(โรม 8:16-25)
“พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาทคือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้สง่าราศีด้วยกันกับพระองค์ด้วย เพราะข้าพเจ้าเห็นว่า ความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบันนี้ ไม่สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับสง่าราศีซึ่งจะเผยในเราทั้งหลาย ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว มีความเพียรคอยท่าปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้เข้าอยู่นั้นด้วยมีความหวังใจ ว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเปื่อยเน่า และจะเข้าในเสรีภาพซึ่งมีสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้าด้วย เรารู้อยู่ว่า บรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้น กำลังคร่ำครวญและผจญความทุกข์ลำบากเจ็บปวดด้วยกันมาจนทุกวันนี้ และไม่ใช่สรรพสิ่งทั้งปวงเท่านั้น แต่เราทั้งหลายเองด้วย ผู้ได้รับผลแรกของพระวิญญาณ ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยจะเป็นอย่างบุตร คือที่จะทรงไถ่กายของเราทั้งหลายไว้ เหตุว่าเราทั้งหลายรอดได้เพราะความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้หาได้เป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็น เราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น”
ตอนนี้คือเวลาที่ปราศจากความหวังใจ
ทำไมคนชอบธรรมครอบครอง ความหวังใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์?
เพราะว่าเราเป็นคริสเตียนที่เกิดใหม่ จะครอบครองสวรรค์ใหม่ และโลกใหม่ แม้แต่ผู้ที่ไม่เกิดใหม่ก็จะสูญสิ้น ไปด้วยความเปื่อยเน่าของโลกนี้
ตอนนี้มีความหวังใจที่แท้จริงในโลกนี้ไหม? ไม่มีหรอก มันคงอยู่แต่กับพระเยซูเพียงเท่านั้น ตอนนี้คือเวลาของความไม่แน่นอนและการไร้ความหวัง ทุกๆคนเปลี่ยนแปลงไปทุกวันอย่างรวดเร็วและผู้คนก็พยายามอย่างหนักกับความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วนี้ พวกเขาไม่ค้นหาจิตวิญ ญาณที่แท้จริงและไม่สนใจความสุขทางจิตวิญญาณ พวกเขาดิ้นรนที่จะหลีกเลี่ยงความล้มเหลวและมีชีวิตที่เป็นทาสของโลกใบนี้แทน งานใหม่เกิดขึ้น และงานเก่าก็ตายไป ในทำนองเดียวกันผู้คนเข้าใจและการเปลี่ยน แปลงอย่างรวดเร็วที่กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาก็มีชีวิตอยู่อย่างยุ่งเหยิงและวิตกกังวล ความหวังใจสำหรับโลกนี้ของพวกเขาก็ค่อยๆอันตรธานหายไป หนึ่งในเหตุผลก็คือเพราะว่าพวกเขานำชีวิตไปโดยไม่มีการรับประกันที่แน่นอนสำหรับอนาคตเลย เรามีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มั่นคง
เราจะต้องมีความหวังใจสำหรับชีวิตนิรันดร์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์
เราได้รับความหวังใจที่แท้จริงได้อย่างไร? เราได้รับโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ความหวังใจของผู้ที่ไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่อยู่ในสวรรค์ อัครสาวกเปาโลพูดถึงความหวังใจแห่งสวรรค์แท้จริงไว้ เราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาสถิตแล้วมีความหวังใจในสิ่งต่างๆของสวรรค์ เราทำเช่นนั้นเพราะเราเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ เสด็จมายังโลกนี้เพื่อนำบาปทั้งหมดของเราไป และทรงช่วยเราผู้มีบาปให้รอดโดยบัพติศมาของพระองค์จากยอห์นและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนพระผู้เป็นเจ้าทรงยอมให้มีความ หวังใจทางสวรรค์แก่ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป
โรม 8:19–21 กล่าวว่า “ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว มีความเพียรคอยท่าปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้เข้าอยู่นั้นด้วยมีความหวังใจ ว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเปื่อยเน่า และจะเข้าในเสรีภาพซึ่งมีสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้าด้วย” สรรพสิ่งทั้งหมดมีความหวังใจที่จะได้รอดจากอำนาจแห่งความเปื่อยเน่าและความตาย
ทุกสิ่งในโลกนี้นั้นไม่สมบูรณ์ ดังนั้นพวกเขาคร่ำครวญและรอคอยให้บุตรของพระเจ้าได้เปิดเผยขึ้นมา อีกนัยหนึ่งพวกเขามีความประสงค์ที่จะเป็นอิสระจากอำนาจแห่งความเปื่อยเน่าและมีชีวิตนิรันดร์ สรรพสิ่งทั้งหมดรอคอยวันที่พวกเขาจะไม่เสื่อมสลาย แต่มีชีวิตนิรันดร์ในโลกนี้
บางวันสรรพสิ่งทั้งหมดที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น จะถูกสร้างขึ้นใหม่ แม้ว่าดอกไม้จะเหี่ยวแห้ง และเน่าเปื่อยไปในโลกนี้ แต่มันก็จะมีดอกไม้ใหม่ที่งอกงามขึ้นมาใหม่ได้อยู่ในโลกใหม่ของมัน เราผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตอยู่ก็จะได้เห็นโลกใหม่นี้เช่นกัน
พระเยซู คริสต์ทรงสัญญาว่าพระองค์จะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง และทำให้ผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์มีเพิ่มขึ้น ประทานกายใหม่ที่ไม่เน่าเปื่อยและเป็นอมตะให้แก่พวกเขาแต่ละคน และจะประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่พวกเขา พระองค์ทรงประทานให้พวกเขามีชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์ร่วมกับพระเจ้า สรรพสิ่งทั้งหมดในโลกนี้นั้นรอคอยวันนั้น พวกเขาจะมีชีวิตนิรันดร์กับเรา บุตรของพระเจ้าเมื่อวันนั้นมาถึง
เห็นโลกนี้ได้ผ่านความหวังใจ
เมื่อใดที่ความฝันนี้จะเป็นจริงสำหรับคนชอบธรรม? มันเป็นจริงเมื่อพระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมา เราจะต้องอยู่ในความหวังใจเมื่อมองดูที่โลกใบนี้ พระเยซูตรัสว่า พระเยซูตรัสว่าจะเกิดความอดอยาก เกิดโรคระบาด เกิดแผ่นดินไหวและเกิดสงครามในที่ต่างๆ (มัทธิว 24:7) แต่ในตอนท้ายยังไม่มาถึง ในวันสุดท้ายของโลกนี้ พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง จะทรงต่ออายุสิ่งต่างๆทางโลกทั้งหมด และยกมรดกกายทางจิตวิญญาณของความเป็นอมตะให้กับเรา สิ่งนี้หมายความว่าพืช และ สัตว์จะเป็นอมตะด้วยเช่นกัน ด้วยความเชื่อในสิ่งนี้ เราจะต้องเห็นโลกด้วยความหวังใจใหม่
ในโลกนี้แม้แต่ผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในตัวเองก็ยังคร่ำครวญอยู่ในตัวเองพร้อมกับสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นมาทั้งหมด รอคอยความรุ่งโรจน์ของการไถ่ร่างกายของเราในฐานะบุตรของพระองค์ ในโลกนี้แม้แต่ผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตในตัวของพวกเขาด้วยสรรพสิ่งทั้งหมด เราเห็นโลกนี้ได้พร้อมกับความหวัง เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ผู้ไม่เคยเน่าเปื่อยหรือตายไปเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
แม้ว่าโลกใบนี้จะถูกทำลายไปในวันหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็จะกำเนิดใหม่ เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาอีกครั้ง เราจะต้องมีชีวิตด้วยความหวังใจโดยการเชื่อเช่นนั้น โลกที่ได้รับการฟื้นฟูจะสนุกสนานและน่าอัศจรรย์เหมือนกับโลกมหัศจรรย์ที่คุณเคยอ่านในเทพนิยาย ลองคิดถึงการอยู่ในโลกแบบนั้นสักพันปีดูสิ และและเราจะมีชีวิตนิรันดร์ดุจเป็นบุตรของพระองค์เช่นกัน เมื่อเราเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ เราจะต้องมีชีวิตด้วยความหวังเช่นนี้
ท่านเห็นความหวังใจในโลกนี้ไหม? ไม่ มนุษย์มีชีวิตอยู่ในความสุขไปในทางที่ดี เพราะพวกเขาไม่มีความหวังใดสำหรับโลกนี้เลย แต่พระผู้เป็นเจ้าของเราประทานความหวังใจของสวรรค์ให้แก่ผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปและเป็นคนชอบธรรม “เหตุว่าเราทั้งหลายรอดได้เพราะความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้หาได้เป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น? แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็น เราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น” สิ่งนี้หมายความว่าเราจะต้องมีความอดทนเพียงพอในการรอคอยการกลับมาของพระเยซูเพราะเราถูกช่วยให้รอดจากความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าของเรา
เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตอยู่ในจิตวิญญาณของเรา เพราะว่าเรารอดจากบาปของของเราแล้ว นั่นคือคนทั้งหลายที่ได้รับการยกความผิดบาปจากพระเยซูนั้นมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในหัวใจของพวกเขาแทนบาป แล้วร่างกายของเราคืออะไรล่ะ? ความอ่อนแอของร่างกายของเราจะฟื้นคืนขึ้นมาเช่นเดียวกัน โดยได้รับชีวิตใหม่และชีวิตอมตะ เราจะมีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระเจ้าเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา มีเพียงคนทั้งหลายที่เกิดใหม่เท่านั้นที่มีสิทธิพิเศษในการทำสิ่งในความหวังใจได้ และดังนั้น จิตวิญญาณและเนื้อหนังของเราก็จะสมบูรณ์ เนื้อหนังของเราจะเป็นนิรันดร์และเราจะไม่ป่วยอีกเลย ร่างกายทางโลกของเรานั้นอ่อนแอดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีชีวิตอย่างสมบูรณ์ เรามารอคอยการเสด็จมาเป็นครั้งที่สองของพระผู้เป็นเจ้ากันเถอะ มีเพียงเมื่อผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตอยู่เท่านั้นที่จะสามารถมีความหวังใจและชีวิตเช่นนี้ได้
ความหวังของคนชอบธรรม นั้นไม่ได้อยู่ในสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นจริงในโลกนี้ด้วย พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมาอีกครั้งเมื่อโลกนี้ตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ พระองค์จะเสด็จมาแน่นอน เมื่อพระองค์เสด็จมาเป็นครั้งแรก พระองค์จะทรงรับบัพติศมาเพื่อช่วยคนบาปทั้งหลาย จะทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อทำให้พวกเขาเป็นผู้ชอบธรรม และท้ายที่สุดก็ขึ้นสู่สวรรค์ ตอนนี้คือเวลาที่พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ในตอนนั้นพระองค์จะทรงปลุกวิสุทธิชนทั้งหลายผู้ที่เชื่อในพระเยซูและได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในตัวของพวกเขาแล้ว และจะทำให้พวกเขาเป็นอิสระจากอำนาจแห่งความเปื่อยเน่าพระองค์จะประทานกายแห่งสวรรค์ใหม่ให้พวกเขากายที่ไม่เน่าเปื่อยไม่เจ็บป่วยเลย นอก จากนี้ พวกเขาก็จะจมไปในเมฆเพื่อพบพระองค์ในอากาศและพระองค์จะทรงสร้างทุกสิ่งใหม่
หลังจากนั้น เราร่วมกับพระเยซู พระผู้เป็นเจ้าของเรา จะมีชีวิตและครองราชย์กับพระองค์ในโลกใหม่เพื่อชดเชยการรับใช้ข่าวประเสริฐเป็นพันปี นี่คือการทำให้ผู้คนไปสวรรค์ นี่คือความหวังใจของสวรรค์และความเป็นจริง ในตอนนั้นสิ่งต่างๆทั้งหมดที่ไม่สมบูรณ์จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และสิ่งต่างๆที่เน่าเปื่อยก็ไม่มีวันเสื่อมสลาย คำกล่าวที่ว่า “สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเปื่อยเน่า สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นก็จะไม่รู้จักเปื่อยเน่า” (1 โครินธ์ 15:42) จะสมบูรณ์ตามเวลาผ่านพระเยซู คริสต์
เราผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่จงมีความหวังใจกันเถอะ! ท่านควรจะจำว่าแม้ว่าทุกสิ่งจะอ่อนแอและตายไป มันก็ยังไม่ถึงจุดจบ เราจะต้องมีความเชื่อของความหวังที่พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทำโลกทั้งโลกให้ใหม่อีกครั้ง เราจะต้องมีชีวิตอยู่ในความหวังของสวรรค์ใหม่ และโลกใหม่ การมีความหวังนี้เราสามารถประกาศข่าวประเสริฐได้
เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตอยู่เพราะเรารอดจากบาปของโลกนี้แล้ว ในทำนองเดียวกันนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในตัวเรากำลังรอคอยการเสด็จกลับมาของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงขอร้องพระเจ้า พระบิดาในนามของเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความหวังและความเชื่อโดยไม่ผิดหวังในใจของเรา
เราควรจะมีชีวิตในความหวังในพระวิญญาณบริสุทธิ์
ที่ใดเป็นสถานที่ของคนชอบธรรม? มันจะเป็น 5กำหนดพันปี ที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างโลกใหม่เมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้งและอาณาจักรสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นเราควรจะอดทนให้เพียงพอในการรอคอยวันนั้นที่จะมาถึง
5 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ เป็นครั้งที่สอง ตามพระสัญญาของพระองค์ พระองค์จะเสด็จมาจากสวรรค์และเป็นขึ้นมาจาก ความตายในพระเยซู คริสต์ก่อน ตามนี่พระองค์จะเปลี่ยนแปลงวิสุทธิชนทั้งหลาย ให้มีชีวิตและเป็นขึ้นมาสู่ร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อย และเป็นอมตะ และพระองค์จะทรงยกวิสุทธิชนทั้งหมดขึ้นไปในเมฆให้พบกับพระผู้เป็นเจ้าในอากาศ (1 เธโสโลนิกา 4:16–17, 1 โครินธ์ 15:51–53) จากนั้นพระองค์จะทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่หลังจากเทขันของพระพิโรธที่เจ็ดของพระองค์ลงที่คน บาปที่เหลืออยู่ พระองค์จะทรงสร้างอาณาจักรของพระองค์บนโลกใหม่ และจะครอบครองอาณาจักรพันปีพร้อมกับคนทั้งหลาย ที่มีส่วนในการเป็นขึ้นมาจากความตายในครั้งแรก (วิวรณ์ 20:4–5) หลังจากกำหนดพันปีแล้วพระองค์จะพิพากษาความตายทั้งหมด และขับลงไปสู่บึงไฟ. (วิวรณ์ 20:11–15) จากการจากนั้นพระองค์จะทรงนำคนของพระองค์ ไปยังวิสุทธนคร คือนครเยลูซาเล็ม ใหม่ และจะทรงสถิตอยู่กับพวกเขาตลอดไป (วิวรณ์ 21:1–4) |
เราจะต้องเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราจะทำร่างกายของเราสมบูรณ์เมื่อโลกนี้ตกต่ำลง เราจะต้องมีความหวังใจสำหรับสง่าราศีของพรุ่งนี้
เปาโลมีความหวังว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาสถิตอยู่กับเรา เรามีชีวิตอยู่ด้วยความหวังใจในจิตใจของเราเหมือนกัน รอคอยอาณาจักรพันปี และอาณาจักรสวรรค์ คนทั้งหลายที่ไม่เกิดใหม่จะดับสูญไปด้วยความล้มเหลวของโลกนี้ แต่เราเป็นคริสเตียนที่เกิดใหม่ จะครอบครองสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ ความหวังใจนี้จะเป็นความจริง กายของเราจะสมบูรณ์และเราจะมีชีวิตอยู่และครองบัลลังก์พร้อมกับพระเยซูในโลกใหม่ของอาณาจักรพันปี ลองมาดูในวันนั้นเราสามารถมีความหวังใจและมีชีวิตโดยปราศจากความกลัวในโลกนี้ได้
เราลองมาอดทนและรอคอยกันแม้ว่าชีวิตของเรานั้นจะท้อถอย แต่ความหวังของเราจะเป็นจริงเพราะเราเชื่อในพระเจ้า คนทั้งหลายที่ไม่มีความหวังใจนั้นจะไม่มีอะไรมากไปกว่าคนที่ตายแล้ว โปรดมีความหวังใจและรักษาความฝันของท่านโดยการเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า
เพียงแค่การยกความผิดบาปของเรานั้นเป็นความจริง การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเราจะเป็นความจริง และมันคือความจริงสำหรับสรรพสิ่งเพื่อให้ได้รับชีวิตนิรันดร์ ความหวังของเรานั้นเป็นความจริงเช่นกัน จงมีความเชื่อในสิ่งที่ท่านเชื่อ คนทั้งหลายที่มีความหวังสามารถสวยงามและมีความสุขได้ มนุษย์จะไม่มีความสุขหากพวกเขาไม่มีความหวังใจ ผู้ที่ไม่มีความฝันใดๆก็ไม่มีความสุขได้เช่นกัน เราสามารถนำชีวิตที่มีความสุขไปได้ เพราะเรามีความหวังใจเพื่ออาณาจักรพันปี และอาณาจักรสวรรค์ โลกใหม่และสวรรค์ใหม่
คนชอบธรรมจะต้องมีความหวังใจและประกาศความหวังใจนี้ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะต้องหวังว่าข่าวประเสริฐของเราได้เผยแพร่ไปทั่วโลก หากท่านมีความเชื่อที่หนักแน่น ท่านจะตระหนักได้ว่า โลกนี้ยังไม่ใหญ่เลย แม้ว่าจุดเริ่มต้นของเราจะไม่มีความหมายอะไรแล้ว แต่เราก็จะสามารถประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลกได้หากเรามีความหวังใจด้วยความอดทน เราจะต้องเชื่อเหมือนกับที่เปาโลมี
ผู้ที่มีความหวังใจมีความสัตย์ซื่อในกิจการของการประกาศข่าวประเสริฐที่สวยงามนี้ เราจะต้องมีความหวังให้ข่าวประเสริฐได้ประกาศไปในยุคของความสิ้นหวังนี้ เราจะต้องประกาศข่าวประเสริฐที่สวยงามไปสู่ผู้ที่สิ้นหวัง ผู้ที่ท้อแท้ ผู้ที่ยากจน และผู้ที่ต่ำต้อย เราจะต้องนำพวกเขาออกจากความมืดด้วยการประกาศความหวังเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์ ที่ที่ผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปของพวกเขา โดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ เราจะต้องกระตุ้นพวกเขาให้มีความหวังที่ว่า โลกของพระเจ้าจะมาถึงทันทีหลังจากเวลาของความทุกข์ยากในครั้งนี้
คนรับใช้และวิสุทธิชนผู้ที่เกิดใหม่ยินดีประกาศข่าวประเสริฐในยุคสุดท้ายของโลกนี้ รักษาความหวังใจในสวรรค์ของท่านไว้ได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยว่าโลกนี้ตกลงอย่างรวดเร็วเพียงใด ผู้ที่มีความหวังใจไม่เคยสูญสิ้นเพราะพวกเขามีบางสิ่งที่เป็นนิรันดร์อยู่เบื้องหลังชีวิตโดยทางโลกนี้ พวกเขามีชีวิตที่สองที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้อย่างแน่นอน