Search

Sermons

เรื่องที่ 3: ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ

[3-3] พระเยซู คริสต์ เสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ (1 ยอห์น 5:1-12)

พระเยซู คริสต์ เสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ
(1 ยอห์น 5:1-12)
“ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็บังเกิดจากพระเจ้า และทุกคนที่รักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิดนั้น ก็รักคนที่บังเกิดจากพระองค์ด้วย เมื่อเราทั้งหลายรักพระเจ้าและได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นบุตรของพระเจ้า เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นที่หนักใจ ด้วยว่าผู้ใดที่บังเกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยชนะต่อโลก และนี่แหละเป็นชัยชนะซึ่งได้มีชัยต่อโลกคือความเชื่อของเราทั้งหลายนี่เอง ใครเล่าชนะโลก เว้นไว้แต่ผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านี่แหละ? คือผู้ที่ได้เสด็จมาด้วยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซู คริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต และพระวิญญาณทรงเป็นพยานเพราะพระวิญญาณทรงเป็นความจริงเพราะมีพยานอยู่สามพยานในสวรรค์ คือพระบิดา พระวาทะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพยานทั้งสามนี้เป็นองค์เดียวกัน มีพยานอยู่สามพยานในแผ่นดินโลก คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามนี้สอดคล้องกันถ้าเรายังรับพยานหลักฐานของมนุษย์ พยานหลักฐานของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่า เพราะนี่คือพยานหลักฐานของพระเจ้าซึ่งพระองค์ได้ทรงเป็นพยานถึงพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าก็มีพยานอยู่ในตัวเอง ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ได้กระทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา เพราะเขามิได้เชื่อพยานหลักฐานที่พระเจ้า ได้ทรงเป็นพยานถึงพระบุตรของพระองค์และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรของพระเจ้าก็ไม่มีชีวิต“
 
 
พระเยซูเสด็จมาจากอะไร?
จากน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ
 
พระเยซูเสด็จมาจากน้ำใช่หรือไม่? ใช่ พระองค์เสด็จมาโดยการรับบัพติสมาของพระ องค์ น้ำคือสัญลักษณ์ของการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดนเป็นการรับบัพติสมาของการชำระบาปที่พระองค์ทรงชำระมลทินบาปทั้งหมดในโลกนี้โดยวิธีนี้
พระเยซูเสด็จมาด้วยพระโลหิตใช่หรือไม่? ใช่ พระองค์เสด็จมาเช่นนั้น พระองค์เสด็จมาในเนื้อหนังของมนุษย์และทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป และจากนั้นทรงจ่ายค่าจ้างของบาปด้วยการหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนพระเยซูเสด็จมาโดยพระโลหิต
พระเยซูเสด็จมาโดยพระวิญญาณใช่หรือไม่? ใช่ พระองค์เสด็จมาโดยพระวิญญาณ พระเยซูคือพระเจ้าแต่พระเยซูเสด็จมาเป็นพระวิญญาณในเนื้อหนัง เพื่อที่จะเป็นผู้ช่วยให้รอดของคนบาปทั้งหลาย
ผู้คนมากมายไม่เชื่อว่าพระเยซูเสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ มีเพียงคนน้อยคนเท่านั้นที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นกษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งปวงและทรงเป็นพระเจ้าของพระเจ้าทั้งปวงอย่างแท้จริง ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสงสัยว่าพระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้ จริงหรือ? พระเยซูคือบุตรมนุษย์และคนมากมายรวมทั้งนักทฤษฎีและผู้รับรองพันธกิจต่างๆ ต่างก็เชื่อในพระเยซูว่าเป็นมนุษย์มากกว่าพระเจ้าหรือเป็นผู้ช่วยให้รอด
แต่พระเจ้าทรงตรัสว่าใครก็ตามที่เชื่อว่าพระเยซูคือกษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งปวง และเชื่อว่าพระเยซูคือพระเจ้าแท้จริงและผู้ช่วยให้รอดแท้จริงก็จะเกิดมาโดยพระองค์ คนทั้งหลายที่รักพระเจ้ารักก็จะรักพระเยซูและคนทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้าก็เชื่อในพระเยซูในวิธีเดียวกันนั้น
ผู้คนจะไม่สามารถมีชัยเหนือโลกได้ ถ้าพวกเขาไม่ได้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นอัครสาวกยอห์นจึงบอกเราว่ามีเพียงคริสเตียนแท้จริงเท่านั้น ที่สามารถเอาชนะโลกได้ เหตุผลว่าทำไมความเชื่อความศรัทธาจึงสามารถมีชัยต่อโลกได้นั้นก็คือว่า พวกเขามีความเชื่อในน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ พลังของการเอาชนะโลกนั้นไม่สามารถเกิดได้จากความตั้งใจ ความพยายามหรือความหลงใหลของมนุษย์ได้
“แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์ก็ดี และภาษาของทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้ามีของประทานแห่งการพยากรณ์ และเข้าใจในความลึกลับทั้งปวงและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้ข้าพเจ้ามีความเชื่อทั้งหมดพอจะยกภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลยแม้ข้าพเจ้ามอบของสารพัดเพื่อเลี้ยงคนยากจน และแม้ข้าพเจ้ายอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย แต่ไม่มีความรัก จะหาเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าไม่“(1โครินธ์ 13:1-3)
‘ความรัก’ตรงนี้หมายความว่าพระเยซูเสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ ในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น ‘ความรัก’ มักจะหมายความถึง ‘ความรักของความจริง’ (2โครินธ์ 2:10) แท้จริงแล้ว ความรักของพระเจ้านั้นแสดงออกมา ผ่านพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์นั่นเอง
(1 ยอห์น 4:9)
 
 
มีเพียงผู้ที่เชื่อในน้ำและพระโลหิตเท่านั้นที่สามารถเอาชนะโลกได้
 
ใครที่สามารถเอาชนะโลกได้ ?
คนทั้งหลายที่เชื่อในการชำระบาปของบัพติศมาของพระเยซู ของพระโลหิตของพระองค์และของพระวิญญาณ
 
1 ยอห์น 5:5-6 กล่าวว่า “ใครเล่าชนะโลก เว้นไว้แต่ผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า? นี่แหละคือผู้ที่ได้เสด็จมาด้วยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซู คริสต์“
คริสเตียนผู้ช่วยสามัคคีธรรมทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงเอาชนะซาตานและโลกได้นั้นคือพระเยซู คริสต์คนทั้งหลายที่เชื่อในพระวจนะของน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณของพระเยซูสามารถเอาชนะโลกได้เช่นกัน พระเยซูทรงเอาชนะโลกได้อย่างไร? โดยการไถ่บาปของน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณ
ในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น ‘น้ำ’ มีความหมายถึงการรับบัพติศมาของพระเยซู (1เปโตร 3:21) พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนัง พระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยคนบาปทั้งหลายของโลกนี้ พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของคนบาปไว้และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อที่จะชำระบาปให้กับบาปเหล่านั้น
พระโลหิตบนไม้กางเขนนั้นมีความหมายถึงความจริงที่ว่าพระองค์เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ พระองค์เสด็จมาเช่นเนื้อหนังที่เต็มไปด้วยบาป เพื่อที่จะช่วยคนบาปทั้งหลายและทรงรับบัพติสมาโดยน้ำ ดังนั้นพระเยซูเสด็จมาหาเราทั้งด้วยน้ำและพระโลหิต อีกนัยหนึ่งพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป โดยน้ำของบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตของการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
ซาตานปกครองโลกนี้ได้อย่างไร? ซาตานทำให้มนุษยชาติเกิดความสงสัยในพระวจนะของพระเจ้า และหว่านเมล็ดพันธุ์ของการไม่เชื่อฟังเอาไว้ในหัวใจของพวกเขา ซาตานพยายามที่จะเปลี่ยนผู้คนไปเป็นคนรับใช้ของเขาด้วยการหลอกลวงพวกเขาให้ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า
อย่างไรก็ตามพระเยซูเสด็จมาสู่โลกนี้และทรงรับเอาบาปทั้งหมดของพวกเขาไป โดยน้ำของการรับบัพติศมาของพระองค์ และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนพระองค์ทรงเอา ชนะซาตานและทรงรับบาปทั้งหมดของโลกนี้ออกไปได้
สิ่งนี้เกิดขึ้นมาเพราะพระเยซู คริสต์ทรงเป็นพระองค์ผู้ช่วยให้รอดของคนบาปทั้งหลายพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราเพราะพระ องค์เสด็จมาโดยน้ำและพระโลหิต
 
 

พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยบัพติศมาของการชำระบาปของพระองค์

 
การที่พระเยซูทรงเอาชนะโลกนั้น หมายความว่าอย่างไร?
มันหมายความว่าพระองค์ทรงรับเอา บาปทั้งหมดของโลกนี้ไป
 
เพราะพระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปและสิ้นพระชนม์เพราะมัน แล้วพระองค์ก็สามารถปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปทั้งหมดได้เพราะพระเยซูทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดนจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ผู้เป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมดนั้น ทำให้บาปทั้งหมดในโลกนี้ถูกส่งผ่านไปยังพระองค์ และพระองค์ก็ประทานชีวิตของพระองค์ไปบนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาป พระองค์ทรงเอาชนะอำนาจแห่งซาตานได้ด้วยการสิ้นพระ ชนม์และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ พระเยซูทรงจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งปวงด้วยความตายของพระองค์
 
 

พระะเยซูเสด็จมาหาคนบาปทั้งหลายโดยน้ำของบัพติศมาของพระองค์ และพระโลหิตบนไม้กางเขน

 
พระองค์ทรงเอาชนะอำนาจ แห่งซาตานได้อย่างไร?
โดยบัพติศมาของพระองค์ โดยพระโลหิตและพระวิญญาณ
 
อัครสาวกยอห์นกล่าวว่า การชำระบาปนั้นไม่ใช่โดยน้ำเพียงเท่านั้น แต่โดยน้ำและโลหิตด้วย ดังนั้นการที่พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดไปและทรงกำจัดบาปของเราออกไปอย่างเป็นนิรันดร์ คนบาปทั้งหมดก็จะรอดจากบาปโดยการเชื่อในพระองค์และมีความสัตย์ซื่อต่อพระวจนะของพระองค์
เมื่อพระเยซูเสด็จลงมายังโลกนี้ ไม่เพียงแต่พระองค์จะทรงรับเอาความผิดบาปของเราไปเพียงเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงจ่ายค่าจ้างของบาปด้วยการหลั่งพระโลหิตของพระองค์จน ถึงแก่ความตายบนไม้กางเขนด้วย พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดนและทรงจ่ายค่าจ้างของบาปเหล่านั้นบนไม้กางเขน พระองค์ทรงจ่ายค่าจ้างของบาปของเราโดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เอง พระบัญญัติของพระเจ้าที่เที่ยงธรรมที่กล่าวว่า ‘ค่าจ้างของบาปคือความตาย’ (โรม 6:23) นั้นสมบูรณ์แล้ว
การเอาชนะโลกนั้นพระเยซูทรงหมายถึงอะไร? ความเชื่อที่เอาชนะโลกได้คือความเชื่อในข่าวประเสริฐของการชำระบาปที่พระเยซูประ ทานมาให้เราโดยน้ำและพระโลหิต พระองค์เสด็จมาในรูปแบบของเนื้อหนัง และทรงเป็นพยานต่อความรอดโดยบัพติศมาของน้ำและการสิ้น พระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน
พระเยซูทรงเอาชนะโลกที่มีชื่อว่าซาตานได้ บรรดาสาวกของคริสตจักรในยุคแรกๆต่างก็ยืนอย่างมั่นคงอยู่แม้กำลังเผชิญอยู่กับความทนทุกข์ลำบากอยู่โดยไม่ได้ยอมรับต่อจักรวรรดิ์โรมันหรือต่อสิ่งยั่วยวนของทางโลกเลย
นี่เป็นผลของการเชื่อของพวกเขาที่ว่าพระเยซูเสด็จมาโดยน้ำ (พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป) และโดยพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน (พระองค์ทรงจ่ายค่าจ้างของบาปของเราโดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์)
พระเยซูเสด็จมาในพระวิญญาณ (พระองค์เสด็จมาในเนื้อหนังของมนุษย์) และทรงรับเอาความผิดบาปของคนบาปทั้งหลายไป โดยการรับบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน เพื่อที่เราทั้งหมดผู้ที่ได้รับการชำระบาปแล้วจะสามารถเอาชนะโลกนี้ได้
 
 
เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลายโดยซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย (1เปรโต 3:21)
 
อะไรคือภาพของความรอด?
การรับบัพติศมาของพระเยซู
 
มันได้กล่าวใน 1เปรโตร 3:21 ว่า “เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย (ไม่ใช่ด้วยชำระราคีแห่งเนื้อหนัง แต่โดยให้มีใจวินิจฉัยผิดและชอบอันดีจำเพาะพระเจ้า) โดยซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย“ อัครสาวกเปรโตเป็นพยานว่าพระเยซูคือผู้ช่วยให้รอดและว่าพระองค์เสด็จมาโดยน้ำของบัพติศมาและพระโลหิต
ด้วยเหตุนี้ เราควรจะเชื่อในพระเยซูผู้เสด็จมาโดยน้ำและพระโลหิต เราควรจะรู้เช่นกันว่าน้ำของบัพติศมาของพระเยซูนั้นเป็นภาพของความรอดของเรา อัครสาวกเปโตรบอกเราว่า ’น้ำ’ ของบัพติสมา‘พระโลหิต’ และ ’พระวิญญาณ’ นั้นเป็น ‘ปัจจัยที่สำคัญที่สุด’ ในการชำระบาป
สาวกของพระเยซูเชื่อในพระโลหิตบนไม้กางเขนผ่านการรับบัพติศมาของพระเยซู การเชื่อในพระโลหิตเพียงอย่างเดียว ก็ถือเป็นการครอบครองความเชื่อแท้จริงแต่เพียงครึ่งเดียว ความเชื่อบนพื้นฐานของความจริงเพียงครึ่งเดียวหรือไม่สมบูรณ์นั้นก็จะจางหายไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ตามความเชื่อของคนทั้งหลายที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณก็จะเติบโตแข็งแรงตามไปตามกาลเวลาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เสียงของข่าวประเสริฐของพระโลหิตเพียงอย่างเดียวนั้นยังคงเติบโตอยู่ในโลกนี้อยู่ต่อไปในปัจจุบันนี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะประชาชนไม่รู้จักพระวจนะของความจริงที่เป็นการชำระบาปโดยน้ำและพระวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเกิดใหม่ได้
มีช่วงเวลาหนึ่งที่คริสตจักรของฝั่งตะวันตกนั้นได้ตกไปเป็นเหยื่อของความเชื่อในทางไสยศาสตร์ ดูเหมือนว่ามันจะรุ่งเรืองอยู่ชั่วขณะหนึ่งแต่คนรับใช้ของซาตานก็พยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อของพวกเขาไปสู่ความเชื่อในทางไสยศาสตร์
ความเชื่อทางไสยศาสตร์นั้นก็คือการเชื่อว่าพญามารจะหนีไปหากผู้นั้นได้วาดรูปไว้กางเขนไว้บนกระดาษสักแผ่นหนึ่ง หรือทำไม้กางเขนด้วยไม้ และซาตานนั้นก็จะหนีไปเมื่อเขาหรือเธอสารภาพความเชื่อในพระโลหิตของพระเยซู ซาตานหลอกลวงผ่านสิ่งนี้และเรื่องงมงายอื่นๆให้เชื่อว่าพวกเขาจะต้องเชื่อในโลหิตของพระเยซู ซาตานแกล้งที่จะกลัวพระโลหิต โดยกล่าวว่ามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่พระเยซูทรงทำเพื่อคนบาปก็คือการหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน
อย่างไรก็ตาม เปรโตและเหล่าสาวกคนอื่นๆได้เป็นพยานต่อข่าวประเสริฐแท้จริงของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตบนไม้กางเขน แต่คริสเตียนในปัจจุบันนี้เป็นพยานต่ออะไรล่ะ? พวกเขาเป็นพยานต่อพระโลหิตของพระเยซูเพียงเท่านั้น
เราควรจะเชื่อในพระวจนะที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลและมีความเชื่อในความรอดของข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและของพระโลหิตของพระองค์หากเราเพิกเฉยข่าวประเสริฐของพระเยซูและเพียงแต่เป็นพยานต่อความจริงว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์ไปเพื่อเราบนไม้กางเขนแล้วความรอดของเราก็จะไม่สามารถสมบูรณ์ได้
 
 
‘พระวจนะของคำพยาน’สำหรับความรอดของน้ำของพระเจ้า
 
อะไรคือข้อพิสูจน์ว่าพระเจ้า ทรงช่วยเราให้รอด?
น้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ
 
ใน 1 ยอห์น 5:8 พระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวว่า “มีพยานอยู่สามพยานในแผ่นดินโลก” พยานแรกคือพระวิญญาณ พยานที่สองคือน้ำของบัพติศมาของพระเยซู และพยานที่สามคือพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ทั้งสามสิ่งนี้เป็นหนึ่งเดยวกัน พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราทั้งหมดให้รอดจากบาปเหล่านี้ พระองค์ทรงทำสิ่งนี้โดยทั้งสามสิ่ง บัพติศมา พระโลหิต และพระวิญญาณ
‘มีพยานอยู่สามพยานในแผ่นดินโลก’ มีสามสิ่งที่พิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงช่วยเรา ทั้งสามองค์ประกอบของการพิสูจน์นี้ก็คือน้ำของบัพติศมาของพระเยซูพระโลหิตของพระองค์ และพระวิญญาณทั้ งสามสิ่งนี้คือสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อเราในโลกนี้
หากหนึ่งในสามสิ่งนี้ขาดหายไป ความรอดก็จะไม่สมบูรณ์ มันเป็นสามสิ่งที่เป็นพยานบนโลกนี้มีสามพยานบนโลกนี้ คือพระวิญญาณ น้ำและพระโลหิต
พระเยซู คริสต์เสด็จมาหาเราในเนื้อหนัง คือพระเจ้า คือพระวิญญาณ และคือพระบุตร พระองค์เสด็จมาในโลกนี้ ดุจเป็นพระวิญญาณในเนื้อหนังของมนุษย์และทรงรับบัพติศมาในน้ำเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดไว้ที่เนื้อหนังของพระองค์และทรงช่วยเราคนบาปทั้งหลายให้รอด ด้วยการหลั่งโลหิตของพระองค์จนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดของเราอย่างเต็มจำนวนนี่คือข่าวประเสริฐของการชำระบาปที่สมบูรณ์โดยน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณ
หากแม้ว่าหนึ่งในสามสิ่งนี้ได้ขาดหายไปมันก็จะเป็นเหมือนกับการปฏิเสธความรอดของพระเจ้าที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้ง หมด หากเราเห็นด้วยกับผู้ที่เชื่อส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้เราก็จะต้องกล่าวว่า ‘มีพยานอยู่สองสิ่งบนโลกนี้คือพระโลหิตและพระวิญญาณ’
แต่อัครสาวกยอห์นกล่าวว่ามีสามสิ่งที่ได้เป็นพยาน คือน้ำของบัพติศมาของพระเยซู พระโลหิตบนไม้กางเขนและพระวิญญาณ อัครสาวกยอห์นมีความแม่นยำในคำพยานของท่านมาก
ความเชื่อที่ได้ไถ่ถอนคนบาปคือความเชื่อในพระวิญญาณ น้ำและพระโลหิต ความเชื่อชนิดไหนที่ทำให้ผู้นั้นสามารถเอาชนะโลกได้? และเราสามารถพบความเชื่อเช่นนั้นได้ที่ไหน? มันอยู่ตรงนี้เองในพระคัมภีร์ไบเบิล มันคือความเชื่อในพระเยซูผู้เสด็จมาโดยน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณ มีความเชื่อในมันเพื่อที่จะได้รับความรอดและชีวิตนิรันดร์
 
ความรอดของพระเจ้าสมบูรณ์ได้โดย ไม่มีบัพติศมาของพระเยซูได้ไหม?
ไม่ได้
 
นานมาแล้วก่อนที่ผมจะเกิดใหม่ผมก็เช่นกันผมเคยเป็นคริสเตียนผู้ที่เชื่อในโลหิตบนไม้กางเขนและพระวิญญาณเพียงท่านั้น ผมเชื่อว่าพระองค์เสด็จมาโดยเป็นพระวิญญาณและสิ้น พระชนม์เพื่อผมบนไม้กางเขน เพื่อช่วยผมให้รอดจากบาปทั้งหมดผมเชื่อเพียงสองสิ่งนี้ และก็ยังอวดดีไปเทศนาให้กับประชาชนคนอื่นๆอีก
ผมเคยวางแผนที่จะเรียนศาสนศาสตร์เพื่อที่จะเป็นมิชชันนารีเพื่อที่จะทำงานและตายไปเพื่อจิตวิญญาณมากมายตามที่พระเยซูทรงทำ ผมได้วางแผนที่จะทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น
แต่เพราะผมเชื่อในเพียงสองสิ่งมันก็จึงยังต้องมีบาปติดค้างอยู่ในหัวใจของผมอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่สามารถเอาชนะโลกได้ ผมไม่สามารถเป็นอิสระจากบาปได้ เมื่อผมเชื่อในพระโลหิตและพระวิญญาณเพียงเท่านั้นผมก็ยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของผม
เหตุผลที่ผมยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของผม แม้ว่าผมเชื่อในพระเยซูแล้วนั้นก็คือผมไม่รู้จักเกี่ยวกับน้ำที่เป็นบัพติศมาของพระเยซู การปลด ปล่อยจากบาปของผมจึงไม่สมบูรณ์กระทั่งผมได้รับการไถ่บาปโดยความเชื่อที่สมบูรณ์ในน้ำของบัพติศมา พระโลหิตและพระวิญญาณเสีย ก่อน
เหตุผลที่ทำไมผมไม่สามารถที่จะเอาชนะบาปของเนื้อหนังได้ เพราะผมไม่รู้จักความ หมายของบัพติศมาของพระเยซู แม้กระทั่งตอนนี้ ประชาชนมากมายเชื่อในพระเยซูแต่ยังคงทำบาปของเนื้อหนังอยู่ พวกเขายังคงมีบาปในหัวใจของพวกเขาและพยายามอย่างไร้ประโยชน์ที่จะฟื้นฟูความรักครั้งแรกที่พวกเขามีต่อพระเยซู
พวกเขาไม่สามารถฟื้นฟูความหลงใหลของความกระตือรือร้นครั้งแรกของพวกเขาได้ เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับการชำระบาปของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยน้ำเลย พวกเขาไม่ได้ตระ หนักว่าบาปทั้งหมดของพวกเขานั้นได้ผ่านไปสู่พระเยซูในตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาและพวกเขาไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อของพวกเขาหลังจากมันตกลงไปแล้วได้อีก
ผมอยากจะทำให้สิ่งนี้ชัดเจนต่อทุกๆท่านว่าเราสามารถมีชีวิตอยู่ในความเชื่อได้ และสามารถเอาชนะโลกนี้ได้เมื่อเราเชื่อในพระเยซู อย่าง ไรก็ตามไม่ว่าเราจะมีข้อบกพร่องเพียงใด ไม่ว่าเราจะทำบาปในโลกนี้บ่อยเพียงใด ตราบเท่าที่เราเชื่อในพระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราผู้ทรงทำให้เราเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์โดยบัพติศมาและการหลั่งพระโลหิตของพระองค์แล้ว เราก็จะสามารถยืนได้อย่างมีชัยชนะ
อย่างไรก็ตาม หากเราเชื่อในพระเยซูโดยไม่มีน้ำของบัพติศมาของพระองค์แล้ว เราจะไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์ อัครสาวกยอห์น บอกเราว่า ความเชื่อที่เอาชนะโลกได้ คือความเชื่อในพระเยซู คริสต์ ผู้เสด็จมาโดยน้ำของบัพติศมา พระโลหิตและพระวิญญาณ
พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มาปลดปล่อยคนทั้งหลายที่เชื่อในบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปโดยบัพติศมาของพระองค์ พระเยซูผู้เป็นพระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้า เสด็จมาหาเราในพระวิญญาณในเนื้อหนังของมนุษย์ จากนั้นพระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปเหล่านั้น พระเยซูจึงทรงโปรดปลดปล่อยมนุษยชาติทั้งหมดให้พ้นจากบาป
ความเชื่อที่นำเราให้เอาชนะโลกได้นั้นมาจากความเชื่อในความจริงที่ว่า พระเยซูเสด็จมาหาเราโดยน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ ที่ทำให้เราเป็นอิสระจากบาปทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
หากไม่ได้น้ำของบัพติศมาและพระโลหิตบนไม้กางเขนแล้ว มันก็จะไม่มีความรอดแท้จริง หากไม่มีหนึ่งหรืออีกองค์ประกอบหนึ่งในทั้งสามนี้แล้ว มันจะไม่สามารถเป็นความรอดแท้จริงได้ ความรอดแท้จริงนั้นไม่สามารถบรรลุได้หากไม่มีน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ ดังนั้นเราต้องเชื่อในน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ จงรู้จักสิ่งนี้และท่านก็จะมีความเชื่อที่แท้จริง
 
 
ผมบอกท่านว่ามันไม่ใช่ความรอดแท้จริงถ้าไม่มีพยานจากน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ
 
อะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่เป็นพยานต่อความรอด?
น้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ
 
ผู้นั้นอาจจะคิดถึงคำถามข้างต้นนี้ “พระเยซูคือผู้ช่วยให้รอดของฉัน ฉันเชื่อในพระโลหิตบนไม้กางเขนและฉันต้องการพลีชีพเพื่อศาสนา ฉันเชื่อในพระเยซู แม้ว่าฉันมีบาปในหัวใจของฉันก็ตาม ฉันได้กลับใจใหม่อย่างขยันขันแข็งและทำงานอย่างหนัก ด้วยการทำตัวเป็นคนดี คนยุติธรรม และคนใจบุญ ฉันได้มอบชีวิตของฉันและสมบัติทั้งหมดของฉันให้กับพระองค์ ฉันจะไม่แต่งงาน พระเจ้าฉันจะแต่งงานได้อย่างไร? พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อฉัน พระเจ้าที่เคารพของพวกเราเสด็จมาในกายของมนุษย์และสิ้น พระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อพวกเรา ฉันวางใจในพระองค์ ฉันจะสละชีพเพื่อพระองค์และทำหน้าที่ของฉันด้วยความสัตย์ซื่อเพื่อพระองค์ แม้ว่าฉันจะไม่มีค่าและยังมีบาปอยู่ในใจของฉันอยู่ก็ตาม พระเยซูทรงส่งฉันไปนรกเพื่อเพื่อสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ? ไม่มีทางพระองค์ไม่ทำอย่างแน่นอน“
มีคนมากมายที่คิดในวิธีนี้ พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้ เมื่อคริสเตียนที่เชื่อแต่เพียงในนามเหล่านี้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูแต่ยังคงมีบาปอยู่ได้ตายไป พวกเขาจะไปที่ไหน? พวกเขาไปนรก พวกเขาเป็นเพียงคนบาปเท่านั้น!
พวกเขาคิดว่าเขาทำให้พระเจ้าพอพระทัยและเข้าใจไปเองว่าพระเจ้าต้องคิดเช่นเดียว กับพวกเขาพวกเขาจึงตกนรก ยิ่งไปกว่านั้นบางคนบอกว่าพระเยซูทรงชำระมลทินบาปเมื่อคราวที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ดังนั้นมันจึงไม่มีบาปอีกต่อไปในโลกนี้ อย่าง ไรก็ตามนี่เป็นการพูดถึงพระโลหิตและพระวิญญาณเท่านั้น นี่ไม่ใช่ความเชื่อที่นำมนุษย์ไปสู่การชำระบาปที่สมบูรณ์
เราควรจะเชื่อว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปของเราไปโดยบัพติศมาของพระองค์ ทรงรับการพิพากษาและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเรา และเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สามหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
หากไม่มีความเชื่อเช่นนั้นการชำระบาปที่สมบูรณ์ก็จะเป็นไปไม่ได้ พระเยซู คริสต์ทรงรับบัพติศมา ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย พระเยซู คริสต์เสด็จมาหาเราโดยน้ำ โลหิตและพระวิญญาณ พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป
มีพื้นฐานสำคัญอยู่สามสิ่งที่เป็นพยานต่อความรอดบนโลกนี้คือพระวิญญาณน้ำและพระโลหิต
สิ่งแรก ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์’ ที่เป็นพยานว่าพระเยซูคือพระเจ้าและว่าพระองค์เสด็จมาในเนื้อหนังของมนุษย์
สิ่งที่สองคือพยานของ’น้ำ’ น้ำคือบัพติศมาของพระเยซู ณ แม่น้ำจอร์แดนจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาที่ได้ผ่านบาปของเราไปสู่พระเยซู บาปทั้งหมดของเราได้ผ่านไปสู่พระองค์เมื่อตอนที่พระองค์รับบัพติศมา (มัทธิว 3:15)
สิ่งที่สามคือ’พระโลหิต’ ที่ยืนยันว่าพระเยซูทรงมีความรับผิดชอบที่จะยอมรับคำพิพากษาบาปของเราพระเยซูสิ้นพระชนม์โดยการยอมรับคำพิพากษาของพระบิดาของพระองค์เพื่อเราและทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายในวันที่สามเพื่อประทานชีวิตใหม่ให้แก่เรา
พระเจ้าพระบิดาทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสู่หัวใจของคนทั้งหลายที่เชื่อในบัพติศมาและโลหิตของพระบุตรของพระองค์เพื่อเป็นพยานต่อการชำระบาปของเรา
ผู้ที่เกิดใหม่จะได้รับพรที่จะเอาชนะโลกได้ ผู้ที่ได้รับการไถ่บาปจะเอาชนะซาตานได้ เอาชนะการถูกทิ้ง ให้เป็นผู้ประกาศที่ผิดหรือได้รับการความกดดันที่เข้ามากระทบไม่หยุดหย่อน เหตุผลที่เรามีพลังนี้คือเรามีพยานทั้งสามสิ่งนี้อยู่ในใจเรา คือน้ำของพระเยซู พระโลหิตของพระองค์ และพระวิญญาณ
 
เราเอาชนะโลกและซาตานได้อย่างไร?
โดยการเชื่อในพยานทั้งสามสิ่ง
 
เราเอาชนะซาตานได้ เพราะเราเชื่อในพระวิญญาณ น้ำและพระโลหิต คนทั้งหลายที่เชื่อในการรับบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู จะมีชัยชนะต่อการหลอกลวงของผู้พยากรณ์เท็จได้ ความเชื่อของเราตั้งอยู่ในน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณทำให้มีพลังที่จะเอาชนะได้ท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม?
ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้แต่ท่านยังจะไม่สามารถมีชัยเหนือโลกนี้ได้หากท่านไม่มีความเชื่อในการชำระบาปโดยบัพติศมาของพระเยซู พระโลหิตของพระองค์ และความเชื่อที่พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา มีความเชื่อเช่นนั้นในหัวใจของท่านไหม?
ท่านมีพระวิญญาณและน้ำในหัวใจของท่านไหม? ท่านเชื่อไหมว่าบาปทั้งหมดของท่านได้ผ่านไปสู่พระเยซูแล้ว? ท่านมีพระโลหิตของไม้กางเขนในหัวใจของท่านหรือไม่?
ท่านจะเอาชนะโลกได้ หากท่านมีความเชื่อในน้ำพระโลหิตของพระเยซูในหัวใจของท่าน หากท่านเชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อท่านและทรงรับเอาการพิพากษาไปเพื่อท่าน ท่านก็จะมีชัยชนะ
อัครสาวกยอห์นเอาชนะโลกนี้ได้ เพราะเขามีสิ่งสำคัญทั้งสามสิ่งนี้อยู่ในหัวใจของเขา เขาได้พูดถึงการชำระบาปกับพี่น้องของความเชื่อของเขาเช่นกัน ผู้ที่จะต้องทนต่ออุปสรรคและการทดสอบต่างๆในงานของตน เขาเป็นพยานว่านี่คือวิธีที่ท่านสามารถเอาชนะโลกได้เช่นกัน พระเยซูเสด็จมาโดยพระวิญญาณ น้ำและพระโลหิตตามที่พระองค์ทรงเอาชนะโลกนี้ได้ ดังนั้นความเชื่อก็จะสามารถเอาชนะโลกนี้ได้เช่นกัน นี่คือเป็นวิธีเดียวที่ความเชื่อจะเอาชนะโลกได้
ใน 1ยอห์น 5:8 ได้กล่าวว่า “มีพยานอยู่สามพยานในแผ่นดินโลก คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามนี้สอดคล้องกัน“ หลายคนยังคงกล่าวถึงพระโลหิตและพระวิญ ญาณอยู่ในขณะที่ข้ามน้ำของบัพติศมาของพระเยซูไป หากพวกเขาเอา ‘น้ำ’ ออกไปพวกเขาก็ยังคงถูกหลอกโดยซาตานอยู่ พวกเขาควรจะออกมาจากการหลอกตัวเองของตนและกลับใจใหม่ พวกเขาควรจะเชื่อใน’น้ำ’ของบัพติศมาของพระเยซู ของการเกิดใหม่
ไม่มีใครเอาชนะโลกได้โดยไม่เชื่อในน้ำและพระโลหิตของพระเยซูเลย ผมขอพูดอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีเลย! เราจะต้องต่อสู้ในการใช้น้ำและพระโลหิตของพระเยซูเป็นดุจอาวุธอันทรงพลังของเรา พระวจนะของพระองค์คือมีดดาบของพระวิญญาณและความสว่าง
ยังมีคนมากมายที่ยังไม่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซูที่ได้ชำระบาปทั้งหมดของเราออก ไป ยังมีคนมากมายผู้ที่เชื่อในสองสิ่งเพียงเท่านั้น ดังนั้นเมื่อพระเยซูทรงบอกพวกเขาให้ “จงลุกขึ้น ฉายแสง” พวกเขาก็ไม่สามารถจะฉายแสงได้เลยอีกต่อไป พวกเขายังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของเขา แม้ว่าพวกเขาเชื่อในพระเยซูพวกเขาก็ยังคงจบลงในนรกอยู่ดี
 
 
ข่าวประเสริฐของบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูควรจะได้มีพยานอย่างแน่นอน เพื่อที่ประชาชนทั้งหลายจะสามารถฟัง เชื่อ และรอดได้
 
ความเชื่อในบัพติศมาของพระองค์นั้น เป็นเพียงหลักศาสนาเท่านั้นใช่ไหม?
ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่หลักศาสนา นี่คือความจริง
 
เมื่อเราเป็นพยานต่อข่าวประเสริฐมันก็จะต้องถูกต้อง พระเยซูเสด็จมาโดยพระวิญ ญาณ โดยการรับบัพติศมา (ที่รับเอาบาปทั้งหมดของเราไป) และโดยพระโลหิต (ที่จ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดของเรา) เราจะต้องเชื่อในทั้งสามสิ่งนี้
หากเราไม่เชื่อแล้ว เราก็ไม่ได้กำลังประกาศข่าวประเสริฐอยู่แต่เราแต่ประกาศแต่เพียงศาสนาไปเพียงเท่านั้น คริสเตียนส่วนใหญ่คิดว่าคริสต์ศาสนาในปัจจุบันนี้เป็นเพียงศาสนาเท่านั้น แต่คริสต์ศาสนาไม่สามารถจะจัดว่าเป็นเพียงศาสนาเท่านั้นได้ มันเป็นความเชื่อของการชำระบาปที่สร้างขึ้นมาบนความจริงความเชื่อของการมองหาพระเจ้า มันไม่สามารถเป็นศาสนาได้เลย
ศาสนานั้นเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ ในขณะที่ความเชื่อ คือการมองหาความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้เรา นี่มันแตกต่างกัน หากท่านเพิกเฉยต่อความจริงนี้ ท่านก็จะจัดคริสต์ศาสนาให้เป็นเพียงศาสนาหนึ่งเหมือนกับศาสนาอื่นๆเพียงเท่านั้น และประกาศมันไปตามเรื่องของศีลธรรมจรรยาเพียงเท่านั้นเอง
พระเยซู คริสต์ไม่ได้เสด็จมาเพื่อก่อตั้งศาสนาในโลกนี้ พระองค์ไม่เคยก่อตั้งศาสนาที่เรียกว่าคริสต์ศาสนา ทำไมท่านเชื่อว่ามันคือศาสนาล่ะ? หากมันเป็นเหมือนกันทั้งหมดแล้วทำไมไม่เชื่อในศาสนาพุทธแทนล่ะ? ท่านคิดไหมว่าที่ผมกำลังกล่าวนี้มันผิดๆอยู่?
ประชาชนบางคนเชื่อในพระเยซูว่าเป็นหนทางแห่งชีวิตทางศาสนาเพียงเท่านั้น และก็จบลงด้วยการกล่าวว่า “อะไรคือความแตกต่าง? สวรรค์ หรือ นิพพาน ทั้งหมดมันเหมือนกันนั่นแหละ มันมีชื่อแตกต่างกันเพียงเท่านั้นเอง เราก็จะจบลงในที่ที่เดียวกันอยู่ดี”
ผู้ร่วมสามัคคีธรรมทั้งหลายเราควรจะยืนอย่างมั่นคงในความจริงเราควรจะ “ลุกขึ้น และฉายแสง”เราควรจะสามารถบอกความจริงได้โดยไม่มีลังเล
เมื่อบางคนกล่าวว่า “สิ่งนั้นไม่สามารถเป็นหนทางเดียวที่จะไปสวรรค์ได้” ท่านก็ควรจะกล่าวมันในโทนเสียงที่ชัดเจนว่า “ใช่! มันเป็นหนทางเดียวเพียงเท่านั้น คุณไปสวรรค์ได้เพียงเมื่อคุณเชื่อในพระเยซูคริสต์ผู้ที่เสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ ท่านควรจะฉายแสงให้สว่างเพื่อที่จิตวิญญาณอื่นๆจะต้องการรับฟังพระวจนะของการชำระบาปจะได้เกิดใหม่และจะได้ไปสวรรค์ได้
 
 
จงมีความเชื่อที่ถูกต้อง : คนรักที่ไม่ได้รับการชำระของพระเยซู ผู้ที่ไม่รู้จักการชำระบาปของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ก็จะตายไป
 
ใครจะตายไปหากแม้ว่าเขาหรือเธอ เชื่อในพระเยซูแล้วก็ตาม?
คนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
 
เพียงการอ้างว่าเชื่อในพระเยซูโดยปราศจากเหตุผลนั้นคือการมีความรักที่ไม่ได้รับการชำระของพระเยซูและมันเป็นทางลัดที่จะเป็นคริสเตียนเคร่งศาสนาเพียงเท่านั้น
เรือที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกได้อัปปางลงและเหลือผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนบนแพยาง พวกเขาจึงส่งสัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลือ แต่ทะเลที่บ้าคลั่งก็เป็นอุปสรรคในการเข้าช่วย เหลือพวกเขา จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็มาถึงและได้หย่อนเชือกลงมา หากชายคนหนึ่งจะโหนเชือกขึ้นไปด้วยมือข้างเดียวแทนการมัดมันกับตัวของเขาแล้ว มันก็จะเป็นเหมือนกับการตกลงไปสู่ความรักที่ไม่ได้รับการชำระกับพระเยซู เพราะเขาเชื่อในพระเจ้าตามความพอใจของเขา เขายังไม่รอดเลยแต่เขากล่าวว่า “ข้าพระองค์เชื่อแล้ว ได้โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์เชื่อแล้ว ดังนั้นข้าพระองค์คิดว่าคงรอดแล้วล่ะ”
ผู้นั้นไม่ได้ฟังไม่ได้เข้าใจความจริงของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระ องค์ที่เชื่อว่าเขาและเธอจะรอดได้ด้วยการยึดเชือกไว้เพียงเท่านั้น
แต่ตามที่เขาถูกดึงขึ้นไปมือของเขาก็จะอ่อนแรงลง ในการคว้าเชือกเขาก็จะคว้ามันไว้ตามกำลังของเขาได้เท่านั้นเอง และมันก็ไกลเกินไปที่จะไปถึงชายฝั่ง จนในที่สุดเขาก็ยึดเชือกเอา ไว้ไม่ได้ ในเมื่อเขาอ่อนกำลังลงเขาก็จะสูญเสียแรงยึดเชือกนั้นไว้และตกลงไปสู่ในมหาสมุทร
การมีความรักที่ไม่ได้รับการชำระกับพระเยซูก็เป็นเช่นนั้นแหละ หลายคนอาจจะกล่าวว่าพวกเขาเชื่อในพระเจ้าและเชื่อในพระเยซู กล่าวว่าพวกเขาเชื่อในพระเยซู พระองค์ผู้เสด็จมาโดยพระวิญญาณ แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเองพวกเขาไม่สามารถเชื่อได้อย่างแท้จริงและยังไม่สามารถอยู่ในข่าวประเสริฐที่สมบูรณ์ได้เลย ดังนั้นพวกเขาก็บังคับตัวเองให้กล่าวซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแหละว่าพวกเขา’เชื่อ’ในพระองค์แล้ว
การเชื่อและการพยายามที่จะเชื่อนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวกันพวกเขากล่าวว่าพวกเขาจะติดตามพระเยซูไปจนถึงที่สุด แต่พวกเขาก็จะถูกกำจัดไปในวันสุดท้ายเพราะบาปที่ยังคงติดอยู่ในหัวใจของพวกเขาอยู่นั่นเองพวกเขารักเยซูโดยไม่รู้ว่าพระองค์เสด็จมาโดยบัพติศมา โดยพระโลหิต และโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากพวกเขารักพระเยซูเพียงประโยชน์เพียงพระโลหิตของพระองค์เพียงเท่านั้นพวกเขาก็จะไปนรก
จงมัดจิตวิญญาณของท่านเข้ากับเชือกแห่งข่าวประเสริฐแท้จริงที่เป็นข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิต เมื่อพระเยซูทรงทิ้งเชือกของความรอดลงมา คนทั้งหลายที่มัดตัวเองเข้ากับน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณก็จะรอด
คนที่ช่วยเหลือในเฮลิคอปเตอร์ก็ตะโกนออกมาผ่านเครื่องขยายเสียงว่า “ได้โปรดฟังดีๆนะ เมื่อผมโยนเชือกลงไป ให้มัดมันไว้รอบอกของคุณ ใต้ท้องแขน และจากนั้นก็ให้อยู่นิ่งๆตรงนั้น อย่าโหนเชือกด้วยมือขึ้นมา ให้มัดไว้รอบอกของคุณแล้วก็ผ่อนคลาย แล้วคุณก็จะรอด”
คนแรกก็เชื่อตามคำแนะนำและมัดตัวของเขาเองกับเชือก และก็รอด แต่ชายอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ผมแข็งแรงมาก ผมได้ทำงานที่เฮลคลับแห่งหนึ่ง ดูสิ! คุณเห็นกล้ามของผมไหม? ผมโหนเชือกไปได้ไกลเป็นไมล์เลยนะ” แล้วเขาก็ยึดเชือกไว้ด้วยมือของเขาและเชือกก็ถูกดึงขึ้นไป
ชายทั้งสองคนนั้นถูกดึงขึ้นไปในตอนต้นเหมือนกันมันแตกต่างกันตรงที่ว่าคนที่ฟังคำแนะนำและมัดเชือกไว้รอบๆอกของเขาก็ถูกดึงขึ้นไปโดยไม่มีปัญหาใดๆเขาอาจจะหมดสติไปในตอนที่ขึ้นไปแต่เขาถูกดึงขึ้นไปโดยรอดอยู่ดี
ส่วนอีกคนหนึ่งที่มีความภาคภูมิใจ ในกำลังของเขาเองท้ายที่สุดเขาก็คว้าเชือกไว้ไม่ไหว เขาหมดแรง และเขาก็ตายไปเพราะเขาปฏิเสธที่จะฟังแล้วก็เพิกเฉยต่อคำแนะนำนั้น
เพื่อให้ได้รับการชำระบาปที่สมบูรณ์ ผู้นั้นจะต้องเชื่อในการชำระบาปของน้ำของบัพติศมาและพระโลหิตที่ได้ช่วยจิตวิญญาณทั้งหลายให้รอดจากบาป ความรอดนั้นมีให้ได้แก่คนทั้ง หลายที่เชื่อยังหมดใจในพระวจนะที่ว่า เราช่วยท่านให้รอดอย่างสมบูรณ์โดยบัพติศมาของเราที่รับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาและหลั่งโลหิตของเราจนตายบนไม้กางเขน”
คนทั้งหลายที่เชื่อในพระโลหิตเพียงอย่างเดียวกล่าวว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเชื่อ ฉันจะซาบซึ้งไปจนถึงช่วงชีวิตสุดท้ายเลยในพระโลหิตของพระเยซู ฉันเชื่อตามพระเยซูไปจนถึงที่สุดและความเชื่อของฉันในพระโลหิตเพียงเท่านั้นก็มากเพียงพอที่จะเอาชนะโลกและบาปทั้งหมดได้ในตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของฉัน”
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่เพียงพอต่อคนทั้งหลายที่พระเจ้าทรงยอมรับว่าให้เขาเป็นประชา ชนของพระองค์นั้น คือผู้ที่เชื่อในพยานทั้งสามสิ่งนี้ คือเชื่อว่าพระเยซูเสด็จมาโดยพระวิญญาณ (เชื่อว่าพระองค์ทรงรับบัพติศมาพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดไปโดยบัพติศมาพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดน) เชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดและเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สามนับจากที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
พระวิญญาณเสด็จมาสู่คนทั้งหลายที่เชื่อในทั้งสามสิ่งนี้และเป็นพยานต่อมันเพียงเท่า นั้น “ใช่เราเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน เราช่วยท่านโดยน้ำ และโลหิต เราเป็นพระเจ้าของท่าน”
พระเจ้าไม่ประทานความรอดรอดมาให้คนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในทั้งสามสิ่งนี้ หากแม้ว่าจะขาดไปสักอย่างหนึ่งก็ตามพระเจ้าก็จะตรัสว่า “ไม่ ท่านยังไม่รอด” เหล่าสาวกทั้งหมดของพระองค์เชื่อในทั้งสามสิ่งนี้ พระเยซูทรงกล่าวว่าบัพติศมาของพระองค์นั้นเป็นภาพที่รอดและว่าพระโลหิตคือการพิพากษา
 
 
อัครสาวกเปาโลและเปรโตต่างก็เป็นพยานต่อทั้งบัพติศมาและพระโลหิต ของพระเยซูเช่นกัน
 
เหล่าสาวกของพระเยซู เป็นพยานต่ออะไร?
บัพติศมามาของพระเยซู และพระโลหิตของพระองค์
 
อัครสาวกเปาโลได้กล่าวถึงบัพติศมาของพระเยซูไหม? ลองมาดูว่าเขากล่าวถึงบัพติศมาของพระเยซูไปกี่ครั้งแล้ว พระองค์ทรงกล่าวในโรม 6:3 ว่า “ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์“ และใน 6:5 ว่า “เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย“
พระองค์ตรัสในกาลาเทีย 3:27 ว่า “เพราะเหตุว่า ทุกคนในพวกท่านที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมชีวิตพระคริสต์“ อัครสาวกของพระเยซูทรงเป็นพยานต่อ’น้ำ’ ของบัพติศมาของพระเยซูว่า “เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย“ (1เปรโต 3:21)
 
 

ความรอดของการชำระบาปของพระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาโดยน้ำและพระโลหิตของพระเยซู

 
พระเจ้าทรงเรียกใครว่าคนชอบธรรม?
คนทั้งหลายที่ไม่มีบาปใดๆในหัวใจของพวกเขา
 
การชำระบาปที่พระเยซูประทานมาให้แก่มนุษย์ คือน้ำจากการรับบัพติศมาของพระเยซู และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนจากการชำระบาปนี้ เราจะลุกขึ้นและฉายแสงได้อย่างไร? ได้จากการเป็นพยานให้กับทั้งสามสิ่งนี้
“จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว! และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ขึ้นมาเหนือเจ้า“ (อิสยาห์ 60:1) พระเจ้าทรงฉายแสงสว่างมาที่เราและทรงบอกเราให้ฉายแสงสว่างด้วยเช่นกัน เราควรจะเชื่อฟังพระบัญชานั้น
เราได้ประกาศข่าวประเสริฐไปพร้อมกับกำลังของเราทั้งหมดที่มี อย่างไรก็ตามผู้คนมากมายยังคงไม่ได้ฟังมัน จงเชื่อในพระเยซูและท่านก็จะได้รับการชำระบาป ท่านจะเป็นคนชอบธรรม หากว่ายังคงมีบาปเหลือติดค้างอยู่ในหัวใจของท่าน ท่านยังไม่เป็นคนชอบธรรม ท่านยังไม่ได้เอาชนะชนะบาปของโลกนี้เลย
ถ้าไม่มีทางกำจัดบาปในหัวใจของท่านได้ หากท่านไม่เชื่อในน้ำของพระเยซู (บัพติศมาของพระเยซู) ท่านไม่มีทางหลีกเลี่ยงการพิพากษาได้ หากท่านไม่เชื่อในพระโลหิตของพระเยซู ท่านไม่มีทางรอดได้ หากท่านไม่เชื่อในพระเยซู คริสต์ผู้เสด็จมาโดยพระวิญญาณ ท่านไม่มีทางเป็นคนชอบธรรมได้อย่างสมบูรณ์ถ้าท่านไม่เชื่อในพยานทั้งสามสิ่งนี้
แค่ความชอบธรรมที่ไม่เพียงพอนำไปสู่ ‘ความชอบธรรมสมมุติ’ เพียงเท่านั้น ถ้ามีคนพูดว่าเขายังคงมีบาปอยู่แต่เขากลับคิดว่าเขาเป็นคนชอบทำ นั่นคือเขายังไม่ได้อยู่ในพระเยซู ทุกวันนี้คนบางคนพยายามที่จะแขวนการชำระบาปเอาไว้ที่ ‘ความชอบธรรมสมมุติ’ พวกเขาได้เขียนบทความที่ไร้ประโยชน์เอาไว้เป็นต้น
พระเจ้าจะทรงเรียกคนที่ยังมีบาปติดอยู่ในหัวใจของเขาว่าเป็นคนไม่มีบาปไหม? พระ องค์ไม่ทำเช่นนั้นแน่ พระองค์ทรงเลือกมันตามที่พระองค์ทรงเห็นมัน พระองค์เป็นผู้ทรงฤทธานุภาพแต่พระองค์ไม่ทรงกล่าวเท็จ ประชาชนไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของความชอบธรรม เราเรียกบางสิ่งที่’สะอาด’ เพียงเมื่อมันสะอาดเราไม่ได้กล่าวว่า’ชอบธรรม’เมื่อมันยังมีบาปอยู่ตรงนั้น
ท่านอาจจะคิดว่าท่านถูกเรียกว่าเป็นชอบว่าเป็นคนชอบธรรมโดยพระเยซู แม้ว่าท่านยังมีบาปอยู่ในหัวใจของท่านอยู่ก็ตาม แต่นั่นมันไม่ถูกต้อง
พระเยซูทรงเรียกเราเป็นคนชอบธรรมเพียงเมื่อเราเชื่อในพระองค์ ว่าพระองค์เป็นผู้ที่เสด็จมาโดยพระวิญญาณ โดยน้ำ (ที่พระองค์ทรงรับเอาบาปของเราไปในตอนที่เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมา) และโดยพระโลหิต (พระองค์ทรงเสด็จมาในเนื้อหนังและสิ้นพระชนม์เพื่อเรา )
คริสเตียนที่ร่วมสามัคคีธรรมทั้งหลาย ’ความชอบธรรมสมมุติ’ นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิตเลย ‘ความชอบธรรมสมมติ’ หรือ ‘ที่ถูกเรียกว่าคนชอบธรรม’ นั้นคือหลักศาสนาที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยมนุษย์เพียงเท่านั้น พระเจ้าทรงเรียกท่านว่าคนชอบธรรมไหมในเมื่อท่านมีบาปในหัวใจของท่าน? พระเจ้าไม่ทรงเรียกคนคนนั้นว่าคนชอบธรรมในเมื่อเขาหรือเธอมีบาปอยู่ในหัวใจของเขาหรือเธอคนนั้นอยู่ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเชื่อในพระเยซูอย่างขันแข็งเพียงใดก็ตามพระเยซูก็ไม่มีทางตรัสมุสาได้
ท่านยังคงคิดว่า พระองค์ทรงเรียกคนบางคนว่าเป็นคนชอบธรรมอยู่ไหมในเมื่อยังมีบาปอยู่ในหัวใจของเขาหรือเธออยู่? นั่นคือสิ่งที่ประชา ชนคิด ไม่ใช่พระเจ้า พระเจ้าทรงชังการมุสา พระองค์ทรงเรียกท่านว่าชอบธรรมอยู่ไหมในเมื่อท่านเชื่อใน ‘พระวิญญาณ’ และ’พระโลหิต’ เพียงเท่านั้น? ไม่มีทาง
จะมีคนประเภทหนึ่งที่พระเจ้าทรงเรียกว่าคนชอบธรรม พวกเขาคือคนทั้งหลายที่ไม่มีบาปใดๆอยู่ในหัวใจของพวกเขา พระองค์เพียงแต่ตระหนักถึงคนเหล่านั้นผู้ที่เชื่อในทั้งสามสิ่งนี้เท่านั้น คือที่ว่าพระเยซูคือพระเจ้าผู้เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนัง ทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์ แดน และทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อลบบาปทั้งหมดของเราออกไป
มีเพียงผู้ที่เชื่อในข่าวดีของการชำระบาปเท่านั้นที่จะได้รับการตระหนักว่าเป็นคนชอบธรรมจากพระเจ้าได้ พวกเขาเป็นผู้ที่มีความเชื่อที่ถูกต้อง พวกเขาเชื่ออย่างสมบูรณ์ในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเราพวกเขาเชื่อว่าพระเยซูเสด็จมาทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป ทรงรับการพิพากษาเพื่อเราด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
ทั้งหมดนี้สำเร็จออกมาจากความรักของพระเจ้า พระเยซูเสด็จมาจากสวรรค์และตรัสว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข“ (มัทธิว 11:28) พระองค์ทรงทำสิ่งนี้ด้วยการรับเอาบาปของเราไป
พระเจ้าจะไม่ทรงตระหนักถึงคนทั้งหลายที่เชื่อในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียว คนทั้งหลายที่เชื่อในพระโลหิตของพระเยซูเพียงอย่างเดียวยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของพวกเขาอยู่ ใครที่พระเยซูตระหนักว่าได้รับการชำระแล้ว?
ความเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู ในพระโลหิตของพระองค์ และในความจริงที่ว่าพระองค์คือพระเจ้านั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความรอดทั้งหมด “เรารับเอาบาปทั้งหมดของท่านไปแล้ว ในตอนที่เราลงมายังโลกนี้และรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเราเป็นพยานว่าบาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านมาสู่เราแล้ว เราจ่ายค่าจ้างของบาปบนไม้กางเขนแล้ว เราจึงได้ช่วยท่านให้รอดแล้ว”
สำหรับคนทั้งหลายที่เชื่อในทั้งสามสิ่งนี้ พระเยซูจะทรงกล่าวว่า “ใช่ท่านรอดแล้ว ท่านเป็นคนชอบธรรมและเป็นบุตรของพระเจ้า” ท่านรอดได้เช่นกันหากท่านเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู ในพระโลหิตของพระองค์และในพระวิญญาณร่วมกันทั้งหมด คนทั้งหลายที่เชื่อในพระโลหิตและพระวิญญาณเพียงเท่านั้นยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของพวกเขา
ในอาณาจักรของพระเจ้านั้นมีความจริงหนึ่งเดียวเพียงเท่านั้น นั่นก็คือความเที่ยงธรรม ความสัตย์ซื่อ ความรักและความเมตตา สิ่งนี้ไม่มีแม่เศษเสี้ยวของความเท็จเลย ความเท็จและความหลอกลวงจะไม่มีในสวรรค์
 
ใครคือผู้ที่กระทำความชั่วช้า?
ผู้ที่ไม่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
 
“เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้พยากรณ์ในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ?’” (มัทธิว 7:22)
พระเจ้าไม่มีทางตระหนักถึงงานของพระชาชนทั้งหลายที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกให้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระองค์ “เมื่อนั้นเราจะแจ้งแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา’“ (มัทธิว 7:23)
“ข้าพระองค์ถวายบ้านสองหลังให้พระองค์ ข้าพระองค์ถวายชีวิตของข้าพระองค์เพื่อพระองค์ พระองค์ได้ พระองค์ไม่ได้เห็นข้าพระองค์หรือ? ข้าพระองค์ไม่เคยปฏิเสธพระองค์กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของข้าพระองค์ พระองค์เห็นไหม?”
“ดังนั้น ท่านมีบาปในหัวใจของท่านไหม? “
“มี พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์มีเพียงเล็กน้อย”
“จงอยู่ห่างๆเราไว้! ไม่มีคนบาปที่ได้รับอนุญาติให้มาที่นี่ได้หรอก”
“แต่ข้าพระองค์ตายเพราะพลีชีพเพื่อศาสนาต่อความเชื่อในพระองค์ พระองค์เจ้าข้า!”
“พลีชีพเพื่อศาสนารึ มันแปลว่าอะไรกัน? ท่านได้ตายไปเพราะความดื้อเท่านั้นเอง ท่านยอมรับบัพติศมาและโลหิตของเราไหม? เราเป็นพยานในหัวใจของท่านไหมว่าท่านคือบุตรของเรา? ท่านไม่เชื่อในบัพติศมาของเราและเราไม่มีทางเป็นพยานว่าท่านคือบุตรของเราเลย และท่านยังจะยึดอยู่กับความเชื่อของตัวเองและตายไปเพื่อมันอยู่อีก เราเป็นพยานต่อท่านเมื่อใดกัน? ท่านนำมันมาด้วยตัวเอง ท่านรักและพยายามที่จะชำระบาปต้วยตัวท่านเอง ท่านเข้าใจไหม? ตอนนี้ก็ไปตามทางของท่านเถอะ“ 
พระเยซูทรงบอกให้เราลุกขึ้นและส่องแสง ประชาชนที่ได้รับการไถ่บาปอาจจะก้มตัวลงต่อหน้าคริสเตียนแต่เพียงในนามนี้ และผู้พยากรณ์มากมายหลายคนและก็ไม่สามารถส่องแสงสว่างได้เลย แต่เปลวไฟเล็กน้อยสามารถเริ่มต้นไฟใหม้ได้ หากผู้นั้นเริ่มต้นอย่างกล้าหาญและเป็นต่อพยานความจริง โลกทั้งโลกก็สว่างขึ้น
ในอิสยาห์ 60:1-2 กล่าวว่า “ จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ขึ้นมาเหนือเจ้า เพราะว่า ดูเถิด ความมืดจะคลุมแผ่นดินโลก และความมืดทึบจะคลุมชนชาติทั้งหลาย แต่พระเยโฮวาห์จะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า และเขาจะเห็นสง่าราศีของพระองค์เหนือเจ้า“
พระเจ้าทรงสั่งเราให้ลุกขึ้นและฉลายแสงเพราะความมืดของความเท็จ นั่นคือข่าวประ เสริฐเท็จได้ปกคลุมโลกทั้งโลกแล้ว มีเพียงคนทั้ง หลายที่เชื่ิอในพระเยซูเท่านั้นที่สามารถรักพระ องค์ได้ คนทั้งหลายที่พูดถึงความรักเพียงอย่างเดียวพูดถึงความรัก แต่ไม่มีทางรักพระองค์อย่างแท้ จริงได้เลยถ้าพวกเขาไม่เชื่อในความจริงทั้งหมด
 
 
มีสามสิ่งที่เป็นพยานต่อความรอดของคนบาป
 
อะไรเป็นพยานต่อความรอดในหัวใจของเรา ?
บัพติศมาของพระเยซู
 
“เพราะมีพยานอยู่สามพยานในสวรรค์ คือพระบิดา พระวาทะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพยานทั้งสามนี้เป็นองค์เดียวกัน“ พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้และพระองคทรงทำงานของพระองค์โดยน้ำและพระโลหิต พระอง์ทรงทำสิ่งนี้และช่วยเราให้รอด
“ถ้าเรายังรับพยานหลักฐานของมนุษย์ พยานหลักฐานของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่า เพราะนี่คือพยานหลักฐานของพระเจ้าซึ่งพระองค์ได้ทรงเป็นพยานถึงพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าก็มีพยานอยู่ในตัวเอง ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ได้กระทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา เพราะเขามิได้เชื่อพยานหลักฐานที่พระเจ้าได้ทรงเป็นพยานถึงพระบุตรของพระองค์และพยาน หลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรของพระเจ้าก็ไม่มีชีวิต“ (1ยอห์น 5:9-12)
ผู้ที่เกิดใหม่ได้รับคำพยานของมนุษยชาติ เราได้รับการตระหนักว่าเป็นคนชอบธรรมเมื่อผู้ที่เกิดใหม่ผู้ที่ได้รับการชำระบาปแล้ว ได้กล่าวถึงความจริงเกี่ยวกับการชำระบาปประชาชนไม่สามารถโต้เถียงได้ พวกเขาจึงยอมรับมัน พวกเขากล่าวว่าพวกเราเชื่ออย่างถูกต้องว่าเราอยู่ในความเชื่อที่ถูกต้องของเรา หากเราบอกพวกเขาว่าเราเกิดใหม่ได้อย่างไรจะไม่มีใครที่จะเป็นปฏิบัติต่อข่าวประเสริฐแท้จริงที่เราได้เป็นพยานหรอก พวกเขากล่าวว่าเราถูกต้องแล้วเราได้รับคำพยานของมนุษย์
แต่ข้อความนี้กล่าวเช่นกันว่า “ถ้าเรายังรับพยานหลักฐานของมนุษย์ พยานหลักฐานของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่า“ มันกล่าวว่า พยานหลักฐานของพระเจ้าก็คือของพระบุตรของพระองค์ด้วย ถูกต้องไหม? อะไรคือคำพยานหลักฐานของพระบุตรของพระบุตรของพระองค์? พยาน หลักฐานที่พระเจ้าทรงช่วยเรา ก็คือว่าพระเยซูเสด็จมาโดยพระวิญญาณโดยน้ำของการชำระบาปและโดยพระโลหิตบนไม้กางเขนพยานหลักฐานของพระเจ้าก็คือวิธีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดและการที่เราได้เป็นประชาชนของพระองค์ก็เพราะว่าเราเชื่อมัน
“ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าก็มีพยานอยู่ในตัวเอง ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ได้กระทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา เพราะเขามิได้เชื่อพยานหลักฐาน ที่พระเจ้าได้ทรงเป็นพยานถึงพระบุตรของพระองค์“
ข้อความนี้บอกเราอย่างถูกต้องว่าเราเป็นผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยแล้ว มันกล่าวว่าผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าได้เป็นพยานหลักฐานในตัวเอง ท่านมีพยานหลักฐานในหัวใจของท่านใหม ? มันอยู่ในหัวใจของท่านและของผมเช่นกัน พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้มาหาเรา (พระ องค์เสด็จมาในเนื้อหนังผ่านร่างกายของนางมารีโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์) เมื่อพระองค์มีพระชนม์ได้ 30 ปี พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปไว้ที่พระองค์ และด้วยบาปของเราทั้งหมดนี้ พระองค์จึงต้องรับการพิพากษาบนไม้กางเขนพระองค์ก็เป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งภายในสามวัน เพื่อ ที่จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้เราพระเยซูจึงทรงช่วยเราให้รอด
มันจะเกิดอะไรขึ้นหากพระองค์ไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย? พระองค์จะทรงเป็นพยานให้กับผมในสุสานได้อย่างไร? นั่นคือ เหตุผลที่พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของผม นี่คือสิ่งที่เราเชื่อ
เหมือนกับที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ว่าพระองค์ทรงช่วยเราโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์และเพราะว่าเราเชื่อ ท่านและผมจึงรอด พยานหลักฐานนั้นอยู่ในผมและอยู่ในท่านแล้ว การชำระบาปจึงไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อ’น้ำ’ ของบัพติศมาของพระองค์ได้เลย เราไม่มีข้ามสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงทำเพื่อช่วยเราให้รอดได้เลย
“เพราะสมควรแล้วที่เราจะกระทำสิ่งชอบธรรมทุกประการ” (มัทธิว 3:15) เราไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปแล้ว ณ แม่น้ำจอร์แดนเมื่อยอห์นให้บัพติศมาแก่พระองค์ การชำระบาปไม่มีทางที่จะปฏิเสธ ‘น้ำ’ ของบัพติศมาของพระเยซูได้เลย
 
 
ผู้ที่เชื่อที่ยังไม่ได้รับการชำระบาปนั้นจะปฏิเสธเรื่องการรับบัพติศมาของพระเยซูไปจนวาระสุดท้าย
 
ใครที่ทำให้พระเจ้าเป็นผู้ตรัสมุสา?
ผู้ที่ไม่เชื่อในการรับบัพติศมาของพระเยซู
 
มันช่างแม่นยำอะไรเช่นนี้เมื่ออัครสาวกยอห์นกล่าวว่า “ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า ก็ทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา” หากอัครสาวกยอห์นกำลังมีชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนนี้ เขาจะบอกอะไรกับเราผู้เป็นคริสเตียนในปัจจุบันนี้? เขาก็คงจะถามว่า ‘พระเยซูรับเราบาปของเราไปเมื่อตอนที่พระองค์รับบัพติศมา’ หรือไม่?
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาไม่ได้เป็นพยานต่อข่าวประเสริฐที่พระเยซูทรงชำระเราโดยการรับบัพติศมาของพระองค์หรอกหรือ? “บาปของท่านไม่ได้ผ่านไปสู่พระเศียรของพระเยซูและพระองค์ ไม่ได้เป็นพยานต่อบาปของท่านที่อยู่บนหลังของพระองค์ในตอนที่ทรงรับบัพติศมาจากเราหรือ?”เขาจึงได้เป็นพยานอย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อช่วยเราทั้งหมดให้รอดได้ (ยอห์น 1:19, 1 ยอห์น 5:4-8)
อีกนัยหนึ่ง คนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในพระเจ้าผู้ที่ไม่เชื่อในทุกๆสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อช่วยเราให้รอดได้ทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา เมื่อเรากล่าวว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปเมื่อตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา พวกเขากล่าวว่า “โอ้ ที่รัก! พระองค์ไม่สามารถจะรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปได้หรอก! พระองค์ทรงรับเอาไปแต่เพียงบาปดั้งเดิมไเท่านั้น ดังนั้นบาปประจำวันที่เราทำยังคงติดอยู่กับเรา”
ดังนั้นพวกเขาก็ยืนยันว่าพวกเขาจะต้องถวายการอธิษฐานกลับใจใหม่สำหรับบาปประจำวันของพวกเขา เพื่อที่จะให้ได้รับการชำระ นี่คือสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ท่านทั้งหมดเชื่ออย่างนี้เช่นกันไหม? ผู้ที่ไม่เชื่อว่าบาปของเราได้รับการชำระไปโดยการรับบัพติศมาของพระเยซูแล้วได้ทำให้พระเจ้าเป็นผู้ตรัสมุสา
 
 
พระเยซูทรงชำระบาปให้เราเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดเมื่อตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาและหลังพระโลหิตบนไม้กางเขน
 
ใครกำลังพูกโกหก?
ผู้ที่ไม่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซู
 
พระเยซูทรงรับบัพติศมาและทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด พระเจ้าทรงช่วยคนทั้งหลายที่เชื่อในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูให้รอด แต่ทรงละทิ้งคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อ พวกเขาจะไปนรก ดังนั้นไม่ว่าเราจะรอดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่เราเชื่อ พระเยซูทรงปลดปล่อยโลกนี้ให้พ้นจากบาป คนทั้งหลายที่เชื่อก็จะรอดและคนที่ไม่เชื่อก็จะยังไม่รอด เพราะว่าพวกเขาได้ทำให้พระเจ้าเป็นผู้ตรัสมุสา
ผู้คนไม่ได้ไปนรกเพราะความอ่อนแอของตัวเอง แต่เพราะการขาดความเชื่อ “ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ได้กระทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา“(1 ยอห์น 5:10) คนทั้งหลายที่ไม่เชื่อว่าบาปทั้งหมดของพวกเขาได้ผ่านไปสู่พระเยซู แล้วยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของพวกเขาอยู่พวกเขาไม่สามารถกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่มีบาป
ครึ่งหนึ่งผมได้พบกับผู้ช่วยบาทหลวงท่านหนึ่งและถามเขาว่า “ ท่านผู้ช่วยบาทหลวง บาปของท่านทั้งหมดหายไปไหมเมื่อท่านเชื่อในพระเยซู?”
“แน่นอนสิ มันหายไป“
“แล้วหลังจากที่พระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกนี่้ไปแล้ตรัสว่า ‘มันสำเร็จแล้ว’ ท่านก็รอดแล้ว ใช่หรือไม่?”
“ใช่ ผมรอดแล้ว”
“แล้วท่านก็จะต้องไม่มีบาป”
“ใช่ ผมไม่มีบาปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นหากท่านทำบาปอีกครั้ง?”
“เราก็เป็นเพียงมนุษย์ เราจะไม่ทำบาปอีกครั้งได้อย่างไรกัน? ดังนั้นเราจะต้องกลับใจใหม่และชำระบาปของเราทุกๆวัน”
ผู้ช่วยบาทหลวงท่านนี้ยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของเขาเพราะเขาไม่รู้จักความจริงของความรอดที่สมบูรณ์
ท่านผู้นี้ต่างก็เป็นผู้ที่ล้อเลียนพระเจ้าและทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา พระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้า ไม่ทรงสามารถชำระบาปทั้งหมดในโลกนี้ได้หรือ? น่าวิตกอย่างยิ่ง ถ้าไม่เยซูไม่ได้กำจัดบาปทั้งหมดไป แล้วพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของความรอดได้อย่างไร? พระองค์จะทรงบอกให้เราเชื่อในพระองค์ได้อย่างไร? ผมขอแนะนำไม่ให้ท่านทำเช่นนั้น!
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าจงอย่าเยาะเย้ยพระองค์ สิ่งนี้หมายความว่าจงอย่าทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสาและพยายามที่จะหลอกลวงพระ องค์ พระองค์ไม่ทรงเป็นเช่นเรา
อัครสาวกยอห์นบอกเราอย่างชัดเจนเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของการชำระบาป ผู้คนมาก มายไม่ต้องการที่จะเชื่อในสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทรงทำเพื่อเรา ความจริงก็คือว่าพระเยซูคริสต์เสด็จมาโดยน้ำ โลหิตและพระวิญญาณ
มีคริสเตียนอยู่สองกลุ่ม คือผู้ที่ไม่เชื่อตามที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวและสารภาพว่า ‘ฉันเป็นคนบาป’ และคนทั้งหลายที่เชื่อในทุกๆสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อพวกเขาและสารภาพด้วยความเชื่อว่า ‘ฉันเป็นคนชอบธรรม’ กลุ่มไหนที่ท่านคิดว่าพวกเขากำลังบอกความจริง?
คนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทรงทำคือ ผู้ที่ไม่ได้ยอมรับพยานหลักฐานของน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ พวกเขากำลังโกหก พวกเขามีความเชื่อผิดๆ ผู้ที่ไม่เชื่อได้ทำให้พระเจ้าเป็นผู้ตรัสมุสา
จงอย่าทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา พระเยซูเสด็จมาสู่แม่น้ำจอร์แดนและ (โดยการรับบัพติศมา ) จึงทำความชอบธรรมทั้งหมดให้สมบูรณ์ (เพื่อรับเอาบาปของโลกนี้ไป)
 
 
ผู้ที่ไม่เชื่อปฏิเสธบัพติศมาของพระเยซูและความบริสุทธิ์ของพระองค์
 
ซาตานและพญามารปฏิเสธอะไร?
บัพติศมาของพระเยซู
 
ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระองค์มีพยานหลักฐานในตัวเขา ผู้ที่เกิดใหม่เกิดใหม่เชื่อว่าบาปของเขาหรือเธอได้ผ่านไปสู่พระเยซูเมื่อตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาและเชื่อว่าเขาหรือเธอพ้นจากบาปแล้วโดยน้ำและพระโลหิตของพระเยซู คริสเตียนที่เกิดใหม่ทั้งหลายเชื่อว่าพระเยซูประสูติมายังโลกนี้โดยร่างกายของหญิงพรหมจรรย์มารีย์ เชื่อว่าพระองค์ทรงรับบัพติศมา ณ แม่ น้ำจอร์แดนก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
คนชอบธรรมมีพยานในหัวใจของพวกเขา ข้อพิสูจน์ของความรอดของเราก็คือความเชื่อของเราในพระเยซูผู้ที่เสด็จมาโดยน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ พยานอยู่ในตัวท่านเอง ผมแนะนำให้ท่านมีพยานในตัวของท่านเอง ผมกล่าวกับท่าน มันจะไม่ใช่ความรอดหากไม่มีคำพยานหรือข้อพิสูจน์ของความรอดภายในตัวท่าน
อัครสาวกยอห์นกล่าวว่า “ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าก็มีพยานอยู่ในตัวเอง“ (1 ยอห์น 5:10) การมีพยานคือการเชื่อในพระโลหิตบนไม้กางเขนเพียงเท่านั้นใช่หรือไม่? หรือเชื่อในน้ำแต่ไม่เชื่อในพระโลหิตใช่ไหม? ท่านควรจะเชื่อในทั้งสามสิ่งเพื่อที่จะได้รับการตระหนักจากพระเจ้า
เพียงเท่านั้นพระเยซูก็จะเป็นพยานต่อท่านว่า ‘ท่านรอดแล้ว’ ท่านกำลังกล่าวว่าท่านจะมีคำพยานหากท่านเชื่อเพียงสองในสามสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ? มันจะเป็นการเชื่อในพระเจ้าในวิธีของท่านเองน่ะสิ มันก็คงจะต้องเป็น ’พยานต่อตัวท่านเอง’
มีคนมากมายที่เป็นเช่นนี้ มีคนมากมายในโลกนี้ผู้ที่เชื่อเพียงสองในสามสิ่งนี้เพียงเท่านั้น พวกเขาเป็นพยานว่าพวกเขารอดแล้ว และเขียนหนังสือเกี่ยวกับมัน พวกเขาช่างคล่องแคล่วอะไรเช่นนี้! มันน่ารำคาญใจจัง! พวกเขาเรียกตัวเองว่า ‘ผู้เผยแพร่ข่าวดี’ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียง ‘ผู้เผยแพร่ข่าวดี’ เพียงเท่านั้นแต่เป็น ‘ศาสนา’ ด้วย พวกเขาไม่เชื่อใน ‘น้ำ’ แต่ยังคงโอ้อวดถึงความรอดของตัวเอง! พวกเขาอาจจะดูเหมือนว่ามีเหตุมีผลแต่พวกเขาไม่มีคำพยานของพระเจ้าในหัวใจของพวกเขาเลยมันเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้นเอง
ท่านจะเรียกมันว่าความรอดได้อย่างไร? มีเพียงผู้ที่เชื่อในพระเยซู ผู้เสด็จมาโดยพระวิญญาณ น้ำและพระโลหิตเท่านั้น ที่มีคำพยานของพระเจ้าและมนุษย์
อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “เพราะข่าวประเสริฐของเรามิได้มาถึงท่านด้วยถ้อยคำเท่านั้น แต่ด้วยฤทธิ์เดช และด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยความไว้ใจอันเต็มเปี่ยม“ (1 เธสะโลนิกา 1:5) ซาตานรู้สึกยินดีเมื่อผู้คนทั้งหลายเชื่อในพระโลหิตของพระเยซูแต่เพียงเท่านั้น “โอ พวกโง่เง่าเอ๋ย เจ้าถูกเราหลอกแล้ว ฮ่าๆๆ!” มีผู้คนมากมายที่เชื่อว่าเมื่อประชาชนสรรเสริญพระโลหิตของพระเยซูแล้ว ซาตานก็จะจากไป พวกเขาคิดว่าซาตานอาจจะกลัวไม้กางเขน แต่ท่านควรจะจำเอาไว้ว่าซาตานได้เพียงแต่แสดงละครเพียงเท่านั้น เราไม่ควรจะถูกมันหลอกอีกต่อไป
เมื่อปีศาจเข้าครอบครองมนุษย์ เขาก็อาจจะบ้าคลั่งและมีน้ำลายฟูมปาก มันไม่ยากที่จะต่อสู้กับปีศาจเพราะมันมีฤทธิ์เดชที่จะที่ให้มนุษย์ทำอะไรก็ได้ ปีศาจได้เพียงแต่ใช้สมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง พระเจ้าประทานฤทธิ์เดชทั้งหมดให้แก่ปีศาจนั้นยกเว้นฤทธิ์เดชที่จะฆ่าคน ปีศาจสามารถทำให้คนผู้นั้นตัวสั่นเหมือนกับใบแอสเพน และกรีดร้องและมีน้ำลายฟูมปากได้
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ ผู้ที่เชื่อก็ตะโกนว่า “จงไปให้พ้นเสียในนามของพระเยซู! จงไปเสีย!” และเมื่อชายผู้นั้นได้สติกลับคืนมาและกลับมาสู่ตัวตนของตัวเองแล้ว พวกเขาก็จะกล่าวกับเขาว่า พระโลหิตของพระเยซูนั่นเองที่มีฤทธิ์ช่วยเขา แต่นี่ไม่ใช่ฤทธิ์เดชของพระโลหิตของพระองค์ มันเป็น’การแสดง’ของปีศาจเพียงเท่านั้น
ซาตานจะกลัวผู้ที่เชื่อในพระเยซูเสียเป็นส่วนใหญ่ พระเยซูผู้ที่ได้ชำระเราให้สะอาดโดยพระโลหิตของพระองค์ ผู้ที่ทรงรับการพิพากษาเพื่อเราโดยพระโลหิตของพระองค์ และในวันที่สามก็ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ซาตานไม่สามารถอยู่รอบๆพยานของบัพติศมาของพระเยซูและความรอดของพระโลหิตได้
ตามที่ท่านทราบมาแล้วว่าบางครั้งมีบาทหลวงคาทอลิกได้ทำพิธีขับไล่ผีตามที่เราเคยเห็นกันมาแล้วเหมือนกับในภาพยนตร์เรื่อง ‘ลางบอกเหตุ’ บาทหลวงท่านนั้นถือไม้กางเขนที่ทำด้วยไม้และเขย่าไม้กางเขนอย่างแรง แต่ยังไงเสียเขาก็ตายอยู่ดี แต่บางคนที่ได้เกิดใหม่แล้วจะไม่พ่ายแพ้ไปเช่นนี้หรอก
ผู้ที่เชื่อที่เกิดใหม่พูดอย่างมั่นใจเกี่ยวกับพระโลหิตและน้ำของพระเยซู เมื่อปีศาจพยายามที่จะทรมาน เขาหรือเธอก็จะร้องขอต่อปีศาจว่า “คุณรู้ไหมว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปแล้ว” จากนั้นปีศาจก็จะหนีไป ปีศาจเกลียดที่จะอยู่รอบๆตัว ‘ผู้ที่เกิดใหม่’ หาก’ผู้ที่เกิดใหม่’เพียงแต่นั่งอยู่ที่นั่นปีศาจก็พยายามที่จะหลบหนีไปแล้ว มันมีการกล่าวว่าคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในพระเจ้าทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสาพวกเขาไม่เชื่อในคำพยานของพระบุตรของพระองค์คือพยานของน้ำและพระโลหิต
 
อะไรคือพยานของพระบุตรของพระเจ้า?
บัพติศมาของพระองค์, พระโลหิต และพระวิญญาณ
 
อะไรคือพยานของพระบุตรของพระเจ้า? ก็คือการที่พระองค์เสด็จมาโดยพระวิญ ญาณและทรงรับเอาบาปของเราไปโดยน้ำ พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปไว้ที่พระ องค์ และทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อเราทุกคน มันไม่ใช่การชำระบาปโดยน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณหรอกหรือ?
ประชาชนกล่าวเท็จต่อพระพักตร์พระเจ้าเพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อในข่าวประเสริฐแท้ จริงของน้ำและพระโลหิตที่เป็นข่าวประเสริฐของการชำระบาป ข่าวประเสริฐอื่นๆทั้งหมดนั้นเป็นเท็จ ความเชื่อของพวกเขานั้นเป็นเท็จ และพวกเขาก็เผยแพร่ข่าวประเสริฐเท็จเหล่านี้ไปอย่างไร้ประโยชน์
ลองกลับไปดูที่ 1 ยอห์น 5 วรรคที่ 11 กัน “และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์“ มันบอกเราว่าพระเจ้าประทานชีวิตนิรันดร์มาให้เรา และชีวิตนั้นอยู่ในผู้ที่ได้รับมัน ชีวิตนี้อยู่ในพระบุตรของพระองค์เช่นกัน
คนทั้งหลายที่ได้รับชีวิตนิรันดร์นั้นเป็นผู้ที่ได้รับการชำระแล้ว ด้วยการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ผู้ที่ได้รับการชำระแล้วจะได้รับชีวิตนิรันดร์และมีชีวิตอย่างเป็นนิรันดร์ท่านได้รับชีวิตนิรันดร์แล้วหรือยัง?
ในวรรคที่ 12 ได้กล่าวว่า “ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรของพระเจ้าก็ไม่มีชีวิต“ อีกนัยหนึ่งเขาพูดที่เชื่อในสิ่งต่างๆที่พระบุตรทรงทำในโลกนี้คือการรับบัพติศมาของพระ องค์ การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและการเป็นขึ้นมาจากความตายจะมีชีวิตนิรันดร์ แต่ผู้ที่มอง ข้ามไปแม้เพียงหนึ่งเดียวจากทั้งสามสิ่งนี้จะไม่มีชีวิตหรือจะไม่ได้รับการชำระ
อัครสาวกยอห์นจำแนกข่าวประเสริฐของพระเจ้าไว้บนพื้นฐานของความเชื่อของพวกเขาในสิ่งต่างๆที่พระเยซูทรงทำคือน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณสิ่งเหล่านี้บอกเราว่า ไม่ว่าพวกเขาจะมีพระวจนะอยู่ในพวกเขาหรือไม่ เขาก็ถูกจัดให้เป็นผู้ได้รับชำระจากความเชื่อของพวกเขาในน้ำของบัพติศมาของพระเยซู ในพระโลหิตของพระองค์และในพระวิญญาณ
 
 
คนทั้งหลายที่ยังไม่ได้เกิดใหม่ไม่สามารถแยกแกะออกจากแพะได้
 
ผู้ใดสามารถแยกผู้ที่ได้รับการชำระบาป ออกจากผู้ที่ยังไม่ได้ชำระบาปได้ ?
ผู้ที่ได้เกิดใหม่
 
อัครสาวกยอห์นระบุอย่างชัดเจนว่า คนชอบธรรมเป็นผู้ที่ได้รับการชำระบาปแล้ว อัครสาวกเปาโลก็ทำเช่นกัน คนรับใช้ของพระเจ้าจะสามารถแยกแยะระหว่างแกะและแพะได้อย่างดีที่สุดได้อย่างไร? พวกเขาสามารถแยกแยะคนรับใช้ของพระเจ้าแท้จริง ออกจากพวกเสแสร้งได้อย่างไร? คนทั้งหลายที่ได้รับชำระแล้วโดยการเชื่อในน้ำและพระโลหิตของพระเยซูจะได้พลังให้เห็นได้
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นศิษยาภิบาล หรือผู้เผยแพร่ศาสนา หรือแม้กระทั่งผู้อาวุโส หากเขาไม่ได้รับการจัดให้เป็นผู้ได้รับการชำระแล้ว หรือหากเขาไม่สามารถแยกแยะระหว่างแกะและแพะได้ เขาก็ไม่ใช่ผู้เกิดใหม่และเขาก็ไม่มีชีวิตอยู่ในตัวเขาเอง แต่คนทั้งหลายที่ได้เกิดใหม่อย่างแท้จริงสามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนถูกต้อง คนทั้งหลายที่ไม่มีชีวิตจะไม่สามารถเห็นความแตกต่างได้และไม่สามารถยอมรับมันได้
แม้ว่าเราจะไม่สามารถแยกแยะสีในที่มืดได้ แต่สีเขียวก็ยังเป็นสีเขียวและสีขาวก็ยังเป็นสีขาว แต่หากท่านปิดตาของท่านท่านก็จะไม่สามารถมองเห็นหรือยอมรับสีได้สีต่างๆได้
แต่คนทั้งหลายที่เปิดตาของเขาจะสามารถตระหนักได้ในสีแม้กระทั่งความแตกต่างเล็กน้อยในสีพวกเขาสามารถบอกได้ว่าสีไหนคือสีเขียวและสีไหนคือสีขาว คล้ายกันนี้ มันก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผู้ที่ได้รับการชำระแล้วและคนทั้งหลายที่ยังไม่ได้รับการชำระด้วยเช่นกัน
เราจะต้องประกาศข่าวประเสริฐของการชำระบาป ที่เป็นข่าวประเสริฐของน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณไป เราจะต้องลุกขึ้นและฉายแสง เมื่อเรารวบรวมผู้คนรอบๆตัวเราให้มาเผยแพร่ความเชื่อแท้จริงไป เราไม่สามารถกล่าวด้วยคำพูดของมนุษย์ได้ ในพระคัมภีร์ไบเบิล 1 ยอห์น 5 อธิบายถึงความหมายของมันไว้ เราควรจะอธิบายมันไปทีละขั้นทีละตอนเพื่อที่จะไม่มีความสับสนเกิดขึ้น
พระวจนะที่เรากำลังไปประกาศอยู่นั่นคือพระวจนะของน้ำ พระโลหิตและพระวิญ ญาณของพระเยซูคือความสว่างของการชำระบาปนั่น เอง เพื่อทำให้ ’น้ำ’ของพระเยซูเป็นที่เป็นที่รู้จักต่อผู้คน เราจะต้องฉายแสงสว่าง เพื่อที่จะทำให้ ‘พระโลหิต’ของพระเยซูเป็นที่รู้จักก็จะต้องฉายแสงสว่าง เราจะต้องทำให้มันชัดเจนเพื่อที่ว่าจะไม่มีใครในโลกนี้ที่จะไม่รู้จักความจริงนี้
หากผู้ที่เกิดใหม่ไม่ได้ลุกขึ้นและส่องแสงผู้คนมากมายก็จะตายโดยไม่ได้รับการชำระบาป และพระเจ้าก็จะไม่พอพระทัย พระองค์ก็จะทรงเรียกเราว่าคนรับใช้ที่เกียจคร้านเราจะต้องประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิตของพระเยซูออกไป
เหตุผลที่ทำไมผมพูดย้ำอยู่กับตัวเองอยู่หลายๆครั้งก็คือเพราะการรับบัพติศมาของพระเยซูนั้นมีความสำคัญต่อความรอดของเราเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเรากล่าวกับเด็กๆเราก็จะต้องอธิบายสิ่งต่างๆหลายๆครั้งจะต้องผ่านไปในทุกๆจุดเพื่อที่ว่าเราจะมั่นใจได้ว่าพวกเขาเข้าใจ
หากเราพยายามที่จะสอนคนที่ไม่รู้หนังสือเราก็อาจจะเริ่มต้นด้วยตัวอักษรก่อน จาก นั้นเราก็จะค่อยๆสอนเขาถึงวิธีเขียนคำด้วยตัวอักษรเหล่านั้น เมื่อเขาสามารถสร้างคำได้อย่างเช่นคำว่า ‘การลงโทษ’ เราก็จะเริ่มต้นอธิบายความหมายของคำเหล่านั้นไป นี่คือวิธีที่เราควรจะพูดกับผู้คนเกี่ยวกับพระเยซูเพื่อที่จะมั่นใจว่าพวกเขาเข้าใจอย่างแท้จริง
เราควรจะอธิบายบัพติศมาของพระเยซูอย่างชัดเจน พระองค์เสด็จมายังโลกนี้โดยน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณ ผมอธิษฐานว่าท่านจะเชื่อในพระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่านและได้รับการชำระบาป
การชำระโดยน้ำและพระวิญญาณเกิดขึ้นมาจากความเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู ในพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนและจากความเชื่อที่ว่าพระเยซูคือพระเจ้า พระองค์ผู้ช่วยให้รอดของเรา