณของพวกเขาถูกปิดอยู่ ดวงตาแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาควรเปิด และพวกเขาควรกลับมาเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ (ยอห์น 3:5)
ดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่า มีเพียงพระเยซูพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงช่วยมนุษยชาติให้รอดได้ แต่ในความเป็นจริง พระเยซูทรงเป็นพระเมษโปดกของพระเจ้า และแสวงหายอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ผู้เป็นตัวแทนของมนุษย์ทุกคน และสามารถถ่ายความผิดบาปทั้งหมดของโลกไปยังพระองค์ เพราะเป็นเช่น เดียวกับที่อาโรน มหาปุโรหิตเอามือของเขาวางบนหัวเครื่องบูชาไถ่บาป (แพะที่มีชีวิต) และถ่ายบาปของชาวอิสราเอลไปที่แพะโดยการเอามือของเขาวางบนหัวของเครื่องบูชา แล้วอาโรนจะปลด ปล่อยพวกเขาให้รอดพ้นจากบาปโดยการฆ่าเครื่องบูชาไถ่บาป แล้วพระเจ้าจึงประทานทูตมายังพระเยซู
 
 
ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาคือใคร?
 
ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาคือ ทูตของพระเจ้า ผู้ถูกทำนายไว้ในมา ลาคี 3:1-3 พระผู้เป็นเจ้าทรงแสวงหาทูต ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ผู้ที่จะเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ พระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ทรงรับเอาความบาปชั่วนิรันดร์ของมนุษย์ทุกคนไว้โดยยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา และทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนดังเช่นค่าจ้างแห่งบาป ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ ขณะที่แกะรับเอาความบาปในเวลาอันจำกัดและถูกฆ่าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม ดังนั้น พระเยซูทรงช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้นจากความผิดบาปชั่วนิรันดร์
เหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ 2 ครั้งที่เกิดขึ้นก่อนประสูติกาลของพระเยซู เหตุการณ์หนึ่งคือ พระนางมารีย์ตั้งครรภ์พระเยซู และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาได้กำเนิดขึ้นในกองเวรอาบียาห์ เหตุ การณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า นี่เป็นบทละครอันสมบูรณ์แบบที่พระเจ้าทรงเขียนขึ้น พระเจ้าประทานยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมามาให้โลก 6 เดือนก่อนพระเยซู และทรงประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มาเพื่อปล่อยเราให้พ้นจากสงคราม และความเจ็บปวด พวกท่านเข้าใจหรือไม่? ขอจงทำความเข้าใจพระคัมภีร์ไบเบิลให้มากขึ้น
ขอเราจงอ่านมัทธิว 11:7-14 ซึ่งยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมากล่าวว่า “ครั้นศิษย์เหล่านั้นไปแล้วพระเยซูตรัสกับคนหมู่นั้นถึงยอห์นว่า” ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้อ อ่อนนิ่มหรือ ดูเถิดคนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในราชวัง แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า “เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคของท่านไว้ข้างหน้าท่าน เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวง หาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรน ก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้ เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย และธรรมบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับให้เป็น ก็ยอห์นนี่แหละเป็นเอลียาห์ซึ่งจะมานั้น”
ผู้คนออกไปถิ่นทุรกันดารเพื่อพบยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา แล้วร่ำร้องว่า “จงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว!” (มัทธิว 3:2) พระเยซูตรัสแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไม่ มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิดคนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในราชวัง แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก”
ในยุคของพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม กษัตริย์ไม่ได้มีอำนาจเหนือผู้เผยพระวจนะ กษัตริย์จะเชื่อฟังในสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะพูด แล้วใครเล่าที่มีอำนาจเหนือกษัตริย์ทั้งปวงและผู้เผยพระวจนะในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม? ผู้นั้นคือยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา พระเยซูพระ องค์เองที่พิสูจน์เรื่องนี้ ใครคือตัวแทนของมนุษย ชาติ? ใครคือตัวแทนของมนุษย์ทุกคนที่มีเนื้อหนัง ยกเว้นพระเยซู? ผู้นั้นคือยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นมหาปุโรหิตบนโลกของมนุษยชาติ เขาถูกกำหนดโดยพระผู้เป็นเจ้าเอง และถูกส่งมาในโลกและเล่นบทบาทของเขา
“ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิดคนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในราชวัง แต่ท่านทั้ง หลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประ เสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า ‘เราใช้ทูตของเราไปข้าง หน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’”
อิสยาห์ทำนายว่าสงครามในเยรูซาเล็มจะจบสิ้นลง พวกเราจะพบได้ว่าคำทำนายนี้เป็นจริง เมื่อยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมากล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29) ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาพิสูจน์ว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และทรงรับเอาความบาปทั้งหมดของโลกไว้
อีกประการหนึ่ง พระเยซูทรงพิสูจน์ว่า ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นทูตที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ ผู้ที่ต้องมา มัทธิว 11:11 กล่าวว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้นไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา” มีผู้ใดในบรรดาผู้ที่เกิดจากผู้หญิงที่ใหญ่กว่ายอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาหรือ? ไม่มี “ในบรรดาผู้ที่เกิดจากผู้ หญิง” หมายความว่าอย่างไร? หมายถึง “ทุกคนในโลก” คำว่า “ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา” หมายความว่า ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคนในโลก เขาเป็นมหาปุโรหิตเพราะเขาเกิดมาในตระกูลอาโรน
 
 
ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคนในโลก
 
คุณเชื่อหรือไม่ว่า ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา เป็นตัวแทนของประ ชาชนทุกคนในโลก และมหาปุโรหิต ผู้ที่ถ่ายความผิดบาปของเราทั้งหมดไปยังพระเยซู รู้ว่า พระเจ้าทรงกำหนดอาโรนและลูกหลานของเขาขึ้นมาครอบครองความเป็นปุโรหิตตลอดกาลในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม?
ใครเป็นตัวแทนของมนุษย์ทุกคน? และใครเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคนที่มีเนื้อหนัง ยกเว้นแต่เพียงพระเยซูเท่านั้น? ผู้นั้นคือ ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ผู้ให้รับบัพติศมาแก่พระเยซู
“แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า “เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคของท่านไว้ข้าง หน้าท่าน”
และคนที่พิสูจน์ว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29) คือ ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
พระเยซูตรัสว่า “และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรน ก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้ เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะทั้ง หลาย และธรรมบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้” (มัทธิว 11:12-13) ข้อความนี้แสดงว่า พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกไว้โดยการรับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา และทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดแก่มนุษย์ทุกคน ยังแสดงให้เห็นว่ายอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ถ่ายความผิดบาปทั้ง หมดของโลกไปยังพระเยซู พระเยซูพระองค์เองก็ตรัสเช่นนั้น นั่นหมาย ความว่ายอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ถ่ายความผิดบาปของโลกไปยังพระเยซู และผู้ใดก็ตามที่เชื่อความจริงนี้ ก็จะได้รับการช่วยให้รอดจากความบาปของเขาหรือเธอ และจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ เรื่องนี้จริงหรือเท็จ? มันเป็นเรื่องจริงแน่นอนตามพระวจนะของพระเจ้า และพวกเราผู้เผยแพร่ความจริงของพระคัมภีร์ไบเบิล จึงเผยแพร่เรื่องนี้ได้อย่างภาค ภูมิใจ ผู้ใดก็ตามที่เชื่อความจริงจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์
 
 
ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา  ถ่ายความผิดบาปของโลกไปยังพระเยซูดังเช่นมหาปุโรหิตคนสุดท้ายแห่ง พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม
 
เศคาริยาห์ บิดาของยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ได้รับฟังจากทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า ขอพวกเราจงพิสูจน์จดหมายจากท่านเศคาริยาห์ถึงบุตรของท่าน จดหมายของบิดาของเขาไม่ได้เกินความจริงใช่ไหม? ขอพวกเราจงดูจดหมายของท่านที่ร้องในกลอนที่ว่า “ฝ่ายเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วได้ทำนายว่า ‘สาธุการแด่พระเจ้าของพวกอิสราเอล ด้วยว่าพระองค์ทรงเยี่ยมเยียน และช่วยไถ่ชนชาติของพระองค์ และได้ทรงให้ผู้ช่วยทรงฤทธิ์เกิดมาในวงศ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ตั้งแต่โบราณ โดยปากของผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์ คือทรงให้รอดพ้นจากพวกศัตรูของเราทั้งหลาย และพ้นจากมือของคนทั้งปวงที่ชังเรา ดังนั้นจึงทรงสำแดงพระกรุณาซึ่งทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ คือคำปฏิญาณซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของเราว่า เมื่อเราทั้งหลายพ้นจากมือศัตรูของเราแล้ว จะทรงโปรดให้เราปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัว ด้วยความบริสุทธิ์และด้วยความชอบธรรม จำเพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิตของเรา ท่านทารกเอ๋ย เขาจะเรียกท่านว่าเป็นผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด เพราะว่าท่านจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และจัดเตรียมมรรคาของพระองค์ไว้ เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์มีความรู้ถึงความรอดที่มาทางการทรงยกบาปของเขา โดยพระทัยเมตตากรุณาแห่งพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่คนทั้งหลาย ผู้อยู่ในที่มืด และในเงาแห่งความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข’ ฝ่ายทารกนั้นก็ได้เจริญวัยขึ้น และวิญญาณจิตก็มีกำลังทวีขึ้น ท่านไปอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร จนถึงวันที่ท่านจะได้มาปรากฏแก่ชนชาติอิสราเอล” (ลูกา 1:67-80)
พระบิดาของท่านได้ทำนายไว้ว่า ยอห์นจะเป็นผู้เผยแพร่พระวจนะ และปุโรหิตแบบใด ขอพวกเราจงดูว่าท่านได้ทำนายบุตรของท่านว่า “ท่านทารกเอ๋ย เขาจะเรียกท่านว่าเป็นผู้เผยพระวจนะของผู้สูง สุด เพราะว่าท่านจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และจัดเตรียมมรรคาของพระ องค์ไว้ เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์มีความรู้ถึงความรอดที่มาทางการทรงยกบาปของเขา โดยพระทัยเมตตากรุณาแห่งพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่คนทั้งหลาย ผู้อยู่ในที่มืด และในเงาแห่งความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข” (ลูกา 1:76-79)
ในที่นี้ พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์มีความรู้ถึงความรอดที่มาทางการทรงยกบาปของเขา” ใครให้เรามีความรู้ถึงความรอด? ลูกา 1:76 กล่าวว่า ผู้นั้นคือยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา พวกเรามารู้จักพระเยซู และวางใจในพระองค์ เพราะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา พิสูจน์ว่า พระเยซู คริสต์ทรงช่วยคนบาปให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเขา โดยทรงรับบัพติศมาจากยอห์นเพื่อรับเอาความผิดบาปที่ทำขึ้นในวิธีที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรมที่สุด “ท่านมาเพื่อเป็นสักขีพยาน เพื่อเป็นพยาน ให้แก่ความสว่างนั้น เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน ท่านไม่ใช่ความสว่างนั้น แต่ท่านมาเพื่อเป็นพยานให้แก่ความสว่างนั้น” (ยอห์น 1:7-8)
 
 
พวกเราต้องได้รับการช่วยให้รอด
 
พวกเราต้องได้รับการไถ่บาปโดยการเชื่อว่า พระเยซูทรงช่วยทุกคนในโลกให้รอด โดยวิธีที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรมที่สุดโดยการรับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ความชอบธรรมของพระเจ้ากล่าวว่า “พระเยซูเสด็จมายังโลกในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ทรงปลดปล่อยคนบาปจากความบาปของเขาในวิธีที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรมที่สุด โดยการรับบัพติศมาโดยยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา และทรงกลับฟื้นคืนชีพหลังจากถูกตรึงกางเขน ความชอบธรรมของพระเจ้าถูกซ่อนเร้นไว้ในข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณ
ความชอบธรรมของพระเจ้าที่ได้รับการเปิดเผยในข่าวประเสริฐที่สอนเราว่า พระเยซูถูกประ ทานมาในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ทรงรับบัพติศมา ถูกตรึงบนไม้กางเขน และทรงฟื้นคืนชีพจากความตายในวันที่สาม พวกเราจงมาศรัทธาในพระเยซูโดยจดหมายของท่านยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา และได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเราโดยการวาง ใจในความชอบธรรมของพระเยซู ความผิดบาปของทุกคนได้รับการชำ ระและพวกเขามีชีวิตนิรันดร์ โดยการวางใจในพระเยซูโดยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่นำเราสู่การเป็นบุตรของพระเจ้าเป็นดังเช่นรางวัล