Search

Preken

เรื่องที่ 10: วิวรณ์ (ข้อคิดเกี่ยวกับวิวรณ์)

[บทที่ 22-2] จงชื่นชมยินดี และเข้มแข็งในความหวังแห่งพระสิริ (วิวรณ์ 22:1-21)

จงชื่นชมยินดี และเข้มแข็งในความหวังแห่งพระสิริ
(วิวรณ์ 22:1-21)
 
วิวรณ์ บทที่ 22:6-21 แสดงให้เราเห็นถึงความหวังแห่งสรวงสวรค์ บทที่ 22 คือบทสรุปของหนังสือแห่งวิวรณ์ ซี่งกล่าวถึงเรื่องการยืนยันความศรัทธาในคำทำนายในพระคัมภีร์ไบเบิล และการเชื้อเชิญไปยังนครเยรูซาเล็มใหม่ของพระผู้เป็นเจ้า บทนี้บอกเราว่า นครเยรูซาเล็มใหม่เป็นรางวัลของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงประทานให้แก่เหล่าวิสุทธิชน ผู้ที่ได้กลับมาเกิดใหม่เพราะความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ.
พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เหล่าวิสุทธิชนที่กลับมาเกิดใหม่นมัสการพระองค์ ที่พระที่นั่งของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอขอบคุณพระเจ้าอย่างสุดซึ้ง คำพูดต่าง ๆ ไม่สามารถบอกได้ว่าเราขอบคุณพระองค์เพียงใด ที่ทรงอนุญาตให้พวกเราเป็นวิสุทธิชนผู้ที่ได้รับการอภัยโทษต่อความผิดบาปของเราทั้งหมดต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเราเชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณ จะมีใครในโลกใบนี้บ้างที่ได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่ไปกว่าที่เราได้รับ? ไม่มีใคร!
ข้อความสำคัญในวันนี้ก็คือบทสุดท้ายของวิวรณ์ ในหนังสือแห่งปฐมกาล พวกเราได้รู้ว่าพระเจ้าทรงสร้างแผนการทั้งหมดเพื่อมนุษยชาติ และในหนังสือแห่งวิวรณ์ พวกเราได้รู้ว่าพระเจ้าทรงกระทำตามเป้าหมายในแผนการทั้งหมด พระวจนะแห่งวิวรณ์สามารถบรรยายได้เป็นกระบวน การทำลายล้างโลกเพื่อกระทำงานของพระเจ้าทั้งหมดให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อมนุษยชาติตามแผนการของพระองค์ จากพระวจนะแห่งวิวรณ์ พวกเราได้เห็นอาณาจักรแห่งสรวงสวรรค์ล่วงหน้าดังได้ประกาศไว้โดยพระเจ้า.
 

รูปร่างของนครและสวนในนครของพระเจ้า
 
บทที่ 21 กล่าวถึงนครของพระเจ้า ในวรรคที่ 17-21 กล่าวว่า “ท่านวัดกำแพงนครนั้นได้ร้อยสี่สิบสี่ศอกตามมาตราวัดของมนุษย์ ซึ่งเหมือนกันกับของทูตสวรรค์ กำแพงนครนั้นก่อด้วยแก้วมณีโชติ และนครนั้นสร้างด้วยทองคำเนื้อบริสุทธิ์สุกใสดุจแก้ว ฐานของกำแพงนครนั้นประดับด้วยเพชรนิลจินดาทุกชนิด ฐานที่หนึ่งเป็นแก้วมณีโชติ ที่สองไพฑูรย์ ที่สามโมรา ที่สี่มรกต ที่ห้าโกเมน ที่หกทับทิม ที่เจ็ดบุษราคัมน้ำแก่ ที่แปดเพทาย ที่เก้าบุษราคัมน้ำอ่อน ที่สิบหยก ที่สิบเอ็ดนิล ที่สิบสองเป็นพลอยสีม่วง ประตูทั้งสิบสองประตูนั้นทำด้วยไข่มุกสิบสองเม็ด ประตูละเม็ด และถนนในนครนั้นเป็นทองคำบริสุทธิ์ ใสราวกับแก้ว.”
หนังสือแห่งวิวรณ์นี้ได้บรรยายนครเยรูซาเล็มใหม่ที่พระเจ้าจะประทานให้แก่ผู้ที่กลับมาเกิดใหม่ของพระองค์ เราได้ทราบแล้วว่า นครเยรูซาเล็มในสรวงสวรรค์นี้สร้างด้วยเพชรนิลจินดาสิบสองชนิด และประตูทั้งสิบสองประตูก็สร้างด้วยไข่มุก.
บทที่ 22 กล่าวถึงธรรมชาติที่พบในสวนของนครแห่งเยรูซาเล็ม วรรคที่ 1 กล่าวว่า “ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วไหลมาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และพระที่นั่งของพระเมษโปดก” ในนครของพระเจ้า แม่น้ำที่ใสเหมือนแก้วไหลผ่านสวน ดังเช่นที่พระเจ้าทรงสร้างแม่น้ำสี่สายไหลผ่านสวนเอเดนในช่วงแรก พระเจ้าตรัสแก่เราว่านี่คือสวนที่ผู้ชอบธรรมจะได้ชื่นชมยินดีในภายหน้า.
ข้อความสำคัญยังบอกเราว่าต้นไม้แห่งชีวิตอยู่ในสวนนี้ ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุก เดือน และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย ซึ่งทำให้ผู้เขียนรู้ว่า ธรรมชาติแห่งสรวงสวรรค์มิได้ออกผลที่ทานได้เท่านั้น แต่เรายังทานใบของต้นไม้ได้ เพราะใบนั้นมีอำนาจในการรักษา.
 

พระพรที่ได้รับโดยผู้ชอบธรรม!
 
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าในนครของพระเจ้า “จะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะนมัสการพระองค์ เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา.” ประโยคนี้บอกเราว่า พวกเราเหล่านั้นที่ได้รับการอภัยต่อความผิดบาปจะได้ครอบครองอยู่กับพระเจ้าผู้ทรงช่วยเราให้รอดตลอดไป.
ผู้ที่ได้รับการชำระความผิดบาปเพราะการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้จะไม่ได้รับแค่เพียงพระพรแห่งการชำระล้างความผิดบาปเท่านั้น แต่เขาจะได้เป็นบุตรของพระเจ้าด้วย มีทูตสวรรค์คอยรับใช้เมื่อเขาขึ้นไปสู่อาณาจักรแห่งพระเจ้า และครอบครองอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ข้อความนี้บอกเราว่าผู้ชอบธรรมจะได้รับพระพรอันเป็นนิรันดร เช่นได้ยืนอยู่ที่แม่น้ำแห่งชีวิต และได้ทานผลไม้แห่งชีวิตจากพระเจ้า และจากบางส่วนของพระพร เขาจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ.
ข้อความนี้ยังบอกเราอีกว่า พวกเขาไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขา บุตรของพระเจ้าผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปโดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ จะได้ใช้ชีวิตเหมือนพระเจ้า นี่คือพระพรที่ได้รับโดยผู้ชอบธรรม.
สาวกยอห์น หนึ่งในสาวกทั้งสิบสองท่านของพระเยซู ผู้บันทึกหนังสือแห่งวิวรณ์ ยังบัน ทึกข่าวประเสริฐของท่านยอห์น และจดหมายเหตุสามฉบับไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ –จดหมายของท่านยอห์นฉบับที่หนึ่ง ฉบับที่สอง และฉบับที่สาม เขาถูกเนรเทศไปยังเกาะปัทมอสเพราะปฏิเสธการยอมรับจักรพรรดิโรมันเป็นพระเจ้า ในช่วงที่ถูกเนรเทศนี้ พระเจ้าประทานทูตสวรรค์ของพระองค์มาให้ยอห์น และแสดงให้เขาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้ บอกเรื่องการทำลายล้างโลก และสถานที่ที่เหล่าวิสุทธิชนจะได้เข้าไปและใช้ชีวิตอยู่ให้เขา.
ถ้าพวกเราจะบรรยายหนังสือแห่งปฐมกาลว่าเป็นแผนการการสร้างโลก เราก็อาจบรรยายว่าหนังสือวิวรณ์เป็นรูปที่สมบูรณ์แบบของแผนการ เมื่อ 4,000 ปีก่อน พระเจ้าของเราได้ตรัสแก่มนุษย ชาติว่า พระองค์จะทรงทำให้ความผิดบาปทั้งหมดหมดไปโดยพระเยซูคริสต์ และในยุคของพันธสัญญาฉบับใหม่ เมื่อถึงเวลาที่พระองค์จะประทานพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดมายังโลกนี้ เวลาที่พระ องค์ทรงให้พระเยซูทรงรับบัพติศมาโดยยอห์น และเวลาที่พระองค์ทรงทำให้ความผิดบาปของโลกหมดไปโดยพระโลหิตบนไม้กางเขนของพระคริสต์ พระเจ้าจะทรงกระทำตามพระสัญญาของพระ องค์ทุกประการ.
เมื่อมนุษยชาติตกอยู่ในความหลอกลวงของปีศาจ และติดกับดักแห่งการทำลายล้างเพราะความผิดบาป พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสัญญาว่า พระองค์จะทรงปลดปล่อยเขาจากความผิดบาป พระองค์ทรงประทานพระเยซู คริสต์มา ให้พระองค์ทรงรับบัพติศมาและหลั่งพระโลหิต และทรงช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นจากความผิดบาปโดยสมบูรณ์.
จากพระวจนะแห่งวิวรณ์ พระเจ้าทรงบันทึกไว้ว่าพระสิริแบบไหนที่รอผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปอยู่ และการพิพากษาแบบไหนที่รอคนบาปอยู่ พระเจ้าตรัสแก่เราว่า มีหลายคนที่จะจบชีวิตในนรก แม้ว่าพวกเขาจะอ้อนวอนของวางใจในพระองค์ด้วยความศรัทธา. (มัทธิว 7:21-23)
 

ผู้ใดบ้างที่เป็นคนอธรรมและเป็นคนลามก?
 
วรรคที่ 11 กล่าวว่า “ผู้ที่เป็นคนอธรรมก็ให้เขาประพฤติอธรรมต่อไป ผู้ที่เป็นคนลามกก็ให้เขาลามกต่อไป ผู้ที่เป็นคนชอบธรรมก็ให้เขากระทำการชอบธรรมต่อไป และผู้ที่เป็นคนบริสุทธิ์ ก็ให้เขาเป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป.” ในที่นี้ ผู้ใดบ้างที่เป็น “คนอธรรม?” คนอธรรมมิได้นอกเหนือไปจากผู้ที่ไม่เชื่อในความรักของข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ และพระวิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ เพราะประชาชนทำความผิดบาปตลอดเวลา พวกเขาต้องเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แก่เขา และใช้ชีวิตสรรเสริญพระเจ้า เพราะมีเพียงพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ที่ได้รับพระสิริจากมนุษยชาติ และเพราะพระองค์เป็นผู้เดียวเท่า นั้นที่ปกคลุมเราด้วยพระสิริแห่งการช่วยให้รอด พวกเราทุกคนต้องใช้ชีวิตที่มอบพระสิริทั้งหมดให้แก่พระเจ้า ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็เป็นคนลามก เขามักจะไม่เชื่อในพระวจนะของพระองค์.
ในมัทธิว 7:23 พระผู้เป็นเจ้าของเราตรัสแก่ศาสนิกชนที่แอบอ้างว่าวางใจในพระองค์แต่ปากว่า “เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา!” พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเขาว่า “เจ้าผู้กระทำความชั่ว.” พระองค์ทรงตำหนิพวกเขาเพราะผู้คนเหล่านี้วางใจในพระเยซูเพียงเพราะการกระทำของเขา แทนที่จะวางใจในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณด้วยหัวใจ ผู้กระ ทำความชั่วเป็นความผิดบาป และการไม่วางใจในพระวจนะของพระเจ้าด้วยหัวใจ ดังนั้น เมื่อประ ชาชนกระทำความชั่วต่อพระพักตร์พระเจ้า หมายความว่า พวกเขาไม่วางใจในความรักและการช่วยให้รอดแห่งน้ำและพระวิญญาณที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เขา ความชั่วก็มิได้เหนือไปจากการเปลี่ยนพระวจนะของพระเจ้าตามอำเภอใจ และการเชื่อในสิ่งนี้ตามที่เขารู้สึก.
ผู้คนเหล่านั้นที่วางใจในพระเยซูอย่างแท้จริง ต้องยอมรับในสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างให้อย่างที่มันเป็น พวกเราวางใจในพระเยซู แต่ในหนทางที่สิ่งนี้จะให้เราเปลี่ยนไปตามแผนการของพระเจ้า และความสมบูรณ์แบบของการช่วยให้รอดของพระองค์ ข้อความของข้อความสำคัญก็คือ พระเจ้าจะทรงประทานชีวิตนิรันดรแก่ผู้ที่วางใจในการช่วยให้รอดของพระองค์ดังเช่นมันเป็น แต่ส่งผู้ที่เปลี่ยนแปลงกฎบัญญัติของพระเจ้า และวางใจในหนทางที่เขานิยมให้ตกนรก.
“ผู้ที่เป็นคนอธรรมก็ให้เขาประพฤติอธรรมต่อไป” ประโยคนี้บอกเราว่าผู้ที่ไม่วางใจในการช่วยให้รอดที่พระเจ้าทรงวางไว้เพราะความดื้อรั้นของเขา เขาก็เป็นคนอธรรม และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดคนบาปจึงมักเป็นคนอธรรม.
ข้อความยังบอกต่อว่า “ผู้ที่เป็นคนลามกก็ให้เขาลามกต่อไป.” ประโยคนี้หมายถึงผู้ที่แม้ว่าเขาจะเป็นคนบาป และทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว พระเยซูทรงทำให้ความผิดบาปของเขาหมดไปด้วยน้ำและพระวิญญาณแล้ว เขาก็ยังไม่ตั้งใจที่จะชำระความผิดบาปของเขาด้วยความเชื่อ ดังนั้น พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้ผู้ที่ไม่มีความศรัทธานี้อยู่อย่างที่เขาเป็น และพิพากษาเขา โดยการประทานความกลัวบาปให้เขา พระเจ้าทรงทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้สำหรับเขา เพื่อให้ยอมรับความผิดบาปไว้ในใจเขา และเขายังไม่มีความตั้งใจที่จะชำระความผิดบาปในใจของเขาอีก และไม่รู้จักข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณ พระเจ้าตรัสแก่เราว่าพระองค์จะปล่อยให้เขาเหล่านี้เป็นอย่างที่เขาเป็น.
สุภาษิต 30:12 กล่าวว่า “มีคนที่คิดว่าตนเองบริสุทธิ์ แต่มิได้รับการชำระความโสโครกของตน.” ชาวคริสต์ที่เคร่งศาสนาในวันนี้คือผู้ที่ไม่ต้องการรับการชำระความผิดบาปของเขา อย่างไรก็ตาม พระเยซู ผู้ทรงเป็นพระเจ้าด้วยพระองค์เอง เสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยคนบาปให้รอด ทรงชำระความผิดบาปของเขาทั้งหมดโดยทรงรับเอาความผิดบาปของมนุษยชาติไว้ที่พระองค์เองด้วยการรับบัพติศมาของพระองค์ทั้งหมด ทรงรับการพิพากษาเพื่อความผิดบาปทั้งหมดเพียงครั้งเดียวโดยการถูกตรึงกางเขน และทรงช่วยพวกเราเหล่านั้นที่เชื่อให้รอดจากความผิดบาปอย่างแท้จริง.
ผู้ใดก็ตามที่รู้จักและเชื่อในพระวจนะแห่งข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณด้วยสิ่งที่พระเยซู คริสต์ทรงช่วยคนบาปให้รอดพ้น พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอนุญาตให้เขาเหล่านี้ได้รับการยกความผิดบาปของเขาหรือเธอ โดยไม่ใส่ใจว่าเขาหรือเธอนั้นจะเป็นคนบาปแบบไหน และก็ยังมีผู้ที่ไม่ได้รับการยกความผิดบาปด้วยความเชื่อ นั่นคือผู้ที่ตั้งใจว่าจะไม่พยายามเพื่อได้รับการชำระล้างความผิดบาป พระเจ้าจะทรงปล่อยให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็น.
นี่คือการกระทำตามความยุติธรรมของพระเจ้า เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม ผู้คนเหล่านี้จะถูกส่งให้ตกอยู่ในบึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้ตลอดไป พวกเขาจะได้รู้ว่าใครคือพระเจ้าแห่งความยุติธรรมที่แท้จริง แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นเช่นผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา พวกเขาไม่เพียงแต่หลอกลวงตัวเขาเองเท่านั้น แต่พวกเขายังหลอก ลวงคนอื่นด้วย เพราะเขาปฏิเสธข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ พระเจ้าจะชำระคืนตามสิ่งที่เขาได้ทำ เมื่อวันนั้นมาถึง พระเจ้าจะประทานการลงทัณฑ์ของพระองค์ให้แก่ผู้ที่สมควรได้รับการลงทัณฑ์ของพระองค์.
 

จงมอบให้แก่ทุกคนตามพันธกิจของพระองค์
 
มีประชาชนสองประเภทบนโลกนี้: ผู้ที่ได้พบพระผู้เป็นเจ้าแล้ว และผู้ที่ยังไม่ได้พบพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงชำระคืนให้ทุกคนตามงานของเขาหรือเธอ.
ไม่มีผู้ใดได้รับการพิพากษาด้วยตัวเอง แต่การพิพากษามาจากพระเยซู พระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปของมนุษยชาติทั้งหมดไว้ที่พระองค์เองด้วยการรับบัพติศมาของพระองค์เพียงครั้งเดียว ทรงแบกความผิดบาปของโลกไปยังไม้กางเขน และบนไม้กางเขน ทรงเผชิญการพิพากษาแห่งความผิดบาปทั้งหมดที่มนุษยชาติความเผชิญด้วยตัวเขาเอง มนุษยชาติกลับกลายเป็นผู้ชอบธรรมโดยการเชื่อในสัจจะนี้ ผู้คนเหล่านั้นที่เชื่อในสัจจะนี้เป็นผู้ที่ได้พบกับพระผู้เป็นเจ้า.
พระเจ้าทรงขอร้องผู้ที่ไร้มลทินบาป ผู้ที่รู้จักและเชื่อในสัจจะนี้ ให้เผยแพร่ข่าวประเสริฐบนโลกนี้ และรักษาพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ไว้ขณะที่เขาใช้ชีวิตต่อไป พระเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่เป็นคนบริสุทธิ์ ก็ให้เขาเป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป.” พวกเราต้องเก็บบัญชานี้ไว้ในใจเรา ปกป้องความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา และเผยแพร่ข่าวประเสริฐอันสมบูรณ์อยู่เสมอ เพราะเหตุใดหรือ? เพราะหลาย ๆ คนในโลกนี้ยังไม่รู้จักข่าวประเสริฐที่แท้จริงนี้ และผลก็คือ ความเชื่อของเขานั้นผิด.
มีผู้คนบนโลกนี้ที่สนับสนุนคำสอนแห่งการชำระให้บริสุทธิ์ที่เพิ่มขึ้นโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้ความผิดบาปของมนุษยชาติหมดไป ผู้คนเหล่านี้ยังคงอธิษฐานเพื่อการยกความผิดบาปของเขาทุกวัน แม้แต่ขณะนี้ การอธิษฐานกลับใจใหม่เป็นประจำทุกวัน พวกเขาพยายามที่จะชำระล้างความผิดบาปของเขา เพื่อได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ขึ้นเพื่อว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้ชอบธรรม ที่ไม่ต้องทำความผิดบาปอีกต่อไป และเป็นผู้ที่คู่ควรกับพระเยซูในที่สุด แต่พระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ทรงเป็นกษัตริย์ เป็นผู้เผยแพร่พระวจนะ และเป็นมหาปุโรหิต.
ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่แท้จริงไม่เพียงแค่รับงานแห่งการให้ความเชื่อมั่นว่า ทุกคนได้รับการยกความผิดบาปอย่างแท้จริงเท่านั้น แต่พวกเขายังนำทางให้ทุกคนไปสู่ความจริง ดังเช่นผู้ร่วมงานของพระเจ้า ผู้รับใช้ของพระเจ้าเป็นผู้ที่มีความรู้ในทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่แน่นอน จากพระวจนะที่ทรงจารึกไว้.
วรรคที่ 12-13 กล่าวว่า “ดูเถิด เราจะมาในเร็ว ๆ นี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน.” พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสานจริง ๆ พวกเราต้องเชื่อในทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสแก่เราด้วยความเกรงกลัว.
พระผู้เป็นเจ้าของเราจะประทานรางวัลแก่เหล่าวิสุทธิชนด้วยพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่างานของเขามากนัก เพราะพระองค์ทรงน่าสรรเสริญและมีพระกรุณา พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความกรุณาและความเมตตาสูงสุด ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเราทั้งหมด และดังที่พระวจนะแห่งวิวรณ์บอกเราว่า พระเจ้าแห่งพลังและความยุติธรรมผู้ทรงกระทำตามงานแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์ และความสมบูรณ์แห่งการช่วยให้รอดนี้ จะเกิดขึ้นในเร็ววัน และอนุญาตให้เหล่าวิสุทธิชนเข้าไปสู่นครเยรูซาเล็มใหม่อย่างน่าสรรเสริญ นั่นคือรางวัลที่พอเพียงและน่ายินดีของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับงานของพวกเขา.
 


คนทั้งหลายที่ชำระเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข

 
ต่อไปในวรรคที่ 14 ข้อความหลักบอกเราว่า “คนทั้งหลายที่ชำระเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในนครนั้นโดยทางประตู.” มีหลาย คนที่เรียกร้องสิทธิ์ตามข้อความในวรรคนี้ว่า การช่วยให้รอดมาจากการกระทำ –โดยการสังเกตการชำระเสื้อผ้าของตน.
แต่ในความเป็นจริง “การชำระเสื้อผ้าของตน” หมายถึง การเชื่อและเก็บพระวจนะของพระเจ้าที่จารึกไว้ด้วยความศรัทธา สาวกยอห์นได้เขียนไว้ว่า “และนี่เป็นพระบัญญัติของพระองค์ คือว่าให้เราทั้งหลายวางใจในพระนามของพระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระองค์ และให้เรารักซึ่งกันและกัน ตามที่พระองค์ได้ทรงบัญญัติไว้แก่เรา.” (1 ยอห์น 3:23) ดังนั้น เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่แท้จริงและอุทิศตนเพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐเพื่อช่วยดวงวิญญาณที่หลงทางทั้งหมดทั่วโลกให้รอด เราก็กำลังทำตามพระบัญญัติของพระองค์ในข้อเสนอของพระองค์.
เมื่อใดก็ตามที่เราตกอยู่ในความผิดบาปหลังจากที่กลับมาเกิดใหม่ เราต้องกลับไปหาพระวจนะแห่งสัจจะที่ชำระล้างความผิดบาปของเราทั้งหมด จงตระหนักไว้ว่ารากฐานของเราคือสิ่งที่เราทำบาปโดยไม่มีทางเลือก และการกลับไปหาความเชื่อเรื่องแม่น้ำจอร์แดนที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาความอ่อนแอของเราไว้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ข้อบกพร่อง และความผิดบาป การรับบัพติศมาพร้อมกับการรับบัพติศมาของพระเยซู และการถูกฝังพร้อมกับพระคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะได้รับการปลดปล่อยจากความผิดบาปที่เราทำไว้หลังจากกลับมาเกิดใหม่ในที่สุด และได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ การยึดถือความชอบธรรมของพระเจ้าโดยการยืนยันการช่วยให้รอดชั่วนิรันดรของเราอีกครั้ง และขอบคุณพระองค์สำหรับการช่วยให้รอดอันสมบูรณ์และถาวรของพระองค์.
พระเยซูทรงชำระล้างความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้แล้ว ปัญหาที่พบกับความกลัวบาปของเรา แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงดูแลความผิดบาปของโลกไว้ด้วยการรับบัพติศมาของพระ องค์แล้ว เพราะเรา มนุษย์ ไม่ตระหนักไว้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงชำระล้างความผิดบาปของเราทั้งหมดไว้ด้วยการรับบัพติศมาและการถูกตรึงกางเขนของพระองค์ ความกลัวบาปของเราจึงยังมีอยู่เช่นคนบาป พวกเราจึงมักจะรู้สึกว่า เรายังมีบาปเหลืออยู่ในตัวเรา เมื่อในความเป็นจริง ทุกสิ่งที่เราต้องทำก็เพียงแค่เชื่อว่า ความผิดบาปของเราทั้งหมดได้รับการชำระล้างแล้วโดยข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณที่พระเยซู คริสต์ประทานให้.
ถ้าหัวใจของเราต้องเจ็บปวดด้วยความผิดบาปของเรา เราจะสามารถรักษาบาดแผลแห่งความผิดบาปด้วยความจริงนี้ได้หรือไม่?
บาดแผลเหล่านี้จะได้รับการรักษาโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณด้วยเช่นกัน นั่นคือ โดยการเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับเอาความผิดบาปของโลกทั้งหมดไว้ที่พระองค์ โดยการรับบัพติศมาโดยยอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน และพระองค์ทรงทำให้ความผิดบาปเหล่า นี้ทั้งหมดหมดไปโดยทรงแบกความผิดบาปนี้ไปยังไม้กางเขน และทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน อีกประการหนึ่ง ความผิดบาปของการกระทำของเราที่เราทำหลังจากที่ได้รับการยกความผิดบาป ก็จะได้รับการชำระล้างเมื่อเรายืนยันความเชื่อในข่าวประเสริฐที่พระเยซู คริสต์ทรงชำระล้างความผิดบาปของเราทั้งหมดแล้ว รวมทั้งความผิดบาปจากการกระทำของเราอีกครั้งหนึ่ง.
ความผิดบาปของโลกนี้ได้รับการชำระล้างทั้งหมดเพียงครั้งเดียวเมื่อพระเยซู คริสต์ทรงรับการรับบัพติศมาของพระองค์ และทรงถูกตรึงกางเขน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดบาปของโลก หรือความผิดบาปจากการกระทำของเราก็จะไม่ได้รับการชำระล้างเป็นครั้งที่สอง หรือสาม ราวกับว่าจะต้องได้รับการชำระล้างต่อเนื่องกันไป ถ้ามีคนสอนว่า การยกความผิดบาปจะเสร็จสิ้นไปทีละน้อยทีละน้อย ดังนั้นข่าวประเสริฐที่เขาหรือกำลังเผยแพร่ก็เป็นข่าวประเสริฐที่ผิด.
พระเจ้าทรงทำให้ความผิดบาปของโลกหมดไปทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ฮีบรู 9:27 บอกเราว่า “มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด.” เพราะเราตายเพียงครั้งเดียวเนื่องจากความผิดบาป นั่นคือพระประสงค์ของพระเจ้าที่ว่า เราควรได้ รับการยกความผิดบาปเพียงครั้งเดียวด้วย การเสด็จมายังโลกนี้ พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความผิดบาปไว้ที่พระองค์เพียงครั้งเดียว ทรงสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียว และทรงถูกพิพากษาในแผ่นดินของเราเพียงครั้งเดียวเช่นกัน พระองค์ทรงไม่ทำสิ่งเหล่านี้หลายครั้ง.
เมื่อพวกเราได้รับการยกความผิดบาปโดยการเชื่อในพระเยซู คริสต์ด้วยใจของเรา ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเราที่จะเชื่อทุกสิ่งเพียงครั้งเดียว และได้รับการยกความผิดบาปของเราทั้ง หมดชั่วนิรันดร เพราะความผิดบาปที่เราทำจากนั้นจะทำให้ใจเราเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกสิ่งที่เราต้องทำก็คือ ไปตามพระวจนะแห่งการช่วยให้รอดนี้ ที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงชำระความผิดบาปของเราทั้งหมดเพียงครั้งเดียว และทรงชำระล้าง และรักษาจิตใจที่มีมลทินของเราด้วยความเชื่อ “พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง ข้าพระองค์ได้ทำความผิดบาปอีก ข้าพระองค์ไม่สามารถใช้ชีวิตทั้งชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ แต่เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาโดยยอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน และทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน พระองค์ไม่ทรงรับเอาความผิดบาปเหล่านี้ของข้าพระองค์ไปด้วยหรือ? ฮาเลลูยา! ข้าพระองค์ขอสรรเสริญพระองค์ พระผู้เป็นเจ้า!”
ด้วยความเชื่อเช่นนี้ พวกเราสามารถยืนยันการยกความผิดบาปของเราได้อีกครั้งหนึ่ง และขอบคุณพระองค์ บทสุดท้ายของวิวรณ์นี้บอกเราว่า โดยการไปตามพระเยซู คริสต์ ผู้ทรงเป็นต้นไม้แห่งชีวิต และโดยการเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงชำระล้างความผิดบาปของโลกทั้งหมดแล้ว ผู้คนเหล่านั้นที่ได้รับการยกความผิดบาปจะมีสิทธิ์ได้เข้าไปในแผ่นดินของพระเจ้า นครศักดิ์สิทธิ์โดยความเชื่อของเขา.
ผู้ใดก็ตามที่ต้องการเข้าไปในนครแห่งพระเจ้าต้องเชื่อว่า พระเยซู คริสต์ทรงไถ่บาปให้มนุษยชาติชั่วนิรันดร โดยการรับบัพติศมาของพระองค์เพียงครั้งเดียว และทรงหลั่งพระโลหิต แม้ว่าพวกเราทุกคนจะมีข้อบกพร่องต่าง ๆ โดยการเชื่อในการรับบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู คริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ความเชื่อของเราสามารถได้รับการรับรองจากพระเจ้าว่าเป็นจริง และเราสามารถไปยังต้นไม้แห่งชีวิตได้.
เพียงเพราะการเชื่อในการรับบัพติศมาและพระโลหิตของพระคริสต์ จะทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะดื่มน้ำแห่งชีวิตที่ไหลในนครเยรูซาเล็มใหม่ และทานผลของต้นไม้แห่งชีวิต เพราะคุณสมบัติที่ได้เข้าไปในสวรรค์และโลกใหม่ ที่ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป มาได้จากข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เราต้องปกป้องความเชื่อของเรา และเผยแพร่ไปสู่ผู้อื่น มิฉะนั้น ประโยคที่ว่า “จงชำระเสื้อผ้าของตน” หมายถึงพวกเราที่เอาชนะโลกได้ด้วยความเชื่อ – นั่นคือ จงเชื่อและเก็บรักษาข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ และจงอุทิศตนเพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐที่แท้จริงไปทั่วโลก.
มัทธิว 22 พระเยซูตรัสแก่เราว่า “งานสมรสก็พร้อมอยู่” บทสรุปของงานก็คือ ผู้ที่ไม่มีเสื้อสำหรับงานแต่งงานควรถูกเอาไปทิ้งที่มืดภายนอก (มัทธิว 22:11-13) แล้วเราจะสวมเสื้อสำหรับงานแต่งงานเพื่อเข้าร่วมในงานสมรสของพระเมษโปดกได้อย่างไร และเสื้อสำหรับงานแต่งงานคืออะไร? เสื้อสำหรับงานแต่งงานที่ช่วยให้เราเข้าไปในงานอภิเษกของพระเมษโปดกคือ ความชอบธรรมของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เราโดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณหรือไม่? ถ้าเชื่อ ท่านก็จะได้สวมเสื้อผ้าที่สวยงามในความชอบธรรมของพระองค์ เพื่อว่าท่านจะได้เข้าไปในสวรรค์ดังเช่นเจ้าสาวของพระบุตรผู้ไร้มลทินบาป.
พวกเรา ผู้กลับมาเกิดใหม่ ยังทำบาปทุกวัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงผู้ชอบธรรมเท่านั้นที่ได้รับการยกความผิดบาปต่อพระพักตร์พระเจ้า มีคุณสมบัติที่จะได้รับการชำระความผิดบาปประจำวันของเขาจากเสื้อแห่งความชอบธรรมด้วยความเชื่อ เพราะผู้ที่ไม่ได้รับการยกความผิดบาปจะไม่มีคุณสมบัติให้รับการชำระความผิดบาปของเขา พวกเขาจะไม่เคยได้รับการชำระความผิดบาปของเขาด้วยการอธิษฐานกลับใจใหม่ ที่เราได้รับการช่วยให้รอดจากความผิดบาปของโลกโดยการเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า จึงทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้โดยการรู้จักและเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงชำระความผิดบาปของโลกทั้งหมดโดยการเสด็จมายังโลก การรับบัพติศมา และการหลั่งพระโลหิตของพระองค์.
พวกเราสามารถยืนยันได้ว่าความผิดบาปประจำวันของเราได้รับการชำระแล้วในข่าวประ เสริฐที่แท้จริงของพระองค์ คนเหล่านั้นที่ได้รับการยกความผิดบาปจากพระผู้เป็นเจ้าโดยพระวจนะแห่งน้ำและพระวิญญาณ ก็จะมีความเชื่อมั่นในการช่วยให้รอดจากความผิดบาปของเขาที่เขาทำมาตลอดชีวิตของเขา.
นี่เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้ความผิดบาปของเราทั้งหมดหมดไปเพียงครั้งเดียว และเราก็สามารถชำระความผิดบาปที่เราทำจากการกระทำของเราได้ด้วยการเชื่อในการช่วยให้รอดแห่งการไถ่บาปชั่วนิรันดรนี้ ถ้านี่ไม่ใช่ประเด็น ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงชำระความผิดบาปของเราทั้งหมดเพียงครั้งเดียวแล้ว พวกเราจะไร้มลทินบาปได้อย่างไร?
พวกเราจะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? พวกเราจะไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเยซู คริสต์ ไปพบต้นไม้แห่งชีวิตได้อย่างไร? โดยการวางใจในพระผู้เป็นเจ้าของเราผู้ทรงทำให้ความผิดบาปของเราทั้งหมดหมดไปพวกเราจะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ได้ราวกับผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์และไร้มลทิน และเมื่อใดก็ตามที่เราทำบาปในชีวิตเรา โดยการอยู่ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าและยืน ยันว่าพระองค์ทรงทำให้ความผิดบาปเหล่านี้หมดไปด้วยเช่นกัน เราก็หลุดพ้นจากความผิดบาปทั้ง หมดได้ นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดผู้เขียนจึงบอกท่านว่า มีเพียงผู้ที่กลับมาเกิดใหม่เท่านั้นที่มีสิทธิพิเศษให้รับการยกความผิดบาปประจำวันของเขาด้วยความเชื่อ.
กษัตริย์ดาวิดได้ทำบาปครั้งยิ่งใหญ่ต่อพระพักตร์พระเจ้า แม้ว่าพระองค์จะเคยเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า พระองค์ทรงล่วงประเวณีกับหญิงที่แต่งงานแล้ว และฆ่าสามีของนางซึ่งเป็นทาสผู้ซื่อ สัตย์ของเขา ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังสรรเสริญพระเจ้าต่อการอภัยโทษอันกรุณาของพระองค์เช่นนี้:
“บุคคลผู้ซึ่งได้รับอภัยการละเมิดแล้วก็เป็นสุข 
คือผู้ทรงกลบเกลื่อนบาปให้นั้น
บุคคลซึ่งพระเจ้ามิได้ทรงถือโทษก็เป็นสุข
คือผู้ที่ไม่มีการหลอกลวงในใจของเขา.” (สดุดี 32:1-2)
ใครที่เป็นสุขที่สุดในโลกนี้และต่อพระพักตร์พระเจ้า? ผู้ที่เป็นสุขก็มิได้นอกเหนือไปจากพวกเราที่กลับมาเกิดใหม่ ผู้ที่ได้รับการช่วยให้รอด และผู้ที่มองเห็นความจริงที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ความผิดบาปของเราทั้งหมดหมดไป เมื่อใดก็ตามที่มลทินบาปเกิดขึ้นในชีวิตเรา จงไปที่น้ำพุแห่งชีวิตทุกวัน และชำระล้างจิตใจที่มีมลทินของเราทุกวัน นี่คือการรำพึงถึงการปลดปล่อย และการยืนยันพระกรุณาแห่งการช่วยให้รอดอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าของเรา.
มีเพียงผู้ชอบธรรมเท่านั้นที่ได้รับการยกความผิดบาป ทำให้ข้อบกพร่องของเขาทั้งหมดหมดไป การกระทำของเขาจะไม่มีอันตราย รวมทั้งจิตใจของเขาด้วย ดังนั้นจึงกลายเป็นผู้ชอบธรรมที่ไร้มลทินบาป พวกเราจึงเข้าไปในอาณาจักรที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับเราได้ อาณาจักรแห่งสรวงสวรรค์ ถ้าเรายอมเพียงแค่สิ่งที่พระเยซู คริสต์ทรงทำเพื่อเรา ประตูแห่งการช่วยให้รอดและต้น ไม้แห่งชีวิต พลังของพระองค์จะปรากฏขึ้น และเราจะได้รับการยกความผิดบาปทั้งหมดและเข้าไป สู่แผ่นดินสวรรค์ได้.
 


ผู้คนเหล่านั้นที่ไปถึงต้นไม้แห่งชีวิต

 
เหตุผลที่ว่าเหตุใดพวกเราที่ได้รับการยกความผิดบาปจึงมักจะไปหาพระผู้เป็นเจ้าก็เพื่อยืนยันว่า พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้ความผิดบาปของเราหมดไป เพื่อรำพึงถึงพระกรุณาแห่งการช่วยให้รอดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อระลึกถึงสิ่งนี้ และเพื่อสรรเสริญพระเจ้า เพื่อว่าเราจะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ของพระองค์ได้อีก นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเราจึงเผยแพร่ข่าวประเสริฐ.
ชาวคริสต์จำนวนมากไม่ได้พบผู้รับใช้ของพระเจ้าที่สามารถนำทางพวกเขาได้โดยการสอนพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างถูกต้อง ก็จะเข้าใจพระวจนะผิดและมีความเชื่อผิด ๆ แม้แต่ขณะนี้ มีผู้ที่หมก มุ่นอยู่กับการกระทำของเขา อธิษฐานกลับใจใหม่ทุกเช้า และทุกคืนเป็นเวลานาน เหตุใดพวกเขาจึงทำเช่นนี้? เพราะพวกเขาเชื่อว่าการทำเช่นนี้ เขาจะได้รับการยกความผิดบาป และเขาเชื่อเช่นนี้เพราะเขาถูกสอนคำสอนที่ผิด แต่สิ่งเหล่านี้คือการกระทำที่ไม่ชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า เขาน่าสง สารที่ไม่รู้จักความชอบธรรมของพระเจ้าและความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระองค์.
พระคัมภีร์ไบเบิลมิใช่สิ่งที่เข้าใจได้ง่าย ๆ ราวกับว่าสามารถแปลความหมายไปในทางที่ผู้นั้นต้องการ และประชาชนยังแปล สอน และเชื่อเรื่องนี้ตามความคิดของเขาเอง ผลก็จะเป็นดังที่กล่าวมาแล้ว นั่นคือ พวกเขายังไม่รู้จักความชอบธรรมและความรักของพระเจ้า ข้อความแต่ละข้อ ความในพระคัมภีร์ไบเบิลมีความหมายที่แน่นอน และนี่สามารถแปลได้อย่างถูกต้องจากผู้เผยแพร่พระวจนะของพระเจ้าผู้ได้รับการยกความผิดบาปแล้วเท่านั้น.
การไปหาต้นไม้แห่งชีวิตก็เพื่อให้เราเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าขณะที่อยู่บนโลกนี้ เพื่อระลึกอยู่ทุกวันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ความผิดบาปของเราหมดไป เพื่อสรรเสริญพระองค์ และเพื่อเผย แพร่ข่าวประเสริฐนี้ พวกเราผู้กลับมาเกิดใหม่ต้องระลึกไว้ด้วยว่า พระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์เอง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงนี้ทุกวัน เพื่อเคารพพระองค์ด้วยการสวดมนต์อย่างชื่นชมยินดี และเพื่อไปหาพระผู้เป็นเจ้าของเรา.
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องเกินความจริงที่จะพูดว่า ชาวคริสต์ทั่วโลกแปลข้อความนี้ผิด และเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าพวกเขาสามารถเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าได้โดยที่ความผิดบาปของเขาได้รับการชำระล้างทุกวันโดยการอธิษฐานกลับใจใหม่ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้อความนั้นหมายถึง.
หลังจากได้รับการยกความผิดบาป จิตใจของเราก็อยู่ในความสงบได้โดยการยืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้ความผิดบาปทั้งหมดที่เราทำจากการกระทำของเราหมดไป โดยการยืนยันการยกความผิดบาปของเราทั้งหมด เราจะไม่มีบาปอีกต่อไป นี่คือวิธีที่จะไปถึงต้นไม้แห่งชีวิตในอาณาจักรพระองค์.
พระคัมภีร์ไบเบิลอยู่เหนือมิติต่าง ๆ ทั้งหมดจากความคิดมนุษย์ เพื่อที่จะรู้ความจริง เราต้องเรียนและรับฟังความจริงจากผู้รับใช้ของพระเจ้าที่กลับมาเกิดใหม่เสียก่อน.
 

ผู้คนเหล่านั้นที่อยู่ภายนอกนคร
 
วรรคที่ 15 กล่าวว่า “ภายนอกนั้นมีสุนัข คนใช้เวทมนต์ คนล่วงประเวณี คนฆ่ามนุษย์ คนไหว้รูปเคารพ ทุกคนที่รักการมุสาและประพฤติตาม.” พระวจนะนี้หมายถึงทุกคนในยุคสุดท้ายที่ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ นี่คือสิ่งอัศจรรย์ที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงบรรยายผู้คนเหล่านี้ไว้อย่างแม่นยำ.
ลักษณะหนึ่งของสุนัขก็คือพวกมันสำรอก – นั่นคือ มันจะสำรอกสิ่งที่มันทานออกมา และทานสิ่งนั้น แล้วก็สำรอกออกมาอีก และมันก็ทานสิ่งที่มันอาเจียนออกมาอีก พระผู้เป็นเจ้าของเรากล่าวในที่นี้ว่า “สุนัข” เหล่านี้จะเข้าไปในนครไม่ได้.
สุนัขเหล่านี้หมายถึงผู้ใดบ้าง? มีหลายคนที่คร่ำครวญว่า “พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เป็นคนบาป ขอพระองค์ทรงโปรดชำระบาปให้ข้าพระองค์ด้วย.” และสรรเสริญพระเจ้าด้วยการร้องเพลงว่า “ฉันได้รับการอภัย ท่านได้รับการอภัย เราได้รับการอภัย.” แต่หลังจากนี้ ผู้คนเหล่านี้ก็คร่ำครวญอีกว่า “พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เป็นคนบาป ถ้าพระองค์ทรงอภัยให้ข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ข้าพระ องค์จะไม่ทำบาปอีก” แล้วเขาก็ร้องเพลงอีกว่า “ฉันได้รับการอภัยโดยพระโลหิตบนไม้กางเขน.”
ผู้คนเหล่านี้กลับไปกลับมาหลายครั้ง จนไม่มีใครมั่นใจว่าเขาได้รับการอภัยจริงหรือไม่ “สุนัข” ที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงไม่ได้นอกไปจากคนเหล่านี้เลย สุนัขเห่าทุกวัน มันเห่าตอนเช้า ตอนบ่าย และตอนเย็น ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เห่าแบบสุนัข แต่เขาคร่ำครวญว่าเขาเป็นคนบาป แม้ว่าเขาจะได้รับการยกความผิดบาปแล้ว เขาเป็นผู้ชอบธรรมเพียงหนึ่งนาที แล้วก็เขาก็กลายเป็นคนบาปอีก.
การทำเช่นนี้ พวกเขาจึงเหมือนสุนัขที่อาเจียนเอาของที่อยู่ในท้องออกมาและทานเข้าไปอีก แล้วก็อาเจียนออกมาอีกเพียงเพื่อจะทานสิ่งนั้นเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง สรุป พระคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงชาวคริสต์ที่ยังมีความผิดบาปในใจของตนเหมือน “สุนัข” สุนัขเหล่านี้จะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ ไม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายนอกนครนี้.
แล้ว ใครคือ “คนใช้เวทมนต์?” ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่หาผลประโยชน์จากจิตใจที่บริสุทธิ์ของผู้ที่ไปคริสตจักร โกงเงินของเขามาด้วยคำพูดหวาน ๆ และผู้ที่หลอกลวงประชาชนด้วยสิ่งมหัศจรรย์และสัญลักษณ์ปลอมที่ช่วยให้รักษาโรคได้ เพราะเขาใช้พระนามของพระเจ้าโดยไร้ประโยชน์ เขาจึงเข้าไปไปนครศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้.
แล้ว คนล่วงประเวณี คนฆ่ามนุษย์ คนไหว้รูปเคารพ และทุกคนที่รักการมุสาและประพฤติตามก็เข้าไปในนครนี้ไม่ได้ เมื่อยุคสุดท้ายมาถึง สุนัขและคนใช้เวทมนต์จะหลอกประชาชน และกลุ่มต่อต้านชาวคริสต์จะคุมคาม กลุ่มต่อต้านชาวคริสต์ที่หลอกคนหลายคนด้วยสิ่งมหัศจรรย์และสัญลักษณ์ปลอม ก็จะขโมยจิตวิญญาณ ต่อต้านพระเจ้า และพยายามที่จะยกตนเองให้อยู่เหนือพระเจ้า และให้ผู้อื่นเคารพตน และผู้ติดตามทุกคนก็จะเข้าไปในนครนี้ไม่ได้.
ถ้าเราตกอยู่ในความหลอกลวงของผู้คนเหล่านี้ที่อ้างว่า พวกเรายังมีบาป หรือถ้าเราตกอยู่ในความหลอกลวงของสัญลักษณ์ และสิ่งมหัศจรรย์ที่ปลุกอารมณ์เรา เราก็จะจบชีวิตอยู่ภายนอกนครนี้ตามกลุ่มต่อต้านชาวคริสต์และซาตาน คร่ำครวญและโกรธ ดังที่พระวจนะเตือนเราไว้.
วรรคที่ 16–17 กล่าวว่า “เราคือเยซูผู้ใช้ให้ทูตสวรรค์ของเราไปเป็นพยานสำแดงเหตุการณ์เหล่านี้แก่ท่านเพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นเชื้อสายของดาวิด และเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า ‘เชิญมาเถิด’ และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า ‘เชิญมาเถิด’ และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย.”
ท่านได้รับการยกความผิดบาปโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยหรือยัง? ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และคริสตจักรของพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเราประทานข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณให้ แก่เรา ที่ทำให้เราดื่มน้ำแห่งชีวิตได้ ผู้ใดก็ตามที่กระหายความชอบธรรมของพระเจ้า ผู้ใดก็ตามที่กระหายพระวจนะแห่งความจริง และผู้ใดก็ตามที่ต้องการรับการยกความผิดบาป สำหรับทุกคน พระเจ้าทรงเสนอให้สวมเสื้อพวกเขาด้วยพระกรุณาของพระองค์ และขยายการเชิญของพระองค์เป็นพระวจนะ น้ำแห่งชีวิตแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์ การได้รับการยกความผิดบาปเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะตอบรับการเชิญนี้เพื่อไปยังฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ที่ซึ่งมีน้ำแห่งชีวิตไหล.
 

อาเมน พระผู้เป็นเจ้า พระเยซู จงเสด็จมา!
 
วรรคที่ 19 กล่าวว่า “และถ้าผู้ใดตัดข้อความออกจากหนังสือพยากรณ์นี้ พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิต และที่มีอยู่ในวิสุทธนครนั้น ซึ่งบรรยายไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปเสีย.” ต่อพระพักตร์พระเจ้า พวกเราจะเชื่อไปตามทางที่เราปรารถนาตามความคิดของเราไม่ได้ ถ้ามันได้บอกไว้ในพระวจนะของพระเจ้าแล้ว ทุกสิ่งที่เราพูดได้ก็เพียงแค่ “ใช่” ถ้าผู้ใดพูดว่า “ไม่ใช่” พระผู้เป็นเจ้าของเราจะพรากเขา/หล่อนนั้นไป และตรัสว่า “เจ้าไม่ใช่บุตรของเรา” นี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเราต้องวางใจในพระองค์ตามพระวจนะ พวกเราไม่สามารถเพิ่มเติมหรือตัดข้อความใด ๆ ของพระวจนะได้ แต่เราต้องเชื่อพระวจนะนั้นดังที่ได้จารึกไว้.
กระทำตามผู้รับใช้ของพระเจ้าและเชื่อในสิ่งที่พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กล่าวผ่านคริสตจักรพระเจ้าคือความเชื่อที่แท้จริงเป็นอยู่ มีหลายคนที่ไม่ยอมรับข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณเข้ามาในความเชื่อ ก็ยังคงมีความผิดบาปเหลืออยู่ในใจของเขา แม้แต่เมื่อพระวจนะบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่ามีเพียงผู้ที่ไร้มลทินบาปเท่านั้นที่เข้าไปในนครศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าได้ เขาก็ยังทิ้งการรับบัพติศมาของพระเยซูออกจากความเชื่อของเขา แต่กลับดื้อรั้นที่จะอธิษฐานกลับใจใหม่และถวายเครื่องบูชาอีก.
ผู้คนเหล่านั้นที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา ต้องสารภาพด้วยความเชื่อได้ว่า ความผิดบาปทั้งหมดของมนุษยชาติถูกวางไว้ที่พระเยซูโดยการรับบัพติศมาที่พระเยซูทรงรับจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ที่แม่น้ำจอร์แดน ถ้าท่านทิ้งการรับบัพติศมาของพระเยซู ท่านก็ทิ้งความเชื่อของท่านเอง อีกประการหนึ่ง ถ้าท่านไม่เชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณ หรือแม้ แต่พระโลหิตบนไม้กางเขนก็ไร้ความหมาย และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ก็ไม่เข้ากับท่าน มีเพียงผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าทรงทำให้ความผิดบาปทั้งหมดของเขาหมดไปโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยเท่า นั้นที่สัมพันธ์กับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ร้องตะโกนออกมาถึงการเสด็จมาของพระผู้เป็นเจ้า พระเยซู เช่นเดียวกับสาวกยอห์นได้กล่าวไว้ในวรรคที่ 20.
วรรคที่ 20 กล่าวว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ ตรัสว่า ‘เราจะมาในเร็ว ๆ นี้แน่นอน’ อาเมน พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด.” มีเพียงผู้ชอบธรรมเท่านั้นที่พูดเช่นนี้ พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมายังโลกนี้เร็ว ๆ นี้ ตามคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม มีเพียงผู้ชอบธรรมเท่านั้น ที่ได้รับการยกความผิดบาปที่สมบูรณ์แบบโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณ จะชื่นชมยินดีและรอคอยการเสด็จมาของพระผู้เป็นเจ้าอย่างใจจดใจจ่อ นี่เป็นเพราะผู้คนเหล่านั้นที่ถูกเตรียมไว้เพื่อต้อนรับพระผู้เป็นเจ้า เป็นเพียงผู้ที่ได้รับการสวมเสื้อแห่งข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณ นั่นคือ ผู้ที่ไร้มลทินบาป.
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรอคอยวันที่พระองค์ทรงตอบรับการรอคอยของผู้ชอบธรรม วันที่พระองค์เสด็จมายังโลกนี้ พระองค์จะประทานรางวัลแก่เราด้วยอาณาจักรของพระองค์ และสวมเสื้อให้แก่เรา ผู้ชอบธรรม ในพระพรอันยิ่งใหญ่แห่งการเข้าไปในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ที่ซึ่งน้ำแห่งชีวิตไหลมา การรอคอยของพระผู้เป็นเจ้าของเรานี้ไม่ได้นานเกินรอ ทุกสิ่งที่เราทำได้ก็คือเพียงแค่พูดว่า “อาเมน พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด.” และด้วยความเชื่อและการสวดมนต์ พวกเรารอคอยการเสด็จมาของพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงจัง.
สุดท้าย วรรคที่ 21 กล่าวว่า “ขอให้พระคุณแห่งพระเยซูเจ้าจงดำรงอยู่กับธรรมิกชนทั้ง หลายเถิด อาเมน.” สาวกยอห์นได้จบหนังสือแห่งวิวรณ์ไว้ด้วยคำอวยพรสุดท้ายของท่านสำหรับ ทุกคน ท่านยอห์นเสนอบทอธิษฐานของท่านไว้ในตอนท้าย ด้วยหัวใจแห่งความหวังเพื่อให้ทุกคนเชื่อในพระเยซู ได้รับการช่วยให้รอด และเข้าไปในนครแห่งพระเจ้าได้.
เหล่าวิสุทธิชนอันเป็นที่รักของข้า พวกเราได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้า หมายความว่า พระองค์ทรงรักเรา ปลดปล่อยเราให้พ้นจากความผิดบาปของเราทั้งหมด และทำให้เราเป็นประชา ชนของพระองค์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าชื่นชมและน่าขอบคุณที่พระเจ้าทรงทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม เพื่อว่าเราจะได้เข้าไปในอาณาจักรของพระองค์.
นี่คือ ใจความที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวแก่เรา เพื่อทำให้เราใช้ชีวิตในอาณาจักรของพระองค์ชั่วนิรันดร พระเจ้าทรงอนุญาตให้ท่านและผู้เขียนกลับมาเกิดใหม่โดยการรับฟังข่าวประเสริฐที่แท้จริงนี้ และพระองค์ทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากความผิดบาปและการพิพากษาของเราทั้งหมด ผู้เขียนขอสรรเสริญและขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าของเราสำหรับการช่วยให้รอดของพระองค์.
จึงโชคดีมากที่เราได้รับการยกความผิดบาปของเราโดยปลอดภัย เราทุกคนเป็นผู้ที่เป็นสุขอย่างเหลือล้นเพราะพระเจ้า และเราเป็นผู้เผยแพร่พระวจนะของพระองค์ เราต้องเผยแพร่ข่าวประ เสริฐเรื่องการยกความผิดบาปแก่ดวงวิญญาณทุกดวงที่ยังคอยรับฟังข่าวประเสริฐนี้อยู่ และเผยแพร่พระวจนะแห่งวิวรณ์ ความสมบูรณ์แห่งข่าวประเสริฐแก่พวกเขาเช่นกัน.
ผู้เขียนหวัง และอธิษฐานแก่ทุกท่านให้ท่านวางใจในพระเยซู ผู้ทรงเป็นผู้สร้าง พระผู้ช่วยให้รอด และผู้พิพากษา และเมื่อยุคสุดท้ายมาถึง จงเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ขอพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้าจงสถิตอยู่กับท่านชั่วนิรันดร.