Search

Проповеди

เรื่องที่ 9: โรม (ข้อคิดเกี่ยวกับหนังสือของโรม)

[บทที่ 8-12] ใครที่จะกล้าท้าทายยืนขวางเรา? (โรม 8:31–34)

(โรม 8:31–34)
“ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา พระองค์ผู้มิได้ ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้โปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว ใครเล่าจะเป็นผู้ ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์นะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้ ขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงสถิตขอเพื่อเราทั้งหลาย”
 
 
ในโรม 8:31–34 เปาโลได้แถลงถึงความรักที่แบ่งแยกไม่ได้ของพระคริสต์ ของผู้ที่เชื่อ โดยการสรุปคำสอนของน้ำและพระวิญญาณและเข้าถึงการสรุปในตอนท้ายข้อความนี้ประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของความปีติของการไถ่บาปที่เข้าถึงจุดสูงสุดของความศรัทธา
เปาโลกล่าวในโรม 8:31 ว่า “ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะ ขัดขวางเรา”เหมือนกับเปาโลเราจะต้องมีประสบการณืที่เกี่ยวกับคำสอนของน้ำและพระวิญญาณที่ได้แผ่ออกมาตาม เวลาที่ผ่านไปและเป็นคำสอนที่เกี่ยวกับการไถ่บาปที่ยิ่งใหญ่ มากกว่าความ อ่อนแอของเราที่ได้เปิดเผยออกมามากไปกว่าที่เราได้เชื่อฟังคำสอนของน้ำและพระวิญญาณและ
มากไปกว่าที่เราเต็มไปด้วยผู้ทำผิดและความสุข
เปาโล เรียกคำสอนที่เขาเชื่อว่า “คำสอนของผม” (2 ทิโมธี 2:8) คำสอนนี้ไม่มีสิ่งอื่นใด มากกว่าความศรัทธาในบัพติสมาและพระโลหิตของพระเยซู
“คำสอนของผม” ที่เปาโลได้สอนไปไม่ได้อ้างถึงคำสอนของไม้กาง เขนที่มีคนเชื่อกันแต่ คำสอนของน้ำและพระวิญญาณที่ได้ประกาศและพรที่พระเยซูทรงนำบาปของมนุษยชาติออกไปครั้งหนึ่งและเพื่อทั้งหมด
คำสอนนี้ได้ทำให้เปาโลเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างมากเมื่อเขาได้รับการยกความผิด
บาปความชอบธรรมของพระเจ้าได้เติมความชอบธรรมของเขาและหัวใจของเขาก็สมบูรณ์ด้วย
พระวิญญาณบริสุทธิ์เขาเสียสละตัวของเขาเองเพื่อเป็นพยานของการสอนเรื่องน้ำและพระวิญ
ญาณหมดทั้งชีวิตของเขาข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไม่มีพลังและอำนาจที่จะนำบาปทั้งหมดของมนุษยชาติไปทั้งหมดในครั้งเดียว
แล้วใครสามารถท้าทายการขัดขวางการสอนของน้ำและพระวิญญาณที่เปาโลเชื่อได้? ไม่มี ใครเลย! โรม 8:31 บอกเราว่า “ถ้าเช่นนั้นเราจะว่า อย่างไรถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัด ขวางเรา” มีใครในโลกนี่ที่ขัดขวางผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้? เมื่อพระ เจ้าทรงช่วยมนุษยชาติจากบาปของโลกนี้ผ่านข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณใครนำพลัง
ของเขาได้ไป?ผู้ที่เชื่อในพระเยซูในในนามของซาตานต่อสู่หรือชนะผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไม่ได้
 
 

พระองค์ทรงพิพากษาเราทั้งหมดเพียงครั้งเดียว

 
โรม 8:29-30 กล่าวว่า “เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นที่พระองค์ได้ ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตร
หัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก และบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรง เรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และผู้ที่ พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ก็โปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย”
นี่บอกกับเราว่าพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาทรงวางแผนเพื่อช่วยผู้มีบาปทั้งหมดในพระคริสต์
และทรงเรียกพวกเขาผ่านคำสอนของน้ำและพระวิญญาณทรงล้างบาปของพวกเขาทั้งหมดเพียง
ครั้งเดียวเพื่อทำให้พวกเขาเป็นบุตรของพระเจ้าเมื่อพระเยซูของเราทรงนำผู้มีบาปทั้งหมดผ่านคำ
สอนของน้ำและพระวิญญาณ ใครสามารถขัดขวางสิ่งที่พระเจ้าทรงทำได้?
ใครสามารถขัดขวางและชนะเหนือผู้ที่ได้รับการพิพากษาโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของ น้ำและพระวิญญาณได้?มันเป็นสิ่งที่ไร้สาระท่านจะต้องทราบว่าใครซักคนที่ขัดขวางผู้ที่ได้รับการพิพากษาโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเพื่อให้รอดจากบาปของทั้งหมด หากในใจและหัวใจของท่านขัดขวางคำสอนของความจริงดังนั้นท่านไม่สามารถรอดจากบาปของท่านและท่านจะถูกปรับโทษให้ตกนรก
 
 

ไม่มีใครสามารถขัดขวางผู้ที่มีความชอบธรรมของพระเจ้าได้

 
“ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา” (โรม 8:29-30) พระเจ้าทรงเป็นตัวแทนในความจริงที่ว่าพระองค์ทรงนำบาปทั้งหมดของเราไปผ่านข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและช่วยเราให้รอดแล้วใครขัดขวางผู้ที่ได้รับการชำระบาปของพวกเขาได้และใครกล่าวว่าความศรัทธานั้นผิดได้ ?  พระเจ้าทรงเห็นด้วยกับความศรัทธาของผู้ที่เชื่อในข่าว
ประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
ใครบางคนจะท้าทายสิ่งนี้ได้อย่างไร?พระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปผ่านบัพติส
มาของพระองค์และพระโลหิตบนไม้กางเขน ใครกล่าวได้ว่าผู้ที่เชื่อในสิ่งนี้ผิด? ไม่มีใครเลย
ในโรม 6:3 เปาโลกล่าวว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งหลายที่ได้รับบัพติสมานั้นเข้าในความ ตายของพระองค์”เปาโลหมายความว่าเขาเชื่อในบัพติสมาของพระเยซูและโลหิตบนไม้กางเขน
ของพระองค์นำบาปทั้งหมดของเขาไปผ่านพระเยซูคริสต์และได้รับการชำระโดยที่เขาได้ตายและฟื้นคืนชีพขึ้นมาพร้อมกับพระองค์
กาลาเทีย 3:27 บอกเราว่า “เพราะเหตุว่าคนที่ได้รับบัพติสมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็จะ สวมชีวิตพระคริสต์”ข้าความนี้บอกเราว่าพระเยซูทรงนำบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปพร้อมกับบัพ
ติสมาของพระองค์ทรงถูกทรมานบนไม้กางเขนเพื่อบาปนี้และทรงฟื้นคืนชีพขึ้นมาทั้งหมดนี้ได้
มอบให้แก่เราด้วยพรที่ผู้ที่เชื่อในความจริงนี้จะเป็นบุตรของพระเจ้าความศรัทธาของเปาโลถูกวางไว้ในความเชื่อดังกล่าวข้างต้นว่าเขาได้รับบัติสมา,ได้ตายบนไม้กางเขนและฟื้นคืนชีพพร้อมกับ
พระเยซูดังนั้นครั้งหนึ่งที่ท่านเชื่อในบัพติสมาของพระเยซูบาปทั้งหมดของท่านถูกชำระล้างและ
ท่านเป็นบุตรของพระเจ้าโดยฟื้นคืนชีพมาพร้อมกับพระคริสต์
อีกนัยหนึ่งผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เสด็จมายังโลกนี้และได้รับบัพติสมาจากยอห์นเพื่อนำ
บาปทั้งหมดของโลกนี้ไป ได้รับบัพติสมาพร้อมกับพระคริสต์ พวกเขาก็เชื่อเช่นกันว่า พวกเขา ตายบนไม้กางเขนพร้อมกับพระเยซูและเชื่อฟังความศรัทธาของพวกเขาฟื้นคืนชีพมาพร้อมกับ
พระองค์
ไม่มีใครที่เชื่อในบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ดังนั้นจะช่วยเขาหรือ
เธอให้รอดจากบาปเพียงแค่มั่นใจว่าพระเยซูคือบุตรของพระเจ้าผู้ที่ได้รับการชำระบาปโดยการ
เชื่อในบัพติสมาและพระโลหิตบนไม้กางเขนของพระองค์และพระองค์จะเป็นบุตรของพระเจ้า
เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเราวางบนความชอบธรรมของพระคริสต์เพื่อ
เป็นบุตรของพระเจ้า
เปาโลกล่าวถึงบัพติสมาของพระเยซูเพราะเขาได้รับพรอันยิ่งใหญ่โดยการเชื่อในข่าวประ
เสริฐของน้ำและพระวิญญาณคนส่วนใหญ่คิดว่าคำสอนของเปาโลที่ได้สอนไปเป็นคำสอนของ
พระโลหิตบนไม้กางเขนแต่ความจริงก็คือว่าเขาเชื่อในการประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระ
วิญญาณที่รวมบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตบนไม้กางเขนเข้าด้วยกัน
ทำไมผู้ที่เชื่อในพระเยซูในทุกวันนี้ไม่ได้คาดคิดเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของน้ำและจิตวิญ
ญาณนี้มาก่อน? เป็นเพราะว่าข่าวประเสริฐนี้ได้รับการสนใจในช่วงยุคต้นของโบสถ์ ได้เปลี่ยนไป ตามเวลาในช่วงยุคต้นนั้น ผู้ที่เชื่อทุกคนเชื่อในการประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่คำสอนนั้นถูกเปลี่ยนแปลงและสอนเพียงแค่เรื่องโลหิตของ
พระคริสต์ในขณะที่บัพติสมาของพระองค์เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขอบเขตนี่ได้อธิบายเหตุผลให้แก่
หลายๆคนที่เชื่อในโลหิตบนไม้กางเขนจากคำสอนตามพระคัมภีร์ในบยุคต้นๆ
คนเหล่านี้ยังคงมีบาปในตัวของพวกเขาเองพวกเขาเพิกเฉยต่อคำสอนของน้ำและพระวิญญาณที่ได้เปิดเผยความชอบธรรมของพระเจ้าและพวกเขาก็ยังมีบาปพวกเขายังคงยืนอยู่ตรงข้าม
กับความชอบธรรมของพระเจ้า แม้ว่าพวกเขากล่าวว่าพวกเขาเชื่อในพระเยซูก็ตาม
จิตวิญญาณของคนตาบอดมองเห็นอะไร?คนตาบอดอาจจะพยายามที่จะเข้าใจช้างโดยการสัมผัสคนตาบอดอาจจะสัมผัสขาช้างและกล่าวว่ามันเป็นเสาและคนตาบอดคนอื่นอาจจะสัมผัส
งวงของมันและกล่าวว่ามันคืออะไรซักอย่างหนึ่งที่ยาวๆ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นช้างมาก่อน เมื่อ เป็นเช่นนั้นจิตวิญญาณของคนตาบอดก็ไม่สามารถพูดเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้
ดังนั้นผู้ที่ไม่รู้จักพระพรของน้ำและพระวิญญาณก็ไม่สามารถสอนได้ผู้ที่ยังไม่เคยเห็นก็จะเข้าใจได้โดยง่ายถึงสิ่งที่ใครบางคนพยายามอธิบายด้วยคำพูดแต่คนตาบอดไม่เคยเข้าใจมันอย่าง
แท้จริง
มนุษย์เกิดมาเป็นผู้มีบาปเพราะว่าเป็นผู้มีบาปทางจิตวิญญาณมาก่อนเราเกิดเราไม่ทราบ
ความจริงของข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณคนที่เชื่อแต่เพียงโลหิตบนไม้กางเขนได้สร้างภาพใหม่ให้ชาวคริสเตียนบนตัวของพวกเขาเอง บาปของพวกเขาล้างออกไปได้อย่างไร เมื่อพวก เขาอ้างว่าพวกเขาเชื่อในพระเยซู และเชื่อในพระโลหิตบนไม้กางเขนเท่านั้น? มีเพียงแค่บาปมาก ขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป
ผู้ที่เชื่อในพระโลหิตของพระเยซูว่าช่วยไถ่บาปของพวกเขาเพียงอย่างเดียวนั้นจิตวิญญาณของพวกเขานั้นยังไม่ตื่นแต่พระเยซูบอกเราอย่างชัดเจนในยอห์น 3:5 ว่า “ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ จากน้ำและพระวิญญาณผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”ดังนั้นเราจะต้องเชื่อในข่าวประ
เสริฐของน้ำและพระวิญญาณเพื่อที่จะได้รับพรพร้อมกับศักดิ์ศรีของการเป็นบุตรของพระเจ้าและ
เข้าไปในอาณาจักรของพระองค์
เมื่อเปาโล เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเขากล่าวด้วยความศรัทธาว่า “ถ้า เช่นนั้นเราจะว่าอย่างไรถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครจะขัดขวางเรา” (โรม 8:31) ผู้ที่ไม่รู้จักข่าว ประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณจะต่อต้านบุตรของพระเจ้าได้ไหม?พวกเขาอาจจะต่อต้านบุตร
ของพระเจ้าได้แต่พวกเขาไม่เคยชนะเหนือบุตรของพระเจ้าได้เลยพวกเที่เชื่อในพระโลหิตบนไม้
กางเขนไม่สามารถชนะผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้เลย
ผู้ต่อต้านความชอบธรรมของพระเจ้าสามารถเป็นได้เพียงศัตรูของพระองค์และไม่สามารถได้รับพระพรของพระองค์ไม่มีใครได้รับการไถ่บาปหรือมีความศรัทธาที่นำเขาหรือเธอไปสวรรค์ได้โดยปราศจากการเชื่อในคำสอนของน้ำและพระวิญญาณได้คำสอนที่ได้เปิดเผยถึงความชอบ
ธรรมของพระเจ้าผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณามารถเอาชนะความผิดได้และ
กลับไปสู่ความถูกต้อง บุตรของพระเจ้าสามารถเอาชนะโลกและตัณหาชั่วภายในตัวของเขาได้
บางคนไม่เข้าใจบัพติสมาและพระโลหิตของพระเยซูอย่างชัดเจนและความเข้าใจผิดของ
พวกเขานำพวกเขาไปสู่ความศรัทธาถ้าท่านเชื่อในพระโลหิตบนไม้กางเขนแต่ไม่คิดเกี่ยวกับการ
ได้รับการยกความผิดบาปโดยการเชื่อในบัพติสมาของพระเยซู ดังนั้นความศรัทธาของท่านจึงผิด
ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณก่อนพระเจ้า  เป็นคนหนึ่งที่ได้รับความ
ชอบธรรมของพระองค์และมีความศรัทธาอย่างแท้จริงพระเจ้าทรงบอกเราว่าผู้ที่เชื่อผิดๆคือเชื่อ
เพียงแค่โลหิตบนไม้กางเขนของพระบุตรของพระองค์เพียงอย่างเดียวผู้ไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระองค์หรือไม่รู้จักข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณแต่ผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของ
พระองค์ก็เชื่อว่าทั้งสองอย่างได้นำบาปของพวกเขาออกไป
เราจะต้องตัดความดื้อรั้นทิ้งไปการปฏิเสธข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเป็นความ
เชื่อที่ผิดของพวกเขาผู้ที่เชื่อเพียงแค่โบสถ์มีความศรัทธาเพียงครั้งเดียวในความชอบธรรมของพระองค์แต่ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณมีความศรัทธาทั้งหมดและก็เชื่อในความ
ชอบธรรมของพระเจ้าและได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าด้วยเช่นกัน (มัทธิว 3:15, 11:11)
หนังสือที่เขียนโดยผู้ที่เชื่อในพระโลหิตเพียงอย่างเดียวก็ทำให้กระดาษต้องถูกโยนลงถัง
ไปครั้งหนึ่งนักทฤษฎีในลัทธิต่างๆได้ถกกันว่าตอนนี้ชาวคริสเตียนได้เพิกเฉยแต่ข่าวประเสริฐ
ของน้ำและพระวิญญาณนั้นได้รับความสนใจมากขึ้น ความจริงนี้ยังคงมีอยู่และไม่เปลี่ยนแปลง พระวจนะของพระเจ้ายังคงมีอยู่ตลอดไปแต่ผู้ที่เชื่อผู้เดียวในพระโลหิตนั้นลบออกไปจากความ
ทรงจำของมนุษย์มีเหตุผลอะไรล่ะ?มันเป็นพระว่าพระโลหิตนั้นมันเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความ
ชอบธรรมของพระเจ้า ไม่มีผลกระทบต่อผู้มีบาปด้วยตัวของมันเอง
พูดอย่างตรงๆเลยคนส่วนใหญ่ทุกๆวันนี้ไม่ว่าเป็นชาวคริสเตียนหรือไม่ใช่ได้ทำบาปมาก
มายจะได้พ้นจากบาปไปโดยเชื่อเพียงแค่พระโลหิตเพียงอย่างเดียวได้อย่างไร?ลัทธิที่เน้นเพียงแค่พระโลหิตบนไม้กางเขนสอนให้มนุษย์อธิษฐานเพื่อขอยกความผิดบาปเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทำ
บาปแต่พวกเขาอธิษฐานเพื่อบาปของพวกเขาได้นานเพียงใด? สิ่งที่พวกเขากล่าวไม่สำคัญเลย พวกเขาไม่สามารถได้รับการยกความผิดบาปได้
พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้และทรงหลั่งพระโลหิตโดยปราศจากบัพติสมาหรือ?  ท่านทราบ
ว่ามันไม่จริง พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้และทรงนำบาปทั้งหมดไปโดยทรงรับบัพติสมา (มัทธิว 3:15) พระองค์ทรงรับบัพติสมาจากยอห์น ก่อนที่พระองค์จะทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน พระองค์ทรงยอมทรมานอยู่บนไม้กางเขนนี่คือวิธีที่พระเยซูทำให้ความชอบธรรมทั้งหมดสมบูรณ์ ท่านจึงไม่จำเป็นต้องร้องให้เพื่อความเมตตาของพระองค์เพื่อยกความผิดบาปของท่านทุกวันถ้า
ท่านเชื่อในบัพติสมาของพระเยซูที่ทรงได้รับจากยอห์นแทนการเชื่อในความชอบธรรมของพระ
เจ้าและได้รับการไถ่บาปอย่างสมบูรณ์
พระเยซูทรงรับบัพติสมาโดยการแบกรับบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้บนไปไหล่ของพระ
องค์และทรงได้รับการทรมานเพื่อการพิพากษาเพื่อบาปของโลกนี้ครั้งหนึ่งและเพื่อทั้งหมด การชำระบาปสามารถได้รับเพียงการเชื่อในบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์
 
 
การที่พระเยซูทรงให้เราไถ่บาปนั้นยิ่งใหญ่กว่าบาปที่เราทำ ไหม?
 
การชำระบาปที่พระเยซูทรงประทานให้นั้นไกลกว่าความยิ่งใหญ่ของบาปทั้งหมดที่เราได้ทำและจะกระทำหากบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าบาปของมนุษยชาติเราก็ไม่สามารถเชื่อในพระเยซูว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดได้ และไม่ได้รับการชำระบาป อย่างไรก็ตามความดีของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่มากกว่าที่พระองค์ทรงนำบาปของโลกนี้ไปทั้งหมด
เพียงครั้งเดียวผ่านบัพติสมาของพระองค์
เมื่อเป็นเช่นนั้นประตูสวรรค์ก็เปิดกว้างแต่ไม่มีใครเข้าไปในประตูนี้ได้โดยปราศจากความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณท่านต่อต้านกับผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและ
พระวิญญาณได้แต่ท่านไม่สามารถซ่อนจากการพิพากษาของความตายของพระเจ้าได้ดังนั้นไม่
ต้องคิดว่าท่านสามารถเอาชนะเหนือความศรัทธาในบัพติสมาและพระโลหิตของพระเยซูแม้ว่า
ความชอบธรรมของพระเจ้าถูกนำให้สมบูรณ์ก็ตาม
มีหลายคนที่ต่อต้านข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ต่อต้านเปาโลเช่นกันแต่ไม่มี
ใครสามารถกล่าวได้ว่าข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่เปาโลเชื่อนั้นผิดพวกเขาไม่ได้ยอมรับที่พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและผู้ช่วยพวกเขาให้รอด
โรม 8:32 บอกเราว่า “พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้โปรด ประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เราถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัด
ให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ”พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวของ
พระองค์มายังโลกนี้ และทรงทำให้พระเยซูทรงรับบัพติสมาเพื่อบาปของเราทุกคน ทรงสิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย เพื่อที่จะนำเราออกไปจากบาปของเรา
เพื่อที่จะช่วยเราจากบาปของโลกนี้และทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ที่พระเยซูทรงเป็น
พระเจ้าพระบิดาทรงประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มาให้เราเพื่อที่พระเจ้าจะทรงทำให้ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณทั้งหมดเป็นบุตรของพระองค์  ได้รับพรและ
ความชอบธรรมพระองค์จึงส่งพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มาให้เรา แล้วทรงรับบัพติสมา พระเจ้าทรงวางแผนให้แก่มนุษยชาติคือประทานพรจากสวรรค์และข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ หนึ่งในพรที่เป็นบุตรของพระองค์โดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
“พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์แต่ได้โปรดประทานพระบุตรนั้น
เพื่อประโยชน์แก่เราถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ” (โรม 8:32) “สิ่งสารพัด” ในที่นี่หมายถึง ของขวัญจากพระเจ้า ของขวัญ อะไรละ? พระเจ้าทรงประทานให้แก่ผู้ที่ได้รับพระเยซูคริสต์ และเชื่อในพระนามของพระองค์ เพื่อสิทธิในการเป็นบุตรของพระเจ้านั่นคือผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นได้ทำให้เป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นไม่มีบาป พวกเขา เป็นผู้ชอบธรรม และเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง
ผู้ที่มาเป็นบุตรของพระเจ้าโดยการเชื่อในทั้งหมดนี้จะได้รับของประทานที่อาณาจักรพันปีและอาณาจักรสวรรค์ ความชอบธรรมเป็นพรที่อยู่ในศักดิ์ศรีทั้งหมดของสวรรค์
“ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย”ได้ตีความโดยส่วนหนึ่งของการประทาน
พระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาคิดว่า “มันหมายความว่า ครั้งหนึ่งเราเชื่อในพระเยซู พระวิญญาณ บริสุทธิ์นั้นประทานให้เราแยกออกมาไหม?”มันไม่จริงเพราะว่าเมื่อท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณการได้รับการยกโทษบาปของท่านและได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเวลา
เดียวกันพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สามารถสถิตในหัวใจของผู้มีบาปพระวิญญาณบริสุทธิ์มาสู่พวก
เขาในทุกๆขณะเมื่อเราได้รับการยกความผิดบาปทั้งหมด
มีมากกว่านั้นที่ผู้ที่เชื่อจะได้รับพระวิญญาญบริสุทธิ์เป็นของประทานจากพระเจ้าได้จบสิ้น จนกระทั่งเราจะได้รับประทานพรจากสวรรค์ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์ที่พระบิดาของเรา
ทรงกระทำด้วยของประทานแก่ที่ผู้ทีมีความชอบธรรมของพระเจ้า
พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะประทานสิ่งดีๆทั้งหมดให้แก่ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐสอนของน้ำและพระวิญญาณพระเจ้าทรงประทานการเกิดใหม่ให้แก่ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและ
พระวิญญาณพระเจ้าประทานทุกสิ่งของสวรรค์ให้กับผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณคริสเตียนทุกข์ทรมานอย่างมากในการมีชีวิตอยู่ในขณะที่อยู่ในโลกนี้แต่เมื่ออาณาจักรของ
พระเจ้ามาถึงพวกเขาจะได้รับศักดิ์ศรีจากสวรรค์
 
 
อย่าพูดว่าท่านได้รับเลือกโดยไม่มีเหตุผล
 
โรม 8:33–34 กล่าวว่า “ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงโปรดให้ พ้นโทษแล้ว ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์นะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และ ยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้ขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และ ทรงสถิตขอเพื่อเราทั้งหลาย”
“ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือกไว้”ท่านสามารถฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าช่วยให้รอดจากบาปด้วยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้หรือ? ไม่ได้อย่างแน่นอน
นักทฤษฎีนำแคลวินมากล่าวอ้างโดยพูดว่าบางคนถูกเลือกอย่างไม่มีเงื่อนไขในขณะที่คน
อื่นๆไม่เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเราจะต้องไม่ใช้ข้อความที่ว่า “อย่างไม่มีเงื่อนไข” ในการมี อยู่ของพระเจ้า ด้วยการทำเช่นนั้น พวกเขาพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่รู้จักพระเจ้าทั้งหมด และพิสูจน์ว่า ลัทธิของพวกเขานั้นไม่ถูกต้องการเลือกอย่างไม่มีเงื่อนไขหมายความว่าพระเจ้าทรงรักบางคนโดยไม่มีเหตุผล และเกลียดคนอื่นๆโดยไม่มีเหตุผลเช่นเดียวกัน เราจะกล่าวได้อย่างไรว่า พระเจ้าคือ ความชอบธรรมเมื่อพระองค์ทรงรักเพียงบางคน และเกลียดคนที่เหมือน? นี่ไม่ใช่พระเจ้าของเรา พระเจ้าทรงรักและดูแลมนุษย์ทุกคนในพระคริสต์
ในวรรคที่ 32 กล่าวว่า “พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ โปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เราถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่ง
สารพัดให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ”พระเจ้าประทานพระบุตรของพระองค์มาเพื่อช่วยมนุษยชาติทั้งหมดแม้ว่าพระเจ้าทรงทำให้เราเชื่อว่าพระองค์ทรงนำบาปทั้งหมดของเราไป
ผ่านพระวจนะของน้ำและพระวิญญาณ และวรรคที่ 33 ก็บอกว่า “ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระ เจ้าทรงเลือกไว้” คำว่า “ที่พระเจ้าทรงเลือกไว้” ไม่ได้หมายความถึงว่าพระองค์ทรงเลือกอย่างไม่มี เงื่อนไขพระเจ้าทรงเลือกผู้ที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากพระเยซูคริสต์และผู้ที่ปราศจากความ
ชอบธรรมส่วนตัวของพวกเขาเพื่อที่จะวางพวกเขาด้วยความชอบธรรมของพระองค์
ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกด้วยความชอบธรรมของพระองค์คือผู้หนึ่งที่เชื่อในความจริงที่พระ
เยซูทรงเสด็จมายังโลกนี้ทรงรับบัพติสมาและทรงถูกทรมานบนไม้กางเขนเพื่อนำบาปทั้งหมดไป พวกเขาคือผู้เหนึ่งที่เชื่อพระเจ้าพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากบาปของโลกนี้และวางพวก
เขาด้วยความชอบธรรมของพระองค์
ดังนั้นใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ได้ ?   ไม่มีใครเลยไม่มีใครกล่าวได้ว่า
ความศรัทธาของเรานั้นผิด ไม่มีใครสามารถพิพากษาผู้ที่รอดจากบาปของพวกเขาได้ และได้รับ เลือกเป็นบุตรของพระเจ้าโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณผู้ที่เชื่อเพียงแค่พระโลหิตบนไม้กางเขนไม่สามารถกล่าวว่าผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของของน้ำและพระวิญญาณนั้น
ผิด หรือไม่ก็ฟ้องคนเหล่านั้นก่อนพระเจ้า
บางคนถูกพิพากษาผิดว่าพวกเขาถูกสวมด้วยความชอบธรรมของพระเจ้าโดยการเชื่อใน
ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ แต่มันถูกต้อง ไหม? ไม่ ความศรัทธาของผู้ที่ได้รับเลือกนี้ เป็นความชอบธรรมในปัจจุบันของพระ เจ้า ไม่สามารถเป็นคำพิพากษาที่ผิดได้โดยใครเลย
ใครกล่าวได้ว่าผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเป็นผู้มีบาปและถูกตัดสิน
ในความศรัทธาของพวกเขาอย่างผิดๆเราได้รับการสอนข่าวประเสริฐนี้มาอย่างยาวนานในที่ที่
ชอบธรรมของพระเจ้าได้เผยออกมาแก่มนุษย์ทุกคนในโลกนี้
แต่ไม่มีใครได้ฟ้องคนเหล่านั้นที่ได้ประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้มี
บางคนที่ถามเราเพื่อตรวจสอบความศรัทธาของโลหิตบนไม้กางเขนเพียงอย่างเดียวแม้ว่าพวกเขา ไม่สามารถกล่าวได้ว่าการมีความศรัทธาในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นผิด
ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่แท้จริงก็คือคำสอนที่ประกอบด้วยความชอบธรรมของพระเจ้าเปาโลผู้เป็นผู้ที่ได้ประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณกล่าวว่าไม่มีคำสอน
ใดนอกจากความจริงอันนี้ “แม้แต่เราเองหรือทูตสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ซึ่งขัดแก่ข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่านไปแล้วนั้นก็จะต้องถูกสาปแช่งตามที่เราได้พูดไว้
ก่อนแล้วบัดนี้ข้าพเจ้าพูดอีกว่าถ้าผู้ใดประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่านที่ขัดกับข่าวประเสริฐซึ่ง
ท่านได้รับไว้แล้ว ผู้นั้นจะต้องถูกสาปแช่ง” (กาลาเทีย 1:7–9)
ไม่มีใครกล่าวได้ว่าข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณตามพระคัมภีร์นั้นผิดผู้ที่ไม่เชื่อ
ในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นต่อต้านถ้าท่านเชื่อว่าข่าวประเสริฐของน้ำและพระ
วิญญาณที่พระเจ้าประทานให้ไว้นั้นผิดดังนั้นให้ตรงไปต่อต้านพระเจ้าเราก็ต้องต่อต้านคำสอนที่
ผิดที่ไม่สมบูรณ์เช่นกันที่เน้นเพียงพระโลหิตของพระเยซูพระเยซูสามารถทรมานเพื่อบาปของเราได้อย่างไรโดยปราศจากการแบกรับบาปของเราไปบนพระองค์เป็นอันดับแรกผ่านบัพติสมาของพระองค์?
 
 
อย่ากล่าวว่าผู้ที่เชื่อความชอบธรรมของพระเจ้ามีบาป
 
“การฟ้อง” หมายถึง การขอเพื่อการพิพากษา เพื่อการพิจารณาคดีมีเพียงคนเดียวที่สามารถ ฟ้องผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้คือผู้ทำชั่วผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำ
และพระวิญญาณมีความศรัทธาในความชอบธรรมของพระเจ้าดังนั้นใครสามารถพิพากษาได้
อย่างผิดๆในความศรัทธาของพวกเขาเอง? ใครจะพูดได้ว่าพวกเขาผิด? ไม่มีใครเลย สำหรับ มันแล้วพระเจ้าทรงพิพากษาพวกเขาไม่มีใครสามารถปรับโทษบาปให้ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณของการมีบาปใดๆได้
“พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว” (โรม 8:33) ใครสามารถเปิดเผยผู้ที่เชื่อในข่าวประ เสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้?มีพระเจ้าที่สามารถเปิดเผยด้วยความชอบธรรมของพระองค์ว่าผู้ที่เชื่อนั้นพ้นโทษแล้ว
“การพ้นโทษ” ไม่ได้ให้ผู้ที่ยังคงมีบาปแต่มันทำให้ผู้ที่ยังคงมีบาปได้รับการยกความผิด
บาปอย่างแท้จริง “ทำให้พวกเขา ไม่มีบาปและพ้นโทษ” เมื่อใดที่พระเจ้าตรัสเช่นนั้นว่าผู้ที่เชื่อใน ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นไม่มีบาปผู้ที่กล้าที่จะพูดว่าพวกเขาผิดและไม่มีความ
ชอบธรรมของพระเจ้า? ไม่มีนักทฤษฎีคนใดในโลกนี้ที่จะกล่าวได้เช่นกัน
คริสตศาสนาในปัจจุบันนี้เสื่อมลงจากคำสอนของการทำให้บริสุทธิ์ที่พยายามจะได้รับ
ความศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนานักเทววิทยาในประเทศอังกฤษถามต่อมาว่า“คริสตจักรของพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ไหม?”แล้วอ้างว่าคริสตจักรของพระเจ้านั้นมีข้อตำหนินักเทววิทยานี้ไม่รู้จักข่าวประเสริฐ
ของน้ำและพระวิญญาณและไม่มีความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าอย่างชัดเจน
แต่คนที่เชื่อทุกๆคนในโบสถ์ของพระเจ้าเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและก็เป็นผู้ที่ไม่มีบาปที่สมบูรณ์   แม้ว่าเขาหรือเธอจะอ่อนแอในทางโลกเขาหรือเธอยังคงมีความสม
บูรณ์และไม่มีจุดบกพร่องทุกคนในโบสถ์ของพระเจ้าไม่มีบาปใช่ไหม? ใช่ โบสถ์คือสถานที่ที่ ผู้ที่เชื่อได้รับการทำให้บริสุทธิ์และไม่มีบาปร่วมกันในโบสถ์ถ้าผู้ที่เชื่อมีบาปดังนั้นพวกเขาไม่ใช่บุตรของพระเจ้า อะไรทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ล่ะ? แน่นอน มันคือความศรัทธาโดยการได้รับความ ชอบธรรมของพระเจ้านักทฤษฎีกล่าวว่าแม้ว่าโบสถ์ของพระเจ้ามีจุดบกพร่องเพราะเขาไม่เชื่อ
หรือแม้แต่ไม่รู้จักข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
ใครกล้าที่จะกล่าวว่าผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเป็นผู้ที่มีบาป? ก็คือ พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาพวกเขา เราผู้ที่เชื่อสามารถอยู่พร้อมกับบาปเพราะเราอ่อนแอได้ไหม? แน่ นอนไม่ได้! แล้วนี่ก็หมายความว่า เราไม่มีบาปแม้ว่าเรายังคงทำบาปหรือ? ใช่เราไม่มีบาป! นี่คือ เหตุผลที่เราจะต้องเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณมนุษย์ไม่ได้ตั้งใจทำบาปโดยไม่มีวัตถุประสงค์แต่เพราะว่าความอ่อนแอของพวกเขา
มีเพียงบางคนที่ตั้งใจทำบาปอย่างแท้จริงเกือบทั้งหมดที่ทำเพราะความอ่อนแอผู้ที่เชื่อใน
ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไม่มีบาปในหัวใจของพวกเขาเพราะมีความชอบธรรมของ
พระเจ้าเราปราศจากบาปเพราะพระเจ้าทรงนำบาปทั้งหมดของเราไปพร้อมกับความชอบธรมของพระองค์ นั่นเป็นเหตุผลที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว” นั่นคือ พระเจ้าผู้ทรงประกาศว่าผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไม่มีบาปเพราะว่าพวกเขามีความชอบธรรมของพระองค์ เราได้ถูกนำบาปทั้งหมดออกไป
ถ้าพระเยซูไม่ทรงนำบาปของเราออกไปแม้แต่บาปในอนาคตเราจะชำระบาปของเราไปได้อย่างไรและเราจะกล่าวว่าเราไม่เป็นผู้มีบาปอีกต่อไปได้อย่างไร?ถ้าหลังจากที่เราเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า เราทำบาปและมีชีวิตอยู่ในบาป ดังนั้นสิ่งนี้ ทำให้เราไม่บริสุทธิ์เพียงพอหรือไม่ หรือตัดสิทธิ์ในการชำระบาปของเรา และดังนั้นเราต้องกลับไปตกนรกอีกครั้งหรือ? คำตอบก็คือ ไม่  ถ้าการไถ่บาปของเรามาด้วยการทำให้บริสุทธิ์ด้วยตัวของมันเองใครในโลกนี้จะสามารถรอด
จากบาปได้? ไม่มีใคร ไม่มีใครมีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ ในเนื้อหนัง และสามารถบริสุทธิ์ได้โดย การรักษาพระบัญญัติได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นไบเบิลจึงกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสัก คนเดียว ไม่มีเลย” (โรม 3:10)
 
 
ตามธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถรับความชอบธรรมของพระเจ้าได้โดย การกระทำของตัวเอง
 
พระเจ้าทรงช่วยพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์ผู้ทรงรับบัพติส มาจากยอห์น และนำ พระองค์ไปสู่ความตายบนไม้กางเขนเพื่อช่วยมนุษยชาติทั้งหมดจากบาปของโลกนี้ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณมีความชอบธรรมโดยความศรัทธาของพวกเขาเอวนี่คือเหตุผลที่สามารถเป็นผู้ชอบธรรมได้โดยการเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า
แม้คริสเตียนส่วนใหญ่กล่าวว่าพวกเรารับความชอบธรรมของพระเจ้าได้โดยผ่านลัทธิของการพิพากษาในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเพิกเฉยมัน ความชอบธรรมของพระเจ้าคืออะไร? มัน แตกต่างจากความชอบธรรมของมนุษย์แต่เป็นคำพิพากษาของพระเจ้าอะไรที่ข่าวประเสริฐของ
ความชอบธรรมของพระเจ้าได้เปิดเผยไว้?เปิดเผยออกมาในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ถ้าเราปฏิเสธข่าวประเสริฐนี้โดยปราศจากการเชื่อมันหมายความว่า เรายืนต่อต้านพระเจ้า ไม่มี ใครสามารถนำบาปออกไปแล้วได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าได้โดยปราศจากความศรัทธาในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณใครบางคนสามารถต่อต้านความชอบธรรมของพระเจ้าได้
แม้เล็กน้อยไหม? ผมได้เชื่อมายาวนานในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ แต่ผมไม่เคยเห็น ใครที่ยืนต่อต้านคำสอนนี้ได้บนพื้นฐานของพระวจนะของพระเจ้าเพราะคำสอนของความชอบ
ธรรมของพระเจ้านี้ ได้ประทานให้เราอย่างสมบูรณ์
 
 
ใครสามารถปรับโทษของผู้ที่มีความชอบธรรมของพระเจ้าได้?
 
ลองมาดู โรม 8:34 “ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์นะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระ ชนม์แล้วและยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้ขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ ของพระเจ้าและทรงสถิตขอเพื่อเราทั้งหลาย”ใครบางคนจะปรับโทษผู้ที่เชื่อในความชอบธรรม
ของพระเจ้าให้มีบาปได้ไหม? ไม่มีใครสามารถทำได้
ใครบางคนอาจจะปรับโทษของผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ถูกนำให้พ้นจากบาปของพวกเขาแล้วด้วยความศรัทธาให้เป็นผู้ที่มีบาปได้ไหม? ไม่ “ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับ โทษอีก” ใครจะกล่าวได้ว่าผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าเป็นผู้มีบาป?
ค่าจ้างของบาปคือความตาย ถ้าหากท่านมีบาปในหัวใจของท่านเอง ท่านก็ต้องตกนรก แต่ ผู้ที่มีบาปได้ถูกนำบาปออกไปด้วยความศรัทธาในความชอบธรรมของพระเจ้าจะไม่ถูกพิพากษา
จากพระเจ้าเพราะพวกเขาไม่มีบาปที่จะให้ต้องพิพากษาอีกต่อไปเมื่อพระเจ้าไม่ทรงพิพากษาผู้ที่
เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า ใครสามารถท้าทายในการปรับโทษของพวกเขาได้? ถ้าหากผู้ ที่เชื่อในพระเยซูนั้นมีบาปเขาหรือเธอก็จะเป็นผู้มีบาปและจะต้องถูกพิพากษาและปรับโทษจาก
พระเจ้าผู้มีบาปจะถูกพิพากษาจากพระเจ้าเพื่อบาปของพวกเขาในหัวใจและจะถูกคนอื่นหลีกหนี
ไปแต่ถ้าผู้ที่เชื่อในพระคริสต์เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและได้รับความชอบ
ธรรมของพระเจ้าเป็นบุคคลที่มีบาปและไม่มีใครสามารถปรับโทษบาปคนนั้นได้
“ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์นะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่า นั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้ขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรง สถิตขอเพื่อเราทั้งหลาย”พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้เพื่อประทานความชอบ
ธรรมของพระเจ้าให้กับเรา   ทรงรับบัพติสมาจากยอห์นเพื่อแบกรับบาปทั้งหมดไปทรงสิ้นพระ
ชนม์บนไม้กางเขนทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์และทรงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจากความตายเพื่อมา
เป็นผู้ช่วยให้รอดของเราตอนนี้พระองค์ทรงประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้าและทรงอธิษฐานของเพื่อเราทั้งหลาย พระองค์ผู้ช่วยให้รอดของเรา
พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เช่นกัน อธิษฐานของเพื่อผู้ที่มีความชอบธรรมของพระเจ้า พระเยซู ทรงอธิษฐานของเพื่อพวกเราในสวรรค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เช่นเดียวกัน อธิษฐานเพื่อพวกเรา เพื่อพระเจ้า พระบิดา แต่ในวิธี แตกต่างกัน ด้วย “การคร่ำครวญ” ที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำ โดยเมื่อใดก็ตามที่เรามีความอ่อนแอในหัวใจของเรา
ความชอบธรรมของพระเจ้าในหัวใจของผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นสมบูรณ์เพียงใด? ความสมบูรณ์ของความชอบธรรมของพระเจ้า บอกกับเราว่า ข่าวประเสริฐ ของน้ำและพระวิญญาณก็ไร้ข้อบกพร่องและสมบูรณ์เช่นกัน