Search

Sermons

เรื่องที่ 10: วิวรณ์ (ข้อคิดเกี่ยวกับวิวรณ์)

[บทที่ 13-2] การปรากฎของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ (วิวรณ์ 13:1-18)

การปรากฎของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์
(วิวรณ์ 13:1-18)
“ตามข้อความหลักผู้เขียนจะกล่าวถึงการปรากฏของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และการทนทุกข์ ยากของเหล่าวิสุทธิชน จากบทที่ 13 เราได้เห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล สัตว์ร้ายตัวนี้มีเจ็ดหัว และสิบเขา ซึ่งเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ข้อความนี้ได้บอกเราว่าบนเขาของ สัตว์ร้ายมีมงกุฎสิบอัน และมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทจารึกไว้ที่หัวทั้งหลายของมัน เราบอกเช่นกัน ว่าสัตว์ร้ายนี้เหมือนกับเสือดาว ที่เท้าเหมือนหมีและปากเหมือนสิงโต และพญานาค ได้ให้ฤทธิ์ของ มัน และที่นั่งของมัน และมีสิทธิอำนาจอันใหญ่ยิ่ง หัวๆหนึ่งของสัตว์ร้ายถูกฟันปางตายแต่แผลที่ถูก ฟันนั้นรักษาหายแล้ว 
น่าอัศจรรย์ใจจากสิ่งนี้ที่โลกทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายไป และตามที่เขาได้รับอำนาจจากพญา นาค คนทั้งโลกจึงบูชาทั้งพญานาคและสัตว์ร้ายนั้น โดยกล่าวว่า “ใครจะเปรียบปานสัตว์นี้ได้? ใคร จะสามารถทำสงครามกับสัตว์นี้ได้? ‘ตามข้อความนั้นก็บอกเราเช่นกันว่าสัตว์ร้ายนั้นมีบาปที่พูด คำกล่าวร้ายและ หมิ่นประมาท และยอมให้มันใช้อำนาจกระทำอย่างนั้นตลอด 42 เดือน.’”
 


สัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล 

 
สิ่งที่อัครสาวกเปาโลได้เห็นเป็นการเกิดขึ้นมาของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ในท่ามกลางผู้ปก ครองโลกทั้งหลายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสุดท้าย ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์นี้เป็นสัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเล เป็นปีศาจที่มีเจ็ดหัวและสิบเขา. 
อันดับแรกเราจะต้องค้นหาว่าสัตว์ร้ายนี้เป็นสัตว์ร้ายจริงๆที่จะเกิดขึ้นมาบนโลกนี้อย่างแท้ จริงหรือไม่ มันมีสองสิ่งของสัตว์ร้ายที่ทำให้เราสนใจ: อย่างแรก สัตว์ร้ายนี้จะเกิดขึ้นบนโลกนี้และฆ่าผู้คนอย่างแท้จริงหรือไม่ และอย่างที่สองสัตว์ร้ายนี้ หมายถึงปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ที่เป็นทรราชย์ที่จะเกิดขึ้นมาจากผู้ปกครองของโลกนี้หรือไม่ มันมีบางประเด็นที่ได้รับความสนใจจากผู้คน คนทั้ง หลายที่ทราบเกี่ยวกับประเด็นนี้อาจกล่าวว่าพวกเขาเข้าใจมันได้ง่าย แต่มันอาจจะค่อนข้างมีคำถาม ว่าสัตว์ร้ายนี้จะปรากฏแท้จริงในช่วงเวลาสุดท้ายและครอบครองผู้คนอย่างแท้จริงหรือไม่สำหรับผู้ที่เพิกเฉยต่อมัน. 
สิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสกับเราในบทที่ 13 นั้นเกี่ยวกับการปรากฎขึ้นในอนาคตของกษัตริย์บนโลกนี้ผู้ที่จะถูกปกครองจากซาตาน ประโยคที่ว่า “สัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล” หมายความว่ากษัตริย์ในหมู่กษัตริย์ทั้งเจ็ดบนโลกนี้จะเป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ข้อความนี้ก็บอกเราเช่นกันว่าสิบชาติจะรวบรวมกันรอบๆพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และปกครองโลกที่พินาศไปแล้วทั้งหมด. 
มีแผลที่ถูกฟันบนหัวของสัตว์ร้ายและรักษาหายแล้ว อีกนัยหนึ่งคือมันได้บอกเราว่าหนึ่งในกษัตริย์ทั้งเจ็ดจะมีบาดแผล แต่บาดแผลถึงตายนี้ก็จะได้รับการรักษาเช่นกัน กษัตริย์องค์นี้จะได้รับการป่าวประกาศทันทีว่าตายแล้ว แต่จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอย่างน่าประหลาด และจากนันก็จะทำตัวเหมือนกับพญานาค พญานาคในที่นี้ก็หมายถึงซาตาน สัตว์ร้ายจะมีอำนาจในการทำลายและสร้างอันตรายให้แก่ผู้คนเหมือนกับพญานาคเช่นเดียวกัน เมื่อเวลาสุดท้ายมาถึง คนที่เป็นเหมือนสัตว์ร้ายนั้นจะปรากฏขึ้นมาบนโลกนี้และสังหารผู้คนเหมือนกับก็อตซิลลาที่เป็นสัตว์ร้ายในภาพยนต์. 
โลกเริ่มต้นที่จะปะทะกับการถูกทำลายพร้อมกับการเกิดขึ้นของคนรับใช้ของซาตาน วิธีที่ซาตานเลือกที่จะทำงานในยุคสุดท้ายนี้คือการกระทำที่โหดร้ายต่อประชาชนผ่านคนรับใช้ของเขา นี่เป็นหลักการเดียวกันกับการที่พระเจ้าทรงช่วยผู้มีบาปให้รอดจากความผิดบาปผ่านเหล่าวิสุทธิชนของพระองค์. 
เราจะต้องหาความหมายในข้อความนี้ให้ได้อย่างแม่นยำ จากข้อความที่ว่าหัวๆหนึ่งของสัตว์ร้ายดูเหมือนถูกฟันปางตาย ก็คือผู้นำของโลกนี้จะฟื้นขึ้นมาจากความตายของการบาดเจ็บแล้วจะได้ รับอำนาจจากพญานาคและได้รับเกียรติจากประชาชนเขาเป็นพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่เราจะต้องจำว่าผู้คนได้ป่าวประกาศว่า “ใครจะเปรียบปานสัตว์นี้ได้? ใครจะสามารถทำสงครามกับสัตว์นี้ได้?” 
ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ที่ปรากฎขึ้นในข้อความนี้จะได้รับการเคารพจากผู้คนภายใต้การปก ครองของซาตานและจะต่อต้านพระเจ้า มันหมายความว่าพลังของผู้นำจะเกิดขึ้นในโลกสุดท้ายและครอบครองมัน ผู้นำนี้เป็นหนึ่งในผู้นำของประชาชาติต่างๆของโลก เขาจะเกิดขึ้นดุจเป็นผู้นำอันทรงพลังของโลกนี้โดยการได้รับวิญญาณของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จากซาตาน จากนั้นโลกจะถูกปกครองจากผู้นำนี้ โลกจะรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นรัฐเดียวกันในอนาคต ชนชาติต่างๆในอนาคตจะร่วมมือกันและขยายการปกครองของตนเหนือทั้งโลกโดยการเผชิญกับผู้ปกครองที่มีพลัง. 
ปัจจุบัน ในยุโรปมีสหภาพยุโรปและในเอเชียและอเมริกาก็เช่นเดียวกันที่มีองค์กรที่พยายามที่จะรวมรัฐแต่ละรัฐเข้าเป็นรัฐเดียวทางรัฐศาสตร์เข้าด้วยกัน เมื่อองค์กรเหล่านั้นพัฒนาเข้าร่วมกัน มีการเกิดการรวมหลายๆประเทศเข้าด้วยกัน และผู้นำที่มีพลังมากๆก็จะเกิดขึ้นจากการรวมรัฐต่างๆนี้ ผู้นำนี้จะเล่นบทของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ผู้ต่อต้านพระเจ้า เขาจะเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ด้วยพลังที่สามารถปกครองและบังคับเหนือโลกทั้งโลกตามที่เขาต้องการได้. 
ทำไม? เพราะว่าจากการที่ซาตานได้รับอำนาจและความสามารถต่างๆจากพญานาค ทำให้ปัญญาของเขาแตกต่างจากผู้คนโดยทั่วไป และความคิดของเขาก็จะแตกต่างเช่นกัน ปัญญาและพลังของเขาก็จะมีท่วมฟ้า สิ่งที่เขาพูดจะสมบูรณ์โดยไม่มีปัญหาใดๆ ช่วงเวลาของการครอบครองของเขานี้คือช่วงเวลาของม้าสีกะเลียวที่ได้เขียนเอาไว้ในวิวรณ์ บทที่ 6. 
ยุคของม้าสีกะเลียวจะมาถึงในอนาคตอันใกล้แน่นอน และจากนั้นโลกก็จะเป็นของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่คนทั้งหลายที่ไม่รู้จักความจริงนี้ต้องการที่จะเห็นผู้นำอันทรงพลังอย่างแท้จริงนี้ที่เหมือนกับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ที่จะปรากฎต่อเหล่าวิสุทธิชน อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลานี้มาถึงพวกเขาจะทราบความจริงนี้และจะตื่นตัวในยุคนี้และสามารถที่จะยืนยันและต่อสู้กับพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ และจะทนทุกข์ยากเพื่อปกป้องความเชื่อของตน. 
มีคนไม่มากในปัจจุบันนี้ที่เคารพผู้นำประเทศของตนเองอย่างแท้จริง โดยทั่วๆไปไม่ว่าประ เทศไหนผู้คนมีความไม่พอใจในผู้นำทางการเมืองของตน ผู้คนทั่วโลกรอคอยผู้นำที่เข้มแข็งและมีความสามารถ ทำไม? ก็เพราะว่าพวกเขาต้องการผู้นำที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ ทั้งการขาดแคลนอาหารจนถึงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย, ปัญหาทางศาสนา, เศรษฐกิจซบเซา, ความตึงเครียดทางเชื้อชาติ และอื่นๆมากมาย เมื่อพร้อมรบกับผู้นำโลกที่มีปัญญาและมีพลัง สามารถที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมด ทุกคนในโลกนี้จะให้เกียรติเขาเหมือนเป็นพระเจ้าและจะยินดีถ้าได้รับการปกครองจากเขา ผู้นำนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ผู้ที่มีโลกทั้งโลกอยู่ในมือของเขา จะดูแลทุกๆอย่าง. 
เราทั้งหมดต้องการผู้นำทางการเมืองผู้ที่เราสามารถให้ความเคารพได้ทั้งหมด แต่ความหวังที่มีผู้นำเช่นนั้นลุกขึ้นมาและเป็นอยู่อย่างแท้จริงนั้นห่างไกลเกินไปแต่ผู้ที่มาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกทั้งหลาย ผู้ที่จะมาเป็นผู้นำที่ทุกคนให้ความหวังเอาไว้ ที่มีความสามารถทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองนั้นก็คือปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์นั่นเอง. 
เมื่อยุคของมาสีดำผ่านเข้ามา และยุคของม้าสีกะเลียวเริ่มต้นเพราะภัยพิบัติของแตรทั้งเจ็ด โลกที่พินาศแล้วจะค้นหาผู้นำที่แข็งแร็งและมีความสามารถ ผู้นำที่ไม่มีกำลังจากประเทศเล็กๆก็ไม่สามารถแก้ปัญหาของโลกได้ ดังนั้นผู้คนก็จะมองหาผู้นำเผด็จการ ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ก็จะเกิด ขึ้นในช่วงเวลานี้ พูดและกระทำเหมือนกับพระเจ้า เนื่องจากเขาได้รับการรักษาบาดแผลแล้ว ผู้คนก็รู้สึกประหลาดใจในตัวเขา เขาจึงมีชีวิตอีกครั้งและทำงานด้วยการเป็นผู้ปกครองที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ กล้าหาญ มุ่งมั่นและมีปัญญา ผู้คนทั่วโลกก็จะคิดว่าเขาคือพระเจ้า. 
ดังนั้นแม้ว่าผู้คนชาวอิสราเอลก็จะเชื่อเขาว่าเป็นพระเมสิอาห์ที่ตนรอคอย แต่ไม่นาน ชาวอิสราเอลก็จะตระหนักว่าเขาเป็นคนโกหกและพระเยซู คริสต์ทรงเป็นพระเมสิอาห์ที่แท้จริง และพวกเขาหลายคนก็จะรอดจากบาปในที่สุด ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ก็จะได้ยินผู้คนกล่าวว่า “แล้วใครจะสามารถต่อสู้กับเขาได้?” คนทั้งหมดที่ไม่เชื่อฟังเขาก็จะถูกฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้น. 
เมื่อยุคของม้าสีกะเลียวมาถึง โลกทั้งโลกก็จะไม่เพียงแต่ทุกข์ทรมานจากภัยธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ผู้คนในโลกนี้เก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวในการตกอยู่ภายใต้ผู้นำที่ดูแลตัวเองดุจเป็นกษัตริย์ ทำลายล้างโดยการเผาหนึ่งในสามของป่าและทำให้สำลักควันไป ผู้ที่แก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้ก็จะถูกยกขึ้นเป็นดุจพระเจ้า. 
ทั้งหมดเหล่านี้ต่างก็อยู่ในแผนการของพระเจ้า เพราะทั้งหมดนี้ได้มายังโลกนี้ สิ่งแรกก็จะเปลี่ยนแปลงสถาพแวดล้อมอย่างรุนแรงเสียก่อน และความคิดเห็นส่วนใหญ่ของผู้นำทั้งหลายต่างก็ต้องการรัฐบาลที่รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ความคิดเห็นเช่นนั้นมองหาผู้ปกครองเช่นที่มีกำลังในยุคของม้าสีดำนี้ ตอนนี้โลกต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง ผู้นำของแต่ละชาติก็ไม่สามารถกำจัดความไม่พอ ใจของประชาชนของตนเป็นการส่วนตัวได้ ในตอนนี้มนุษยชาติจึงค้นหาผู้นำที่แข็งแรงที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ให้ได้. 
หากท่านต้องการที่จะมองดูอย่างใกล้ๆว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้ ท่านก็จะตระหนักว่าทั้ง หมดนี้เป็นไปได้โดยแท้จริง ผู้นำการพยากรณ์ที่เป็นคนที่มีพลังอย่างสมบูรณ์และมีความสามารถอันยิ่งใหญ่จะโหดร้ายอย่างแท้จริง ตามที่ได้บรรยายเอาไว้ว่าเท้าเหมือนหมี และปากเหมือนปากสิงโต และมีหน้าเหมือนเสือดาว.
คนผู้นี้ได้รับอำนาจจากพญานาค จะหมิ่นประมาทพระเจ้า ต่อทูตสวรรค์บนสวรรค์ของพระองค์และต่อเหล่าวิสุทธิชนของพระองค์ และเขาจะต่อสู้กับเหล่าวิสุทธิชนและเอาชนะพวกเขา พวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะฆ่าเหล่าวิสุทธิชนที่ต่อต้านตน เพราะต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนความเชื่อของตนใหม่ เนื่องจากเหล่าวิสุทธิชนจะไม่ยอมแพ้ต่อความเชื่อของตนในเวลานี้ พวกเขาก็จะทนทุกข์ยาก และตามที่ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะมีอำนาจเหนือทั้งโลก เขาจะฆ่าและทำลายคนทั้งหลายที่ไม่ฟังคำสั่งของตนอย่างอิสระ. 
วรรคที่ 8 บอกว่า “และบรรดาคนที่อยู่ในแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก.” เนื่องจากปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะปกครองอย่างเด็ดขาดในช่วงเวลานี้ ทุกคนที่ไม่เชื่อฟังเขาจะถูกฆ่าตามคำสั่ง อย่างไรก็ตามเวลาเช่นนั้นจะเป็นเวลาของการทนทุกข์ยากของเหล่าวิสุทธิชนทั้งหมด. 
จากวรรคที่ 8 ข้างต้นนี้ คำว่า “บูชา” หมายถึงเกียรติและการรับใช้ผู้ใดผู้หนึ่งอย่างสมบูรณ์ ในช่วงเวลาสุดท้าย ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะได้รับการบูชาจากผู้คนบนโลกนี้ดั่งเช่นพระเจ้า จะได้ รับเกียรติอันใหญ่ยิ่งกว่ากษัตริย์องค์อื่นใดที่เคยได้รับมาก่อน แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่บูชาผู้นำนี้ ซึ่งก็มีใครอื่นอีกไม่ได้นอกจาก “คริสเตียนผู้ที่เกิดใหม่” พวกเขาจะไม่ยอมรับว่าปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เป็นพระเจ้า และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่บูชาเขาและถูกฆ่าเพื่อปกป้องความเชื่อของตนแทน.
 


สัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งที่ขึ้นมาจากแผ่นดิน 

 
ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ก็มีผู้พยากรณ์ผิดๆของเขาเช่นกัน ซึ่งเป็นผู้ที่จะยกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ให้สูงขึ้น เช่นเดียวกับข่มขู่และฆ่าคนที่ไม่เชื่อฟังสัตว์ร้าย วิวรณ์ 13:11 กล่าวว่า “และข้าพ เจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะ และพูดเหมือนพญานาค.” สัตว์ร้ายตัวที่สองที่ปรากฎคือคนรับใช้ของสัตว์ร้ายตัวที่หนึ่ง นั่นก็คือของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ เขาก็จะต่อต้านพระเจ้าและฆ่าผู้คนของโลกนี้และคนชอบธรรมเหมือนกับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์. 
เขาได้รับอำนาจจากพญานาคจะอุปถัมภ์ผู้คนที่บูชาปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ผู้มาก่อนตนว่าเป็นพระเจ้า เพราะว่าเขาจะได้รับอำนาจจากพระเจ้าเช่นกัน เขาจึงกระทำสิ่งที่พญานาคอยากให้เราทำ เขาจะไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนบูชาปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ผู้ที่มาก่อนเขาและฆ่าผู้ที่ไม่เชื่อฟังเขาเท่า นั้นแต่เขาจะกระทำสิ่งมหัศจรรย์ เช่นนำไฟลงมาจากท้องฟ้า และแม้แต่กระทำเหมือนกับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เอง เขาจะทำให้เป็นเหมือนพระเจ้าและให้เคารพสัตว์ร้ายผู้ที่ได้รับบาดแผลและมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งต่อหน้าทุกคน.
แล้วใครจะทำทุกสิ่งนี้? นี่คือผู้พยากรณ์ของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ งานของเขาคือการทำให้ภาพของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ที่มาก่อนเขาและมีผู้คนที่ยกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ขึ้นสูงเทียบเท่าพระเจ้า ในการทำเช่นนั้น เขาจะหยุดพักผ่อนชีวิตเข้าสู่ภาพของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์นี้เพื่อทำให้มันพูด และฆ่าทุกคนที่ไม่บูชารูปเคารพของสัตว์ร้ายโดยไม่คำนึงถึงตัวเลขของพวกเขา เนื่องจากเหล่าวิสุทธิชนจะทนทุกข์ยากโดยการปฏิเสธการบูชารูปเคารพ การทนทุกข์ยากอย่างมากมายนับไม่ถ้วนจะออกมาในช่วงเวลานี้. 
ทุกคนในโลกนี้ผู้ที่ไม่ได้เกิดใหม่จะสะเทือนก่อนความตายของตนและสิ้นสุดโดยการเป็นทาสของความตาย ดังนั้นพวกเขาจะบูชาปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ว่าเป็นพระเจ้า ปัญญาชนที่ดีๆอาจจะลุกขึ้นมาในการก่อกบฏต่อต้านผู้เผด็จการ แต่ถูกฆ่าโดยใช้ไฟที่ออกมาจากปากของผู้พยากรณ์จอม ปลอมและปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ พวกเขาก็จะวางมันลงอย่างรวดเร็ว. 
ผู้พยากรณ์จอมปลอมนี้ได้สร้างรูปเคารพขึ้นโดยอาจจะกล่าวว่า “ทุกคนจะต้องได้รับเครื่อง หมายของชื่อหรือหมายเลขของเขา!” แล้วเขาอาจจะมีนโยบายของเขาในการขัดขวางใครก็ตามที่ไม่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย เพื่อให้ทุกคนได้รับเครื่องหมายของชื่อของสัตว์ร้ายนี้โดยแท้จริง วรรคที่ 18 กล่าวว่า “ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรอง เลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบัคคลผู้หนึ่งเลขของมันคือ 666.” 
นี่เปิดเผย ตรงไปตรงมา แม้เราคิดว่าเลข 666 เป็นสิ่งซับซ้อน แต่มันก็มีความหมายโดยง่ายถึงชื่อของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ หรือเลขของเขา การได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนี้หมายความถึงการได้รับเครื่องหมายของชื่อของเขาทั้งบนหน้าผากหรือมือขวามันคือการประทับชื่อของผู้ปกครอง ลงบนร่างกายของผู้ใดผู้หนึ่ง นับจำนวนไปสู่เลขและรับส่งข้อมูลตัวเลขไปเป็นรหัส. 
ทุกๆที่จะต้องการเครื่องหมายนี้ไม่ว่าที่ใดที่มีคนต้องการซื้อ แม้ว่าเมื่อท่านขึ้นรถเมล์ ท่านก็ต้องการตัวเลขนี้เพื่อประทับบนกายของท่าน และหากไม่มีมันท่านก็จะถูกควบคุม ยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคของตัวเลขข้อมูล มันเป็นยุคของตัวเลข ทุกอย่างได้ถูกแปลไปเป็นตัวเลข สิ่งที่เคยยุ่งยากมาก่อนจึงค่อนข้างที่จะง่ายดายในตอนนี้ ในยุคนั้นก็อาจจะปรากฎเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนี้. 
ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะสร้างรูปเคารพของตนและต้องการให้ผู้คนบูชาเขาเหมือนกับพระเจ้า เวลาจะมาถึงแท้จริงเมื่อผู้คนได้รับการร้องขอให้เรียกพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ว่าเป็น “พระเจ้า” ของตน สรรเสริญเขาและเรียกชื่อของเขาในเกียรติ และได้รับนามของเขาที่มือขวาและหน้า ผากของตัวเอง เมื่อสิ่งเช่นนั้นเกิดขึ้น เหล่าวิสุทธิชนจะทนทุกข์ยาก พวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะต้องการให้เหล่าวิสุทธิชนได้รับเครื่องหมายของเขาและบูชาเขา โดยกล่าวว่า “ดังนั้น ท่านเชื่อในพระเยซูไหม? ท่านเชื่อว่าพระองค์เป็นพระเจ้าไหม? ขว้างพระองค์ทิ้งไป! คำนับต่อรูปนี้และเรียกเราเป็นพระเจ้าแทน! เชื่อเราว่าเป็นผู้หนึ่งที่สมบูรณ์! หากท่านไม่เชื่อ ท่านจะตายอย่างแน่นอน!”
พวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะต้องการความเชื่อเดียวจากทั้งโลก และเขาก็ต้องการให้ทุกคนบูชาเขาเหมือนเป็นพระเจ้า คนทั้งหลายที่ไม่ยอมรับว่าเขาคือพระเจ้าในเวลานี้จะถูกฆ่า และปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะสังหารเหล่าวิสุทธิชนที่ต่อต้านเขาอย่างเปิดเผย. 
คนทั้งหลายที่ไม่มีชื่อเขียนเอาไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกจะได้รับเครื่อง หมายของเขาและบูชาเขา เมื่อเราได้รับการยกความผิดบาปในหัวใจของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงสถิตอยู่กับเรา และชื่อของเราก็จะถูกเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตในอาณาจักรสวรรค์ เนื่อง จากชื่อของเราได้ถูกจารึกเอาไว้ในหนังสือแห่งชีวิตและเนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ประทับ ตราลงบนหัวใจของเรา เราก็จะถูกยกขึ้นเมื่อพระองค์ทรงเรียกเราเหมือนกับเป็นบุตรของพระเจ้า. 
เราสามารถเพิกเฉยต่อพระเยซู คริสต์ผู้ทรงช่วยเราให้รอดและเปิดเผยภาพของสัตว์ร้ายที่ว่าตอนนี้เป็นพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเราได้ไหม? ไม่อย่างแน่นอน! พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ ทรงชำระความผิดบาปทั้งหมดของเราดดยการรับเอาไว้ที่พระ องค์พร้อมกับบัพติศมาของพระองค์และทรงช่วยให้รอดโดยการได้รับการพิพากษาแทนบนไม้กางเขน โดยไม่ต้องสงสัยว่าเราได้รับความทุกข์ทรมานต่อพระพักตร์ของพระองค์มากเท่าใด.
เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงบอกเราเกี่ยวกับทุกสิ่งที่จะเกิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เราผู้เป็นวิสุทธิชนจึงไม่สามารถทรยศความเชื่อของเราในช่วงเวลาของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์นี้ได้ แม้ว่าในช่วงเวลาของความทุกข์ลำบากที่จะมาสู่เราและตามด้วยความตายของเรา เรายังคงเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราจะทำให้เรามีชีวิตในอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ได้โดยการเป็นขึ้นมาจากความตายและปลื้มปีติโดยเร็วหลังจากการทนทุกข์ยากของเรา. 
เพราะเราเชื่อว่าหลังจากการทนทุกข์ยากของเราแล้ว พระเจ้าจะทรงทำลายโลกนี้โดยการเทภัยพิบัติของขันทั้งเจ็ดลงมา และเชื่อว่าหลังจากสิ่งนี้ เราก็จะลงมายังโลกนี้และปกครองมันเป็นเวลาพันปี เราไม่สามารถคุกเข่าต่อหน้ารูปเคารพได้นี่คือเหตุผลที่คนรับใช้ของพระเจ้าและเหล่าวิสุทธิชนของพระเจ้าจะต้องยอมแพ้การมีชีวิตอยู่ของตนอย่างตั้งใจ. 
แล้วผู้พยากรณ์จอมปลอมจะพยายามที่จะทำให้เราเชื่อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาจะพยายามซื้อเราโดยจะกล่าวว่า “ดูสิ ความสับสนได้เกิดขึ้นบนโลกนี้อยู่ในตอนนี้ เมื่อทุกๆคนรวมทั้งผู้มีปัญ ญาและปัญญาชนทั้งหลาย ก็เชื่อและติดตามผู้นำสุดวิเศษของเราว่าเป็นพระเจ้า เราจะปฏิเสธที่จะเชื่อในกษัตริย์ที่สมบูรณ์ของเรานี้ได้อย่างไร?” แต่หากเราทราบและเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าอยู่เสมอ เราก็จะเอาชนะช่วงเวลาสุดท้ายได้โดยการยอมรับการทนทุกข์ยากของเรา. 
วิวรณ์ บทที่ 14 ได้ปรากฎเหล่าวิสุทธิชน 144,000 คนที่สรรเสริญพระเจ้าบนสวรรค์ สิ่งนี้บอกเราถึงการฟื้นขึ้นมาจากความตายของเหล่าวิสุทธิชนและการปลื้มปีติที่ตามมาและจากการทนทุกข์ยากของพวกเขา จากบางที่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเช่นสิ่งที่เปโตรบอกเราถึงการเสด็จมาเป็นครั้งที่สองของพระคริสต์หรือสิ่งที่คนรับใช้ของพระเจ้าได้พยากรณ์ไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่า เราสามารถค้นหาเกี่ยวกับการปลื้มปีติของเราที่เหล่าวิสุทธิชนจะถูกยกขึ้นไปบนฟ้าอากาศได้เช่นกันและได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงอาหารของพระเมษโปดกพร้อมกับพระเจ้า งานเลี่ยงนี้จะเข้าสู่เหล่าวิสุทธิชน. 
เมื่อเหล่าวิสุทธิชนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารของพระเมษโปดกในสวรรค์ ภัยพิบัติของขันทั้งเจ็ดก็จะถูกเทลงมายังโลกนี้ หลังจากสิ่งนี้ โลกก็จะถูกสร้างขึ้นใหม่ และเหล่าวิสุทธิชนก็จะลงมา ยังโลกพร้อมกับพระผู้เป็นเจ้าและครอบครองอาณาจักรของพระคริสต์เป็นเวลาพันมี เมื่อเราทราบความจริงทั้งหมดนี้แล้ว เราจะสามารถเรียกได้ไหมว่าพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ว่าเป็นพระเจ้า ถึง แม้ว่า เขาได้ทิ้งการพะเน้าพะนอและการล่อใจทั้งหมดมาเพื่อทำให้เราคำนับต่อรูปของเรา บูชาเขาดุจพระเจ้าและละทิ้งความเชื่อของเราในความจริงของพระเจ้า? ไม่อย่างแน่นอน! 
ตามที่ได้เขียนเอาไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า “บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจ ในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง. (ฮีบรู 11:1)” ผู้เผยพระวจนะเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกพวกเขามาก่อนเกี่ยวกับสิ่งที่จะมาถึง คนรับใช้และผู้คนของพระเจ้าผู้ที่เชื่อในพระวจนะต่างก็เป็นเหล่านักบวชและผู้พยากรณ์ พระเจ้าทรงนำหลายๆจิตวิญญาณให้ได้รับการยกความผิดบาปของตนโดยการทำให้เราได้ประกาศข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปไปสู่ทุกคนทั่วโลก ตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดโดยไม่คำนึงว่าเราจะทนทุกข์ทรมานต่อพระพักตร์พระองค์เพียงใด แต่พระเจ้าทรงทำให้เราเป็นคนของพระองค์ แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ พระองค์ทรงรัก ทรงนำ และทรงอวยพระพรให้เราอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง.
พระผู้เป็นเจ้าไม่เพียงแต่ประทานสันติสุขของจิตวิญญาณให้เราเท่านั้น แต่พระองค์ทรงทำให้เรามีความหวังในอาณาจักรสวรรค์โดยการประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเราได้ฟังปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์บอกเราให้บูชาเขาดุจพระเจ้าเราก็จะยังคงต่อต้านเขาอย่างลึกซึ้งในหัวใจ ของเราโดยไม่มีทางเลือก. 
อันดับแรกเราอาจจะเริ่มต้นโดยการเปิดเหตุการณ์ที่เราตระหนักโดยทันทีว่าช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงตรัสถึงการมาในท้ายที่สุด แต่เราผู้เป็นวิสุทธิชนจะจะเอาความสงบทางใจของเราคืนและทำการต่อต้านพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ “ดังนั้นท่านคิดว่าท่านเป็นพระเจ้าที่แท้จริงไหม? ท่านสร้างโลกด้วยตัวท่านเองหรือ? ท่านสร้างมนุษยชาติหรือ? ท่านเป็นพระผู้เป็นเจ้าของจิตวิญญาณของผู้ คนโดยแท้จริงหรือ?” ทั้งหมดนี้คือคำถามต่างๆที่เราต่อสู้ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์. 
เมื่อพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ฆ่าเหล่าวิสุทธิชนและคนรับใช้ของพระเจ้าในเวลานี้ เราก็จะตายเช่นกัน มันจึงไม่เคยเปลี่ยนพระเจ้าของเราได้ ความเชื่อไม่ได้มาจากการบีบบังคับ ความเชื่อของเราก็ไม่ได้ปรากฎหรือหายไปโดยตรรกะของกำลัง ความเชื่อที่แท้จริงในความเป็นจริงเป็นพลังที่ยิ่ง ใหญ่ในการเอาชนะการบีบบังคับได้ ดังนั้นเหล่าวิสุทธิชนจะทนทุกข์ยาก และปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะสิ้นสุดลงโดยการสูญเสียเหล่าวิสุทธิชน. 
เมื่อพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ได้สร้างรูปเคารพของตัวเองและต้องการให้เหล่าวิสุทธิชนบูชาเขาดุจพระเจ้า เหล่าวิสุทธิชนและคนรับใช้ของพระเจ้าจะตะโกนใส่เขาว่า “ท่านเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าหรือคนรับใช้ของซาตาน? ท่านรู้จักข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไหม? ท่านทราบและเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าไหม? เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมายังโลกนี้ เขาจะทิ้งขว้างผู้คนเหมือนกับท่าน เข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของนรก! ท่านเข้าใจไหม บุตรของซาตาน?” ปฏิ ปักษ์ต่อพระคริสต์และผู้พยากรณ์ของเขาจะฆ่าเหล่าวิสุทธิชน และเหล่าวิสุทธิชนจะมีความปิติยินดีที่สวมกอดความทนทุกข์ยากของพวกเขาเพื่อพระเจ้า. 
วรรคที่ 10 บอกเราว่า “ผู้ใดฆ่าเขาด้วบดาบ ผู้นั้นก็ต้องถูกฆ่าด้วยดาบ.” นี่ก็หมายความว่าหากปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ฆ่าเหล่าวิสุทธิชน พระเจ้าก็จะทรงขว้างเขาและผู้ติดตามเขาลงไปสู่เหวที่ไม่มีก้นเหวเช่นกัน เมื่อคนทั้งหลายที่ยืนต่อต้านพระเจ้าได้ทนมานเหล่าวิสุทธิชนก็จะเผชิญกับการทนมานอันยิ่งใหญ่กว่าของพระเจ้าด้วย. 
ดังนั้นเราจะต้องต่อต้านปฏิปักษ์พระคริสต์ด้วยการพยายามของความเชื่อของเรา ในช่วงเวลาของการข่มเหงเหล่าวิสุทธิชนในเวลานี้ก็จะเป็นเวลาถึงสามปีครึ่งร่วมกัน แต่พระเจ้าจะทรงลดการข่มเหงและความยากลำบากของเหล่าวิสุทธิชน ทำให้ช่วงเวลานั้นเหลือเพียงไม่กี่เดือนหรือสอง สามสัปดาห์เท่านั้น พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อีกครั้งโดยวิสุทธิชนก็จะทนทุกข์ยาก พวกเขาจะฟื้นขึ้นมาจากความตายและปลื้มปีติและพวกเขาจะได้รับพระพรให้ครองอาณาจักรพันปีร่วมกับพระคริสต์. 
เมื่ออาณาจักรพันปีมาถึง ความสวยของธรรมชาติจะเข้าถึง และเหล่าวิสุทธิชนจะครอบ ครองพร้อมกับพระผู้เป็นเจ้าในร่างกายบริสุทธิ์ของเขาที่เปลี่ยนไปจากเนื้อหนังเก่าของพวกเขา จาก นั้นพวกเขาจะมีชีวิตที่มีความสุขพร้อมกับพระผู้เป็นเจ้าในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่อย่างเป็นนิรันดร์ เราผู้ที่รู้จักและเชื่อในทุกสิ่งนี้ จะสามารถฟันฝ่าความทุกข์ทรมานในช่วงเวลาสั้นๆที่จะเกิดขึ้นกับเราเพื่อความเชื่อของเราในพระเยซูได้อย่างไร? 
ไม่ต้องสงสัยว่าความทุกข์ลำบากของช่วงเวลานี้นั้นลำบากเพียงใด เหล่าวิสุทธิชนมากมายนับไปถ้วนจะทนทุกข์ยากโดยไม่ต้องสงสัยและก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะไม่ยอมรับการทนทุกข์ยากของ เราเช่นกัน หากทั้งหมดนี้เป็นความจริง เราจะไม่ยอมแพ้ต่อความทุกข์ลำบากที่จะอยู่เพียงชั่วขณะ หนึ่งบนโลกนี้ ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการที่จะเปลี่ยนสวรรค์เป็นร้อยเป็นพันปี เราก็ไม่สามารถเอาชนะปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ด้วย ทั้งหมดนี้ไม่ห่างไกลจากเราเลย แต่จะเกิดขึ้นกับเราไม่นานนี้. 
ดังนั้นเราจะต้องประกาศข่าวประเสริญของน้ำและพระวิญญาณออกไปเมื่อโลกเราอยู่ในสันติ การเตรียมตัวสำหรับความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งนี้คือการเผยแพร่ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณออกไปอย่างขยันหมั่นเพียร ในช่วงปีนี้ข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศไปจะทำสิ่งมหัศจรรย์ ภาระกิจที่มหัศจรรย์ของข่าวประเสริฐจะเกิดขึ้นกับประชาติต่างๆ ผู้คนอาจจะรับเอาข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไปอย่างนุ่มนวลในตอนแรก แต่หลายคนที่ไม่รู้จักพระวจนะของวิรณ์จะค้น หาและรับฟังมันและกลับไปสู่ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เพราะว่าพวกเขาจะรู้สึกสนใจในพระวจนะของวิวรณ์มากและจะไม่สามารถที่จะรับเอาไปอย่างนุ่มนวลได้อีก. 
วิวรณ์บทที่ 13 คือบทของการทนทุกข์ยากของเหล่าวิสุทธิชน เมื่อเวลาของการทนทุกข์ยากมาถึง เหล่าวิสุทธิชนจะถูกฆ่าโดยดาบหรือถูกยิงจนถึงแก่ความตาย เหล่าวิสุทธิชนหลายคนจะถูกฆ่าด้วยมือของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ แต่เราสามารถเผชิญกับความตายของเราได้โดยไม่มีความกลัวใดๆ เพราะมันเป็นความตายของเนื้อหนัง ไม่ใช่เพื่อความเชื่อของเรา เรายังคงตะโกนได้อย่างกล้าหาญด้วยความเชื่อและพระวิญญาณบริสุทธิ์. 
ท่านไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว แม้ว่าท่านจะไม่กล้าพูดหรือขี้ขลาด เพียงแค่คิดถึงวิสุทธิชนของคริสตจักรยุคต้นๆ ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อกำลังของซาตานเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าแต่เพียงเดียวดาย แต่ถูกฆ่าร่วมกัน และเพราะว่าพวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพียงแค่จำว่า พระเยซูทรงบอกเราแล้ว “แต่เมื่อเขามอบท่านไว้นั้น อย่าเป็นกังวลว่าจะพูดอะไรหรืออย่างไรเพราะเมื่อถึงเวลา คำที่ท่านจะพูดนั้นจะทรงประทานแก่ท่านในเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดไม่ใช่ตัวท่านเองแต่เป็นพระวิญญาณแห่งพระบิดาของท่านผู้ตรัสทางท่าน.” (มัทธิว 10:19-20) ด้วยการเป็นคนของพระเจ้าเราไม่สามารถได้รับอาณาจักรของพระเจ้าด้วยความตายของเราได้ไหม? เราทั้งหมดสามารถได้รับ. 
โลกนี้จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์จากภัยพิบัติของแตรทั้งเจ็ดของพระเจ้า เมื่อผู้ปกครองเผด็จการที่ถูกเรียกว่าปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะมาปกครองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วเราจะสามารถแลกเปลี่ยนสวรรค์อันเป็นนิรันดร์กับสิ่งอื่นใดบนโลกโดยไม่ต้องสงสัยว่ามันจะสวยงามเพียงใดได้อีกไหม? เมื่อโลกได้เปลี่ยนไปสู่สถานที่ที่ไม่สามารถจะอยู่อาศัยได้ ที่ที่แม่น้ำเปลี่ยนไปเป็นบอระเพ็ด ทะเลกลายเป็นเลือด และธรรมชาติก็จะเสียไป ยิ่งไปกว่านั้นเราก็จะแพ้ต่อคนที่เป็นสัตว์ร้ายผู้ที่พยายามทำให้เราทรยศความเชื่อของเรา. 
จากวันใกล้ๆการทนทุกข์ยากของเรา โลกเดียวที่รอคอยผู้ที่ยังคงอยู่บนโลกนี้อาจจะเป็นที่ที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงที่ระบุไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมและไม่สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลของตนได้ ในโลกเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดที่จะต้องการอาศัยอยู่แม้จะมีความเชื่ออยู่ด้วย.
หนังสือวิวรณ์แสดงให้เราได้เห็นสิ่งที่กำลังจะมาถึงในอนาคต เมื่อยุคปัจจุบันที่เป็นยุคของม้าสีดำได้เคลื่อนผ่านไปนิดหนึ่งแล้ว ยุคของม้าสีกะเลียวก็จะมาถึงโดยแท้จริง อีกนัยหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าของเราก็จะเสด็จกลับมาโดยเร็ว สิ่งที่ผู้เขียนได้เขียนก็คือว่าท่านไม่ควรที่จะยอมแพ้ต่อการครอบครองของท่านตั้งแต่ที่พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมาโดยทันที สิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงก็คือว่าเราควรจะมารับใช้พระผู้เป็นเจ้าของเราจนถึงวันที่ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ปรากฎโดยแท้จริงที่เป็นความเชื่อที่สมบูรณ์และเปลี่ยนแปลงไม่ได้จนถึงเดี๋ยวนี้. 
หากตอนนี้ท่านมีปัญหาหรือเศร้าใจ ท่านก็ไม่ควรจะเป็นกังวลอีกต่อไป เมื่อท่านและผู้ เขียนได้ตระหนักว่าเราจะทนทุกข์ยาก หัวใจของเราก็จะกลับไปมีสันติสุขและสงบลง เมื่อเราทนทุกข์ยากแล้วเราจะมีความโลภอะไรเหลืออยู่อีก? หากไม่มีความปรารถนาใดเหลืออยู่กับเราเลย มันก็จะเป็นการประกาศข่าวประเสริฐนี้ไปสู่ทุกคนทั่วโลก เพื่อให้เหล่าวิสุทธิชนทั้งหลายลุกขึ้นมาในช่วงเวลาสุดท้าย รอดและทนทุกข์ยากโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐนี้ และก็ได้รับฟ้าสวรรค์และแผ่น ดินโลกใหม่ ผู้เขียนหวังเช่นกันว่าเหล่าวิสุทธิชนทั้งหมดจะสร้างอาณาจักรของพระคริสต์ด้วยความเชื่อของพวกเขา โดยการทำนุบำรุงโดยการเชื่อในความจริงนี้ และก็จะผ่านสิ่งเหล่านี้ที่รอคอยพวกเขาอยู่ในช่วงปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ไปได้อย่างเต็มใจ.
พระเจ้าประทานพระพรของความทุกข์ลำบากของพระองค์ให้เรา ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทนทุกข์ยากได้ และไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ ผู้เขียนมีความยินดีที่พระเจ้าทรงประทานพระพรเช่นนั้นมาให้เรา ผู้เขียนมีความสุขสำหรับความจริงที่จะต้องตายเพื่อความเชื่อ เนื่อง จากเราไม่มีความหวังเหลืออยู่ในโลกนี้ ความทนทุกข์ยากนั้นเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่เพื่อเรา. 
ทั้งหมดที่เราจะทำได้ก็คือความหวังเพื่ออาณาจักรสวรรค์และสวรรค์ที่พระเจ้าทรงเตียมไว้เพื่อเรา มีชีวิตของเราอยู่โดยการพยายามประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลกจนถึงวันที่พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมารับพระองค์พร้อมกับความยินดีเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา และปรับสถานที่ที่เรามีความ หวัง เชื่อในพระวจนะนี้เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง. 
เราไม่สามารถได้รับเครื่องหมายของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ได้ เพราะเราเป็นคนของอาณา จักรสวรรค์ เนื่องจากการได้รับเครื่องหมายนี้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล มันก็จะไม่ได้ทำโดยพลังทางกาย แต่มันเป็นการยอมรับด้วยหัวใจ.
หากพบข่าวประเสริฐในหัวใจของเด็กๆของเรา พวกเขาก็จะยอมรับการทนทุกข์ยากของพวกเขาอย่างกล้าหาญมากกว่าที่จะโตขึ้น เพราะพวกเขามีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ด้วยเช่นกัน หากพบพระวิญญาณบริสุทธิ์ในหัวใจของพวกเด็กๆแล้ว พวกเขาก็จะสารภาพเช่นกันว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของตนและทรงเป็นพระเจ้าเหมือนกับที่ผู้ใหญ่สารภาพว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของตน พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกเราว่าไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่จะต้องกล่าวเมื่อเราถูกลากไปก่อนปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเติมหัวใจของเราด้วยคำที่เราสามารถพูดได้. 
บุตรของพระเจ้าไม่มีความกลัวว่าพวกเขาอ่อนหรือแก่ทางจิตวิญญาณ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ในพวกเขาไม่มีความเกรงกลัว พวกเขาจะทนทุกข์ยากโดยพลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตกับพวกเขา เพราะพวกเขาก็เป็นของพระเจ้าเช่นกัน พระองค์จะทรงได้รับจิตวิญญาณของพวกเขา ยอมให้พวกเขามีร่างกายของตน และให้รางวัลแก่พวกเขาในการครอบครองโลกที่ดีกว่า.
พระเจ้าจะทรงเติมหัวใจของผู้ที่ได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณด้วยพระวจนะของพระ องค์ เนื่องจากมีเพียงจิตวิญญาณทั้งหลายเท่านั้นที่ได้รับเลือกและได้รับจากพระเจ้าจะสามารถทนทุกข์ยากได้ พระเจ้าทรงจัดเตรียมความเชื่อของพวกเขาไว้เพราะประโยชน์ของพระนามของพระ องค์ เพียงโดยความจริงที่ว่าเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในหัวใจของเรา เพราะเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เราจะได้รับรางวัลของอาณาจักรพันปีและสง่าราศีของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่. 
เราจะได้ประสบกับความสมบูรณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในหัวใจของเราในช่วงเวลาสุด ท้าย ตามที่เราได้เผชิญกับการทนทุกข์ยากที่จะมาถึง เมื่อเราจะพบกับการทนทุกข์ยากตามแผนการของพระเจ้าเราทั้งหมดก็จะผ่านการทนทุกข์ยากของเราไปได้ในขณะที่ร้องเพลงสรรเสริญ นมัสการ และถวายพระสิริแก่พระองค์ เนื่องจากเราเชื่อในพระเจ้า เราจะติดตามพระองค์โดยความเชื่อของเราที่ตะโกนออกมาว่า “อาเมน!” เพราะเราทราบว่าเราได้ทนทุกข์ยากและความโลภของเนื้อหนังตามธรรมชาติของเราจะหลั่งออกไปจากเรา ทำให้จิตวิญญาณของเราบริสุทธิ์อย่างยิ่ง. 
สิ่งที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์เพื่อเราก็คือการทนทุกข์ยากที่เป็นการได้รับพระพรอันยิ่ง ใหญ่และสง่าราศี เหล่าวิสุทธิชนจะต่อสู้กับพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และปกป้องข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณในหัวใจของตนจนถึงที่สุดเพราะพวกเขามีความหวังในการอยู่ในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่อย่างเป็นนิรันดร์ ในช่วงเวลาของความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง เหล่าวิสุทธิชนทั้ง หมดจะตระหนักว่าพระเยซู คริสต์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขาและเชื่อในความรอดอันสมบูรณ์ของพวกเขาที่พระองค์ประทานให้มา และจะยอมรับการทนทุกข์ยากต่อพระพักตร์พระเจ้า. 
ผู้เขียนขอขอบคุณพระผู้ป์นเจ้าผู้ทรงประทานพระพรของความทนทุกข์ยากมาให้เรา.