Search

Khotbah-Khotbah

เรื่องที่ 11: พลับพลา

[11-1] ความรอดของผู้มีบาปที่เปิดเผยในพลับพลา (อพยพ 27:9-21)

ความรอดของผู้มีบาปที่เปิดเผยในพลับพลา
(อพยพ 27:9-21)
“เจ้าจงสร้างลานพลับพลา ให้รั้วด้านใต้มีผ้าบังลานนั้นทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดยาวหนึ่งร้อยศอก ให้มีเสายี่สิบต้นกับฐานทองสัมฤทธิ์รองรับเสายี่สิบฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้น ให้ทำด้วยเงิน ทำนองเดียวกัน ด้านทิศเหนือให้มีผ้าบังยาวร้อยศอก เหมือนกันกับเสายี่สิบต้น และฐานทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้น ให้ทำด้วยเงิน ตามส่วนกว้างของลานด้านตะวัน ตก ให้มีผ้าบังยาวห้าสิบศอก กับเสาสิบต้น และฐานรองรับเสาสิบฐาน ส่วนกว้างของลานด้านตะวัน ออก ให้ยาวห้าสิบศอก ผ้าบังด้านริมประตูข้างหนึ่งให้ยาวสิบห้าศอก มีเสาสามต้น และฐานรองรับเสาสามฐาน อีกข้างหนึ่งให้มีผ้าบังยาวสิบห้าศอก มีเสาสามต้น และฐานรองรับเสาสามฐาน ให้มีผ้าบังตาที่ประตูลานยาวยี่สิบศอก ผ้าสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด ประกอบด้วยฝีมือของช่างด้ายสี กับเสาสี่ต้นและฐานรองรับเสาสี่ฐาน เสาล้อมรอบลานทั้งหมด ให้มีราวสำหรับยึดเสาให้ติดต่อกันทำด้วยเงิน และให้ทำขอด้วยเงิน ฐานรองรับเสานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ด้านยาวของลานนั้นจะเป็นร้อยศอก ด้านกว้างห้าสิบศอก สูงห้าศอก กั้นด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และมีฐานทองสัมฤทธิ์ เครื่องใช้สอยทั้งปวงของพลับพลาพร้อมทั้งหลักหมุดของพลับพลา กับหลักหมุดสำหรับรั้วที่กั้นลานทั้งหมด ให้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ เจ้าจงสั่งชนชาติอิสราเอลให้นำน้ำมันมะกอกเทศบริสุทธิ์ที่คั้นไว้นั้นมาสำหรับเติมประทีป เพื่อจะให้ประทีปนั้นส่องสว่างอยู่เสมอ ในพลับพลาแห่งชุมนุมข้างนอกม่านซึ่งอยู่หน้าหีบพระโอวาท ให้อาโรนและบุตรชายของอาโรน ดูแลประทีปนั้นอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ตั้งแต่เวลาพลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า ให้เป็นกฎเกณฑ์เนืองนิตย์ที่ชนชาติอิสราเอลต้องปฏิบัติตามชั่วอายุของเขา “ 

รั้วของลานพลับพลาวัดได้ 100 ศอก ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้วัดศอกตามความยาวที่วัดจากข้อศอกของผู้หนึ่งไปถึงปลายนิ้วของตน มาตราวัดในปัจจุบันนี้ก็ประมาณ 45 ซ.ม. (18 นิ้ว) ดังนั้นรั้วของลานพลับพลาที่ยาว 100 ศอกก็หมายความว่ามันยาวประมาณ 45 เมตร (150 ฟุต) และที่กว้าง 50 ศอกก็หมายความว่ามันกว้างประมาณ 22.5 เมตร (75 ฟุต) ดังนั้นนี่จึงเป็นขนาดของบ้านที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในหมู่ผู้คนชาวอิสราเอลในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่า
 

ลานด้านนอกของพลับพลานั้นล้อมด้วยรั้ว
 
ลานด้านนอกของพลับพลานั้นล้อมด้วยรั้ว
ท่านเคยเห็นรูปจำลองของพลับพลาในรูปหรือภาพวาดใดๆไหม? กล่าวโดยกว้างๆแล้ว พลับพลานั้นได้แบ่งเป็นลานและตัวพลับพลาเอง ซึ่งเป็นบ้านของพระเจ้า ในพลับพลาที่เป็นบ้านของพระเจ้านี้ เรียกว่า สถานบริสุทธิ์ ที่ มีผ้าบังตาสีต่างๆกัน: คือผ้าป่านเนื้อละเอียดและผ้าทอด้วยด้ายย้อมสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้ม ; และผ้าที่ทำด้วยขนแพะ; ทำด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง: และ คลุมด้วยหนังตัวแบดเจอร์ 
ทางด้านตะวันออกของพลับพลาก็พบประตูทางเข้า มีผ้าบังสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด เมื่อเข้าไปสู่ประตูนี้ เราก็จะได้เห็นแท่นบูชาและขันทองสัมฤทธิ์ เมื่อผ่านขันไปแล้วเราก็จะได้เห็นพลับพลา พลับพลาแบ่งเป็นที่บริสุทธิ์และที่บริสุทธิ์ที่สุดที่ได้พบหีบพระโอวาท รั้วของลานพลับพลาสร้างด้วยเสา 60 ต้นเพื่อแขวนผ้าป่านสีขาว อีกนัยหนึ่งในตัวของพลับพลาเอง ก็มีไม้กรอบ 48 แผ่นและมี เสา 9 ต้น อย่างน้อยเราต้องได้เห็นภาพภายนอกของพลับพลาก่อนเพื่อที่ จะสามารถเข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสกับเราผ่านรูปแบบนี้ได้ 
พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในพลับพลาที่สร้างขึ้นด้วยไม้กรอบ 48 แผ่น พระเจ้าทรงแสดงพระ องค์ต่อชาวอิสราเอลด้วยหมอกควันกลางวันและกลางคืนเหนือพลับพลา และภายในสถานบริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่นั้นก็เป็นสถานที่ที่เต็มได้ด้วยพระสง่าราศีของพระเจ้า ภายในสถานบริสุทธิ์นี้เป็นโต๊ะของขนมปังหน้าพระพักตร์ , คันประทีป และแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม และข้างในที่ที่บริสุทธิ์ที่สุดก็มีหีบพระโอวาทและพระที่นั่งกรุณาอยู่ สถานที่เหล่านี้ถูกจำกัดให้ปุโรหิตและมหาปุโรหิตเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปสู่ระบบของพลับพลาได้ ดังที่ได้เขียนเอาไว้ว่า “ เมื่อจัดสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้อย่างนั้นแล้ว พวกปุโรหิตก็เข้าไปในพลับพลาห้องที่หนึ่งทุกครั้งที่ปรนนิบัติพระเจ้า แต่ห้องที่สองนั้นมีมหาปุโรหิตผู้เดียวเท่านั้น ที่เข้าไปได้ปีและครั้ง และต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตัว เอง และเพื่อความผิดของประชาชนด้วย “ (ฮีบรู 9:6–7) นี่บอกเราว่าในยุคปัจจุบันนี้ มีเพียงผู้ที่มีความเชื่อทองที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตร่วมกับพระเจ้าในขณะที่รับใช้พระองค์ได้ 
อะไรคือความหมายของสถานที่ของขนมปังบนโต๊ะของขนมปังหน้าพระพักตร์? หมาย ความถึงพระวจนะของพระเจ้านั่นเอง แล้วแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมหมายถึงอะไร? มันบอกเราถึงการอธิษฐานข้างในที่ที่บริสุทธิ์ที่สุดได้วางหีบไว้ มีเครูปทองที่กางปีกไว้ปกพระที่นั่งกรุณาและให้หันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา นี่เป็นพระที่นั่งกรุณาที่พระเจ้าทรงประทานให้ ข้างในหีบพระโอวาทที่มีหินจารึกพระบัญญัติสิบประการสลักเอาไว้และมีโถที่บรรจุมานาเต็มตั้งอยู่ หีบนั้นหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ (พระที่นั่งกรุณา) และข้างบนนั้นก็มีเครูปที่มองตรงลงมายังพระที่นั่งกรุณา 
 

เหล่าผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปนั้นอยู่ที่ไหน? 
 
สถานที่ที่เหล่าผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปอยู่ก็คือข้างในที่บริสุทธิ์นั่นเอง ที่บริสุทธิ์นั้นสร้างขึ้นจากไม้กรอบ 48 แผ่นที่หุ้มด้วยทอง ลองคิดถึงว่าเมื่อท่านมองดูกำแพงทอง 48 แผ่นนั้นจะอร่ามเรืองรองสักเพียงใด? ภายในของที่บริสุทธิ์นี้และเครื่องมือเครื่องใช้ทั้ง หมดที่ทำขึ้นจากทองบริสุทธิ์มันจะส่องแสงอร่ามเรืองรอง 
แท่นเผาบูชาและขันด้านนอกของพลับพลาก็ทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ และรั้วของลานก็สร้างขึ้นด้วยเสาที่หุ้มด้วยเงินและผ้าป่านเนื้อดี ในทางตรงกันข้าม เครื่องใช้ไม้สอยของในที่บริสุทธิ์นั้นทำด้วยทอง ; คันประทีปก็ทำด้วยทอง และแม้แต่โต๊ะของขนมปังหน้าพระพักตร์ ของทุกชิ้นในที่บริสุทธิ์และผนังสามด้านก็ทำด้วยทอง ข้างในของที่บริสุทธิ์จึงมักจะส่องสว่างแพรวพราวไปด้วยแสงทองเสมอ 
การที่ภายในของที่บริสุทธิ์นั้นส่องแสงแพรวพราวด้วยแสงทองก็ได้บอกเราว่าเหล่าวิสุทธิชนที่รอดได้มีชีวิตของการมีชีวิตอยู่อย่างล้ำค่าด้วยความเชื่ออยู่ภายในคริสตจักรของพระเจ้านั่นเอง เหล่าวิสุทธิชนที่มีชีวิตอยู่ในความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณก็เหมือนกับทองคำบริสุทธิ์ที่ได้พบในที่บริสุทธิ์นั่นเอง ชีวิตดังเช่นเหล่าวิสุทธิชนที่มีชีวิตอยู่ภายในสถานบริสุทธิ์นั้นได้รับพระพรของชีวิตที่ได้ดำรงอยู่ในคริสตจักร ได้รับพระวจนะของพระเจ้า อธิษฐานและสรร
เสริฐต่อพระองค์ และได้ไปอยู่ต่อหน้าพระบัลลังค์ของพระเจ้าและได้สวมพระสิริของพระองค์ทุกวันตลอดทั่วทั้งคริสตจักร นี่คือชีวิตของความเชื่อภายในสถานบริสุทธิ์ ท่านจะต้องรับมันเข้าสู่หัวใจของท่านว่าคนชอบธรรมผู้ที่รอดผ่านข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณสามารถมีชีวิตอยู่อย่างล้ำค่าของความเชื่อได้ในสถานบริสุทธิ์ 
 

พระเจ้าทรงแบ่งด้านในและด้านนอกของสถานบริสุทธิ์อย่างชัดเจน 
 
ก็เหมือนกับที่บ้านต่างก็มีรั้วของลานพลับพลาก็มีรั้วที่สร้างขึ้นด้วยเสา 60 ต้นด้วยและล้อม รอบด้วยผ้าป่านสีขาวเนื้อละเอียด ทางด้านตะวันออกของลานก็มีประตูทางเข้าที่มีผ้าบังตาสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละอียดที่วัดความกว้างได้ 9 เมตร (30 ฟุต) 
ในการศึกษาพลับพลา เราจะต้องตระหนักอย่างชัดเจนว่าความเชื่อที่งดงามที่พระเจ้าทรงต้องการจากเรานั้นเป็นเช่นใด, ว่าความเชื่อชนิดใดเป็นความเชื่อของผู้ที่รอด และพระผู้เป็นเจ้าของเราจะสามารถช่วยเราให้รอดผ่านสิ่งของต่างๆที่ใช้สำหรับพลับพลาได้อย่างไร ในการเรียนรู้ว่าอะไรคือทองคำและความเชื่อที่งดงามที่เข้ายึดครองภายในสถานบริสุทธิ์ อันดับแรกเราต้องดูอย่างระมัด ระวังที่ขันทองสัมฤทธิ์, ที่แท่นเผาบูชา และที่รั้วและทุกอย่างที่ใช้เพื่อของเหล่านี้ว่าเป็นที่นอกลานของพลับพลาในการทำเช่นนี้เราจะสามารถพบว่าความเชื่อเช่นใดที่เราจะสามารถเข้าไปสู่สถาน บริสุทธิ์ที่อร่ามเรืองรองได้ 
อะไรคือด้านนอกของลานของพลับพลา? ก็คือขันทองสัมฤทธิ์และแท่นเผาบูชานั่นเอง และ มันล้อมรอบด้วยเสาไม้ 60 ต้น และบนเสาก็แขวนผ้าป่านเนื้อดีเพื่อเป็นรั้วของลานด้วย เสาของรั้วนี้ ทำจากไม้กระถินเทศที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบาเสาที่ทำจากไม้นี้มีความสูงประมาณ 2.25เมตร(7.5 ฟุต) ซึ่งทำให้ทำให้คนจากภายนอกรั้วของลานด้านนอกที่มีความสูงโดยทั่วไปไม่สามารถแอบมองเข้ามาภายในพลับพลาได้หากใครบางคนก้าวเข้ามาดูอย่างพินิจพิจารณาก็อาจจะมองเห็นข้างในลานได้และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็ไปไม่ได้ที่จะแอบมองข้างใน สิ่งนี้บอกเราว่าเราไม่สามารถเข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้โดยความพยายามของมนุษย์เอง 
ฐานรองรับเสาของลานด้านนอกเป็นฐานทองสัมฤทธิ์ และทางด้านบนเป็นขอติดเสาและราวยืดเสาที่ทำด้วยเงิน เสาไม่สามารถตั้งด้วยตัวเองจึงมีราวยึดเสาเงินเพื่อให้เสาตั้งอยู่ได้และยึดกันไว้ ขอติดเสาเงินได้คลุมเสาไว้เพื่อให้เสาได้ถ่วงดุลด้านตรงข้ามกันได้ยึดเข้ากับหลักหมุดทองสัม ฤทธิ์ (อพยพ 35:18) 
 
 

สิ่งที่ใช้สำหรับทำประตูทางเข้าลานหน้าพลับพลาคืออะไร?

ประตูลานสิ่งที่ใช้สำหรับทำประตูทางเข้านั้นเป็นสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด ความสูงของประตูคือ 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) และมันกว้างประมาณ 9 เมตร (30 ฟุต) มันเป็นผ้าป่านย้อมสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี ที่แขวนอยู่บนเสาทั้งสี่เสา ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ผู้ ใดก็ตามพยายามเข้าไปสู่ลานหน้าพลับพลา เขาหรือเธอก็จะสามารถพบประตูทางเข้าได้โดยง่าย 
วัตถุดิบของด้ายย้อมสีฟ้า, สีม่วง, และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดที่ใช้สำหรับทำประ ตูได้แสดงว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดจากความผิดบาปทั้งหมดของเราผ่านพระราชกิจทั้งสี่อย่างของพระบุตรของพระองค์พระเยซู เสาไม้ 60 เสาและผ้าป่านเนื้อละเอียดของรั้วของลานหน้าพลับพลาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านวิธีที่พระเจ้าจะช่วยท่านให้รอดจากความผิดบาปโดยพระบุตรของพระองค์พระเยซู 
อีกนัยหนึ่ง พระเจ้าทรงเปิดเผยความลับของความรอดของเราอย่างชัดเจนผ่านพระตูทางเข้าด้านนอกของลานหน้าพลับพลาเราลองไปดูในสิ่งที่ใช้สำหรับทำประตูของลานหน้าพลับพลากันอีก ครั้งหนึ่ง : ด้ายย้อมสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดด้ายทั้งสี่ มีความสำคัญสำหรับเราในการรอดโดยการเชื่อในพระเยซู หากวัตถุดิบเหล่านี้ไม่มีความสำคัญ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็จะไม่บันทึกมันเอาไว้ในรายละเอียดเช่นนี้ 
ทุกสิ่งที่ใช้สำหรับทำประตูทางเข้าของลานพลับพลานั้นมีความจะเป็นอย่างยิ่งสำหรับพระเจ้าในการช่วยท่านและผู้เขียนให้รอด อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าประตูนั้นเป็นผ้าป่านสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้า และผ้าป่านเนื้อละเอียดอย่างดีนั้นมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยผู้มีบาปให้รอดของพระเจ้า เพราะว่าด้ายทั้งสี่นี้ได้เปิดเผยถึงความรอดที่สมบูรณ์ของพระเจ้า นี่คือวิธีที่พระเจ้า ทรงตัดสินพระทัยเอาไว้แล้ว นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงแสดงให้เราได้เห็นถึงแบบจำลองของพลับพลาให้แก่โมเสสบนภูเขาซีนายและบอกให้เขาสร้างประตูทางเข้าของลานพลับพลาตามนั้น 
 


อะไรคือความหมายของผ้าป่านสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้า และผ้าป่านเนื้อละเอียด?

 
ประตูของสถานบริสุทธิ์ทำจากผ้าม่านสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด และม่านกั้นระหว่างที่บริสุทธิ์และที่บริสุทธิ์ที่สุดก็เป็นผ้าทอจากด้ายทั้งสี่นี้ ไม่เพียงแต่เท่านี้ แม้แต่เสื้อเอโฟดและทับทรวงของมหาปุโรหิตก็ทำด้วยผ้าป่านสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้า และผ้าป่านเนื้อละเอียดด้วย แล้วผ้าป่านสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดบอกอะไรแก่เรา? อะไรคือสิ่งที่ผ้าป่านสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้าและผ้าป่านเนื้อละเอียดที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับพระผู้เป็นเจ้าของเราในการช่วยเราให้รอดได้บอกกับเราอย่างแท้จริง? เราจะต้องมั่นใจในการตรวจ สอบประ เด็นนี้อย่างใกล้ชิด 
อันดับแรกสุดเลยผ้าสีฟ้าบอกเราถึงบัพติศมาของพระเยซู คริสต์ คนทั้งหลายที่ไม่รู้ถึงความ หมายของบัพติศมาก็ไม่ทราบว่าผ้าสีฟ้าหมายถึงบัติศมาของพระเยซู คริสต์ ดังนั้นคนทั้งหลายที่ยังไม่ได้เกิดใหม่ ก็มักจะอ้างว่าความหมายของผ้าสีฟ้าก็คือ “ พระเยซู คริสต์ ที่ทรงเป็นพระเจ้า และเสด็จลงมายังโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์ “ อีกนัยหนึ่งคนอื่นๆก็อ้างว่า “ ผ้าสีฟ้าก็หมาย ความถึง พระวจนะ “ อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกเราว่าผ้าสีฟ้าหมายความถึง “ บัพติศมาของ พระเยซู โดยที่พระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปของโลกนี้ไปสู่พระองค์หลังจากที่เสด็จมายังโลกนี้แล้ว “ ตามหลักพระคัมภีร์นี้ได้แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าผ้าสีฟ้าหมายความถึงน้ำบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เมื่อได้อ่านพระวจนะของพลับพลาแล้ว ผู้เขียนก็ตระหนักว่า “ อาห์ พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะแสดงให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของความเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู ของเรา”
เสื้อคลุมที่มหาปุโรหิตใส่ในขณะที่ถวายเครื่องบูชาก็ทำด้วยด้ายสีฟ้า แผ่นทองคำบริสุทธิ์ที่แขวนบนมาลาของมหาปุโรหิตที่สวมอยู่บนหัว และสายรัดที่ผูกแผ่นทองคำกับมาลาก็เป็นสีฟ้าเช่น เดียวกัน และบนแผ่นทองคำนี้มีสลักคำว่า “ บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ “ ไว้เหมือนอย่างแกะตรา เราเห็นได้ว่าสายรัดสีฟ้าที่รัดแผ่นทองคำบนมาลาของมหาปุโรหิตได้แสดงอย่างชัดเจนถึงบัพติศมาของพระเยซูที่ได้ถวายบริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ 
วิธีนี้พระเจ้าทรงกล่าวกับเราถึงความรอดแท้จริงผ่านสายรัดสีฟ้าที่รัดแผ่นทองคำบริสุทธิ์เข้ากับมาลา อีกนัยหนึ่ง จุดสำคัญที่ให้ความบริสุทธิ์แก่เราก็คือสีฟ้า และมันก็คือบัพติศมาของพระเยซูนั่นเอง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วสีฟ้าทำให้เรานึกถึงท้องฟ้า สีฟ้าไม่ได้หมายความถึงพระเจ้าเท่านั้น ด้ายสีฟ้าของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดจึงหมายถึงบัพติศมาของพระเยซู คริสต์ อย่างแน่นอน ในทางตรงกันข้ามด้ายสีฟ้าบอกเราว่าพระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความ ผิดบาปของผู้มีบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยการรับบัพติศมา (มัทธิว 3:15) เราผู้ที่เชื่อจะไม่สามารถถวาย “ บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ “ ได้หากพระเยซูไม่ทรงรับเอาความผิดบาปของทุกคนไปโดยบัพติศมา เราไม่สามารถสวมในความบริสุทธิ์ของพระเยโฮวาห์ต่อพระพักตร์พระเจ้าได้หากไม่ใช่เพราะบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับ 
ท่านทราบความหมายทางจิตวิญญาณของพระบัญชาของพระเจ้าที่ถักทอประตูของลานพลับพลาด้วยด้ายสีฟ้าตามรูปแบบที่ได้แสดงแก่โมเสสไหม? ประตูของลานที่นำไปสู่พลับพลาที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่นั้นหมายถึงพระเยซู คริสต์ ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์ได้โดยไม่ได้ผ่านพระเยซู ประตูทางเข้าลานที่หมายถึงพระเยซูอย่างชันเจน นั้นทอด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด เนื่องจากพระเจ้าทรงต้องการที่จะเปิดเผยความจริงที่นำเราไปสู่ความรอดของเรา ด้ายสีม่วงหมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่กำลังบอกเราว่า “ พระเยซูทรงเป็นพระ มหากษัตริย์เหนือมหากษัตริย์ทั้งปวง “ ด้ายสีแดงเข้มหมายถึงพระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งบนไม้กางเขน ด้ายสีฟ้าตามที่ได้กล่าวไปแล้วหมายถึงบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับจากยอห์น 
ดังนั้นด้ายสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มจึงบอกเราถึงบัพติศมาของพระเยซู, ถึงการมีตัวตนของพระเจ้า และถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน พระราชกิจของพระเยซูได้แสดงในด้ายทั้งสามสีเหล่านี้ได้ให้ความเชื่อที่ทำให้เราได้ไปอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ในความบริสุทธิ์ได้ การที่พระเยซูซึ่งทรงเป็นพระเจ้าเองได้เสด็จลงมายังโลกนี้ในกายมนุษย์ แล้วรับเอาความผิดบาปของผู้มีบาปทั้งหลายไว้ที่ร่างกายของพระองค์โดยการรับบัพติศมา และทรงรับเอาการปรับโทษบาปและการสาปแช่งทั้งหมดไว้โดยการหลั่งพระโลหิตของพระองค์ นี่คือความลับทางจิตวิญญาณของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม 
บางทีท่านอาจจะคิดไปไกลว่าด้ายสีฟ้านั้นแสดงถึงพระเจ้าหรือพระวจนะของพระองค์ แต่ตอนนี้ท่านจะต้องทราบอย่างชัดเจนว่าด้ายสีฟ้านั้นหมายถึงบัพติศมาของพระเยซูอย่างแท้จริง บัพติศมาที่พระเยซูทรงยอมรับเอาความผิดบาปทั้งหมดไปสู่พระองค์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งและไม่สามารถแยกพระราชกิจของพระองค์ออกไปได้ พระเจ้าทรงบอกเราในความสำคัญนี้จากพลับพลาของพันธสัญญาฉบับเก่า
 


บัพติศมาจึงได้แสดงถึงการที่พระเยซู ทรงแบกรับเอาความผิดบาปของเรา

พิธีล้างบาปของพระเยซูเสารั้วของพลับพลาทำจากไม้กระถินเทศ มีฐานทองสัมฤทธิ์ที่รองรับเสา และมีขอติดเสาและราวยึดเสาที่ทำด้วยเงิน นี่ก็ได้บอกเราเป็นอันดับแรกว่าผู้มีบาปจะต้องได้รับการพิพากษาเพื่อความผิดบาปของพวกเขา มีเพียงคนทั้งหลายที่ได้รับการพิพากษาเพื่อความผิดบาปเพียงครั้งหนึ่งเท่านั้นที่จะรอดจากบาปได้ ผู้ที่ยังไม่ได้รับการพิพากษาก็ยังไม่รอดจากบาปซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่จะถูกปรับโทษบาปในการลงโทษอย่างเป็นนิรันดร์เพื่อบาปของพวกเขาเมื่อพวกเขาต้องไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า 
ตามที่ได้เขียนเอาไว้ว่า “ ค่าจ้างของบาปคือความตาย “ (โรม 6:23) ผู้มีบาปทั้งหลายก็จะตกไปสู่การพิพากษาที่น่ากลัวของพระเจ้าเพื่อความผิดบาปของคน ดังนั้นผู้มีบาปทั้งหลายจะต้องได้ รับการพิพากษาเพื่อความผิดบาปของตนจากพระเจ้าเพียงครั้งเดียว และจะมีชีวิตอีกครั้งโดยการได้สวมในพระสิริของพระองค์ นี่คือการเกิดใหม่ ความเชื่อของด้ายสีฟ้าที่ว่าพระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไปไว้ที่พระองค์ผ่านบัพติศมา และความเชื่อของด้ายสีม่วงที่ว่าพระเยซูทรงปลดปล่อยผู้มีบาปทั้งหมดโดยการรับการพิพากษาบนไม้กางเขน ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเชื่อนี้แล้วที่จะทำให้เราได้ตายไปครั้งหนึ่งเพื่อความผิดบาปของเราและได้เกิดใหม่ ท่านจะต้องตระ หนักว่ามีเพียงการปรับโทษบาปอย่างเป็นนิรันดร์เท่านั้นที่รอคอยเราอยู่หากไม่เชื่อ และไม่สามารถผ่านไปพิพากษาในความเชื่อของเราได้ 
บัพติศมาของพระเยซูนั้นหมายถึงการที่พระคริสต์ทรงรับบัพติศมาเพื่อแบกรับเอาความผิดบาปของเราทั้งหมดเพื่อช่วยให้เราให้รอด พระเยซู ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเพื่อ ที่จะรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไปที่พระองค์ พระเยซู ทรงเป็นพระเจ้าและยังทรงช่วยเราให้รอด พระองค์เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ ทรงรับเอามลทินบาปทั้งหมดของผู้มีบาปไว้ที่พระองค์โดยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา, ทรงเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ และทรงรับโทษแทนผู้มีบาปโดยการประทานร่างกายของพระองค์บนไม้กางเขนและทรงหลั่งน้ำและพระโลหิต ประตูทางเข้าลานพลับพลาได้บอกเราลึกลงไปในรายละเอียดของพระราชกิจที่พระเยซูทรงทำให้สมบูรณ์ดุจเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเจ้าทรงบอกเราอย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของผู้มีบาปผ่านพระตูทางเข้าลานพลับพลา 
ผ้าป่านเนื้อละเอียดก็หมายความถึงพระวจนะของพันธสัญญาฉบับเก่าและฉบับใหม่ที่มีราย ละเอียดมากและเหมาะสมต่อกันและกัน การถักทอเข้าเป็นผ้าป่านเนื้อละเอียดเข้าด้วยกันมันช่างซับ ซ้อนอะไรเช่นนี้? พระเจ้าทรงบอกเราในรายละเอียดว่าพระองค์ทรงช่วยเราได้อย่างไรผ่านผ้าป่านเนื้อละเอียดนี้ 
เมื่อเราที่ดูพรม เราจะเห็นว่ามันได้ถักด้วยด้ายที่แตกต่างกัน พระเจ้าทรงบอกชาวอิสราเอลให้ทำประตูทางเข้าลานพลับพลาโดนการท้อด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มลงบนผ้าป่านเนื้อดี สิ่งนี้บอกเราว่าพระเยซู เสด็จมาหาเราผ่านน้ำ (บัพติศมา), พระโลหิต (ไม้กางเขน) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า) เป็นประตูของความรอดของเราที่ได้ซ่อนอยู่ในพระวจนะของพระเจ้าที่ซับซ้อน ตอนนี้เราได้รอดทั้งหมดผ่านความเชื่อโดยการมีความเชื่อที่ถูกต้องในพระเยซู คริสต์ที่ได้เปิดเผยในพระวจนะของพระเจ้าที่ซับซ้อนและโดยการสวมในความรักของพระองค์ 
พระเยซู คริสต์ ไม่ทรงช่วยเราอย่างไม่ได้ตั้งใจ เราเห็นสิ่งนี้ได้เมื่อเราดูที่พลับพลา พระเยซูทรงช่วยผู้มีบาปอย่างละเอียดลออ เราตระหนักได้ว่าพระองค์ทรงช่วยเราอย่างละเอียดลออเพียงใด เมื่อเราดูที่เสารั้ว ทำไมตัวเลขของเสารั้วเป็นตัวเลข 60 ทั้งหมด? เพราะว่าเลข 6 นั้นหมายถึงมนุษย์ ในขณะที่เลข 3 หมายความถึงพระเจ้าในวิวรณ์บทที่ 13 ได้ปรากฎเครื่องหมายเลข 666 ขึ้น และพระ เจ้าทรงบอกเราว่าเลขนี้คือเลขของสัตว์ร้าย ดังนั้นเลข 666 จึงหมายความว่ามนุษย์ได้กระทำเหมือน กับพระเจ้าอะไรคือความปรารถนาของมนุษยชาติ? มันไม่ใช่การได้เป็นผู้รับใช้ศาสนาที่สมบูรณ์ใช่ ไหม? หากเราต้องการที่จะเป็นผู้รับใช้ศาสนาอย่างแท้จริง เราก็จะต้องเกิดใหม่โดยการเชื่อในพระเยซูและได้เป็นบุตรของพระเจ้า เสา 60 ต้นหมายความถึงความความหมายโดยนัยนี้อย่างสมบูรณ์ 
อย่างไรก็ตาม ผู้คนก็กระทำการโอ้อวด, การกระทำที่ชั่วร้ายของการพยายามเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเป็นผู้รับใช้ศาสนาตามธรรมชาติผ่านความพยายามของตัวเองแทนการมีความเชื่อ ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากนี้ที่จะเป็นเหตุผลที่ผู้คนจะอธิบายพระวจนะอีกครั้งตามกิเลสของมนุษย์และการไม่เชื่อในความคิดที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง เพราะพวกเขาไม่มีความเชื่อแต่มีเพียงกิเลศที่เป็นศัตรูกับพระเจ้า พวกเขาจึงสิ้นสุดลงโดยการขจัดพระวจนะของพระเจ้าออกไปเพราะว่ากิเลศของเนื้อหนังนี้ที่พยายามจะเป็นตัวเองทั้งหมดและเพื่อเข้าถึงความสมบูรณ์ของเนื้อหนังของพวกเขา
 

พระวจนะของความรอดที่ได้เปิดเผยในของทุกชิ้นในพลับพลา
 
เพราะว่าพระเยซู คริสต์ทรงช่วยผู้มีบาปและผลักดันให้พวกเขาได้เข้าไปสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ เครื่องใช้และสิ่งของต่างๆของพลับพลาจึงมีความจำเป็น แท่นสำหรับเผาบูชาจึงมีความจำเป็น, ขันทองสัมฤทธิ์จึงมีความจำเป็น, เสา, ฐานทองสัมฤทธิ์, ของติดเสาและราวยึดเสาเงินก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน ทั้งหมดเป็นเครื่องใช้ที่พบได้ภายนอกสถานบริสุทธิ์ และสิ่งของต่างๆนั้นมีความจำเป็นในการเปลี่ยนผู้มีบาปไปสู่คนชอบธรรม
ทั้งหมดนี้มีความจำเป็นในการทำให้ผู้มีบาปได้เข้าไปและมีชีวิตอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือด้ายสีฟ้า (บัพติศมาของพระเยซู) ด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มใช้สำหรับทำประตูทางเข้าลานพลับพลา ด้ายเหล่านี้หมายถึงพระราชกิจของพระเยซูทั้งสามอย่างที่จำเป็นสำ หรับเราที่จะเชื่อในพระเจ้า อันดับแรกพระเยซูเสด็จมายังโลกนี้และทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์ด้วยบัพติศมาของพระองค์ อันดับที่สอง พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า (พระวิญ ญาณ) และอันดับที่สาม พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อแบกรับเอาการปรับโทษบาปทั้งหมดที่พระองค์ทรงยอมรับไปสู่พระองค์โดยยอห์น ณ แม่น้ำไจอร์แดน นี่คือลำดับที่ถูกต้องของความเชื่อที่จำเป็นสำหรับผู้มีบาปเพื่อให้รอดและได้เป็นคนชอบธรรม 
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เราตระหนักได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงซับซ้อนเพียงใด เราค้นพบได้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่ทรงช่วยเราให้รอดนั้นไม่มีใครอื่นนอกจากพระเจ้าที่ทรงเป็นอยู่เหมือนกับผ้า ป่านเนื้อละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นพระเจ้าทรงทำให้ชาวอิสราเอลสร้างประตูทางเข้าลานพลับพลาโดยการถักทอด้ายสีฟ้า, สีม่วง, และสีแดงเข้มบนผ้านป่านเนื้อดียาวถึง 9 เมตร ดังนั้นพระเจ้าทรงมั่นพระทัยว่าใครก็ตามที่มองดูพลับพลาอยู่แม้แต่จากที่ไกลๆก็สามารถเข้าใจผิดในลานพลับพลาได้ 
ผ้าป่านเนื้อดีสีขาวที่ได้แขวนเสาของลานพลับพลาได้แสดงถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ดัง นั้นเราสามารถตระหนักได้ว่าผู้มีบาปไม่สามารถเผชิญกับการได้เข้าใกล้กับพลับพลาได้ และพวกเขาสามารถเข้าไปสู่ลานนี้ได้เพียงเมื่อพวกเขารอดโดยการเชื่อในพระราชกิจของพระเยซูที่ได้แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง, และสีแดงเข้มที่ถักทอไปเป็นประตูทางเข้าลานพลับพลา พระเจ้าทรงทำให้ผู้มีบาปได้ทราบว่าพระเยซู คริสต์ทรงลบมลทินบาปทั้งหมดของพวกเขาและช่วยพวกเขาให้รอดในวิธีนี้ผ่านน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณบริสุทธิ์ 
ไม่เพียงเท่านี้ ทุกสิ่งมี่ใช้ทำพลับพลารวมทั้งประตูทางเข้าพลับพลา ก็ได้แสดงถคงความซับ ซ้อนของพระวจนะที่จำเป็นสำหรับพระเจ้าในการทำให้ผู้มีบาปได้เป็นคนชอบธรรม เนื่องจากพระเจ้าทรงบอกชาวอิสราเอลให้สร้างประตูทางเข้าพลับพลาให้ใหญ่พอสำหรับที่ทุกคนจะสามารถค้น หาได้ และเนื่องจากประตูนี้ได้สร้างขึ้นจากด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มอันซับซ้อนลงบนผ้าป่านเนื้อดี พระเจ้าทรงทำให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างชัดเจนในความสำคัญของพระวจนะที่สามารถทำให้ผู้มีบาปได้เป็นคนชอบธรรมได้ 
พระตูทางเข้าลานพลับพลาได้บอกเราว่าพระเจ้าทรงช่วยเราทั้งหมดให้รอดผู้เคยเป็นเหมือนไม้กระถินเทศ ให้รอดจากความผิดบาปผ่านด้ายสีฟ้า (บัพติศมาของพระเยซู), ผ้าสีแดงเข้ม (พระโลหิตของไม้การเขน) และด้ายสีม่วง (พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า) พระเจ้าทรงระบุว่ามีเพียงคนทั้ง หลายที่เชื่ออย่างชัดเจนในสิ่งนี้สามารถเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าได้ 
 

พระเยซูทรงกำลังบอกกับเรา
 
พระเจ้าทรงบอกเราให้มีชีวิตดำรงอยู่ในทองคำ ในความอร่ามเรืองรองของชีวิตของความเชื่อ เราจะต้องชำระความผิดบาปทั้งหมดของเราผ่านบัพติศมาของพระเยซูและไปอยู่ต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงแสดงรูปจำลองของพลับพลาให้แก่โมเสส ทรงสร้างมันผ่านโมเสส และทรงทำให้ผู้คนชาวอิสราเอลได้รับการยกความผิดบาปผ่านสถาบันของพลับพลา เรามาสรุปความเชื่อที่นำเราไปผ่านลานพลับพลาและไปสู่สถานบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงตรัสกับเราในความเชื่อในความจริงที่พระเยซูทรงช่วยเราผ่านน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผ่านลานพลับพลา ความเชื่อในประตูทางเข้าลานที่เป็นด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม, และความเชื่อในการวางมือลงบนสัตว์สังเวยของมหาปุโรหิตและการหลั่งเลือดของสัตว์สังเวยบูชา และความเชื่อที่มหาปุโรหิตได้ชำระมือและเท้าของเขาลงในขันทองสัมฤทธิ์ ทำให้เราได้ทราบว่ามีเพียงความเชื่อของเราในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่เป็นความเชื่อของทองดำบริสุทธิ์ ที่มำให้เราได้เข้าไปสู่สถานศักดิ์สิทธิ์และมีชีวิตอยู่ในสง่าราศีได้ 
พระเจ้าทรงสัญญากับพวกเราทั้งหมดในการได้รับพระคุณของความรอดและพระพรของพระองค์ผ่านพลับพลา และเราสามารถทราบถึงพระพรที่พระเจ้าทรงประทานให้เราผ่านพลับพลา เราสามารถตระหนักและเชื่อในพระคุณของความรอดที่ทำให้เราได้ไปสู่เบื้องพระพักตร์ของพระบัลลังก์ของพระสิริของพระเจ้าและรอดทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ท่านรู้ถึงสิ่งนี้ไหม? เราจะเห็นได้เพียงว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราได้ทรงช่วยท่านและผู้เขียนให้รอดอย่างละเอียดลออเพียงใดผ่านพลับ พลา และพระองค์ทรงวางแผนของความรอดของเราเอาไว้อย่างซับซ้อนเพียงใด และพระองค์ทรงทำให้มันสมบูรณ์ตามแผนการนี้อย่างไรและได้เปลี่ยนผู้มีบาปให้เป็นคนชอบธรรม 
ท่านเคยมีโอกาศได้เชื่อในพระเยซูอย่างคลุมเคลืออยู่ตลอดเวลาบ้างไหม? ท่านเชื่อว่าสีฟ้าหมายความถึงท้องฟ้าไหม? ท่านเคยทราบไหมว่าความเชื่อของสีม่วงและสีแดงเข้มที่เป็นสีของพระเยซู คริสต์ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของมหากษัตริย์ ได้เสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราให้รอดบนไม้กางเขน และท่านเชื่อตามนั้นไหม? หากเชื่อ ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะค้นหาความเชื่อที่ถูกต้อง ผู้เขียนหวังว่าท่านจะทราบอย่างชัดเจนทั้งหมดในบัพติศมาของพระเยซู, ในความเชื่อของสีฟ้า และก็ตระ หนักและเชื่อในพระคุณของความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้ท่านอย่างมากมายนับไม่ถ้วน 
พระเจ้าไม่ทรงช่วยเราเพียงแค่ผ่านพระโลหิตและพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำไม? เพราะพระเจ้าตรัสอย่างชัดเจนกับเราผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มว่าพระเยซูทรงช่วยเราให้รอดอย่างแน่ นอนได้อย่างไรพระเจ้าทรงแสดงพระราชกิจของความรอดของพระเยซูในรายละเอียดผ่านพลับพลา หลังจากที่พระเจ้าทรงบอกให้โมเสสสร้างพลับพลาแล้ว พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงช่วยเราให้รอดในวิธีนี้ผ่านพลับพลา พระเยซู คริสต์เสด็จลงมาในเนื้อหนังของมนุษย์และทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์โดยการรับบัพติศมาในน้ำ (สีฟ้า) ของแม่น้ำจอร์แดน ตามที่ทรงสัญญาเอาไว้ พระเยซูทรงช่วยผู้มีบาปให้รอดจากความผิดบาปทั้งหมดอย่างแท้จริงผ่านบัพติศมาของพระ องค์ ความรอดของเรานั้นช่างละเอียดอ่อนและถูกต้องเที่ยงธรรมอะไรเช่นนี้ ! 
เมื่อเราไปสู่ที่บริสุทธิ์ เราก็จะได้เห็นคันประทีป, เห็นโต๊ะวางขนมปังหน้าพระพักตร์ และแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม ก่อนที่เราจะเข้าไปในที่บริสุทธิ์ที่สุดเราจะมีชีวิตอยู่ในที่บริสุทธิ์ที่ส่องแสงอร่ามเรืองรองอยู่ชั่วขณะหนึ่งโดยการได้รับขนมปังของพระวจนะเข้าสู่หัวใจของเรา นี่คือพระพรอะไร? ก่อนที่จะได้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า เราอยู่ในคริสตจักรของพระองค์เหมือน กับเป็นผู้ที่รอดอย่างสมบูรณ์โดยการได้เกิดใหม่โดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ คริสต จักรของพระเจ้าที่ได้ให้ขนมปังแห่งชีวิตแก่เราก็คือที่บริสุทธิ์ 
ในที่บริสุทธิ์ซึ่งก็คือคริสตจักรของพระเจ้า มีคันประทีป, มีโต๊ะวางขนมปังหน้าพระพักตร์ และแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม ที่คันประทีปนั้นทั้งลำตัว กิ่ง ดอก ดอกตูม และกลีบนั้นติดเป็นเนื้อเดียวกับคันประทีปด้วยทองคำบริสุทธิ์ที่ใช้ค้อนทำ คันประทีปที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ที่ใช้ค้อนทำนี้ได้บอกเราว่าคนชอบธรรมจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรของพระเจ้า 
บนโต๊ะวางขนมปังหน้าพระพักตร์ได้วางขนมปังไร้เชื้อเอาไว้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงขนมปังของพระวจนะของพระเจ้าอันบริสุทธิ์ที่อิสระจากการสอนพระวจนะอันชั่วร้ายและความโสมม สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าซึ่งก็คือคริสตจักรของพระเจ้าได้สอนพระวจนะของพระเจ้าอันบริสุทธิ์นี้ที่ไร้เชื้อใดๆและอยู่ได้โดยความเชื่ออันบริสุทธิ์โดยไม่มีสิ่งชั่วร้ายต่อพระพักตร์พระเจ้า 
ตรงหน้าม่านของที่บริสุทธิ์ที่สุดซึ่งเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม ที่ซึ่งผู้คนถวายคำอธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงบอกผ่านเครื่องใช้ของสถานศักดิ์สิทธิ์นี้ว่าเมื่อเราได้ไปอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์เราต้องเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อในพระวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์และอธิษฐาน มีเพียงคนชอบธรรมเท่านั้นที่สามารถอธิษฐานได้เพราะพระเจ้าทรงรับฟังแต่คำอธิษ ฐานของคนชอบธรรมเท่านั้น (อิสยาห์ 59:1–2, ยากอบ 5:16) และมีเพียงผู้ที่อธิษฐานต่อพระพักตร์พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถพบกับพระองค์ได้ 
เช่นเดียวกันนี้ ที่บริสุทธิ์บอกเราว่าการที่เราได้รอดจากความผิดบาปในคริสตจักรของพระเจ้านั้นจะรุ่งโรจน์เพียงใด สิ่งที่เป็นกุญแจใช้สำหรับพลับพลาคือด้ายสีฟ้า (พระเยซูทรงรับบัพติศมา), ด้ายสีแดงเข้ม (การรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์, พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและรับเอาการปรับโทษบาปของเรา) และด้ายสีม่วง (พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า) ได้หมายความถึงความเชื่อที่เราจะต้องมีอย่างแน่นอน ทั้งสามสิ่งนี้ประกอบเป็นความเชื่อทั้งหมดของเรา เมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและในความเป็นจริงก็ทรงเป็นพระเจ้า และเชื่อว่าพระองค์ทรงช่วยเราให้รอด แล้วเราก็จะสามารถเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์ที่อร่ามเรืองรองได้ ซึ่งเป็นที่ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ หากเราไม่เชื่อในพระราชกิจของพระเยซูที่ได้แสดงในด้ายทั้งสามสีนี้ เราก็จะไม่มีทางได้เข้าไปในสถานบริสุทธิ์ได้โดยไม่ต้องสงสัยว่าเราเชื่อในพระเยซูอย่างกระตือรือร้นเพียงใด ไม่ใช่คริสเตียนทุกคนที่จะเข้าไปในที่บริสุทธิ์ที่สุดได้ 
 

คนทั้งหลายที่อยู่ในลานพลับพลาพร้อมกับความเชื่อที่ผิด
 
ทุกวันนี้มีคริสเตียนหลายคนที่ไม่สามารถเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์ได้แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความเชื่อของตนออกมา อีกนัยหนึ่งมีหลายคนที่พยายามที่จะรอดด้วยความเชื่อที่มืดบอดของตนเอง ซึ่งก็คือคนทั้งหลายที่คิดว่าพวกเขาสามารถรอดได้เพียงแค่เชื่อในพระโลหิตของพระเยซู และคิดว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าและทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของมหากษัตริย์ทั้งปวงเท่านั้น พวกเขาเชื่อในพระเยซูง่ายเกินไปพวกเขาเชื่อเพียงพระโลหิตของพระเยซูโดยยืนต่อหน้าแท่นเผาบุชาและอธิษฐานอย่างมืดบอดว่า “ พระองค์เจ้าข้า ทุกวันนี้ข้าพระองค์ยังคงเป็นผู้มีบาป ได้โปรดยกโทษให้ข้าพระ องค์ด้วยพระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์ทั้งหมดสำหรับการถูกตรึงบนไม้กาง เขนและสิ้นพระชน์ในสถานที่ของข้าพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์รักพระองค์! “ 
หลังจากทำสิ่งนี้ในตอนเช้าแล้ว พวกเขาก็กลับไปสู่ชีวิตของตนเองต่อ และจากนั้นก็กลับไปสู่แท่นบูชาอีกครั้งในตอนเย็นและอธิษฐานเช่นเดียวกันนี้ ผู้คนที่หลอกแท่นบูชาในทุกๆเช้า ทุกๆเย็น และทุกๆเดือนไม่สามารถเกิดใหม่ได้ แต่จะตกไปสู่ความเชื่อที่ผิดตามความเชื่อของตนเอง 
พวกเขาได้ทำการสังเวยบูชาบนแท่นเผาบูชาด้วยการจุดไฟแดงเจิดจ้า และถวายการบูชาด้วยไฟ เนื่องจากเนื้อหนังนั้นเผาไหม้ในเปลวไฟได้ กลิ่นของเนื้อหนังที่ไหม้ก็แพร่กระจายไป และเกิดควันสีขาวและสีดำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แท่นเผาบูชาไม่ใช่ที่ที่เราจะร้องให้เพื่อขอให้พระเจ้าทำให้ความผิดบาปของเราหายไป แต่ในความจริงมันเป็นที่ที่เตือนให้เราได้นึกถึงไฟนรกที่น่ากลัว 
อย่างไรก็ตาม ผู้คนก็ไปยังที่แห่งนี้ทุกเช้าเย็นและกล่าวว่า “ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทำบาป ได้โปรดอภัยต่อบาปของข้าพระองค์ด้วย “ จากนั้นพวกเขาก็กลับบ้าน รู้สึกพอใจในตัวเองราวกับว่าพวกเขาได้รับการยกความผิดบาปโดยแท้จริง พวกเขาอาจจะมีความสุขที่ได้ร้องเพลงว่า “ ฉันได้รับการยกโทษ ท่านได้รับการยกโทษ เราทั้งหมดได้รับการยกโทษ “ แต่ความรู้สึกเช่นนี้อยู่ได้ไม่นาน พวกเขาทำบาปอีกครั้งและค้นพบว่าตัวเองได้ยืนอยู่หน้าแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมอีกครั้งหนึ่ง ทำการสารภาพโดยไม่มีเวลาว่า “ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นคนบาป “ คนทั้งหลายมาทด แทนด้วยการมาหรือไปที่แท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมทุกๆวันยังคงเป็นผู้มีบาปอยู่ โดยไม่คำนึง ถึงการยืนยันความเชื่อในพระเยซูของพวกเขา คนเช่นนั้นไม่สามารถเข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าอันบริสุทธิ์ได้ 
แล้วใครสามารถได้รับการยกความผิดบาปทั้งหมดและได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า? พวกเขาเป็นผู้หนึ่งที่ทราบและเชื่อในความลึกลับของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่กำหนดโดยพระเจ้า คนทั้งหลายทื่เชื่อในสิ่งนี้สามารถผ้านไปโดยแท่นเผาบูชาโดยความเชื่อของพวกเขาในการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูผู้ทรงยอมรับความผิดบาปของพวกเขาไปสู่พระองค์ ได้ชำระมือและเท้าของตนตรงขันทองสัมฤทธิ์และระลึกกับตัวเองว่าความผิดบาปทั้งหมดของพวกเขาได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ และจากนั้นก็เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า คนทั้งหลายที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและได้รับการยกความผิดบาปได้เข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์โดยความเชื่อของพวกเขา เพราะความเชื่อของพวกเขานั้นได้รับการยอมรับจากพระเจ้า 
ผู้เขียนหวังว่าท่านจะตระหนักและเชื่อว่าความหมายตามพระคัมภีร์ของด้ายสีฟ้าคือบัพติศมาของพระเยซู มีหลายคนที่สารภาพว่าเชื่อในพระเยซู แต่มีน้อยคนที่ไปไกลถึงการเชื่อในน้ำ (ด้ายสีฟ้า), บัพติศมาของพระเยซู นี่เป็นปรากฎการที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง นี่เป็นสาเหตุสำหรับการโศกเศร้าใหญ่หลวงที่หลายคนแยกความเชื่อที่สำคัญที่สุดของบัพติศมาออกจากความเชื่อในคริสเตียนของพวกเขา แม้แต่เมื่อพระเยซูไม่ได้เสด็จมายังโลกนี้ดุจเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริงและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเท่านั้น ผู้เขียนหวังและอธิษฐานว่าท่านอาจจะทราบและเชื่อทั้งหมดในความเชื่อของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และได้เป็นผู้ที่ได้เข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า
 

เราจะต้องเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าที่ได้แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มในพลับพลา มันเป็นสาระสำคัญโดยแท้จริงที่ได้ช่วยเราให้รอด
 
พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ทรงช่วยท่านและผู้เขียนให้รอด เมื่อเราดูไปที่พลับพลา เราก็จะพบ ว่าพระเจ้าทรงช่วยเราด้วยวิธีที่ละเอียดอ่อนเพียงใด เขาของพระคุณพระองค์ต่อสิ่งนี้ได้ยังไม่เพียง พอ เรายินดีอย่างยิ่งเช่นใดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และที่พระ องค์ทรงประทานความเชื่อที่เชื่อในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มเหล่านี้เช่นกัน 
ผู้มีบาปไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้โดยปราศจากการได้สวมในพระสิริของพระเจ้าและได้ไปผ่านการพิพากษาความผิดบาปอันน่ากลัวของพระเจ้า ผู้ที่ไม่ได้รับการพิพากษาบาปของเขาหรือเธอจะสามารถเปิดประตูพลับพลาและเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้อย่างไร? พวกเขาไม่สามารถทำได้ ! เมื่อคนเช่นนั้นได้เข้าไปสู่ที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็จะถูกสาปแช่งให้มืดบอดอยู่ชั่วพริบตาแรก “ ว๊าว ที่นี่มันช่วงสว่างอะไรเช่นนี้ ! อู – โอ ทำไมฉันไม่เห็นอะไรเลย? เมื่อฉันอยู่ข้างนอก ฉันคิดว่าฉันจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในที่บริสุทธิ์ได้เพียงแต่ได้เข้ามาที่นี่ ทำไมฉันมองไม่เห็นอะไรเลย และทำไมในนี้มันช่างมืดนัก? ฉันมองเห็นได้ดีตอนที่ฉันอยู่ข้างนอกที่บริสุทธิ์... มีคนบอกว่าที่บริสุทธิ์นั้นสว่างสดใส ทันมือได้อย่างไร? “ พวกเขาไม่สามารถเห็นได้เพราะว่าพวกเขาได้เปลี่ยนไปสู่การมืดบอดทางจิตวิญญาณ เพราะพวกเขาไม่มีความเชื่อของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม ผู้มีบาปไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้เมื่อเป็นเช่นนี้ 
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้เราไม่ตาบอดในที่บริสุทธิ์ แต่ให้เราได้รับพระพรของการได้มีชีวิตในที่บริสุทธิ์อย่างเป็นนิรันดร์ พระเจ้าทรงบอกเราถึงวิธีของความรอดของเราอย่างถูกต้อง ผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดที่พบในทุกๆส่วนของพลับพลา และตามพระวจนะนี้ พระองค์ทรงปลดปล่อยเราให้รอดจากความผิดบาปทั้งหมดของเรา 
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยเราให้รอดโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 ยอห์น 5:4–8) ดังนั้นเราจะไม่มืดบอดอีกแต่จะมีชีวิตนิรันดร์ในพระสิริอันสดใสของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสัญญาเราด้วยพระวจนะของพระเจ้า และพระองค์ทรงบอกเราว่าทรงช่วยเราให้รอดโดยการทำให้คำสัญญาของพระองค์สมบูรณ์ 
ท่านเชื่อว่าท่านและผู้เขียนรอดโดยพระราชกิจอันซับซ้อนของพระเยซูที่ได้แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดีไหม? เชื่อสิ ! เรารอดจากบาปโดยไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม? ไม่เลย ! เราไม่สามารถรอดได้โดยไม่เชื่อในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม 
ด้ายสีฟ้าไม่ได้หมายความถึงพระเจ้า มันหมายความถึงบัพติศมาของพระเยซูที่พระองค์ทรงแบกรับเอาความผิดบาปของผู้มีบาปทุกคนในโลกนี้ไปที่แม่น้ำจอร์แดน 
มันเป็นไปได้ที่จะยืนต่อหน้าแท่นเผาบูชาโดยไม่มีความเชื่อในด้ายสีฟ้าที่เป็นบัพติศมาของพระเยซู ผู้คนอาจจะเข้าได้ไปไกลถึงขันทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ถัดไป แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ได้ คนทั้งหลายที่สามารถเปิดประตูของพลับพลาได้และได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้นั้นมีเพียงบุตรของพระเจ้าผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณทั้งหมดเท่านั้น แต่ผู้เต็มไปด้วยบาปไม่ว่าผู้ใด ไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ แล้วไกลเท่าไหร่ที่เราต้องเข้าไปสู่ความรอดของเราได้? เรารอดไม่ได้เพียงแต่เราได้เข้าไปสู่ลาน
พลับพลาเท่านั้น แต่เมื่อเราได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงประทับอยู่
 

ความแตกต่างระหว่างความเชื่อภายในพลับพลาและความเชื่อภายนอกพลับพลา
 
แท่นสำหรับเผาบูชาและขันทองสัมฤทธิ์ภายนอกพลับพลาต่างก็ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ และรั้วก็ทำจากไม้, เงิน และทองสัมฤทธิ์ แต่เมื่อเราเข้าไปในพลับพลา สิ่งของต่างๆก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กุญแจที่เป็นลักษณะเด่นของพลับพลาก็คือว่ามันเป็น “ เรือนทองคำ “ ผนังสามด้านทำด้วยไม้กรอบกระถินเทศ และหุ้มด้วยทองโต๊ะวางขนมปังหน้าพระพักตร์และแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่อง หอมก็ทำจากไม้กระถินเทศและหุ้มด้วยทองด้วย และคันประทีปก็ใช้ทองทำด้วยช่างค้อนฝีมือดี ดัง นั้นเครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่างภายในที่บริสุทธิ์ต่างก็หุ้มหรือทำด้วยทอง 
แล้วฐานที่อยู่ใต้ไม้กรอบทำจากอะไร? มันทำจากเงิน ในขณะที่ฐานของเสารั้วของพลับ พลานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ แต่ฐานของไม้กรอบของพลับพลานั้นทำด้วยเงิน และในขณะที่เสารั้วของลานได้ทำจากไม้ แต่ไม้กรอบของพลับพลาได้ทำจากไม้กระถินเทศหุ้มทอง แต่ฐานของเสาประตูห้าต้นของพลับพลานั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ 
แม้ฐานของไม้กรอบของพลับพลาจะทำด้วยเงิน แต่ฐานของเสาประตูพลับพลานั้นหลอมด้วยทองสัมฤทธิ์ มันหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าใครก็ตามที่มาอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าจะต้องได้รับการพิพากษาความผิดบาปของเขาหรือเธอ แล้วเราจะสามารถไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าเมื่อเราได้รับการพิพากษาแล้วต้องตายได้อย่างไร? หากตัวเราเองตายไปเราก็จะไม่สามารถไปอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าได้ 
แม้ว่าทองสัมฤทธิ์ได้ใช้เพื่อฐานของเสาประตูพลับพลาทั้งห้าต้น ดังนั้นพระเจ้ากำลังบอกเราว่าแม้ว่าเราได้รับการพิพากษาเพราะความผิดบาปของเราแล้ว พระเยซูก็ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไปไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์และทรงรับการปรับโทษบาปเพื่อความผิดบาปเหล่านี้ตรงที่ของเรา เราเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการปรับโทษบาปของเรา แต่มีคนหนึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปเพราะพวกเรา เป็นผู้ที่รับการปรับโทษบาปแทนเราและสิ้นพระชนม์ในที่ของเราซึ่งไม่มีใครอื่นได้นอกจากพระเยซู คริสต์ 
ความเชื่อที่แสดงโดยด้ายสีฟ้าคือความเชื่อที่เชื่อว่าพระเยซู คริสต์ ทรงยอมรับความผิดบาปทั้งหมดให้ผ่านไปสู่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์และทรงยกความผิดบาปทั้งหมดให้แก่เรา ตามที่พระเจ้าทรงรับเอาชีวิตของพระเยซู คริสต์เพื่อการปรับโทษบาปของความผิดบาปทั้งหมดของเราให้ผ่านไปสู่พระองค์ผ่านบัพติศมาของพระองค์และได้แก้ไขปัญหาความผิดบาปทั้งหมดของเราไปได้ เราจึงไม่ต้องเผชิญกับการปรับโทษบาปใดๆของเราเลย ความเชื่อที่ได้แสดงโดยด้ายสีแดงเข้มนั้นเป็นความเชื่อของพระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งบนไม้กางเขน ความเชื่อนี้เชื่อว่าพระเยซู คริสต์ทรงแบกรับเอาการปรับโทษบาปของเราที่เราจะต้องเผชิญกันมัน 
มีเพียงผู้ที่ได้ผ่านความผิดบาปของตนไปสู่พระเยซูโดยการเชื่อในบัพติศมาของพระองค์ และได้รับการพิพากษาเพื่อความผิดบาปของตนโดยการเชื่อในพระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งบนไม้กางเขนพร้อมกับความตายของเนื้อหนังของพระองค์เพราะความผิดบาปทั้งหมดนี้เท่านั้น ที่จะได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ฐานประตูพลับพลาทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ ดังนั้นเราจะต้องเชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์ผู้ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์ผ่านบัพติศมาของพระองค์และทรงรับการปรับโทษบาปในที่ของเรา 
พระเจ้าทรงระบุว่ามีเพียงผู้ที่รู้สึกมั่นใจในความจริงที่ว่าพระเยซู คริสต์ผู้ที่ทรงช่วยพวกเขานั้นทรงเป็นพระเจ้า (ด้ายสีม่วง), ในบัพติศมาของพระเยซู (ด้ายสีฟ้า), และในความจริงที่ว่าพระเยซูทรงรับการปรับโทษบาปเพื่อบาปของพวกเขาในที่ของเรา (ด้ายสีแดงเข้ม) ที่จะสามารถเข้าไป สู่ที่บริสุทธิ์ได้ พระเจ้าทรงอนุญาตให้เพียงผู้ที่ได้รับการพิพากษาแล้วครั้งหนึ่งเพื่อความผิดบาปทั้ง หมดของพวกเขาโดยการเชื่อในพระเยซู และผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากความผิดบาปของตน ได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ 
ฐานของเสาของประตูพลับพลาหลอมด้วยทองสัมฤทธิ์ ฐานทองสัมฤทธิ์มีความหมายทางจิตวิญญาณที่พระเจ้าทรงยอมให้ผู้มีบาปที่ได้เกิดเป็นทายาทของอดัมได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ของพระ องค์ได้เพียงเมื่อพวกเขามีความเชื่อในด้ายสีฟ้า (บัพติศมาของพระเยซู), ด้ายสีแดงเข้ม (การรับการพิพากษาของพระเยซูในที่ของผู้มีบาป) และด้ายสีม่วง (พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า) โดยไม่ต้องสง สัยว่าพวกเขาเป็นใคร ฐานของเสาของประตูทั้ง 5 ต้นนั้นได้ทำขึ้นมาจากทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดได้บอกเราเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของพระเจ้า ตามที่ได้เขียนเอาไว้ใน โรม 6:23 ว่า “ เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซู คริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา “ พระเยซูทรงยกโทษบาปทั้งหมดของเราโดยน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ 
 

เราจะต้องไม่เพิกเฉยแต่ให้เชื่อในพระวจนะและพระเจ้า
 
การเชื่อในพระเยซูไม่ได้หมายความว่าท่านรอดจากบาปโดยไม่มีเงื่อนไข การร่วมในคริสต จักรของท่านไม่ได้หมายความว่าท่านได้เกิดใหม่โดยไม่มีเงื่อนไข พระผู้เป็นเจ้าตรัสใน ยอห์น 3 ว่ามีเพียงผู้ที่เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่สามารถได้เห็นและได้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้ พระเยซูทรงทรงบอกนิโคเดมัสผู้เป็นผู้นำของชาวยิวและมีความเชื่อในพระเจ้าอย่างเด็ด ขาดว่า “ ท่านเป็นอาจารย์ของชาวยิว ท่านยังไม่เข้าใจการเกิดใหม่หรือ? ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดโดยน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้ามิได้ “ ผู้คนที่เชื่อในพระเยซูจะสามารถเกิดใหม่ได้เพียงเมื่อพวกเขามีความเชื่อในด้ายสีฟ้า (พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์ไปเพียงครั้งเดียวเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมา), ด้ายสีแดงเข้ม (พระเยซูทรงสิ้นพระ ชนม์เพื่อความผิดบาปของเรา) และด้ายสีม่วง (พระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด ทรงเป็นพระเจ้า และทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า) ดังนั้นผู้มีบาปทั้งหมดจะต้องเชื่อผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่พบได้ในทุกส่วนของพลับพลาว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของผู้มีบาป 
เพราะว่ามีหลายคนที่เชื่อในพระเยซูโดยไม่ได้เชื่อในความจริงที่ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะเกิดใหม่ได้และไม่รู้จักพระวจนะของการเกิดใหม่ พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงบอกเราอย่างชัดเจนว่าแม้ว่าเราสารภาพว่าเชื่อในพระเยซู แต่ถ้าเราไม่ได้เกิดใหม่แล้ว เราก็จะไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่เป็นอาณาจักรของพระบิดาได้ และก็ไม่สามารถมีชีวิตของความเชื่อที่ถูกต้องได้ 
ในความคิดของมนุษย์เองนั้น เราอาจจะสงสัยว่ามันจะดีเพียงใดหากคริสเตียนทั้งหมดได้ รับการยืนยันให้ได้เกิดใหม่โดยไม่ต้องห่วงว่าพวกเขาเชื่อมากน้อยเท่าใด มันไม่เป็นเช่นนั้นหรือ? หากเรารอดได้เพียงแค่เรียกขานพระนามของพระเยซูและยืนยันความเชื่อของเราในพระองค์เพียงคำพูดโดยไม่แม้แต่รู้จักรายละเอียดของสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อช่วยมนุษยชาติแล้ว ผู้คนก็จะพบว่ามันช่างน่าประหลาดใจนักที่เชื่อในพระเยซูได้อย่างง่ายดาย เราอาจจะขอบพระคุณพระองค์เมื่อใดก็ตามที่เราได้พบกับคริสเตียนใหม่ๆแล้วร้องเพลงว่า “ ฉันได้รับการยกโทษแล้ว ท่านได้รับการยกโทษแล้ว เราทั้งหมดได้รับการยกโทษแล้ว “ “ ตั้งแต่ที่มีผู้ที่เชื่อมากมาย แล้วอะไรคือการเป็นพยานล่ะ? ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่มันเป็น มันไม่ได้วิเศษเลยหรือ? “ หากเป็นกรณีที่ว่าเมื่อใครก็ตามได้เรียกขานพระนามของพระผู้เป็นเจ้าก็จะรอดได้ ผู้คนอาจจะคิดว่าความรอดนั้นช่างง่าย ดายนัก ความรอดของพวกเขาอาจจะเกิดขึ้นหากพวกเขามีชีวิตอยู่ในวิธีใดก็ตามที่พวกเขาปรารถนา แต่พระเจ้าทรงบอกเราว่าเราจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้โดยมีความเชื่อที่มืดบอดเช่นนั้น ในทางตรง กันข้าม พระองค์ทรงบอกเราว่าคนทั้งหลายที่อ้างว่ารอดจากความผิดบาปโดยไม่รู้จักข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นกำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง 
 

สิ่งที่เกิดใหม่คือจิตวิญญาณของท่าน ไม่ใช่เนื้อหนัง
 
พระเยซูทรงเสด็จมาโลกนี้เพื่อเป็นมนุษย์ และทรงช่วยเราให้รอดผ่านข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ บิดาของพระเยซูนั้นเป็นช่างไม้ชื่อโยเซฟ (มัทธิว 13:55) และพระเยซูทรงช่วย งานในการเป็นช่างไม้ของครอบครัวของพระองค์ ทรงทำงานเป็นช่างไม้จนถึงพระชนมายุได้ 29 ปี แต่เมื่อพระองค์ย่างเข้า 30 ปีพระองค์ก็ทรงเริ่มงานของพระเจ้า นั่นคือการทำงานในหน้าที่สาธารณะของพระองค์ 
ดังนั้น ตามที่พระเยซูทรงทำงานทั้งของพระเจ้าและของมนุษย์โดยธรรมชาติ เราผู้ชอบธรรมที่เกิดใหม่ก็มีธรรมชาติที่แตกต่างกันสองอย่างด้วย เรามีทั้งเนื้อหนังและจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตามเมื่อใครสารภาพว่าเชื่อในพระเยซู แม้ว่าจิตวิญญาณของเขาหรือเธอนั้นไม่ได้เกิดใหม่ แล้วคนผู้นี้ก็ไม่ได้เกิดใหม่ นั่นก็คือ เขาหรือเธอไม่ได้เกิดใหม่ทางจิตวิญญาณ หากใครพยายามเชื่อในพระเย ซูโดยไม่มีการเกิดใหม่ในจิตวิญญาณของเขาหรือเธอ คนๆนี้จึงก็แทบจะเป็นผู้ที่พยายามที่จะเกิดใหม่ในเนื้อหนังเหมือนกับนิโคเดมัส และคนผู้นี้ก็จะไม่เคยเป็นผู้ที่เกิดใหม่ได้ แม้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ทรงอยู่ในเนื้อหนังของมนุษย์ที่มีแต่ความอ่อนแอ ดังนั้นเมื่อเรากล่าวว่าเราเกิดใหม่มันก็ต้องหมายความว่าจิตวิญญาณของเราได้เกิดใหม่ไม่ใช่เนื้อหนัง 
หากคนทั้งหลายที่สารภาพว่าเชื่อในพระเยซูไม่ว่าวิธีใดก็ตามได้เกิดใหม่โดยแท้จริง ผู้เขียนได้พยายามที่จะเป็นที่รู้จักว่าเป็นบาทหลวงที่มีเมตตา ทำไม? เพราะผู้เขียนไม่เคยรู้สึกฉุนฉียวต่อผู้ คนที่ไม่ได้เชื่อในความจริง ดังนั้นผู้เขียนไม่ได้หวังอย่างทื่อๆในคำสอนที่ว่าพวกเขาจะมารู้จักความจริง ผู้เขียนเป็นที่รู้จักว่าเป็นบาทหลวงที่มีมารยาทดี, เป็นคนชั้นสูง, มีเมตตา, อ่อนโยนและมีอา รมณ์ขัน นี่จึงเป็นการอธิบายว่าผู้คนสามารถบริสุทธิ์ในเนื้อหนังของตนได้ แน่นอน ผู้เขียนมีภาพ ลักษณ์ที่สวยงามได้เช่นนั้น แต่ผู้เขียนไม่เคยทำเช่นนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผู้เขียนไม่มีความสามารถในการปลูกฝังความประทับใจในจิตใจของท่าน “ บาทหลวงผู้นี้ได้ดูแลภาพลักษณ์ของพระเยซูที่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง “ มันเป็นเพราะว่าเนื้อหนังของมนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเพราะว่าการเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตาและกรุณาเล็กน้อยในเนื้อหนัง ไม่ได้หมายความว่าคนผู้นี้ได้เกิดใหม่อย่างชอบธรรม ไม่มีใครจะเกิดใหม่ได้ในเนื้อหนัง มันเป็นจิตวิญ ญาณที่จะต้องเกิดใหม่โดยการเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าซึ่งเป็นอีกธาตุหนึ่งของมนุษย์ 
เมื่อท่านเชื่อในพระเยซู ท่านจะต้องรู้จักความจริง “ และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย “ (ยอห์น 8:32) มีเพียงความจริงของพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้เราเกิดใหม่ได้ และทำให้เราได้เกิดใหม่เป็นคนชอบธรรมปลดปล่อยจิตวิญญาณเราให้อิสระจากการผู้มัดของความผิดบาป เพียงเมื่อเรารู้จัก, เชื่อ และประกาศพระคัมภีร์ไบเบิ้ลออกไปอย่างถูก ต้องเราก็สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์และมีชีวิตของเราอยู่ในความเชื่อที่แท้จริงได้ เช่นเดียวกับการไป สู่พระที่นั่งกรุณาของที่บริสุทธิ์ที่สุด ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ทำให้จิตวิญญาณของเราได้เกิดใหม่นั้นคือความจริง และความเชื่อของเราในนี้ได้ยกความผิดบาปของเราทั้งหมดและยอมให้เราได้มีชีวิตในความเชื่อพร้อมกับพระเจ้า ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่อยู่ในหัวใจของเราทำให้เราสามารถมีชีวิตอยู่เป็นบุตรของพระเจ้าผู้ที่ได้เกิดใหม่ในจิตวิญญาณและส่องแสงสว่างด้วยพระผู้เป็นเจ้าในความสุข 
การเชื่อในพระเยซูอย่างตาบอดไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้อง การมองในมุมมองมนุษย์ผู้เขียนมีจุดอ่อนหลายอย่าง ผู้เขียนไม่ได้พูดสิ่งนี้ด้วยปากของตนเท่านั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้เขียนได้ทำอะไรบางอย่าง ผู้เขียนได้มาตระหนักว่าตนเองมีจุดอ่อนหลายอย่างด้วยกัน เช่น เมื่อผู้เขียนได้เตรียมตัวสำหรับการเข้าค่ายพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเพื่อให้เหล่าวิสุทธิชนทั้งหลายได้เข้าร่วมและให้ผู้ที่มาใหม่ได้ฟังพระวจนะด้วยความสบาย ได้รับพระพรของการเกิดใหม่ ที่มีแรงดลใจในหัวใจของพวกเขาโดยพระสิริของพระเจ้า และได้กลับไปหลังจากกายและใจได้รับการพักผ่อนแล้ว ผู้เขียนก็พบว่ามีหลายสิ่งที่ล้มเหลวในการคิดและจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วสิ่งต่างๆที่ดูแลได้อย่างง่ายดายโดยการให้ความ เอาใจใส่มากขึ้นเพียงเล็กน้อยไปด้ปรากฎขึ้นเมื่อเวลาของการจัดเตรียมได้สิ้นสุดลงและค่ายก็เริ่มต้น ผู้เขียนสงสัยว่าทำไมตนไม่คิดถึงมันมาก่อนและเตรียมมันไว้ล่วงหน้า หากเพียงเมื่อผู้เขียนเข้าร่วมและระมัดระวังมากขึ้นในการวางแผนค่ายพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เหล่าวิสุทธิชนและจิตวิญญาณใหม่ก็จะได้ยินเป็นอย่างดี, รอดจากบาป และได้รับช่วงเวลาที่ดี เช่นเดียวกันนี้ แม้ตอนที่ผู้เขียนทำงานทั้งวัน ก็ยังมีเวลามากมายที่ได้ผลมาไม่ตรงตามต้องการ เพราะการขาดประสิทธิภาพของตนเอง ผู้เขียนเองระมัดระวังเป็นอย่างดีในความจริงที่ว่าผู้เขียนได้มีจุดอ่อนมากมายนัก 
“ ทำไมเราไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้? ทำไมเราไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้? ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือการเอาใจใส่ให้มากขึ้น และทำไมเราจึงทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้? “ เมื่อผู้เขียนได้รับใช้ข่าวประเสริฐอย่างแท้จริง ผู้เขียนก็ตระหนักได้ถึงจุดอ่อนของตนบ่อยขึ้น ดังนั้นผู้เขียนจึงรู้ตัวและยอมรับมัน “ นี่คือที่เราเป็น ที่คือสิ่งที่เราขาด “ ผู้เขียนไม่ได้เพียงแค่พูดด้วยปากของตน และผู้เขียนไม่พยายามที่จะพูดโอ้อวด แต่ความจริงแล้ว ผู้เขียนเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ลองดูที่ตัวเองผู้เขียนรู้สึกว่าตนเองนั้นมีจุดอ่อนมากมายนัก 
 


เราได้รับความบริสุทธิ์ผ่านความเชื่อของด้ายสีฟ้า

 
เมื่อผู้คนได้คิดถึงตัวเอง พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถทำทุกสิ่งได้ดีโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แต่เมื่อพวกเขาจัดการกับงานได้โดยแท้จริง ความสามารถและจุดอ่อนที่แท้จริงของพวกเขาก็เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน พวกเขาค้นพบว่าพวกเขา ขาดแคลนอย่างแท้จริงและพวกเขาทำบาปและทำข้อผิดพลาดโดยไม่มีทางเลือก เช่นกันนี้เมื่อผู้คนคิดว่าพวกเขาโอเคแล้ว พวกเขาหลอกตัวเองให้คิดว่าพวกเขาได้เข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้เพราะว่าเขามีความเชื่อที่ดีเช่นใด 
แต่เนื้อหนังไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่มีเนื้อหนังใดที่ไม่มีจุดอ่อน และมันมักจะผิดและเปิดเผยจุดอ่อนของตนมาเสมอ หากท่านคิดว่าท่านสามารถเข้าไปในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้เพราะว่าความดีบางอย่างที่เนื้อหนังของท่านได้ทำเอาไว้ ท่านก็จะต้องตระหนักว่าไม่ต้องสงสัยว่าเนื้อหนังของท่านได้ทำอะไรไป เพราะมันไร้ประโยชน์มากต่อพระพักตร์ของพระเจ้า มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เราได้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้ก็คือความเชื่อของเราในพระวจนะของความจริงที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดนั่นคือในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม 
หากพระเจ้าไม่ทรงช่วยเราให้รอดโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มแล้ว เราจะไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ เราไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้โดยไม่ต้องสงสัยว่าความเชื่อของเราจะแรงกล้าเพียงใด ทำไม? ก็เพราะว่าหากในกรณีนี้ มันก็หมายความว่าความเชื่อของเราในเนื้อหนังจะต้องดีทุกวันสำหรับเราที่จะสามารถเข้าไปข้างในได้ หากเราสามารถเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าได้ เพียงเพราะความเชื่อที่ดีของเราทุกวัน เราผู้ที่มีความอ่อนแอในเนื้อหนังจะสามารถทำให้ความเชื่อของเราได้ จะสร้างความเชื่อที่ดีได้ทุกวันและสามารถเข้าไปสู่มันได้อย่างไร เมื่อมันไม่มีทางสำ หรับเราแล้วที่จะได้รับการยกความผิดบาปด้วยตัวเอง และเมื่อเราไม่มีความเชื่อในการปรับ เปลี่ยนทุกวันเมื่อใดก็ตามที่เราทำบาป เราจะสามารถสร้างความเชื่อที่ดีพอจะเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าได้อย่างไร? ร่างกายของเราจะเป็นร่างกายที่บริสุทธิ์ของการอธิษฐานและการอดอาหารทุกวัน แต่หากร่างกายของใครบริสุทธิ์แล้วก็จะบริสุทธิ์มากขึ้นและใครเคยทำสิ่งนี้บ้าง? 
หากพระเจ้าไม่ทรงช่วยเราผ่านด้ายสีฟ้ว, สีม่วง และสีแดงเข้มก็จะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ ความเชื่อของเราจะเป็นเช่นนั้นชั่วขณะหนึ่งแต่ก็จะหายไปหลังจากนั้น เมื่อเนื้อหนังของเราดีเพียงเพื่อหายไปอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีก เราก็รู้สึกสับสนไม่ว่าจะมีความเชื่อแท้จริงหรือไม่ และก็สิ้นสุดลงด้วยการสูญเสียความเชื่อที่เรามีในตอนแรก เราก็มีความผิดบาปมากขึ้นยาว นานหลังจากที่ได้เชื่อในพระเยซู ในตอนแรก แต่พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดอย่างสมบูรณ์ตามแผน การของความรอดของพระองค์ที่ได้แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี พระ องค์ทรงประทานการยกความผิดบาปมาให้เรา 
เพียงเมื่อเรามีหลักฐานนี้ที่เราได้สลักไว้บนแผ่นทองคำบริสุทธิ์ว่า “ บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ “ ไว้ที่มาลาของเราเหมือนกับมหาปุโรหิต (อพยพ 28:36–38) จากนั้นเราสามารถทำการเป็นปุโรหิตของเราให้ลุล่วงไปได้ ผู้ที่สามารถยืนยันว่า “ บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ “ ของพวกเขาให้แก่ผู้คนในขณะที่พวกเขารับใช้พระองค์ดุจเป็นปุโรหิตของพระองค์จึงเป็นผู้หนึ่งที่มีหลักฐานในหัวใจของพวกเขาว่าพวกเขาได้รับการยกความผิดบาปโดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ 
แผ่นทองคำบริสุทธิ์ได้ผูกไว้บนมาลาของมหาปุโรหิต และสิ่งที่ใช้ผูกแผ่นทองคำบริสุทธิ์กับมาลาก็เป็นด้ายสีฟ้าเช่นเดียวกัน แล้วทำไมพระเจ้าทรงตรัสว่ามาลาควรจะผูกด้วยด้ายสีฟ้า? สิ่งที่จำเป็นสำหรับพระผู้เป็นเจ้าของเราที่จะทรงช่วยเราให้รอดก็คือด้ายสีฟ้า และด้ายสีฟ้านี้ก็หมายถึงบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับเพื่อรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์ หากพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงลบมลทินบาปของเราออกไปโดยการรับเอาไว้ที่พระองค์ในพันธสัญญาฉบับใหม่ผ่านการรับบัพติศมาของพระองค์ ซึ่งเหมือนกับการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่า แล้ว เราก็ไม่สามารถได้ รับความบริสุทธิ์จากพระเยโฮวาห์ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเราเชื่อในพระเยซูดีเพียงใด นี่คือเหตุผลที่ผูกแผ่นทองคำบริสุทธิ์เข้ากับมาลาด้วยด้ายสีฟ้า และทุกคนที่ได้เห็นมหาปุโรหิตพร้อมกับแผ่นทอง คำที่สลักว่า “ บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ “ สามารถระลึกกับตัวเองได้ว่าพวกเขาจะต้องบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าโดยการได้รับการยกความผิดบาปของพวกเขา และมันทำให้ผู้คนคิดว่าพวกเขาจะบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าได้อย่างไร 
จากนั้นเราจะต้องระลึกว่าเราเป็นผู้ชอบธรรมได้อย่างไรด้วย เราเป็นผู้ชอบธรรมได้อย่าง ไร? เราลองมาอ่าน มัทธิว 3:15 กัน “ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘ บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสม ควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ ‘ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์ “ พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดจากความผิดบาปของเราโดยการรับบัพติศมา เนื่องจากรพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์ด้วยบัพติศมาของพระองค์ คนทั้งหลายที่เชื่อในสิ่งนี้จึงไม่มีบาป หากพระเยซูไม่ทรงรับบัพติศมา เราจะกล้าที่จะกล่าวว่าเราไม่มีบาปได้อย่างไร? ท่านได้รับการยกความผิดบาปเพียงเมื่อท่านสารภาพว่าเชื่อในการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูด้วยความจริงใจของท่านด้วยน้ำตาหรือไม่? มีหลายคนที่พยายามหลั่งน้ำตาโดยการคิดถึงความตายของปู่ย่าตายายของตนเอง หรือความยากลำบากเมื่อพวกเขาเจ็บป่วย หรือความระทมทุกข์ของตนในอดีต เพราะพบว่ามันยากที่จะโศกเศร้าจากความตายของพระเยซูผู้ที่พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆด้วยเลย ไม่ว่าท่านจะแสร้งทำเป็นร้องให้เช่นนี้หรือท่านเศร้าโศกอย่างแท้จริงจากการถูกตรึงบนไม้กาง เขนของพระเยซู ความผิดบาปของท่านก็ไม่มีการหายไปด้วยวิธีเช่นนี้ 
ตามที่แผ่นทองคำบริสุทธิ์ที่สลักว่า “ บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ “ ที่ผูกด้วยด้ายสีฟ้ากับมาลาของมหาปุโรหิต สิ่งที่ลบมลทินบาปของเราและทำให้เราบริสุทธิ์ก็คือบัพติศมาของพระเยซู หัวใจของเราได้รับการยกความผิดบาปเพราะว่าพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของเราไปที่พระองค์ด้วยบัพติศมาของพระองค์, เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงแบกรับความผิดบาปของเราทั้งหมดไว้ที่พระองค์ และเพราะว่าความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ เราเป็นผู้ชอบธรรมและรอดโดยสมบูรณ์โดยพระวจนะของด้ายสีฟ้าที่ได้เขียนเอาไว้ในพระคัมภีร์ ไม่ต้องสงสัยว่าหัวใจของเราจะปราศจากอารมณ์เพียงใดและไม่ต้องสงสัยว่าเราอาจจะกระทำอย่างลำบากเพียงใด เมื่อเราดูที่เนื้อหนังของเรา เราไม่สามารถได้รับเกียรติได้ แต่เพราะว่าความเชื่อของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มได้อยู่ในหัวใจของเรา นั่นก็คือเพราะว่าเรามีข่าวประเสริฐของที่สมบูรณ์ที่บอกเราว่าพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของเราไปไว้ที่พระองค์ผ่านบัพติศมาและทรงแบกรับการปรับโทษบาปของเราบนไม้กางเขนเราสามารถกล่าวถึงข่าวประเสริฐนี้ได้อย่างกล้าหาญและไร้ความกลัว มันเป็นเพราะว่าเรามีข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่เราสามารถมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อของเราดุจเป็นคนชอบธรรม และประกาศความชอบธรรมนี้ไปสู่ผู้คนเช่นเดียวกัน 
เราไม่สามารถขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าของเราได้เพียงพอ ตามที่ความรอดของเราไม่ได้ มาโดยบังเอิญ เราก็ต้องขอบพระคุณมากยิ่งขึ้นไปอีก ความรอดที่เราได้รับไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่เพียงแค่ใครก็ตามจะได้รับได้หากเขาหรือเธอไม่เชื่ออย่างถูกต้อง การถามพระผู้เป็นเจ้าอย่างเพ้อฝันด้วยตัวเองว่า “ พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า “ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ทำเช่นนั้นจะสามารถรอดจากบาปได้ เนื่องจากเรามีหลักฐานในหัวใจของเราที่ว่าความผิดบาปของเราได้หายไปผ่านข่าวประ เสริฐของน้ำและพระวิญญาณ และที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี เราจึงขอบคุณต่อความรอดอันยิ่งใหญ่นี้ 
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกเราว่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้ามีพยานในหัวใจของเขาหรือเธอ (1 ยอห์น 5:10) หากไม่มีพยานในหัวใจของเราแล้ว เราก็จะเปลี่ยนให้พระเจ้าทรงเป็นคนโกหก และดังนั้นเราจะต้องมีหลักฐานสุดท้ายในหัวใจของเรา ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะถอยกลับไปหากผู้ใดท้าทายท่าน “ยืนยันสิว่าท่านรอดแล้วท่านกล่าวว่าเมื่อคนได้รับการยกความ ผิดบาป พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของประทาน และกล่าวว่ามีหลักฐานอย่างชัดเจน แสดงหลักฐานมาสิ “ ท่านสามารถแสดงหลักฐานอย่างกล้าหาญตามนี้ว่า “ ฉันมีข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระเยซูทรงช่วยฉันทั้งหมดอยู่กับตัวเอง เพราะว่าฉันรอดอย่างสมบูรณ์โดยพระองค์ ฉันไม่มีบาป” 
หากท่านไม่มีหลักฐานของความรอดของท่านในหัวใจของท่าน แล้วท่านก็ไม่รอด ไม่ต้องสงสัยอย่างกระตือรือร้นว่าผู้คนจะเชื่อในพระเยซูเพียงใด เพราะในตัวของมันเอง เพราะในตัวของมันเองไม่ได้ประกอบเป็นความเชื่อของพวกเขา นี่จึงเป็นเพียงความรักที่ไม่มีการตอบสนอง มันเป็นความรักที่ไม่คำนึงถึงว่าผู้อื่นจะรู้สึกเช่นใด เมื่อใครก็ตามที่มีหัวใจที่กระวนกระวาย ที่รอคอยบางสิ่งจากเรา รู้สึกรัก และดูเราราวกับว่าเขาหรือเธอกำลังตายไป มันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรักคนนี้กลับ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าไม่ทรงโอบกอดคนทั้งหลายที่ไม่ได้รับการผิดบาปของตนไปสู่อ้อมพระกรของพระองค์เพียงเพราะหัวใจของพวกเขากำลังเข้าไปสู่พระองค์ ไม่มีสิ่งอื่นใดมากไปกว่าความ รักที่ไม่มีเงื่อนไขของผู้มีบาปเพื่อพระเจ้า 
เมื่อเรารักพระเจ้า เราจะต้องรักพระองค์โดยการเชื่อในพระวจนะของพระองค์ในความจริง ความรักของเราสำหรับพระองค์จะต้องไม่มีด้านเดียว เราจะต้องบอกความรักของเราต่อพระองค์ และอันดับแรกเราจะต้องค้นพบว่าพระองค์ทรงรักเราอย่างแท้จริงหรือไม่ก่อนที่เราจะรักพระองค์ หากเราให้ความรักของเราแก่ผู้อื่นผู้ที่ไม่รักเรา ทั้วหมดก็จะสิ้นสุดลงด้วยหัวใจสลาย 
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสวมพระสิริของความคิดให้เราเพื่อว่าเราจะไม่ได้รับการปรับโทษบาปสำหรับมัน พระองค์ทรงยอมให้เราได้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า และทรงประทานของขวัญที่ทำให้เราได้ความรอดจากบาปโดยพระคุณของพระองค์ ความรอดของพระเจ้าเพียงอย่างเดียวที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เรา อีกหนัยหนึ่ง ทำให้เราสามารรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ประทานพระพรมาให้ 
 

ความรอดที่พระเยซูทรงนำมาให้เรา
 
พระผู้เป็นเจ้าของเราผ่านด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม พระองค์ทรงประทานความรอดที่สร้างขึ้นจากด้ายทั้งสามสีที่ต่างกันนี้ให้เรา ความรอดของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มนี้จึงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากของประทานของความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้ มันคือของประทานของความรอดที่ทำให้เราได้เข้าไปและมีชีวิตอยู่ในที่บริสุทธิ์ 
ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้เปลี่ยนให้ท่านและผู้เขียนไปเป็นคนชอบธรรม มันยอมให้เราได้เข้ามาสู่คริสตจักรของพระเจ้าและมีชีวิตของความริสุทธิ์ และข่าวประเสริฐที่แท้ จริงก็ให้เราได้ดูแลพระวจนะของพระเจ้าและได้รับพระคุณของพระองค์ มันยังยอมให้เราได้ไปอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ของพระคุณของพระเจ้าและอธิษฐาน และก็ให้ความเชื่อแก่เราที่เราสามารถรับเอาพระคุณอันสมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานมาให้เรา พระเจ้าทรงประทานพระพรอันยิ่งใหญ่โดยความรอดของเรามาให้เรา นี่คือเหตุผลที่ความรอดนั้นช่างล้ำค่านัก 
พระเยซูทรงบอกเราให้สร้างบ้านของความเชื่อไว้บนศิลา (มัทธิว 7:24) ศิลานี้จึงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากความรอดของเราที่จะมาผ่านข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ดังนั้น เราจะต้องมีชีวิตของเราทั้งหมดของความเชื่อโดยการรอดจากบาป ได้เป็นคนชอบธรรมโดยการรอดจากบาป, ได้มีชีวิตนิรันดร์โดยการรอด และได้เข้าสู่สวรรค์โดยการรอดจากบาป 
ช่วงเวลาสุดท้ายของโลกนี้ใกล้เข้ามาถึงเราแล้ว ดังนั้นในยุคนี้ผู้คนมีเหตุผลมากขึ้นมาการรอดโดยโลกที่แท้จริง มีบางคนที่กล่าวว่าผู้ที่รอดได้โดยการเชื่อในพระเยซูอย่างคร่าวๆโดยไม่มีความรู้ในความเชื่อของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงชีวิตของความเชื่อ เพราะมันพอแล้วที่จะรอดในวิธีนี้ 
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงสิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็เพราะว่ามีเพียงผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปของพวกเขาในหัวใจเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยชีวิตของความเชื่อที่พระเจ้าทรงยืนยัน เพราะว่าหัวใจของเหล่าวิสุทธิชนทุกคนที่ได้รับการยกความผิดบาปคือวิหารบริสุทธิ์ที่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ เขาหรือเธอจะต้องมีชีวิตของตนในชีวิตของความเชื่อเพื่อที่จะไม่สร้างมลทินให้ความบริสุทธิ์นี้ 
คนชอบธรรมมีชีวิตของตนในมิติที่ที่แตกต่างกันทั้งหมดจากวิถีชีวิตของผู้มีบาป จากทัศน คติของพระเจ้าวิถีชีวิตของผู้มีบาปอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของพระองค์มาก ชีวิตของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความหลอกลวง พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตตามพระบัญญัติ พวกเขากำหนดมาตร ฐานของตนเองว่าจะเดินอย่างไร จะมีวิถีชีวิตอย่างไร จะพูดอย่างไร และควรจะหัวเราอย่างไร 
แต่นี้อยู่ห่างไกลจากชีวิตของความเชื่อที่คนชอบธรรมมี พระเจ้าทรงบอกคนชอบธรรมในรายละเอียดว่า “ ให้รักพระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยหัวใจทั้งหมดของท่านและมั่นคงและรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนกับที่ท่านรักตัวเอง “ นี่คือวิถีชีวิตที่พระเจ้าประทานให้แก่คนชอบธรรม มันสมควรสำหรับเราผู้ชอบธรรมแล้วที่จะมีชีวิตโดยการรักพระเจ้าหมดหัวใจ และด้วยการเชื่อในพระประสงค์ของพระองค์ด้วยความมั่นคงและความปรารถนาของเรา เราจะต้องลงทุนอย่างมากมายในพระราชกิจของพระองค์เพื่อช่วยเพื่อนบ้านของเราให้รอด นี่คือชีวิตของคริสเตียน 
หากเรายังคงอยู่ในระดับที่เราคิดว่าทุกสิ่งที่เราทำนั้นไม่ใช่บาปแล้ว เราก็จะไม่สามารถเชื่อตามชีวิตของความเชื่อของคริสเตียนที่เกิดใหม่ได้ ก่อนที่ผู้เขียนจะได้เกิดใหม่ ผู้เขียนได้นำชีวิตของความเชื่ออย่างถูกต้องของตนไปในนิกายเพรซบิเทียเรียนอนุรักษ์นิยม และตราบเท่าที่ชีวิตของพระบัญญัติได้รับการสนใจขึ้นผู้เขียนก็พยายามที่จะรักษามันไว้อย่างสมบูรณ์ ทุกวันนี้ผู้คนตั้งใจที่จะไม่ทำเช่นนั้น แต่เพราะว่าผู้เขียนได้นำชีวิตชีวิตทางศาสนาของตนห่างไกลออกไป ผู้เขียนจึงเต็มใจที่จะรักษาพระบัญญัติในชีวิตประจำวันทุกวัน ตามที่พระบัญญัติได้สั่งว่าควรจะรักษาวันสะบาโตและจดจำไว้เสมอ ผู้เขียนเชื่อฟังพระบัญญัติทั้งหมดโดยที่ไม่เคยทำงานในวันของพระผู้เป็นเจ้าเลย ผู้ เขียนจึงไม่เคยที่จะขับรถไปไหนเลยในวันอาทิตย์ หากผู้เขียนต้องการให้ท่านมีชีวิตเหมือนที่ผู้เขียนทำนี้ ก็จะไม่มีใครมีชีวิตถูกต้องทั้งหมดเช่นนั้นได้ นี่จึงเป็นชีวิตที่ถูกต้องตามหลักก่อนผู้เขียนจะได้เกิดใหม่ อย่างไรก็ตามไม่ต้องสงสัยว่าก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้ใช้วันทางศาสนาของตนอย่างไร เพราะไม่ได้ทำอะไรร่วมกับพระประสงค์ของพระเจ้าเลย 
ผู้อ่านทั้งหลายท่านมีความเชื่อของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มหรือไม่? เราสามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ด้วยความเชื่อของเราเพราะว่าความรอดของพระเยซูนั้นมีอยู่ในด้ายทั้งสามสีนี้ ความรอดของเรานั้นสมบูรณ์มา 2000 กว่าปีแล้ว แม้ว่าก่อนที่เราจะมารู้จักพระเยซู คริสต์ พระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไปไว้ที่พระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาและแบกรับเอาการปรับโทษบาปของเราไปโดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
 

ความรอดจากบาปได้กำหนดในพระเยซู คริสต์
 
เมื่อคนทั้งหลายที่ไม่ได้เกิดใหม่ได้เข้าไปในพลับพลา พวกเขาไม่ได้เข้าไปผ่านประตูของลานพลับพลา แต่พวกเขาแอบปีนเข้าไปทางรั้ว พวกเขากล่าวว่า “ ทำไมผ้าป่านเนื้อดีของรั้วนั้นช่างสีขาวนัก? มันช่างลำบากมาก มันควรจะย้อมเป็นสีแดงหรือสีฟ้า สีนี้มันไปเห็นสวยเลย แต่รั้วนี้มันขาวเกินไป ! มันทนเกินไป และทำไมมันถึงสูงอะไรเช่นนี้? มันสูงเกิน 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) ฉันสูงยังไม่ถึง 2 เมตรเลย แล้วฉันจะเข้าไปในรั้วที่สูงนี้ได้อย่างไร? ฉันไม่สามารถปีนโดยใช้บันไดได้ ! “ 
คนเช่นนั้นพยายามเข้าไปด้วยการกระทำที่ดีของตน พวกเขาปีนรั้วของลานพลับพลาเข้าไปด้วยการเสนอของตัวเอง ด้วยงานที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และด้วยความอดทน และพวกเขาก็กระโดดลงมาจากรั้วแล้วกล่าวว่า “ ฉันกระโดดข้ามรั้วสูง 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) ไปได้อย่างแน่นอน “ พวกเขามองและเห็นแท่นสำหรับเผาบูชาแล้วปีนเข้าไปในลานหน้าพลับพลา และพวกเขาก็ละสายตาจากแท่นสำหรับเผาบูชาและมองตรงไปยังที่บริสุทธิ์ และสิ่งแรกที่พวกเขาได้เห็นก็คือขันทองสัมฤทธิ์ที่วางอยู่ข้างหน้านั้น 
ความสูงของเสารั้วของลานพลับพลาคือ 2.25 เมตร (7.5 นิ้ว) แต่ความสูงของเสาและแผ่นประตูของที่บริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่คือ 4.5 เมตร (15 ฟุต) ผู้คนสามารถเข้าไปสู่ลานพลับพลาได้ด้วยตนเองหากพวกเขาพยายามเพียงพอ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ข้ามรั้วสูง 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) ไปได้และเข้าไปข้างในลานพลับพลาได้ พวกเขาก็จะกระโดดข้ามรั้วสูง 4.5 เมตร (15 ฟุต) ของรั้วและแผ่นประตูที่บริสุทธิ์เข้าไปเพราะพวกเขาพยายามเข้าไปยังที่ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่แต่คนสามารถข้ามรั้วสูง 2.5 เมตร (8.3 ฟุต) เข้าไปได้ด้วยความพยายามของตน และพวกเขาไม่สามารถข้ามรั้วสูงกว่า 4.5 เมตร (15 ฟุต) ที่กำหนดโดยพระเจ้าเข้าไปได้ นี่คือข้อจำกัดของพวกเขาเอง 
นี่ก็หมายความว่าเมื่อเราเชื่อในพระเยซู เป็นอันดับแรก เราก็สามารถเชื่อให้เป็นศาสนาโดย ง่าย บางคนสามารถเชื่อในพระเยซูว่าเป็นผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาด้วยความตั้งใจของตนเอง และเชื่อว่าผู้ช่วยให้รอดคือหนึ่งในสี่นักปราชญ์อันยิ่งใหญ่ พวกเขาสามารถมีความเชื่อของตนไม่ว่าพวกเขาจะเลือกวิธีใด ได้โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้คนเชื่ออย่างไร แต่พวกเขาไม่สามารถเกิดใหม่โดยแท้จริงผ่านความเชื่อเช่นนั้น 
พวกเขาต้องผ่านประตูของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มโดยความเชื่อของพวกเขาเพื่อให้ได้เกิดใหม่โดยแท้จริง เราเกิดใหม่ต่อพระพักตร์พระเจ้าโดยการเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราและทรงเป็นประตูของความจริง และเชื่อว่าพระองค์ทรงช่วยเราโดยน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ ความเชื่อที่เชื่อในพระราชกิจของพระเยซูที่ได้แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มจึงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากความเชื่อของน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ ผู้คนเป็นอิสระจากการเชื่อในสิ่งอื่น แต่ไม่มีการยืนยันอย่างแน่นอนว่าพวกเขาจะรอดได้และจะได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่ได้โดยการเชื่อเช่นนั้น มีเพียงความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่สามารถได้รับการยืนยันจากพระเจ้าและได้รับพระสิริอันยิ่งใหญ่และพระพรของความรอดของพระเจ้า ประเด็นของความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณก็คือการได้สวมในพระสิริของพระเจ้า 
ท่านคิดถึงพลับว่าว่ามีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากอย่างแท้จริงด้วยบ้านที่ตั้งอยู่ในนั้นไหม? สิ่งนี้ไม่สามารถให้ผลประโยชน์ใดๆต่อความเชื่อของท่านเลย พลับพลาบอกเราเกี่ยวกับความเชื่อทั้ง หมด และเราจะต้องทราบว่าความเชื่อที่แท้จริงนั้นคืออะไร
ท่านอาจจะไม่รู้จักพลับพลาเป็นอย่างดี อาจจะไม่ทราบความสูงของรั้วพลับพลาว่าสูง 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) แต่ไม่ใช่ในกรณีนี้ หากเราไม่ได้เข้าไปในลานแต่ดูที่พลับพลาอยู่นอกรั้ว ก็จะเห็น ได้ว่าพลับพลานั้นสูงกว่ารั้วถึงสองเท่า เรายังคงเห็นประตูของมันอย่างชัดเจนแม้ว่าเราไม่สามารถเห็นก้นของพลับพลาได้ ซึ่งมันบอกเราว่าพลับพลาตั้งอยู่สูงกว่ารั้วของลานพลับพลา 
คนทั้งหลายที่ได้รับการยกความผิดบาปโดยการเชื่อในพระเยซูและได้เข้าไปในประตูทาง เข้าของลานพลับพลาจะต้องยืนยันความเชื่อที่เหมาะสมของพวกเขาตรงแท่นสำหรับเผาบูชาและขันทองสัมฤทธิ์ และจากนั้นก็เข้าไปยังที่บริสุทธิ์ เครื่องใช้ต่างๆภายในที่บริสุทธิ์จะต้องแยกออกจากเครื่องใช้ทั้งหมดที่พบภายนอกที่บริสุทธิ์ 
ท่านทราบไหมว่าซาตานเกลียดอะไรที่สุด? เขาลังเลว่าเส้นที่แบ่งความแตกต่างระหว่างภายในและภายนอกของที่บริสุทธิ์นั้นถูกวาดเอาไว้ เพราะว่าพระเจ้าทรงทำงานกับผู้ที่บ่งภายนอกและภายในที่บริสุทธิ์ ซาตานเกลียดเส้นที่ได้วาดและผูกเอาไว้เพื่อป้องกันผู้คนจากการวาดเส้นนี้ แต่ให้จำไว้ว่า พระเจ้าทรงทำงานอย่างชัดเจนโดยคนเหล่านี้ที่วาดเส้นความแตกต่างของความเชื่อ พระเจ้าทรงพอพระทัยคนเช่นนั้นผู้ที่วาดเส้นแบ่งเขตนี้ และพระองค์ประทานพระพรของพระองค์มาให้พวกเขาเพื่อว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ภายในที่บริสุทธิ์ด้วยความเชื่ออันอร่ามเรืองรองได้ 
การเชื่อว่าเครื่องใช้ทั้งหมดภายนอกลานพลับพลาและวัสดุทุกสิ่งที่มช่ในนั้นได้จัดเตรียมและจัดการเอาไว้ล่วงหน้าโดยพระเจ้าแล้วเพื่อว่าผู้คนจะสามารถได้รับการยกความผิดบาปของคนได้ และเมื่อท่านเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์โดยการเชื่อในสิ่งนี้ พระเจ้าจะประทานพระสิริและพระพรอันยิ่งใหญ่มาให้ท่าน 
 

พระที่นั่งกรุณาคือที่ที่ได้รับความกรุณาของความรอด
 
พระที่นั่งกรุณาคือที่ที่ได้รับความกรุณาของความรอด
ในที่บริสุทธิ์ที่สุด เครูปทองคำสองรูปที่ติดปีกทั้งสองแล้วมองลงมาที่พระที่นั่งกรุณาเหนือฝาที่ปกหีปพระโอวาท ช่องว่างระหว่างเครูปทองคำทั้งสองนั้นคือพระที่นั่งกรุณา พระที่นั่งกรุณาคือที่ที่พระเจ้าประทานพระกรุณาของพระองค์มาให้เรา ฝาของหีปพระโอวาทนั้นเคยเปื้อนเลือดที่มหาปุโรหิตได้ประพรมเลือดของสัตว์สังเวยจากผู้คนชาวอิสราเอลบนพระที่นั่งกรุณานี้เจ็ดครั้ง พระเจ้าทรงเสด็จลงมาบนพระที่นั่งกรุณาและประทานความกรุณาของพระองค์มาสู่ชาวอิสราเอล พระพร การปกป้อง และการชี้นำของพระเจ้าได้เริ่มต้นกับผู้ที่เชื่อในสิ่งนี้ นับจากนั้นพวกเขาเป็นคนของพระเจ้าอย่างแท้จริงและสามารถเข้าสู่ที่บริสุทธิ์ได้อย่างถูกต้อง 
ในหมู่คริสเตียนทั้งหลายในโลกนี้ มีบางคนที่มีความเชื่อที่อนุญาตให้พวกเขาได้เข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ ขณะที่คนอื่นที่ไม่มีความเชื่อที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ ท่านมีความเชื่อแบบไหน? เราต้องการความเชื่อที่สามารถวาดเส้นของความรอดได้อย่างชัดเจนและเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าได้ เพราะด้วยการทำเช่นนั้นเราสามารถได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้าได้ 
แต่การมีความเชื่อเช่นนี้ไม่ง่ายเลย เนื่องจากซาตานเกลียดเมื่อผู้คนที่วาดเส้นของความรอดอย่างชัดเจน เขาพยายามอย่างมั่นคงที่จะทำให้เส้นนั้นไม่ชัดเจน “ ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อในวิธีนั้น ไม่มีใครเชื่อเช่นนั้น ดังนั้น ทำไมท่านจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมันและรักษามันไว้กับท่าน? ทำตัวตามสบาย ปล่อยมันเป็นไป “ ซาตานกล่าวเช่นนั้นเพื่อพยายามที่จะปิดบังเส้นของความรอดที่ชัดเจนนี้ ซาตานก็เปิดเผยความอ่อนแอของเนื้อหนังของเราและพยายามเปลี่ยนเราไปสู่ปัญหา ท่านอยากจะเป็นผู้ที่ฟังคำหลอกลวงของซาตานที่พยายามแยกท่านออกจากพระเจ้าไหม? หรือท่านจะมีชีวิตด้วยการระลึกถึงความรอดในทุกวันร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักร เชื่อตามพระวจนะของพระ เจ้านำชีวิตของการอธิษฐาน และได้รับความกรุณาที่พระเจ้าประทานมาให้ท่าน? 
จริงๆแล้ว คนทั้งหลายที่ได้รับการยกความผิดบาปชอบที่จะระลึกกับตัวเองเสมอถึงความรอดของตน พวกเขาชอบที่จะอยู่ในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณซ้ำแล้วซ้ำอีก การให้ความสนใจกับข่าวประเสริฐนั้นเป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นสำหรับท่าน ท่านเป็นเช่นนี้ไหม? “ มันเป็นเรื่องนั้นอีกครั้งไหมเมื่อเรารอด? เรื่องต่างๆและโครงเรื่องอาจจะแตกต่างกัน แต่มันยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ ฉันรู้สึกเหนื่อยกับมันเหลือเกิน ! “ 
มีใครที่จะพูดอย่างนี้ไหม? ผู้เขียนขอโทษด้วยหากกล่าวถึงเรื่องเก่าของตัวเองทุกวัน แต่เมื่อพระคัมภีร์บอกเราว่าเราควรคิดถึงความรอดของเราทุกวันเราจะทำอะไรได้? เมื่อพันธสัญญาฉบับ เก่าและฉบับใหม่ได้กล่าวกับเราถึงข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ สิ่งที่เป็นความชั่วร้ายต่อพระพักตร์พระเจ้าคือสำหรับผู้คนที่ประกาศสิ่งอื่นออกไปนอกเหนือจากนั้น พระวจนะของพระคัม ภีร์ไบเบิ้ลทั้งหมดกล่าวถึงข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณว่าเป็น “ ความรอด, ชีวิตของความเชื่อ, ความเชื่อ, การมีชีวิตทางพระวิญญาณ, การต่อสู้กับซาตาน, สวรรค์, สง่าราศี, ความกรุณา, พระพร, การฟื้นขึ้นมาจากความตาย, ชีวิตนิรันดร์, ความหวัง และพระวิญญาณบริสุทธิ์ “ กุญแจทั้งหมดเป็นกรอบความคิดของเหล่าวิสุทธิชนที่มีความสัมพันธ์กับข่าวประเสริฐที่แท้จริงนี้ การกล่าวถึงสิ่งอื่นนอกจากนี้เป็นคำสอนที่ผิดและนอกรีต สิ่งที่อาจดูเหมือนกันแต่แตกต่างกันในเนื้อหาก็เป็นอื่น ไปไม่ได้นอกจากการสอนผิดๆ ข่าวประเสริฐที่ปรากฏเหมือนกันในภายนอกแต่แตกต่างกันภาย ในจากข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นเป็นข่าวประเสริฐที่ไม่จริงของศาสนาปลอม 
การที่คริสตจักรของพระเจ้าเผยแพร่พระวจนะของพระเจ้าไปทุกวันโดยไม่ใช่พระวจนะที่หลอกลวงของศาสนาปลอมมันช่างสวยงามอะไรเช่นนี้? มันเป็นพระพรที่เรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรของพระเจ้า ได้ฟังและเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าอันบริสุทธิ์ คริสตจักรของพระเจ้าได้ให้เหล่าวิสุทธิชนได้คิดถึงพระกรุณาของพระเจ้าทุกวัน, ให้อธิษฐานต่อพระองค์, และให้มีชีวิตที่ไม่ถูกชักนำโดยปีศาจร้าย โดยการประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไปเสมอ ท่านไม่มีความสุขที่ท่านได้ยินอีกครั้งและเชื่อในพระวจนะของความจริงที่ยอมให้ท่านได้รับการยกความผิดบาปหรือ? ผู้เขียนก็มีความสุขเช่นกัน 
หากผู้เขียนถูกบังคับให้ประกาศสิ่งอื่นไปที่ไม่ใช่ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ผู้เขียนก็จะรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง หากผู้เขียนถูกบังคับให้เผยแพร่พระวจะที่ไม่ใช่พระวจนะของความรอดไปแต่ให้เผยแพร่สิ่งอื่นที่เป็นคำสอนของมนุษย์ไปแทน ผู้เขียนก็จะต้องการที่จะหลีกเลี่ยงมัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะว่าผู้เขียนไม่มีเรื่องอื่นที่จะพูดแล้ว มีประเด็นต่างๆทางด้านมนุษย์ศาสตร์ที่ผู้เขียนสามารถพูดได้ แต่มันไม่จำเป็นทั้งหมดและมันไม่ใช่การสอนสำหรับผู้ที่เกิดใหม่ 
มีเพียงข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนี้ที่พระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดเป็นพระวจนะของพระเจ้าอันล้ำค่าที่ประทานออกมาด้วยความหวานแม้ว่าเราจะเคี้ยวมันครั้งแล้วครั้งเล่า มีเรื่องต่างๆมากมายที่ผู้เขียนจะสามารถบอกท่านได้ แต่ผู้เขียนชอบมันมากที่สุดในตอนที่ได้กล่าวถึงข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ช่วยเราให้รอด ผู้เขียนมีความสุขที่สุดเมื่อได้พูดถึงความรอดนี้ เพราะเมื่อได้ระลึกถึงอดีตเก่าๆ, ได้ระลึกถึงตัวเองว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยตนให้รอดได้อย่างไร, ได้ขอบพระคุณพระองค์อีกครั้งหนึ่ง และได้รับขนมปังของความรอดอีกครั้งหนึ่ง 
ผู้เขียนมั่นใจว่าท่านจะชอบมันเช่นกันเมื่อท่านได้ยินพระวจนะของความรอดนี้ บางทีท่านอาจจะบ่นว่ามันเป็นเรื่องเดิมๆทุกวัน แต่ลึกๆข้างใน ท่านจะคิดว่า “ ตอนที่ฉันได้ฟังมันอีกครั้งหนึ่ง มันดีกว่าเดิม ตอนแรกมันไม่ดีเลย แต่เมื่อฉันฟังมันเรื่อยๆ ฉันสามารถมองเห็นว่าไม่มีเรื่องอื่นที่มีค่าควรแก่การฟังเหมือนกับสิ่งนี้เลย ฉันคิดว่าเรื่องในปัจจุบันนี้จะเป็นสิ่งที่พิเศษ แต่บทสรุปก็บอกฉันว่ามันเป็นเรื่องเดิมอีกครั้ง แต่ฉันยังคงมีความสุข “ ผู้เขียนมั่นใจว่าหัวใจของท่านจะรู้สึกเช่นนี้ 
พี่น้องทั้งหลาย สิ่งที่ผู้เขียนได้ประกาศนั้นคือพระวจนะของพระเยซู ผู้ประกาศจะต้องประ กาศพระวจนะของพระเยซู การประกาศในสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำเพื่อเราและการเผยแพร่ความจริงของน้ำและพระวิญญาณออกไปผ่านการเขียนพระวจนะนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดไปได้นอกจากสิ่งที่คริสต จักรของพระเจ้าควรจะทำ ตอนนี้เรานำชีวิตของความเชื่อของเราในคริสตจักร การเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์, คันประธีปส่องแสงสว่างด้วยฝีมือของช่างตีทอง, การได้กินขนมปังในเรือนทองคำบริสุทธิ์, การได้อธิษฐานตรงแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม, การไปวิหารของพระเจ้า, การนมัส การพระองค์ และการดำรงชีวิตอยู่ในเรือนทองคำ ทุกสิ่งนี้เป็นสิ่งอื่นใดไปไม่ได้นอกจากชีวิตของความเชื่อของเรา 
ตอนนี้ท่านและผู้เขียนกำลังนำไปสู่ชีวิตของความเชื่อที่พระเจ้าประทานมาให้ การได้รับการยกความผิดบาปและมีชีวิตของความเชื่อเป็นชีวิตภายในบ้านทองคำของพระเจ้าทั้งหมด “ เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นยังคงจำ เริญขึ้นใหม่ทุกวัน “ (2 โครินธ์ 4:16) จิตวิญญาณของเราอยู่ในบ้านของพระเจ้าที่อร่ามเรืองรองด้วยทองคำ ด้วยความเชื่อของเราในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด 
ผู้เขียนขอบพระคุณพระเจ้าตลอดไปสำหรับการช่วยเราให้รอดจากความผิดบาปทั้งหมดของเราและการปรับโทษบาป ฮาเลลูยา!