Search

Sermoni

เรื่องที่ 10: วิวรณ์ (ข้อคิดเกี่ยวกับวิวรณ์)

[บทที่ 12-1] คริสตจักรของพระเจ้าที่จะประสบกับอันตรายอย่างใหญ่หลวงในอนาคต  (วิวรณ์ 12:1-17)

คริสตจักรของพระเจ้าที่จะประสบกับอันตรายอย่างใหญ่หลวงในอนาคต
(วิวรณ์ 12:1-17)
“มีการมหัศจรรย์ใหญ่ยิ่งปรากฏในสวรรค์ คือผู้หญิงคนหนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และบนศีรษะมีดวงดาวสิบสองดวงเป็นมงกุฎผู้หญิงนั้นมีครรภ์ และร้องครวญด้วยความเจ็บครรภ์ที่ใกล้จะคลอด และมีการมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งปรากฏในสวรรค์ ดูเถิด มีพญา นาคใหญ่สีแดงตัวหนึ่ง มีเจ็ดหัวและมีสิบเขา และที่หัวเหล่านั้นมีมงกุฎเจ็ดอัน หางพญานาคตวัดดวงดาวในท้องฟ้าทิ้งลงมาที่แผ่นดินโลกเสียหนึ่งในสามส่วน และพญานาคนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าผู้ หญิงที่กำลังจะคลอดบุตร เพื่อจะกินบุตรเมื่อคลอดออกมาแล้วหญิงนั้นคลอดบุตรชายผู้ซึ่งจะครอบ ครองประชาชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก และบุตรนั้นได้ขึ้นไปถึงพระเจ้า ถึงพระที่นั่งของพระองค์ และหญิงนั้นก็หนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นางมีสถานที่ซึ่งพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูอยู่ที่นั่นตลอดพันสองร้อยหกสิบวัน และมีสงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอล และพวกทูตสวรรค์ของท่านได้ต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับพวกทูตของมันก็ต่อสู้ แต่ฝ่ายพญานาคแพ้ และพวกพญานาคไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกเลย พญานาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่า พญามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก พญานาคและพวกทูตของมันก็ถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่นดินโลก และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังขึ้นในสวรรค์ว่า ‘บัดนี้ความรอด และฤทธิ์เดช และราช อาณาจักรแห่งพระเจ้าของเรา และอำนาจพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้ที่กล่าว โทษพวกพี่น้องของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าของเรา ทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น ก็ได้ถูกผลักทิ้งลงมาแล้ว เขาเหล่านั้นชนะพญามารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และโดยคำพยานของพวกเขาเอง และเขาไม่ได้เสียดายที่จะพลีชีพของตน ฉะนั้นสวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์จงรื่นเริงยินดีเถิด แต่วิบัติจะมีแก่ผู้ที่อยู่ในแผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่าพญามารได้ลงมาหาเจ้าด้วยความโกรธยิ่งนัก เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย’ เมื่อพญานาคนั้นเห็นว่ามันถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่ㅁนดินโลกแล้ว มันก็ข่มเหงหญิงที่คลอดบุตรชายนั้น แต่ทรงประทานปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกแก่หญิงนั้น เพื่อให้นางบินหนีหน้างูเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในสถานที่ของนาง จนถึงที่ซึ่งนางจะได้รับการเลี้ยงดู ตลอดวารหนึ่งและสองวารและครึ่งวาร งูนั้นก็พ่นน้ำออกจากปากเหมือนน้ำท่วมไหลตามหญิงนั้น เพื่อจะให้พัดหญิงนั้นไปกับน้ำท่วม แต่แผ่นดินก็ได้ช่วยหญิงนั้นไว้ได้ โดยแยกออกเป็นช่องแล้วสูบน้ำท่วมนั้นที่พ่นออกจากปากพญานาคนั้นลงไป พญานาคโกรธแค้นหญิงนั้น มันจึงออกไปทำสง ครามกับเชื้อสายของนางที่เหลืออยู่นั้น คือผู้ที่ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และยึดถือคำพยานของพระเยซูคริสต์.” 
 


คำอธิบาย 

 
วรรคที่ 1: มีการมหัศจรรย์ใหญ่ยิ่งปรากฏในสวรรค์ คือผู้หญิงคนหนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และบนศีรษะมีดวงดาวสิบสองดวงเป็นมงกุฎ.
สิ่งนี้บอกเราว่าคริสตจักรของพระเจ้าได้ถวายพระเกียรติให้แก่พระองค์ผ่านความทนทุกข์ยาก “ผู้หญิงคนหนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์” หมายถึงคริสตจักรของพระเจ้าบนโลกนี้และประ โยคที่ว่า “มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า” หมายความว่า คริสตจักรยังคงอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของโลก อีกนัยหนึ่ง คำว่า “บนศรีษะมีดวงดาวสิงสองดวงเป็นมงกุฎ” หมายความว่าคริสตจักรของพระองค์จะเอา ชนะการก่อกวนของซาตานและการคุกคามด้วยความทนทุกข์ยาก. 
วรรคนี้หมายถึงคริสตจักรของพระเจ้าในท่ามกลางของความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง คริสตจักรของพระองค์จะทุกข์ทรมานในภัยอันตรายใหญ่ยิ่งจากซาตาน และทนทุกข์ยากในช่วงเวลาสุดท้ายแต่แม้กระนั้นก็จะเอาชนะซาตานด้วยความเชื่อและได้รับสง่าราศีจากพระเจ้า แม้แต่ในช่วงเวลาของการทุกข์ลำบาก เหล่าวิสุทธิชนของคริสตจักรของพระเจ้าจะเอาชนะปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และมีชัยด้วยความทนทุกข์ยากของตนโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ.
บุตรของพระเจ้าผู้ที่ได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณจะทนทุกข์ยากในช่วงเวลาสุดท้ายอย่างแน่นอน คนทั้งหลายที่เชื่อและรับใช้พระเจ้าแล้วก่อนการมาถึงของความทุกข์ลำบาก และคนทั้งหลายที่เชื่อในข่าวประเสริฐและผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ดในท่ามกลางความทุกข์ลำบากจะมีความ เชื่อของความทนทุกข์ยากที่สามารถทำให้พวกเขาได้ต่อสู้และเอาชนะปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ได้.
คนทั้งหลายที่ปฏิเสธการทนทุกข์ยากโดยการทรยศพระองค์จะถูกปฏิเสธจากสวรรค์เช่นกันและจะตกลงไปสู่นรกพร้อมกับซาตาน และเราควรจะเตรียมตัวที่จะยอมรับความทนทุกข์ยากของเราด้วยความเชื่อที่เด่นชัดเพื่อมิให้เราสูญเสียพระพรอันเป็นนิรันดร์ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้เรา และเราจะต้องทราบว่าผู้ที่เกิดใหม่ทั้งหมด จะเผชิญกับการคุกคามของซาตาน การทนทุกข์ยากจะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อมันสิ้นสุดแล้ว อาณาจักรพันปีและสวรรค์ก็จะเป็นของเรา. 
ดังนั้น เราจะต้องมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันนี้โดยการทราบว่าเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายมาถึง เราจะทนทุกข์ยากโดยความเชื่อผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ จากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานพระวจนะที่จะกล่าวในช่วงเวลาของการทนทุกข์ยากนี้ เพื่อทำให้เราสามารถเอาชนะการก่อกวนได้อย่างกล้าหาญและยอมรับการทนทุกข์ยากของเราด้วยความเต็มใจโดยไม่มีการทรยศความเชื่อของตน. 
แม้แต่ในช่วงเวลาของความทุกข์ลำบากที่น่ากลัว คริสตจักรของพระเจ้าจะยังคงต่อสู้กับซา ตานและเอาชนะเขาโดยการทนทุกข์ยาก มันค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าคริสตจักรจะได้รับรางวัลจากพระเจ้าโดยการเอาชนะปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ด้วยการทนทุกข์ยาก การเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าแม้ในยุคสุดท้ายของซาตาน. 
 
วรรคที่ 2: ผู้หญิงนั้นมีครรภ์ และร้องครวญด้วยความเจ็บครรภ์ที่ใกล้จะคลอด. 
วรรคนี้บอกว่าคริสตจักรของพระเจ้าอยู่ในความทุกข์ลำบาก มันได้บอกเราถึงความพยายามของคริสตจักรทั้งหมดผ่านความข่มเหงและความทุกข์ลำบากของช่วงเวลาสุดท้ายที่ซาตานนำเอามา คริสตจักรของพระเจ้าจะผ่านความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งซึ่งเป็นช่วงเวลาของการต่อสู้กับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ดังนั้นเหล่าวิสุทธิชน จึงถามพระเจ้าเพียงว่าเมื่อใดที่ตนจะผ่านความทุกข์ลำบากเท่านั้น พวกเขาจะอธิษฐานว่า “พระเจ้า ได้โปรดประทานพระสิริของพระองค์ให้แก่ข้าพระ องค์ด้วย เพื่อว่าเราจะผ่านความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งทั้งหมดไปได้ ได้โปรดช่วยข้าพระองค์โดยการทำให้ความทุกข์ลำบากบรรเทาลง ได้โปรดยอมให้ข้าพระองค์ได้เอาชนะความทุกข์ลำบากของข้าพระองค์ ได้โปรดทำให้ข้าพระองค์ได้เอาชนะซาตาน!” 
 
วรรคที่ 3: และมีการมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งปรากฏในสวรรค์ ดูเถิด มีพญา นาคใหญ่สีแดงตัวหนึ่ง มีเจ็ดหัวและมีสิบเขา และที่หัวเหล่านั้นมีมงกุฎเจ็ดอัน. 
เมื่อซาตานจะปรากฎขึ้นในโลกนี้ในอนาคต เขาจะทำตัวราวกับเป็นพระเจ้า และทำราวกับว่าเขาจะรวมทุกๆชนชาติของโลกนี้และใช้ให้พวกเขาเป็นเครื่องมือในการทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตนเอง เขาก็จะฆ่าเหล่าวิสุทธิชนเช่นกันและครอบครองโลกเหมือนกับเป็นพระเจ้าและกษัตริย์.
ประโยคที่ว่า “ดูเถิด มีพญา นาคใหญ่สีแดงตัวหนึ่ง มีเจ็ดหัวและมีสิบเขา และที่หัวเหล่านั้นมีมงกุฎเจ็ดอัน.” แสดงให้เราได้เห็นว่าซาตานผู้ทำลายสันติสุขจะควบคุมจัดการกษัตริย์เจ็ดองค์และประชาชาติทั้งสิบชาติ มันบอกเราว่าประเด็นหลักของเขา ซาตานได้ต่อต้านพระเจ้าโดยพื้นฐาน. 
 
วรรคที่ 4: หางพญานาคตวัดดวงดาวในท้องฟ้าทิ้งลงมาที่แผ่นดินโลกเสียหนึ่งในสามส่วน และพญานาคนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงที่กำลังจะคลอดบุตร เพื่อจะกินบุตรเมื่อคลอดออกมาแล้ว. 
วรรคนี้บอกเราถึงสิ่งที่ซาตานทำ พญานาคได้เปลี่ยนไปเป็นศัตรูกับพระเจ้าในสวรรค์และถูกทิ้งลงมา เขาตวัดหนึ่งในสามส่วนของทูตสวรรค์และนำพวกเขาให้ตกลงไปสู่ความพินาศของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงถูกผลักไสออกมาจากหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า แต่ในขณะที่เขาอยู่บนโลกนี้ เขาก็ยังคงพยายามที่จะหยุดพันธกิจของข่าวประเสริฐของพระเจ้าโดยการรังแกผู้ที่เชื่อพระองค์. 
 
วรรคที่ 5: หญิงนั้นคลอดบุตรชายผู้ซึ่งจะครอบครองประชาชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก และบุตรนั้นได้ขึ้นไปถึงพระเจ้า ถึงพระที่นั่งของพระองค์.
สิ่งนี้บอกเราว่าคริสตจักรของพระเจ้าจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพระคริสต์และปลื้มปีติสู่อาณาจักรสวรรค์เพราะว่าได้ทนทุกข์ยากโดยการเชื่อในพระเยซู คริสต์. 
 
วรรคที่ 6: และหญิงนั้นก็หนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นางมีสถานที่ซึ่งพระเจ้าได้ทรงจัด เตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูอยู่ที่นั่นตลอดพันสองร้อยหกสิบวัน. 
วรรคนี้บอกเราว่าพระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูคนของพระองค์ตลอดสามปีครึ่งในโลกนี้ คริสตจักรของพระเจ้าจะทรงดูแลและได้รับการปกป้องจากพระเจ้าเป็นเวลา 1,260 วันก่อนการมาถึงของความทุกข์ลำบากทั้งหมด และเมื่อเวลานั้นมาถึงมันก็จะต่อสู้กับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และทนทุกข์ยาก. 
 
วรรคที่ 7–8: และมีสงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอล และพวกทูตสวรรค์ของท่านได้ต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับพวกทูตของมันก็ต่อสู้ แต่ฝ่ายพญานาคแพ้ และพวกพญานาคไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกเลย. 
สิ่งนี้หมายความว่าซาตานถูกขับไล่ออกจากสวรรค์อย่างแท้จริง. 
ซาตานจะถูกโยนออกมาจากสวรรค์โดยสมบูรณ์ก่อนจะมาถึงโลกนี้ พญามารจะไม่สามารถอยู่บนสวรรค์ได้อีกต่อไป ซาตานผู้ที่มีพลังเหนือฟ้าอากาศได้นั่งอยู่ทั้งบนฟ้าและบนโลกและครอบ ครองมันในตอนนี้ ดังนั้นเขาก็จะถูกโยนออกมาจากสวรรค์แล้วมารังแกเหล่าวิสุทธิชนบนโลกนี้ในวันสุดท้ายที่มาถึง แต่ซาตานก็จะถูกพระเจ้าขับไล่และตกลงไปสู่เหวที่ไม่มีก้นเหวและนรก.
 
วรรคที่ 9: พญานาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่า พญามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก พญานาคและพวกทูตของมันก็ถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่นดินโลก. 
ในช่วงเวลาสุดท้าย ตามที่ซาตานถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่นดินโลก เขาจึงมารังแกและฆ่าเหล่าวิสุทธิชนในช่วงเวลาสุดท้าย จากนั้นเหล่าวิสุทธิชนจึงทนทุกข์ยากในมือของเขา.
 
วรรคที่ 10: และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังขึ้นในสวรรค์ว่า “บัดนี้ความรอด และฤทธิ์เดช และราชอาณาจักรแห่งพระเจ้าของเรา และอำนาจพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้ที่กล่าว โทษพวกพี่น้องของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าของเรา ทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น ก็ได้ถูกผลักทิ้งลงมาแล้ว.” 
ซาตานจะไม่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์อีกต่อไปเมื่อถึงเวลาสุดท้ายเขาก็จะไม่สามารถอยู่ในสวรรค์ได้ นี่คือเหตุผลที่วิวรณ์ 21:27 บอกเราว่าจะไม่พบทั้งคนชั่วร้ายและคนโกหกบนสวรรค์.
 
วรรคที่ 11: “เขาเหล่านั้นชนะพญามารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และโดยคำพยานของพวกเขาเอง และเขาไม่ได้เสียดายที่จะพลีชีพของตน.” 
เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายมาถึงวิสุทธิชนจะทนทุกข์ยากเพื่อปกป้องความเชื่อของตน ผู้ใดก็ตามที่เป็นวิสุทธิชนจะได้รับชัยชนะของความเชื่อผ่านความทนุทกข์ยากของความเชื่อของเขาหรือเธอในช่วงเวลาสุดท้าย อีกนัยหนึ่ง ผู้ที่ทนทุกข์ยากที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า จะเอาชนะในการต่อสู้กับตัวเอง.
 
วรรคที่ 12: “ฉะนั้นสวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์จงรื่นเริงยินดีเถิด แต่วิบัติจะมีแก่ผู้ที่อยู่ในแผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่าพญามารได้ลงมาหาเจ้าด้วยความโกรธยิ่งนัก เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย.”
ตามที่ซาตานถูกทิ้งลงมาจากสวรรค์ เมื่อเขาลงมายังโลกนี้ เขาก็จะมีพลังเหนือโลกอยู่ชั่ว ขณะหนึ่ง จะทรมานและข่มเหงเหล่าวิสุทธิชน แต่เพราะว่าเหล่าวิสุทธิชนผู้ที่จะทนทุกข์ยากและถูกยกขึ้นไปสู่ฟ้าอากาศ ความชื่นชมยินดีเท่านั้นที่จะรอคอยพวกเขา หลังจากการปลื้มปีติ พระเจ้าจะทรงเทภัยพิบัติของขันทั้งเจ็ดลงมายังแผ่นดินโลกและทะเล. 
วรรคที่ 13: เมื่อพญานาคนั้นเห็นว่ามันถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่นดินโลกแล้ว มันก็ข่มเหงหญิงที่คลอดบุตรชายนั้น. 
นี่หมายความว่าการถูกข่มเหงของเหล่าวิสุทธิชนจะมาถึงในช่วงเวลาของความทุกข์ลำบาก ใหญ่ยิ่ง เหล่าวิสุทธิชนและคนรับใช้ของพระเจ้าจะจะตายในตอนนี้จากการทนทุกข์ยากของตนแต่ตามความจริงแล้วก็จะได้รับชัยชนะทางความเชื่อของตนเอง มันก็จะไม่มีความตาย ความทุกข์ทรมานหรือการสาปแช่งต่อพวกเขาอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่สำหรับพวกเขาก็คือการสรรเสริญพระเจ้าและถวายพระเกียรติต่อพระองค์ตลอดไปในสวรรค์. 
 
วรรคที่ 14: แต่ทรงประทานปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกแก่หญิงนั้น เพื่อให้นางบินหนีหน้างูเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในสถานที่ของนาง จนถึงที่ซึ่งนางจะได้รับการเลี้ยงดู ตลอดวารหนึ่งและสองวารและครึ่งวาร. 
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกว่าการปลื้มปีติจะเกิดขึ้นหลังจากช่วงสามปีครึ่งแรกของความทุกข์ ลำบากใหญ่ยิ่ง พระวจนะนี้บอกเราว่าพระเจ้าจะทรงประทานการปกป้องและการเลี้ยงดูเป็นพิเศษให้แก่เหล่าวิสุทธิชนในท่ามกลางของภัยพิบัติตามธรรมชาติของความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง พระเจ้าจะทรงดูแลผู้ที่รักษาความเชื่อเพื่อว่าเราจะต่อสู้และเอาชนะซาตานด้วยความเชื่อนี้ได้.
การที่ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่อข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณก้คือการได้รับการเลี้ยง ดูของเรา และดังนั้นก็เป็นการประกาศข่าวประเสริฐนี้ของเรา แม้กระทั่งภัยพิบัติของแตรทั้งเจ็ดที่มาถึงยังโลกนี้ เราจะยังคงมีชีวิตของเราอยู่โดยการประกาศข่าวประเสริฐ ทำไม? เพราะว่าหากเราไม่ประกาศข่าวประเสริฐนี้ออกไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของความทนทุกข์ยากของเราแล้ว หลายๆจิตวิญญาณจะต้องแพ้ให้กับนรก จึงไม่มีเวลาเหลืออีกแล้วนอกจากคอนนี้. 
 
วรรคที่ 15–17: งูนั้นก็พ่นน้ำออกจากปากเหมือนน้ำท่วมไหลตามหญิงนั้น เพื่อจะให้พัดหญิงนั้นไปกับน้ำท่วม แต่แผ่นดินก็ได้ช่วยหญิงนั้นไว้ได้ โดยแยกออกเป็นช่องแล้วสูบน้ำท่วมนั้นที่พ่นออกจากปากพญานาคนั้นลงไป พญานาคโกรธแค้นหญิงนั้น มันจึงออกไปทำสง ครามกับเชื้อสายของนางที่เหลืออยู่นั้น คือผู้ที่ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และยึดถือคำพยานของพระเยซูคริสต์. 
ซาตานฆ่าเหล่าวิสุทธิชนโดยการข่มเหงพวกเขาและทำให้พวกเขาต้องห่างไกลจากข่าวประ เสริฐก่อน แต่ปัจจุบันนี้ ตามที่ข่าวประเสริฐได้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกในวิธีต่างๆมากมาย เขาจึงพยายามที่จะฆ่าเหล่าวิสุทธิชนโดยการเทความผิดบาปลงมาและทำให้พวกเขาถูกพัดไปกับน้ำ ดัง นั้นซาตานจึงพยายามที่จะนำความตายมาสู่วิสุทธิชนทั้งหลายโดยการเทแม่น้ำของบาปและทำให้พวกเขาต้องดื่มน้ำนั้น คนทั้งหลายที่ไม่ได้เกิดใหม่ได้ดื่มน้ำจากแม่น้ำของบาปนี้แทน ซาตานก็จะหาวิธีอื่นในการฆ่าเหล่าวิสุทธิชนที่รอดชีวิตและไม่ถูกฆ่าจากความพยายามในครั้งนี้ตามที่ได้แสดงไว้ในบทที่ 13.