Search

Kazania

เรื่องที่ 3: ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ

[3-2] การรับบัพติศมาของพระเยซูและการชำระมลทินบาป (มัทธิว 3:13-17)

การรับบัพติศมาของพระเยซูและการชำระมลทินบาป
(มัทธิว 3:13-17)
“แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลพระองค์ว่า ‘ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?’ แล้วพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์ และพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และดูเถิด ท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระวิญญาณของพระเจ้า เสด็จลงมาดุจนกเขาและ สถิตอยู่บนพระองค์ และดูเถิด มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก’”
 
 
มีผู้ใดบ้างที่ยังทุกข์ทรมานจากบาปอยู่?
 
ข้อผูกมัดกับบาปของเรานั้นสิ้นสุดไหม?
สิ้นสุด
 
พระเจ้าของเราทรงปลดโซ่ตรวนแห่งบาปแก่ให้แก่มนุษย์ ทุกคนเหล่านั้นที่ทำงานอยู่ภายใต้บาปย่อมเป็นทาสของบาปอยู่ แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงปลดปล่อยพวกเราอย่างขาวสะอาด ด้วยการชำระบาปของพระองค์ พระองค์ทรงปลดเปลื้องบาปของพวกเราทั้งหมด มีผู้ใดบ้างที่ยังทุกข์ทรมานจากบาปอยู่?
พวกเราต้องเข้าใจว่าการต่อสู้ต่อต้านบาปของเราจบสิ้นแล้ว เราจะไม่ทุกข์ทรมานจากบาปอีก ข้อผูกมัดแห่งบาปของเราได้จบลงเมื่อพระเยซูทรงไถ่บาปให้แก่พวกเรา บ้านทั้งหมดได้จบลงทันทีที่นั่นบาปของพวกเราทั้งหมดได้ถูกไถ่ถอนโดยพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าทรงชำระบาปของพวกเราทั้งหมดผ่านทางพระเยซูผู้ทรงปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปตลอดกาล
ท่านทราบหรือไม่ว่ามีกี่คนที่ทุกข์ทรมานจากบาปของพวกเขาอยู่? มันเริ่มมาจากสมัยของอดัมและอีฟ มนุษย์ต่างทุกข์ทรมานจากบาปที่ได้ รับจากอดัม
แต่พระเจ้าของเราได้ทรงทำพระสัญญาซึ่งกล่าวไว้ในการลาเทีย 3:15 และรับสัญญานั้นก็คือพระองค์จะทรงปลดปล่อยคนบาปทั้งหลาย พระองค์ตรัสว่ามนุษย์จะได้รับการไถ่บาปโดยการเสียสละของพระเยซู คริสต์โดยน้ำและพระวิญญาณ และเมื่อถึงเวลาพระองค์จะประทานพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเราก็คือพระเยซูให้มาใช้ชีวิตอยู่กับพวกเรา
พระองค์ยังทรงสัญญาว่าจะประทานยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาให้มาก่อนหน้าพระเยซูและพระองค์ก็ทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์
ในมาระโก 1:1-8 กล่าวไว้ว่า “ข่าวประเสริฐของพระเยซู คริสต์ พระพุทธเจ้าเริ่มต้นตรงนี้ ตามที่ได้เขียนไว้ในคำของศาสดาพยากรณ์ว่า ‘ดูเถิด เราใช้พูดของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน เสียงผู้ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า’จงเตรียมมรรคาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป’’ ยอห์นให้เขารับบัพติศมาในถิ่นทุรกันดาร และประกาศเรื่องบัพติศมาอันสำแดงการกลับใจใหม่เพื่อการยกโทษความผิดบาป คนทั่วแคว้นยูเดียกับชาวกรุงเยรูซาเล็ม ได้พากันออกไปหายอห์นสารภาพความผิดบาปของตนและได้รับบัพติศมาจากท่านในแม่น้ำจอร์แดน ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ และใช้หนังสัตว์คาดเอว รับประทานตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า ท่านประกาศว่า ‘ภายหลังเราจะมีพระองค์ผู้หนึ่งเสด็จมาทรงเป็นใหญ่กว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้แต่จะน้อมตัวลงแก้สายฉลองพระบาทให้พระองค์ จริงๆแล้วเราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่พระองค์นั้นจะให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’”
 
 

ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ผู้เป็นพยานและผู้ล่วงหน้ามาก่อนของข่าวประเสริฐ

 
ใครคือยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา?
มหาปุโรหิตคนสุดท้ายและผู้แทนของมนุษยชาติทั้งหมด
 
บัพติศมาในภาษากรีกคือ ‘baptizo’ นั้นมีความหมายถึง ‘การจุ่ม’ แต่มันมีความหมายโดยนัยถึง ‘การชำระ การฝัง หรือการผ่านไปสู่’ เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาความชอบธรรมของพระเจ้าก็สมบูรณ์ ‘ ความชอบธรรม’ คือ ‘dikaiosune’ ในภาษากรีก ที่หมายถึง ‘ความเที่ยงธรรม’ และมันหมายความถึง ‘ถูกต้องที่สุด’,’เหมาะสมที่สุด’ หรือ ‘สภาพที่เที่ยงธรรมที่สุด’
พระเยซูทรงรับบัพติศมา เพื่อที่พระองค์จะทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดได้ ในวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด ดังนั้นคนทั้งหลายผู้ที่เชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและไม้กางเขนได้รับของประทานของการไถ่บาปจากพระเจ้า
ในพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาคือมหาปุโรหิตคนสุดท้ายของพันธสัญญาฉบับเก่าลองมาดูที่มัทธิว 11:10-11 พระคัมภีร์ได้กล่าวว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาคือตัวแทนของมนุษยชาติและตามที่เป็นมหาปุโรหิตในยุคของพันธะสัญญาฉบับใหม่ เขาก็ได้ผ่านบาปทั้ง หมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซู และจึงได้เป็นการรับรองพันธกิจในการเป็นมหาปุโรหิตของพันธสัญญาฉบับเก่า
พระเยซูเองทรงเป็นพยานต่อยอห์นโดยพระองค์เองพระองค์ตรัสในมัทธิว 11:13-14 ว่า “เพราะคำของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายและพระราช บัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับในเรื่องนี้ ก็ยอห์นนี่แหละเป็นอาลียาห์ซึ่งจะมานั้น” ดังนั้นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ผู้ให้บัพติศมาต่อพระเยซู เป็นทายาทของมหาปุโรหิตอาโรน และมหาปุโรหิตคนสุดท้าย พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพยานต่อการเป็นทายาทของ อาโรนของยอห์นไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่าเช่นกัน (ลูกา 1:5, 1 พงศาวดาร 24:10)
แล้วเหตุใดยอห์นจึงใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นทุรกันดารเพียงลำพัง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ทำจากขนอูฐ? ตามที่เป็นผู้แทนของมนุษยชาติทั้งหมด ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ท่ามกลางประชาชนทั้งหลายได้ ดังนั้นเขาร้องออกมาต่อประชาชนทั้งหลายว่า “กลับใจใหม่เสีย เจ้าชาติงูร้าย!” แล้วให้บัพติศมากับพวกเขาเพื่อผลของการกลับใจใหม่เพื่อที่จะส่งประชาชนเหล่า นั้นกลับไปสู่พระเยซูผู้ที่จะรับเอาบาปทั้งหมดของพวกเขาไป ทั้งหมดนี้ยอห์นผู้ให้รับบัพติสมาได้ผ่านบาปของโลกนี้ไปสู่พระเยซู เพื่อความรอดของเราเมื่อเขาได้วางมือของเขาลงบนพระเศียรของพระเยซู
 
 
บัพติศมามีสองประเภท
 
ทำไมยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ให้บัพติศมาแก่ประชาชน?
เพื่อนำประชาชนให้กลับใจจากบาปทั้งหมดของพวกเขา และให้เชื่อในบัพติศมามาของพระเยซูเพื่อความรอด
 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาให้บัพติศมาแก่ประชาชน และจากนั้นก็ให้บัพติศมาแก่พระเยซู อันดับแรกคือ ‘บัพติศมาของการกลับใจใหม่’ ที่ได้เรียกคนบาปให้กลับไปสู่พระเจ้า ประชา ชนมากมายผู้ที่ได้ฟังพระวจนะของพระเจ้าก็ละทิ้งรูปเคารพของพวกเขาและหันกลับไปสู่พระองค์
บัพติศมาที่สอง เป็นบัพติศมาของพระเยซู เป็นบัพติศมาที่ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซู ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ให้บัพติศมาแก่พระเยซูเพื่อทำความชอบธรรมของพระเจ้าให้สมบูรณ์ อีกนัยหนึ่ง พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเพื่อช่วยประชาชนทั้งหมดให้รอดจากบาปของพวกเขา (มัทธิว 3:15)
เหตุใดยอห์นต้องให้บัพติศมาแก่พระเยซู? เพื่อชำระความผิดบาปในโลกนี้พระเจ้าทรงอนุญาตให้ยอห์นเป็นผู้ส่งความผิดบาปทั้งหมดไปยังพระเยซู เพื่อว่ามนุษย์ที่วางใจในพระเยซูจะได้รับการช่วยให้รอด
ยอห์นเป็นผู้รับใช้พระเจ้างานของเขา คือการผ่านบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมา และเป็นพยานต่อพระเยซูเพื่อที่มนุษย ชาติทั้งหมด จะได้กลับใจใหม่ และได้ชำระบาปของพวกเขาออกไปโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาป ดังนั้น ยอห์นจะต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในถิ่นทุรกันดาร ช่วงเวลาของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั้นประชาชนชาวอิสราเอลต่างก็มีความเสื่อมและมีจิตใจต่ำช้า
ดังนั้น พระเจ้าทรงกล่าวในพันธสัญญาฉบับเก่า มาลาคี 4:5-6 ว่า “ดูเถิด เราจะส่งเอลียาห์ผู้พยากรณ์มายังเจ้าก่อนวันแห่งพระเยโฮวาห์ คือวันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวมาถึง และท่านผู้นั้นจะกระทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ หาไม่เราจะโจมตีแผ่นดินนั้นด้วยคำสาปแช่ง“
ในสายพระเนตรของพระเจ้าผู้ที่นมัสการพระเยโฮวาห์มาก่อนนั้นเป็นคนทุจริต ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบทำต่อพระพักตร์พระองค์ ผู้นำศาสนาในโบสถ์อย่างเช่นปุโรหิต, นักกฏหมายและเหล่าธรรมาจารย์ต่างก็มีจิตใจที่ต่ำช้าอย่างมาก ชาวอิสราเอลและปุโรหิตทั้งหลายไม่ได้ถวายเครื่องสังเวยบูชาที่ถูกต้องตามพระบัญญัติของพระเจ้า
ปุโรหิตได้ละเลยการวางมือและพิธีกรรมของการถวายโลหิตที่พระเจ้าได้ประทานไว้ให้พวกเขา เพื่อไถ่บาปของพวกเขาเอง มันได้บันทึกเอาไว้ว่าปุโรหิต ในยุคของมาลาคีได้ละเลยระบบการสังเวยบูชาที่ถูกต้องตามพระบัญญัติเช่นการวางมือและการถวายเลือดของสัตวบูชา
ดังนั้นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงไม่สามารถที่จะอยู่กับพวกเขาได้เขาได้ออกไปยังถิ่นทุรกันดารและร้องออกมา เขากล่าวว่าอะไรหรือ?
ตามที่ได้บันทึกในมะละโก 1:2-3 ที่ยกเอาคำของศาสดาพยากรณ์อิศยาห์มา “ดูเถิดเราใช้ทูตสวรรค์ของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน เสียงผู้ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงเตรียมมรรคาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป’”
เสียงในถิ่นทุรกันดาร ร้องออกมาแก่ประชาชนให้รับบัพติศมาของการกลับใจใหม่ อะไรคือ’บัพติศมาของการกลับใจใหม่’ ที่พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวถึง? มันคือบัพติศมาที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติสมาได้ร้องขอ คือบัพติศมาที่ได้เรียกประชาชนให้กลับไปสู่พระเยซู เพื่อที่พวกเขาจะเชื่อในพระองค์ พระเยซูผู้ทรงรับเอาบบาปทั้งหมดของพวกเขาไปและพวกเขาจะรอด บัพติศมาของการกลับใจใหม่ได้นำพวกเขาไปสู่ความรอด
“กลับใจใหม่และรับบัพติสมา พระเยซูผู้ช่วยให้รอดของเราจะทรงรับบัพติศมาในวิธีเดียวกันเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของท่านออกไป” การร้องของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั้นก็เพื่อว่าพระเยซูจะได้รับบาปของโลกนี้ไป และรับการพิพากษาบนไม้กางเขน เพื่อช่วยประชาชนทั้งหมดให้รอด เพื่อที่พวกเขาจะกลับไปสู่พระเจ้าได้
“จริงๆแล้วเราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่พระองค์นั้นจะให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” ‘รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ หมายความถึงการชำระบาปทั้งหมดของท่าน รับบัพติสมาหมายถึง ‘การชำระ’ บัปติศมาของพระเยซู ณ แม่น้ำจอร์แดนบอกเราว่าพระบุตรของพระเจ้าได้รับบัพติสมาและรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปเพื่อช่วยเราให้รอด
ดังนั้น เราจึงหันกลับไปจากชีวิตที่เต็มไปด้วยบาปของเรา และเชื่อในพระองค์ พระ องค์คือพระเมษโปดกผู้ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ออกไปเสีย นี่คือข่าวประเสริฐของการไถ่บาปที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติสมาได้เป็นพยาน
 
 
ภาระกิจของมหาปุโรหิตเพื่อการไถ่บาป
 
ใครคือผู้จัดเตรียมหนทางของความรอด?
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
 
ศาสดาพยากรณ์อิศยาห์ได้พยากรณ์ไว้ว่า “จงพูดกับเยรูซาเล็มอย่างเห็นใจและจงประ กาศแก่เมืองนั้นว่าการสงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความชั่วช้าของเธอก็อภัยเสียแล้ว เพราะเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์แล้วเป็นสองเท่าของความผิดบาปของเธอ“ (อิสยาห์ 40:2)
พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความผิดบาปของท่านและของผมและของทุกๆคนไปโดยไม่มีข้อยกเว้นมีทั้งบาปดั้งเดิมและบาปในปัจจุบันและแม้แต่บาปในอนาคต ต่างก็ถูกชำระล้างออก ไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยพวกเราทุกคนให้รอด พวกเราควรจะเข้าใจการชำระบาปทั้งหมดให้ได้
เพื่อที่จะรอดจากบาปทั้งหมดของเราเราจะต้องเชื่อในข่าวประเสริฐที่กล่าวว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติสมาได้ผ่านบาปทั้งหมดไปสู่พระเยซูผ่านความหมายของการรับบัพติศมา
เราไม่ควรจะเข้าใจผิดโดยคิดว่า “เพราะพระเจ้าคือความรัก เราจึงสามารถเข้าไปสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ได้ หากเพียงเชื่อในพระเยซูเพียงเท่านั้น แม้ว่าเรายังมีบาปอยู่ในหัวใจของเราอยู่ก็ตาม”
เพื่อที่จะได้รับการไถ่ถอนจากความผิดบาปของเราเราจะต้องเชื่อในการรับบัพติศมาของพระองค์ซึ่งยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ส่งผ่านความผิดบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปสู่พระเยซูโดยวิธีนี้และเชื่อในไม้กางเขนยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นผู้ส่งผ่านความผิดบาปทั้งหมดของมนุษย์ไปยังพระเยซูดดย ‘น้ำ’ นั่นเอง
สิ่งแรกที่พระเจ้าทรงทำเพื่อช่วยเราให้รอดก็คือการส่งยอห์นมายังโลกนี้ ตามที่ยอห์นเป็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าของถูกส่งมาเป็นทูตให้กับกษัตริย์ ผู้ที่ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซูผ่านการรับบัพติศมา เขาทำหน้าที่เป็นมหาปุโรหิตให้กับมนุษยชาติทั้งหมด
พระเจ้าทรงตรัสกับพวกเราว่า พระองค์ประทานทูตสวรรค์ของพระองค์มา ซึ่งก็คือยอห์นผู้ให้รับบัพติศมามา ให้แก่พวกเรา”เราใช้พูดของเราไปข้างหน้าท่าน” ข้างหน้าท่านหมายถึง ต่อพระพักตร์พระเยซู เหตุผลที่พระองค์ประทานยอห์นไปต่อพระพักตร์พระเยซูคืออะไร? ส่งความผิดบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปยังพระเยซูผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้าโดยการรับบัพติสมา ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ นี่คือความหมายของข้อความนี้อย่างแท้จริง
ใครคือผู้ที่เตรียมหนทางเอาไว้ เพื่อว่าเราจะสามารถได้รับการไถ่บาปและไปสวรรค์ได้? ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ‘ท่าน’ หมายถึงพระเยซู และ ‘เรา’ หมายถึงพระเจ้า ดังนั้นเมื่อพระ องค์ตรัสว่า “เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน “ มันหมายความว่าอย่างไร?
ใครจะเป็นผู้เตรียมหนทางของพวกเราไว้เพื่อว่าพวกเราจะได้ไปสู่สวรรค์? ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา จะส่งความผิดบาปของเราทั้งหมดไปยังพระเยซู กลัวว่าพวกเราจะเชื่อว่าพระเยซูทรงชำระความผิดบาปของเราทั้งหมดเพื่อเรา นั่นคือภารกิจของเขาคือการผ่านบาปไปโดยหารให้บัพติศมาแก่พระเยซู คริสต์ พระเยซูและยอห์นได้ทำให้เป็นไปได้ที่เราจะเชื่อในความจริงและได้รับการไถ่บาป
ความรอดของเรานั้นขึ้นอยู่กับสิ่งใด? มันขึ้นอยู่กับว่าเราเชื่อในการกระทำอันชอบธรรมของพระเยซูผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้าและเชื่อในความจริงที่ว่าทูตของพระเจ้า ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระองค์ เราควรจะรู้จักข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปโดยทั้งหมด พระเจ้าพระบิดาทรงส่งทูตของพระองค์มาล่วงหน้า ผู้ที่จะให้บัพติศมาต่อพระบุตรของพระองค์ แล้วทำให้เขาได้เป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมด เขาจึงได้ทำงานของการไถ่บาปของเราได้โดยสมบูรณ์
พระเจ้าประทานยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์มาให้บัพติศมาแก่พระเยซูพระบุตรของพระองค์ เพื่อให้ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจะมาเตรียมหนทางเพื่อการช่วยให้รอดแก่ผู้ที่วางใจในพระบุตรของพระองค์ นั่นคือเหตุผลของการรับบัพติศมาของพระเยซู การรับบัพติสมาของพระเยซูจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาคือการไถ่บาปโดยพระเยซูทรงรับความผิดบาปไปโดยวิธีนี้เพื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะวางใจในพระเยซูและได้ขึ้นสวรรค์
แม้ว่าพระเยซูทรงรับความผิดบาปในอนาคตของมนุษย์ไปโดยการรับบัพติศมาแต่พระเยซูและยอลต่างก็เตรียมหนทางขึ้นสู่สวรรค์ให้กับพวกเราด้วยโดยวิธีนี้พระองค์ทรงเปิดเผยความลับของการไถ่บาปไปยังยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
ตามที่เป็นผู้แทนของมนุษยชาติยอห์นจึงให้บัพติศมาแก่พระเยซูเพื่อที่เราจะเชื่อในการไถ่บาปของเราและได้ไปสวรรค์เขาได้ผ่านบาปทั้งหมดไปสู่พระเยซูโดยวิธีรับบัพติศมานี่คือข่าวที่น่ายินดีของการไถ่บาปเป็นข่าวประเสริฐ
 
 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเกิดมาทำไม ?
 
เราเชื่อในพระเยซูได้ผ่านผู้ใด?
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
 
ในมาลาคี 3:1 ได้บันทึกไว้ว่า “ดูเถิดเราจะส่งทูตของเราไปและผู้นั้นจะตระเตรียมหนทางไว้ข้างหน้าเรา“ ท่านจะต้องอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลให้ละเอียด พระเจ้าประทานทูตของพระองค์มาก่อนหน้าเราเพราะเหตุใด? เหตุใดยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงเกิดก่อนพระเยซู 6 เดือน?
เราต้องเข้าใจพระคัมภีร์ไบเบิลทั้งหมดว่าเกี่ยวข้องกับอะไรในพันธสัญญาฉบับเก่า ที่กล่าวถึงภาระกิจของมหาปุโรหิตอาโรน อาโรนเป็นพี่ชายของโมเสส พระเจ้าทรงเจิมเขาและลูกชายของเขาให้เป็นปุโรหิต พวกเลวีคนอื่นๆทำงานอยู่ภายใต้พวกเขา จัดเตรียมเครื่องใช้ไม้สอยไว้ให้พวกเขา ในขณะที่บุตรชายของอาโรนได้ทำการถวายสังเวยบูชอยู่ภายในพลับพลาบริสุทธิ์
บุตรชายของอาโรนก็ถูกเจิมเพื่อที่จะแบ่งปันภาระหน้าที่รับผิดชอบให้กับพวกเขาให้เท่าๆกันแต่ในวันของการไถ่บาปซึ่งเป็นวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด มหาปุโรหิตเพียงเท่านั้นที่จะถวายสังเวยบูชาไถ่บาปประจำปีให้กับประชาชนของเขาได้
ในลูกา 1:5 บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อสายของยอห์นผู้ให้รับบัพติสมาไว้ เราต้องเข้าใจทูตของพระเจ้าคนนี้ให้ถ่องแท้เพื่อที่จะเข้าใจว่าเยซูให้ถ่องแท้ได้ พวกเรามักจะคิดถึงแต่พระเยซูมากแต่ไม่สนใจยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาผู้ที่มาก่อนหน้าพระองค์ มากแต่ไม่สนใจยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาผู้ที่มาก่อนหน้าพระองค์ผม อยากช่วยให้ท่านเข้าใจ
“ข่าวประเสริฐของพระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้าเริ่มตรงนี้ ตามที่ได้เขียนไว้ในคำของศาสดาพยากรณ์ว่า ‘ดูเถิดเราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’” (มาละโก 1:1-2) ข่าวประเสริฐแห่งสวรรค์มักจะเริ่มต้นกับยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเสมอ
เมื่อพวกเราเข้าใจเรื่องของยอห์นเป็นอย่างดี แล้วเราก็จะเข้าใจและเชื่อในคำสอนเรื่องการชำระบาปของพระเยซูได้อย่างชัดเจน ก็คล้ายกับได้ฟังทูตที่พวกเราได้ส่งไปทั่วโลกเพื่อที่จะเข้าใจสถานการณ์ในทุกๆชาติ เมื่อพวกเราเข้าใจเรื่องราวของยอห์น เราก็จะเข้าใจการชำระบาปของพระเจ้าได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามยังมีคริสเตียนมากมายในปัจจุบันนี้ ที่ยังไม่ได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของยอห์นมันช่างน่าสงสารอะไรเช่นนี้ พระเจ้าไม่ได้ส่งยอห์นผู้ให้รับบัพติศมามาเพราะพระองค์ทรงเบื่อและไม่มีอะไรที่จะทำ ข่าวประเสริฐทั้งสี่ของพันธสัญญาฉบับใหม่ได้กล่าวถึงยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาไว้ก่อนที่จะกล่าวถึงการไถ่บาปของพระเยซู
แต่ผู้เผยแพร่ศาสนาในปัจจุบันนี้ ไม่ได้สนใจยอห์นเลยและสอนให้ทุกคนได้แต่เพียงวางใจในพระเยซูเพียงเท่านั้น ว่าเพียงพอที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้ อันที่จริงพวกเขานำทุกคนให้ใช้ชีวิตไปเช่นคนบาปตลอดชีวิตของเขาและก็จบชีวิตในนรก ถ้าหากวางใจโดยพระในพระเยซูโดยไม่เข้าใจบทบาทของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเลย คริสตศาสนาก็จะกลายเป็นเพียงศาสนาอีกศาสนาหนึ่งเพียงเท่านั้น ท่านจะได้รับการชำระบาปได้อย่างไรถ้าท่านจะไม่รู้ความจริง? มันเป็น ไปไม่ได้เลย
ข่าวประเสริฐของการไถ่บาปนั้นไม่ง่ายและไม่ธรรมดาเลย ดังนั้นประชาชนมากมายหลายคนคิดว่าการไถ่บาปตั้งอยู่ในความเชื่อของเราในไม้กางเขน เพราะพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเรา อย่างไรก็ตามหากท่านเชื่อในการถูกตรึงไม้กางเขนของพระองค์เพียงเท่านั้นโดยไม่รู้จักความจริงทั้งหมดของการผ่านบาปเลย ความเชื่อเช่นนั้นก็จะไม่นำไปสู่การไถ่บาปที่สมบูรณ์ได้เลย ไม่ว่าความเชื่อของท่านจะแข็งแรงเพียงใดก็ตาม
พระเจ้าจึงประทานยอห์นผู้ให้รับบัพติศมามา เพื่อให้โลกรู้ว่าการชำระบาปจะเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างไรและพระเยซูทรงชำระมลทินบาปในโลกนี้ไปได้อย่างไร เพียงแค่ถ้าเรารู้ความจริงเราก็จะเข้าใจว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงรับเอาบาปของเราทั้งหมดไว้ที่พระองค์เอง
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาบอกเราเกี่ยวกับความจริงของการไถ่บาป เขาบอกเราถึงวิธีที่เขาได้มาเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระเจ้าและคือความสว่างแท้จริง เขาได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้เป็นความสว่างนั้นแต่เขาเป็นพยานของความสว่าง เขาได้เป็นพยานในยอsห์นหนึ่งว่ามันเป็นเขาเองที่เป็นผู้ได้จัดเตรียมข่าวประเสริฐของการไถ่บาปไว้โดยการให้บัพติศมาแก่พระเยซู คริสต์
หากเราไม่มีคำพยานเรื่องการไถ่บาปจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาแล้วเราจะเชื่อในพระเยซูได้อย่างไร? เราจะไม่มีทางได้เห็นพระเยซู และเมื่อเรามาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและศาสนาที่แตกต่างกันมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเชื่อในพระเยโฮวาห์ว่าเป็นพระเจ้าของเรา?
การที่มีศาสนาแต่ละศาสนาที่แตกกันแตกต่างกันทั่วโลกนั้น เราจะได้รู้จักพระเยซูคริสต์ได้อย่างไรกัน? พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันที่จริงแล้วพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงไถ่บาปของเราโดยการรับเอาบาปทั้งหมดในโลกนี้ไว้ที่พระองค์เอง?
ดังนั้นเราจะต้องกลับไปดูในพันธสัญญาฉบับเก่า เพื่อค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับการไถ่บาปตั้งแต่แรกและเพื่อมารับรู้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา เราจะต้องยอมรับความรู้ที่ถูกต้องเพื่อที่จะเชื่อได้อย่างถ่องแท้ ไม่มีสิ่งใดที่เราทำได้โดยไม่มีความรู้ที่แท้จริง เพื่อที่จะวางใจในพระเยซูและได้รับการช่วยให้รอด เราจะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการไถ่บาปที่ยอห์นได้กล่าวไว้และบทบาทของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้มีความเชื่อที่สมบูรณ์เราจะต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับการไถ่บาป
ดังนั้นดังที่พระเยซูตรัสไว้ว่า “และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย“ เราจะต้องรู้จักความจริงของการไถ่บาปในพระเยซู
 
 
ข้อพิสูจน์ในพระคัมภีร์ไบเบิล
 
ข่าวประเสริฐทั้งสี่เริ่มต้นจากจุดไหน?
จากการกำเนิดของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
 
เรามาสำรวจดูข้อพิสูจน์ทั้งหมดของการไถ่บาปในพระคัมภีร์ไบเบิลกันเถอะ เรามาเปิดเผยดูว่าอะไรคือข่าวประเสริฐทั้งสี่ที่ได้กล่าวเกี่ยว กับยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเอาไว้ ว่าเขาเป็นใคร, ว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่า’ผู้แทนของมนุษยชาติ’ หรือ ‘มหาปุโรหิตคนสุดท้าย’, ว่าบาปของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระเยซูผ่านเขาได้อย่างไร และว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปไว้ที่พระองค์หรือไม่
เราควรจะให้ความสนใจไปในความจริงที่ว่า ข่าวประเสริฐทั้งสี่นั้นได้เริ่มต้นที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ยอห์น 1-6 ได้กล่าวถึงหนึ่งในความจริงที่สำคัญที่สุดในข่าวประเสริฐเอาไว้มันบอกเราว่าใครเป็นผู้กระทำพันธกิจของการผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซู “มีชายคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้มาชื่อยอห์น ท่านผู้นี้มาเพื่อเป็นพยานเพื่อเป็นพยานถึงความสว่างนั้นเพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน” (ยอห์น 1:6-7)
มันกล่าวว่า ‘เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน’ และว่า ‘เพื่อเป็นพยานถึงความสว่าง’ ความสว่างก็คือพระเยซู คริสต์ มันหมายความว่ายอห์นได้เป็นพยานต่อพระเยซู คริสต์เพื่อที่คนทั้งปวงจะได้เชื่อผ่านเขา ตอนนี้ลองมาดูมัทธิวบทที่ 3 กันใกล้ๆ
ในมัทธิว 3:13-17 “ แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า ‘ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?’ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิดเพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์และพระเยซู เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และดูเถิด ท้องฟ้าก็แหวกออกและพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกเขาและสถิตอยู่บนพระองค์ และดูเถิด มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ’ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเราเราชอบใจท่านมาก’“
 
ทำไมเราต้องเข้าใจ เชื้อสายของยอห์น?
เพราะพระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า ยอห์นคือมหาปุโรหิตของมนุษยชาติทั้งหมด
 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาให้บัพติศมาแก่พระเยซู เพื่อทำให้การยกบาปยกความผิดบาปทั้งหมดในโลกนี้สำเร็จสมบูรณ์ บัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับจากยอห์นนั้นมีความสำคัญมากที่สุดต่อความรอดของเรา แต่เพื่อที่จะเข้าใจและเชื่อในความจริงทั้งหมดอย่างละเอียด เราควรจะศึกษาอย่างละเอียดถึงยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก่อน
ในลูกา 1:1-4 “ มีหลายคนได้เรียบเรียงเรื่องราวเหล่านั้น ซึ่งเป็นที่เชื่อได้อย่างแน่นอนในท่ามกลางเราทั้งหลาย ตามที่เขาพูดได้เห็นกับตาเองตั้งแต่ต้นและเป็นผู้ประกาศพระวจนะนั้น ได้แสดงให้เรารู้ เรียนท่านเธอโอฟีลัสที่เคารพอย่างสูง ข้าพเจ้าเองก็ได้รู้ทุกสิ่งอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น จึงได้เห็นดีด้วยที่จะเรียบเรียงเรื่องตามลำดับฝากให้ท่านด้วย เพื่อท่านจะได้รู้แน่นอนอันเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น ซึ่งมีผู้แจ้งให้ท่าน ทราบแล้ว ในรัชกาลเฮโรด กษัตริย์ของยูเดีย มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ อยู่ในเวรอารียาห์ ภรรยาของเศคาริยาห์ชื่อเอลีซาเบธอยู่ในตระกูลอาโรน เขาทั้งสองเป็นคนชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และดำเนินตามพระบัญญัติและกฎทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีที่ติเลย แต่เขาไม่มีบุตรเพราะว่านางเอลิซาเบธเป็นหมันและเขาทั้งสองก็ชราแล้ว ต่อมาขณะที่เศคาริยาห์ทำหน้าที่ปุโรหิตเข้าเฝ้าพระเจ้า เมื่อท่านอยู่เวรประจำการของท่าน ท่านได้สละตามธรรมเนียมของปุโรหิตต้องเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเผาเครื่องหอมบูชา ส่วนบรรดาประชาชนก็อธิษฐานอยู่ภายนอก ในเวลาเผาเครื่องหอมนั้นทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาปรากฏแก่เศคาริยาห์ยืนอยู่ที่ข้างขวาแท่นเผาเครื่องหอมบูชา เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ตกใจกลัวแต่ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวแก่ท่านว่า ‘เศคาริยาห์เอ๋ยอย่ากลัวเลยด้วยได้ทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้วนางเอลีซาเบธภรรยาของท่าน จะมีบุตรเป็นผู้ชายและท่านจะตั้งชื่อบุตรนั้นว่ายอห์นท่านจะมีความปรีดาและยินดีและคนเป็นอันมากจะเปรมปรีดิ์ที่บุตรนั้นบังเกิดมา’”
ลูกาผู้เป็นสาวกของพระเยซู ได้บอกเราอย่างละเอียดในเชื้อสายของยอห์นไว้ตรงนี้ ลูกาผู้เป็นสาวกของพระเยซูได้อธิบายถึงเชื้อสายของยอห์นตั้งแต่เริ่มต้น ลูกาได้สอนข่าวประเสริฐไปสู่ชายที่ชื่อว่าเธโอฟีลัสผู้ที่มาจากต่างวัฒนธรรมและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าเลย
ดังนั้น เพื่อที่จะสอนเขาเกี่ยวกับพระเยซู ผู้เป็นผู้ช่วยให้รอดของคนบาปทั้งหลาย ลูกาได้ถูกสอนว่าเขาจะต้องอธิบายเชื้อสายของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาอย่างละเอียด ตามที่เราเป็นพวกคนต่างชาติที่มีความแตกต่างกันทางเชื้อชาติ เราก็จะไม่สามารถเข้าใจความรอดของพระเยซูได้หากมันไม่ได้อธิบายไว้เป็นพิเศษทีละขั้นละตอน ลองมาดูว่ารายละเอียดมันเป็นอย่างไร
ในลูกา 1:5-6 เขาเล่าว่า”ในรัชกาลเฮโรด กษัตริย์ของยูเดีย มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ อยู่ในเวรอารียาห์ ภรรยาของเศคาริยาห์ชื่อเอลีซาเบธอยู่ในตระกูลอาโรน เขาทั้งสองเป็นคนชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และดำเนินตามพระบัญญัติและกฎทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีที่ติเลยแต่เขาไม่มีบุตรเพราะว่านางเอลิซาเบธเป็นหมันและเขาทั้งสองก็ชราแล้วต่อมาขณะ ที่เศคาริยาห์ทำหน้าที่ปุโรหิตเข้าเฝ้าพระเจ้า เมื่อท่านอยู่เวรประจำการของท่าน ท่านได้สละตามธรรมเนียมของปุโรหิตต้องเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเผาเครื่องหอมบูชา “
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่เศคาริยาห์เข้าเฝ้าพระเจ้าตามธรรมเนียมของปุโรหิต ท่านลูกาได้เป็นพยานชัดเจนว่า เศคาริยาห์เป็นทายาทของอาโรน ดังนั้นเศคาริยาห์เป็นกองเวรใด? นี่คือจุดสำคัญมาก
เขาอธิบายว่า “ขณะที่เซคาริยาห์ทำหน้าที่ปุโรหิตเข้าเฝ้าพระเจ้าเมื่อกองเวรของท่านเข้าประจำการ” เราจะเห็นได้ว่าลูการู้จักเศคาริยาห์เป็นอย่างดีจากที่เขาอธิบายเรื่องข่าวประเสริฐของการไถ่บาปด้วยการกล่าวถึงทั้งเศคาริยาห์และเอลีซาเบธ
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงกำเนิดมาจากเศคาริยาห์และภรรยาของเขาเอลีซาเบธ ผู้ที่เป็นหนึ่งในบรรดาบุตรสาวของอาโรน ตอนนี้ลองมาดูที่เชื้อสายของเศคาริยาห์ บิดาของยอห์นกัน
 
 
เชื้อสายของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เป็นทายาทของผู้ใด?
มหาปุโรหิตอาโรน
 
เพื่อให้เข้าใจถึงเชื้อสายของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เราจะต้องอ่านพันธสัญญาฉบับเก่ากันใน 1 พงศาวดาร 24:1-19
“กองเวรของลูกหลานอาโรนมีดังนี้ บุตรชายของอาโรนคือ นาดับ, อาบีฮู, เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ แต่นาดับและอาบีฮูสิ้นชีวิตก่อนบิดาของตนและไม่มีบุตร เอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงทำหน้าที่ตำแหน่งปุโรหิตด้วยความช่วยเหลือของศาโดกบุตรชายเอเลอาซาร์ และอาหิเมเลคบุตรชายอิธามาร์ ดาวิดได้ทรงจัดเป็นเวรตามหน้าที่ในการปรนนิบัติของเขาทั้งหลายมีหัวหน้าในหมู่บุตรชายของเอเลอาซาร์มากกว่าในหมู่บุตรชายของอิธามาร์ เขาจึงจัดแบ่งดังนี้ พวกบุตรชายของเอเลอาซาร์มีสิบหกคนเป็นหัวหน้าตามเรือนบรรพบุรุษของเขา และในหมู่พวกบุตรชายของอิธามาร์ตามเรือนบรรพบุรุษของเขามีแปดคน เขาทั้งหลายจัดแบ่งด้วยสลาก เหมือนกันหมด เพราะมีเจ้าหน้าที่ของสถานบริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่แห่งพระนิเวศของพระเจ้า เป็นบุตรชายของเอเลอาซาร์กับบุตรชายของอิธามาร์ทั้งสองฝ่ายและเชไมอาห์บุตรชายนาธันเอลอาลักษณ์ ผู้เป็นพวกเลวี ได้บันทึกไว้ต่อพระพักตร์กษัตริย์ ต่อหน้าเจ้านาย และศาโดกปุโรหิต และอาหิเมเลคบุตรชายอาบียาธาร์ และต่อหน้าประมุขของบรรพบุรุษของปุโรหิตและของคนเลวี เขาจับสลากครอบครัวหนึ่งจากเอเลอาซาร์ และจับสลากครอบครัวหนึ่งจากอิธามาร์สลากแรกตกกับเยโฮยาริบ, ที่สองตกแก่เยดายาห์, ที่สามแก่ฮาริม, ที่สี่แก่เสโอริม, ที่ห้าแก่มัลคิยาห์, ที่หกแก่มิยามิน, ที่เจ็ดแก่ฮักโขส, ที่แปดแก่อาบียาห์, ที่เก้าแก่เยชูอา, ที่สิบแก่เชคานิยาห์, ที่สิบเอ็ดแก่เอลียาชีบ, ที่สิบสองแก่ยาคิม, ที่สิบสามแก่หุปปาห์, ที่สิบสี่แก่เยเชเบอับ, ที่สิบห้าแก่บิลกาห์, ที่สิบหกแก่อิมเมอร์, ที่สิบเจ็ดแก่เฮซีร์, ที่สิบแปดแก่อัฟเซส, ที่สิบเก้าแก่เปธาหิยาห์, ที่ยี่สิบแก่เยเฮเซเคล, ที่ยี่สิบเอ็ดแก่ยาคีน, ที่ยี่สิบสองแก่กามูล, ที่ยี่สิบสามแก่เดไลยาห์, ที่ยี่สิบสี่แก่มาอาซิยาห์ คนเหล่านี้มีหน้าที่กำหนดของเขาในการปรนนิบัติที่จะเข้าไปในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ ตามระเบียบที่อาโรนบิดาของเขาได้ตั้งไว้สำหรับเขาทั้งหลาย ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ทรงบัญชาเขาไว้ “
ลองมาอ่านวรรคที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง “ที่เจ็ดแก่ฮักโขส, ที่แปดแก่อาบียาห์“ ในวันของในสมัยของกษัตริย์ดาวิดจะมีมหาปุโรหิตจำนวนมากมาย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีกำหนดกฎ เกณฑ์ขึ้นมาต่อระบบการบริการของพวกเขา ดังนั้นกษัตริย์ดาวิดจึงได้ให้มีการจับฉลากบุตรชายแต่ละคนของอาโรนขึ้นมาเพื่อที่จะได้ทำการถวายสังเวยบูชาไปตามลำดับ (ตามที่ท่านทราบดีว่าอาโรนนั้นเป็นพี่ชายของโมเสส พระเจ้าทรงกำหนดให้โมเสสเป็นเหมือนกับตัวแทนของพระองค์ และอาโรนก็เป็นมหาปุโรหิตของพลับพลาบริสุทธิ์ต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอล)
พวกเลวีทั้งหมดถูกวางไว้ภายใต้ปุโรหิต และอาโรนและปุโรหิตทั้งหลายที่เป็นบุตร ชายของเขา ก็ดูแลเรื่องของการสังเวยบูชา ต่อพระพักตร์พระเจ้า ก่อนที่กษัตริย์จะจับฉลากนั้น ปุโรหิตผู้ที่เป็นทายาทของอาโรนจะต้องจับฉลากทีละคนซึ่งใช้เวลาและมันก็เกิดความสับสนขึ้นมากมาย
ดังนั้นกษัตริย์ดาวิดจึงจัดการระบบด้วยการจัดกองเวรเป็นลำดับ มี 24 กองเวรเรียง ลำดับกัน อันดับที่แปดนั้นเป็นของเอลียาห์ผู้ที่เป็นหลานของอาโรน มันได้กล่าวว่า “มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ อยู่ในเวรอาบียาห์” ดังนั้นเศคาริยาห์จึงเป็นปุโรหิตของกองเวรของอาบียาห์ และทั้งสองก็เป็นทายาทของมหาปุโรหิตอาโรน
เศคาริยาห์ผู้ที่เป็นบิดาของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นปุโรหิตของกองเวรอาบียาห์ เรารู้จากพระคัมภีร์ไบเบิลว่าพวกเขาเคยแต่งงานกันเองภายในครอบครัวของพวกเขาเอง
ดังนั้นยากอปจึงแต่งงานกับลูกสาวของน้าของเขาจากฝั่งทางแม่ มันคือการอธิบายถึงเชื้อสายที่มีความสำคัญมาก มันกล่าวว่า “ มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ อยู่ในเวรอาบียาห์”
ดังนั้น เขาจึงเป็นทายาทของอาโรนอย่างแน่นอน ใคร? เศคาริยาห์ บิดาของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา นี่คือความจริงที่สำคัญในการอธิบายการไถ่บาปของพระเยซู และพันธกิจของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาและการผ่านบาปของโลกนี้ไปสู่พระเยซู
 
 
ทายาทของทาโรนเพียงเท่านั้นที่ควรจะทำหน้าที่เป็นปุโรหิต
 
ในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่านั้น ใครที่สามารถทำหน้าที่เป็นมหาปุโรหิตได้ ?
อาโรนและทายาทของเขาที่ได้รับมอบหมาย
 
แล้วพระคัมภีร์ไบเบิลได้ระบุตรงไหนว่า บุตรชายของอาโรนควรจะทำหน้าที่เป็นปุโรหิต? ลองมาดูกัน
ในกันดารวิถี 20:22-29 “และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดเดินทางจากคาเดชมาถึงภูเขาโฮร์ ที่ภูเขาโฮร์นี้พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนริมเขตแดนแผ่นดินเอโดมว่า ‘อาโรนจะต้องถูกรวบไปอยู่กับพวกของเขา เพราะเขาจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเรายกให้แก่คนอิสราเอล เพราะเจ้าทั้งสองกบฏต่อคำสั่งของเราที่น้ำเมรีบาห์จงนำอาโรนและเอเลอาซาร์บุตรชายของเขา นำเขาขึ้นมาบนภูเขาโฮร์จงถอดเสื้อของอาโรนสวมให้แก่เอเลอาซาร์บุตรชายของเขา และอาโรนจะถูกรวบไปอยู่กับพวกของเขา เขาจะตายที่นั่น’โมเสสก็กระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชา และพวกท่านก็ขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ท่ามกลางสายตาของชุมนุมชนทั้งหมดและโมเสสถอดเสื้อผ้าของอาโรน และสวมให้แก่เอเลอาซาร์บุตรชายของเขา และอาโรนก็สิ้นชีวิตอยู่ที่ยอดภูเขานั้น แล้วโมเสสและเอเลอาซาร์ลงมาจากภูเขาเมื่อบรรดาชุมนุมชนเห็นว่าอาโรนสิ้นชีวิตเสียแล้ว วงศ์วานอิสราเอลทั้งหมดก็ร้องไห้ไว้ทุกข์ให้อาโรนอยู่สามสิบวัน”
ในอพยพก็ได้มีการบันทึกพระบัญญัติของพระเจ้าไว้ โดยกลาวว่าบุตร ชายของมหาปุโรหิตอาโรนนั้นควรจะถือตำแหน่งเป็นปุโรหิต และบุตรชายคนโตของเขาก็แต่งตั้งให้เป็นมหาปุโรหิตเมื่ออายุ 30 ปีเหมือนกับบิดาของเขา
ในอพยพ 28:1-5 “ จงนำอาโรนพี่ชายของเจ้ากับบุตรชายของเขาแยกออกมาจากหมู่ชนชาติอิสราเอลให้มาอยู่ใกล้เจ้า เพื่อจะให้ปรนนิบัติเราในตำแหน่งปุโรหิต คือทั้งอาโรนกับบุตรชายของอาโรน คือนาดับ, อาบีฮู, เอเลอาซาร์, กับอิธามาร์ แล้วให้ทำเครื่องยศบริสุทธิ์สำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าให้สมเกียรติ และงดงาม ให้กล่าวแก่คนทั้งปวงผู้เฉลียวฉลาดซึ่งเราได้บันดาลให้เขามีจิตใจอันประกอบด้วยสติปัญญานั้น ให้เขาทำเครื่องยศสำหรับสถาปนาอาโรนให้ปรน นิบัติเราในตำแหน่งปุโรหิต ให้เขาทำเครื่องยศดังต่อไปนี้คือทับทรวง, เสื้อเอโฟด, เสื้อคลุม, เสื้อตาสมุก, ผ้ามาลาและรัดประคด และให้เขาทำเครื่องยศบริสุทธิ์สำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าและบุตรชายของเขา เพื่อจะให้ปรนนิบัติเราในตำแหน่งปุโรหิตให้เขาเหล่านั้นรับเอาทองคำ ด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด“
พระเจ้าทรงต่งตั้งอาโรน น้องชายของโมเสสไว้อย่างชัดเจนให้เป็นมหาปุโรหิต ความเป็นปุโรหิตนั้นไม่ได้เปิดให้กับใครก็ได้มาทำ พระเจ้าทรงรับสั่งให้โมเสสสถาปนาให้อาโรนเป็นมหาปุโรหิต และทำเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมให้กับเขาตามที่พระองคฺทรงกำหนดไว้ เราไม่ควรจะลืมพระวจนะของพระเจ้า
ในอพยพ 29:1-9ก็กล่าวเช่นกันว่า “ต่อไปนี้เป็นการซึ่งเจ้าควรกระทำเพื่อชำระตัวเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์ เพื่อเขาจะปรนนิบัติเราในตำแหน่งปุโรหิต คือจงเอาวัวหนุ่มตัวหนึ่งและแกะตัวผู้สองตัวซึ่งปราศจากตำหนิขนมปังไร้เชื้อ ขนมไร้เชื้อคลุกน้ำมันและขนมแผ่นบางไร้เชื้อทาน้ำมัน (ขนมเหล่านี้จงทำด้วยยอดแป้งข้าวสาลี) แล้วจงใส่ขนมปังต่างๆเหล่านั้นไว้ในกระบุงเดียว กัน จงนำมาในกระบุงพร้อมกับวัวตัวผู้ และลูกแกะตัวผู้สองตัว จงนำอาโรนและบุตรชายทั้ง หลายของเขามาที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม แล้วจงชำระตัวเขาทั้งหลายด้วยน้ำ จงสวมเครื่องยศให้อาโรน คือเสื้อในกับเสื้อเอโฟด กับเอโฟดและทับทรวง และเอารัดประคดที่ทอด้วยฝีมือประณีต สำหรับใช้กับเอโฟดนั้นคาดเอวไว้จงสวมมาลาที่ศีรษะของอาโรน และจงสวมมงกุฎบริสุทธิ์ทับมาลา จงเอาน้ำมันเจิมเทลงบนศีรษะของเขา และเจิมตั้งเขาไว้ จงนำบุตรชายทั้งหลายของเขามาและสวมเสื้อให้ แล้วจงเอารัดประคดคาดเอวเขาไว้ ทั้งตัวอาโรนเองและบุตรชายของเขา และคาดมาลาให้เขา แล้วเขาก็จะรับตำแหน่งเป็นปุโรหิตตามกฎเกณฑ์เนืองนิตย์ ดังนี้แหละ เจ้าจงสถาปนาอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของเขาไว้ “ 
แล้วจงเอารัดประคดรััดเอวเขาไว้ และคาดมาลาให้พวกเขา ตำแน่งปุโรหิตนั้นควรจะตั้งเป็นกฎเกณฑ์เนืองนิตย์ ดังนั้นท่านก็จงสถาปนาอาโรนและบุตรชายของเขา พระเจ้าทรงระบุว่ามีอาโรนและบุตรชายของเขาเพียงเท่านั้นที่จะได้รับสถาปนาให้ทำหน้าที่เป็นปุโรหิตนี้อย่างเป็นนิรันดร์ เมื่อพระองค์ทรงกล่าวว่า “ตามกฏเกณฑ์เนืองนิตย์” มันหมายความว่าความเป็นปุโรหิตของเขานั้นมีผลแม้หลังจากที่พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้แล้ว
ลูกาอธิบายอย่างละเอียดว่าเศคาริยาห์นั้นเป็นทายาทของมหาปุโรหิตอาโรน เมื่อเศคาริยาห์ทำหน้าที่รับใช้เป็นปุโรหิตต่อพระพักตร์พระเจ้าในวิหารของพระผู้เป็นเจ้านั้น ทูตสวรรค์ก็มาปรากฏตัวและบอกเขาว่าพระเจ้าคงได้ยินคำอธิษฐานของเขาแล้ว และภรรยาของเขานางเอลีซาเบธจะให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา
เศคาริยาห์ไม่เชื่อสิ่งนี้และกล่าวว่า “ภรรยาของเราก็ชรามากแล้ว นางจะมีบุตรชายได้อย่างไร?” เพราะความสงสัยของเขาพระเจ้าจึงทรงทำให้เขาเป็นใบ้ไปชั่วขณะหนึ่งเพื่อแสดงว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นจริง
เมื่อถึงเวลาภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ และหลังจากนั้นไม่นานหญิงพรหมจรรย์มารีย์ก็ตั้งครรภ์เช่นกัน ทั้งสองเหตุการณ์นี้เปรียบเทียบได้กับงานของพระเจ้าเพื่อความรอดของเรา เพื่อที่ จะช่วยมนุษยชาติให้รอด พระองค์จึงส่งคนรับใช้ของพระองค์ ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และพระบุตรพระองคเดียวของพระองค์ พระเยซู มายังโลกนี้
ดังนั้น พระเจ้าทรงทรงให้พระบุตรของพระองค์รับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเพื่อที่จะผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป เพื่อที่คนทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์จะรอด
 
 
ความรอบคอบพิเศษของพระเจ้า!
 
พระเจ้าทรงเตรียมผู้ใดให้มาทำงาน ของการไถ่บาปของพระองค์ก่อนพระเยซู?
ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา
 
พระเยซู คริสต์ทรงเป็นผู้ช่วยของมนุษยชาติผู้ประสูติมาจากร่างกายของหญิงพรหม จรรย์มารีย์ นางมารีย์ได้หมั้นไว้กับโยเซฟผู้เป็นสายเลือดของยูดาส พระเยซูประสูติมาจากสาย เลือดของยูดาสเพื่อทำตาม พระบัญญัติของพระเจ้าเช่นเดียวกับยอห์นที่กำเนิดมาในบ้านของมหาปุโรหิตอาโรน
พระเจ้าทรงเตรียมให้ทั้งสองท่านนี้ให้มาเกิดในโลกนี้ ยอห์นมาก่อนพระเยซู ยอห์นกำเนิดมาเพื่อว่าเขาจะให้บัพติศมา มาแก่พระเยซูได้และส่งผ่านบาปทั้งปวงในโลกนี้ไปสู่พระองค์สายเลือดของมหาปุโรหิตคนนี้ต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อกระทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งบัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาฉบับเก่าและฉบับใหม่ เพื่อให้คำสอนเรื่องการไถ่บาปของพระเยซูจะถูกเชื่อและได้รับการเผยแพร่ไปอย่างถูกต้อง
ในบทอพยพพระเจ้าประทานพระบัญญัติและพันธสัญญาของพระองค์มาให้แก่ชาวอิสราเอล คือพระบัญญัติของพระเจ้าและระบบการสังเวยบูชาของพลับพลา, ลงมาถึงเครื่องแต่งกายของปุโรหิต, รายละเอียดของการสังเวยบูชา, และการสถาปนาในความเป็นปุโรหิตให้แก่บุตร ชายของปุโรหิตพระเจ้าทรงแต่งตั้งให้อาโรนและทายาทของเขาได้ทำหน้าที่เป็นปุโรหิต
ดังนั้นทายาทของอาโรนทั้งหมดจึงสามารถถวายการสังเวยบูชาได้และมหาปุโรหิตนั้นก็มาจากบ้านของอาโรนได้เพียงเท่านั้น ท่านเข้าใจไหมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
ในบรรดาทายาทของอาโรนนั้น พระเจ้าทรงเลือกปุโรหิตคนหนึ่งชื่อว่าเศคาริยาห์และภรรยาของเขาเอลีซาเบธ พระองค์ทรงตรัสว่าดูเถิดเราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่านเมื่อพระเจ้าตรัสแก่เศคาริยาห์ว่าพระองค์จะทำให้เอลีซาเบธบุตรชายและเขาตั้งชื่อเขาว่ายอห์น เขาก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เขากลายเป็นใบ้จากพระบัญชาของพระองค์ จนกระทั่งบุตรชายของเขาเกิดมาและได้รับการตั้งชื่อขึ้นมา
และก็เป็นจริงตามนั้นบุตรก็เกิดมาในบ้านของเขาเมื่อถึงเวลาที่จะตั้งชื่อตามประเพณีของอิสราเอลบุตรชายก็ถูกตั้งชื่อตามชื่อหรือหนึ่งในบรรดาญาติๆ
“ครั้นเวลาซึ่งนางเอลีซาเบธจะคลอดบุตรครบถ้วนแล้ว นางก็คลอดบุตรเป็นชาย เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของนางได้ยินว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสำแดงพระมหากรุณาแก่นาง เขาทั้งหลายก็พากันเปรมปรีดิ์ด้วย ต่อมาครั้นถึงวันที่แปดแล้ว เขาก็พากันมาให้ทารกนั้นเข้าสุหนัต และเขาจะให้ชื่อทารกนั้นว่า เศคาริยาห์ ตามชื่อบิดา ฝ่ายมารดาจึงตอบว่า ‘ไม่ใช่ แต่ต้องให้ชื่อว่ายอห์น’ เขาพากันตอบนางว่า ‘ไม่มีผู้ใดในพวกญาติของท่านที่มีชื่ออย่างนั้น’ แล้วเขาจึงใช้ใบ้กับบิดา ถามว่าท่านอยากจะให้บุตรนั้นชื่ออะไร บิดาจึงขอกระดานชนวนมาเขียนว่า ‘ชื่อของบุตรคือยอห์น’ คนทั้งหลายก็ประหลาดใจนักในทันใดนั้นปากและลิ้นของท่านก็คืนดีอีก แล้วท่านกล่าวสรรเสริญพระเจ้า บรรดาเพื่อนบ้านของท่านก็บังเกิดความกลัว และเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นก็เลื่องลือไปทั่วแถบภูเขาแคว้นยูเดีย“ (ลูกา1:57-66)
เศคาริยาห์ยังคงเป็นใบ้อยู่ในตอนที่บุตรชายของเขาเกิด เมื่อถึงเวลาตั้งชื่อลูก ญาติก็แนะนำว่าควรจะตั้งชื่อว่าเศคาริยาห์ แต่แม่ของเขายืนกรานว่าเขาควรจะชื่อว่ายอห์น ตรงจุดนี้ ณาติก็กล่าวว่าไม่มีใครในครอบครัวเลนที่มีชื่อยอห์นและลูกก็ควรจะมีชื่อตามบิดาของตน
เมื่อนางเอลัซาเบธยังคงยืนกรานกับชื่อนั้นอยู่ ญาติๆจึงไปหาเศคาริยาห์และก็ถามว่าเด็กควรจะชื่อว่าอะไรดี เศคาริยาห์ที่ยังพูดไม่ได้ในตอนนั้นก็เขียนชื่อมาว่า ‘ยอห์น’ ญาติทั้งหมดก็สงสัยว่าทำไมเป็นชื่อแปลกจังเลย
แต่หลังจากที่ตั้งชื่อแล้วฝากของเศคาริยาห์ก็เปิดออกทันที เขาจึงสรรเสริญพระเจ้าและก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่ได้ทำนายเอาไว้
ดังนั้นลูกาจึงได้บอกถึงเรื่องการกำเนิดของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาในบ้านของเศคาริยาห์ ‘มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์อยู่ในเวรอารียาห์’ ในการเตรียมการอันพิเศษของพระเจ้าผู้แทนของมนุษย์ได้กำเนิดแก่เศคาริยาห์สายเลือดของอาโรน ในความรอบคอบพิเศษของพระเจ้านั้น ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ผู้เป็นตัวแทนของมนุษยชาติได้กำเนิดมากับเศคาริยาห์ผู้เป็นทายาทของอาโรน
พระเจ้าทรงทำความรอดของมนุษยชาตินี้ให้สมบูรณ์ ผ่านยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาและพระเยซู คริสต์ เรารอดจากบาปทั้งหมดของเราโดยการเชื่อในงานของการไถ่บาปที่ทำโดยยอห์นและพระเยซู คริสต์
 
 

บัพติศมาของพระเยซู

 
ทำไมพระเยซูจึงรับบัพติศมาจากยอห์น?
เพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป
 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้าและพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป เขาเป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาผู้เป็นคนรับใช้ของพระเจ้าผู้ที่ถูกส่งมาเป็นพยานของความรอดของพระเจ้า มันไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่ได้บอกเราโดยพระองค์เองว่าพระองค์คือผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเจ้าทรงทำงานผ่านคนรับใช้ของพระองค์ในคริสตจักรและผ่านปากของประชาชนทั้งหมดของพระองค์ผู้ที่รอดแล้ว
พระเจ้าทรงกล่าวว่า “จงพูดกับเยรูซาเล็มอย่างเห็นใจ และจงประกาศแก่เมืองนั้นว่า การสงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความชั่วช้าของเธอก็อภัยเสียแล้ว เพราะเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์แล้ว เป็นสองเท่าของความบาปผิดของเธอ...ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์“ (อิสยาห์ 40:2,8)
พระเจ้าทรงสัญญามากว่าเจ็ดร้อยปีก่อนการประสูติของพระคริสต์ว่า “ท่านไม่ใช่คนบาปอีกต่อไป เราได้ไถ่บาปทั้งหมดของท่านแล้วและการสู้รบได้สิ้นสุดแล้ว” ดังนั้นเสียงของข่าวประเสริฐของการไถ่บาปยังคงร้องอยู่ในหัวใของเรา นี่คือสิ่งที่เรียกว่าข่าวประเสริฐที่เตรียมไว้
เมื่อเราเข้าใจงานของยอห์นผู้ให้รับบัพติศม าและเข้าใจอย่างแท้จริง ว่าบาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระเยซูผ่านยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เราเป็นอิสระจากบาปทั้งหมดของเราได้
ข่าวประเสริฐทั้งสี่ได้บอกเราเกี่ยวกับยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และมาลาคีผู้เป็นศาสดาพยากรณ์ของพันธสัญญาฉบับเก่าก็เป็นพยานเช่นกันว่า ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาคือคนรับใช้ของพระเจ้าที่เตรียมเอาไว้ พันธสัญญาฉบับใหม่เริ่มต้นด้วยการกำเนิดของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาและการผ่านบาปผ่านเขา
แล้วทำไมเราเรียกเขาว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา? เพราะว่าเขาให้บัพติศมาแก่พระเยซู บัพติศมาหมายความว่าอย่างไร ? มันหมายความถึง ‘การผ่าน, การฝัง, การชำระ’ ซึ่งเหมือนกันกับ ‘การวางมือ’ ในพันธสัญญาฉบับเก่าด้วย
ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้น เมื่อมนุษย์ทำบาปเขาก็จะผ่านบาปของเขาไปที่สัตวบูชาที่ไม่มีตำหนิด้วยการวางมือของเขาลงที่หัวของมันและสัตวบูชานั้นก็ตายไปโดยไม่มีบาป ‘การวาง มือ’ หมายความถึง ’การผ่านไปสู่’ ดังนั้น ‘การวางมือ’ และ ’บัพติศมา’ จึงมีความหมายโดยนัยเหมือนกันแม้ว่ามันจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม
แล้วอะไรคือความหมายของบัพติศมาของพระเยซู? บัพติศมาของพระองค์นั้นเป็นหนทางเดียว ที่เราจะได้รับการยกความผิดบาปได้ พระเจ้าทรงตั้งกฏแห่งบาปขึ้นมาที่อาจจะถูกโอนไปสู่การสังเวยบูชาผ่าน ’การวางมือ’ ดังนั้นในสมัยของพันธสัญญาฉบับเก่านั้น คนบาปทั้งหลายจะต้องวางมือลงบนหัวของสัตวบูชา เพื่อที่จะผ่านบาปของพวกเขาไปสู่หัวของมันได้ หลังจากนั้น พวกเขาก็จะต้องปาดคอของมันและปุโรหิตก็จะประพรมเลือดของมันที่เชิงงอนของแท่นเผาสังเวยบูชา สิ่งนี้เป็นวิธีไถ่บาปประจำวัน
แล้วพวกเขาลบมลทินบาปประจำปีกันอย่างไร?
ในกรณีนี้ มหาปุโรหิตอาโรนถวายสังเวยบูชาให้แก่ประชาชนชาวอิสราเอล เพราะว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเกิดมาในบ้านของอาโรน มันจึงเหมาะสมแล้วที่เขาจะเป็นมหาปุโรหิต และพระเจ้าก็กำหนดไว้แล้วให้เขาเป็นมหาปุโรหิตตามคำสัญญาของการไถ่บาป
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ และเป็นมหาปุโรหิตคนสุดท้ายเพราะพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นสิ้นสุดลงเมื่อพระเยซู คริสต์ประสูติ จะมีใครอีกนอกจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาที่จะสามารถผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซูได้ในพันธสัญญาฉบับใหม่เหมือนที่อาโรนได้ไถ่บาปของประชาชนของเขาในพันธสัญญาฉบับเก่า? ตามที่เป็นมหาปุโรหิตคนสุดท้ายในพันธสัญญาฉบับเก่าและเป็นผู้แทนของมนุษย ชาติทั้งหมดยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงได้ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซูในตอนที่ให้บัพติศมาแก่พระองค์
เพราะว่ายอห์นได้ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซู การเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณจึงสามารถปลดปล่อยเราได้ พระเยซูทรงเป็นพระเมษโปดกเพื่อที่จะช่วยคนบาปทั้งหมดให้รอดพระองค์จึงทรงทำงานของการไถ่บาปได้ตามแผนการของพระเจ้า พระเยซูทรงบอกเราว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นศาสดาพยากรณ์คนสุดท้าย เป็นมหาปุโรหิตผู้ที่ได้ผ่านบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปสู่พระองค์
ทำไมพระเยซูจึงไม่ทรงสามารถทำมันได้โดยพระองค์เอง? ทำไมพระองค์ต้องการยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา? มีเหตุผลที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเกิดมาก่อนพระเยซูซึ่งก็คือเพื่อทำให้พระบัญญัติตามพันธสัญญาฉบับเก่าสมบูรณ์ เพื่อทำตามคำสัญญานั่นเอง
พระเยซูประสูติมาสู่กายของหญิงพรรหมจรรย์มารีย์ และยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก็เกิดมากับหญิงชราที่เป็นหมันคนหนึ่งนามว่าอาลีซาเบธ
นี่เป็นงานของพระเจ้าและพระองค์ทรงวางแผนเอาไว้เพื่อช่วยคนบาปทั้งหมดให้รอด เพื่อช่วยเราให้รอดจากสงครามบาปที่ไม่มีสิ้นสุุดและความทุกข์ทรมาณ เพราะความเต็มไปด้วยบาปของเรา พระองค์ทรงส่งคนรับใช้ของพระองค์ ยอห์นมา และจากนั้นก็พระบุตรของพระองค์เอง พระเยซู ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาจึงถูกส่งมาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมด เป็นมหาปุโรหิตคนสุดท้าย
 
 
คนที่เป็นใหญ่ที่สุดในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิง
 
ใครคือผู่ที่เป็นใหญ่ที่สุดในบรรดา คนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมา?
ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา
 
 ลองไปดูที่มัทธิว 11:7-14 กัน “ครั้นสาวกเหล่านั้นไปแล้ว พระเยซูเริ่มตรัสกับคนหมู่นั้นถึงยอห์นว่า:ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร? ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ? แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ? ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในพระนิเวศของกษัตริย์แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูศาสดาพยากรณ์หรือ? แน่ทีเดียว! และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์เสียอีกคือผู้นั้นเองที่พระคัมภีร์ได้เขียนถึงว่า ‘ดูเถิด เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมทางของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้เพราะคำของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายและพระราชบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับในเรื่องนี้ ก็ยอห์นนี้แหละเป็นเอลียาห์ซึ่งจะมานั้น“
ประชาชนได้ออกไปสู่ถิ่นทุรกันดารเพื่อที่จะดูยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาผู้ที่ร้องออกมาว่า “กลับใจเสียเถิดเจ้าชาติงูร้าย!” และพระเยซูทรงกล่าวว่า “แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มผ้าอ่อนนิ่มหรือ? ดูเถิด คนนุ่งห่มเสื้อผ้าอ่อนนิ่มก็อยู่ในพระนิเวศน์ของกษัตริย์”
พระเยซูทรงเป็นพยานถึงความยิ่งใหญ่ของยอห์นโดยพระองค์เอง พวกท่านออกไปดูอะไร? ไปดูชาวบาเรียนผู้แต่งกายด้วยขนอูฐและตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังหรือ? เขาจะต้องสวมเสื้อผ้าที่ทำจากขนอูฐเป็นแน่แท้ ท่านออกไปดูอะไร? ไปดูคนนุ่งห่มเสื้อผ้าอ่อนนิ่มหรือ? คนทั้งหลายที่สวมเสื้อผ้าอ่อนนิ่มนั้นอยู่ในพระนิเวศน์ของกษัตริย์ แต่เขาคนนี้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์เสียอีก “คนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในพระนิเวศของกษัตริย์แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูศาสดาพยากรณ์หรือ ? แน่ทีเดียว ! และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์เสียอีกคือผู้นั้นเอง “
ในสมัยก่อนนั้นศาสดาพยากรณ์ถูกยกให้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ แต่ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั้นเป็นยิ่งกว่ากษัตริย์และเป็นยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์ เขาเป็นมากกว่าศาสดาพยากรณ์ทั้งหมดของพันธสัญญาฉบับเก่า ในความเป็นจริงยอห์นเป็นมหาปุโรหิตคนสุดท้ายและเป็นผู้แทนของมนุษยชาติ เป็นผู้ที่มีความสำคัญมากกว่าอาโรนผู้เป็นมหาปุโรหิตคนแรกเสียอีก พระเยซูเองทรงเป็นพยานกับยอห์นไว้เช่นนั้น
ผู้ใดคือตัวแทนของมนุษยชาติ? ยอกจากพระคริสต์เองแล้วใครคือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกนี้? ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา “เราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์เสียอีก คือผู้นั้นเองที่พระคัมภีร์ได้เขียนถึงว่า ‘ดูเถิด เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมทางของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’“
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้เป็นพยานว่าสงครามที่มีต่อบาปได้สิ้นสุดแล้ว “ดูเถิด พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับเอาความผิดบาปของโลกนี้ไปเสีย!” ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั่นเองที่เป็นพยานว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป
ในมัทธิว 11:11 กล่าวว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา” ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้นจะมีใครที่ยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาอีกไหม ?
‘เกิดจากผู้หญิงมา’ นั้นหมายถึงอะไร? มันหมายความมนุษย์ทุกคนยกเว้นอาดัมและอีฟ มนุษย์ทุกคนนั้นเกิดจากผู้หญิงมา ในหมู่คนที่เกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเลย ดังนั้น เขาคือมหาปุโรหิตคนสุดท้าย, ศาสดาพยากรณ์ และผู้แทนของมนุษยชาติทั้งหมด
ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้น อาโรนและบุตรชายของเขาได้รับการบวชจากพระเจ้าให้รับใช้ไปตลอดกาล บาปทั้งหมดจะต้องได้รับการชำระผ่านอาโรนและบุตรชายของเขา พระเจ้านั่นเองที่ทรงรับสั่งไว้
หากมีพวกเลวีบางคนได้กล่าวเข้ามา และกล้าที่จะมาเหยียบย่ำความเป็นปุโรหิตของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะตายอย่างแน่นอน ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือการสะสมไม้ไว้ทำเชื้อเพลิงให่้กับแท่นบูชา, ถลกหนังสัตว์, แยกไขมันสัตว์ออก, ทำความสะอาดเครื่องในของสัตว์บูชาและเตรียมมันไว้ที่ข้างนอกแค็มป์ หากพวกเขาบุ่มบ่ามไปทำหน้าที่ของปุโรหิตเข้า พวกเขาก็จะตาย มันเป็นกฎของพระเจ้า พวกเขาข้ามเส้นไปไม่ได้
บนโลกนี้จึงไม่มีใครที่จะเกิดขึ้นมายิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาอีกแล้ว เขาเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย “และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ อาณา จักรแห่งสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้ “
การไถ่บาปของมนุษยชาตินั่นสมบูรณ์เมื่อยอห์นให้บัพติศมาแก่พระเยซู และคนทั้ง หลายที่เชื่อในพระเยซูก็สามารถเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ เพราะว่าพวกเขาได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ
ตอนนี้ ลองมาดูกันว่าบิดาของยอห์นได้เป็นพยานต่อบุตรชายของเขาว่าอย่างไร
 
 
คำพยานของเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาของยอห์น
 
เศคาริยาห์ได้พยากรณ์เกี่ยวกับ บุตรชายของเขาไว้ว่าอย่างไร?
ยอห์นจะเตรียมมรรคาของพระผู้เป็นเจ้าเอาไว้ ด้วยการให้ความรู้ถึงความรอดให้แก่ประชาชนของเขา
 
 
 
ลองไปดูลูกา 1:67-80 กัน “ฝ่ายเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วได้พยากรณ์ว่า ’จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกอิสราเอล ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงเยี่ยมเยียนและช่วยไถ่ชนชาติของพระองค์ และได้ทรงชูเขาแห่งความรอดขึ้นมาเพื่อเราในวงศ์วานของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างโลก โดยปากของพวกศาสดาพยากรณ์บริสุทธิ์ของพระองค์ ว่าเราจะรอดพ้นจากพวกศัตรูของเราทั้งหลาย และพ้นจากมือของคนทั้งปวงที่ชังเรา จะทรงสำแดงพระกรุณาซึ่งทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ คือคำปฏิญาณซึ่งพระ องค์ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของเรา ว่าเมื่อเราทั้งหลายพ้นจากมือศัตรูของเราแล้ว จะทรงโปรดให้เราปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัวด้วยความบริสุทธิ์ และด้วยความชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิตของเรา ท่านทารกเอ๋ย เขาจะเรียกท่านว่าเป็นศาสดาพยากรณ์ของผู้สูงสุด เพราะว่าท่านจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะจัดเตรียมมรรคาของพระองค์ไว้ เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์มีความรู้ถึงความรอด โดยการทรงยกบาปของเขาโดยพระทัยเมตตากรุณาแห่งพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเราเพื่อจะส่องสว่างแก่คนทั้งหลายผู้อยู่ในที่มืด และในเงาแห่งความตาย เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข’ ฝ่ายทารกนั้นก็ได้เจริญวัยขึ้น และจิตวิญญาณก็มีกำลังทวีขึ้น และไปอาศัยในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่ท่านจะได้มาปรากฏแก่ชนชาติอิสราเอล “
เศคาริยาห์ได้พยากรณ์ไว้สองอย่าง เขาพยากรณ์ว่ากษัตริย์ของมนุษย์ทุกคนจะเสด็จมา จากวรรคที่ 68 ถึง 73 เขาพยากรณ์ด้วยความยินดีว่าพระเจ้าไม่ทรงลืมพระสัญญาของพระองค์ และพระเยซูจะประสูติมาจากหญิงพรหมจรรย์ นางมารีย์เพื่อที่จะช่วยทายาทของเขาให้รอดจากมือของศัตรู
จากวรรคที่ 74 “ว่าเมื่อเราทั้งหลายพ้นจากมือศัตรูของเราแล้ว จะทรงโปรดให้เราปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัว“ นี่เป็นการเตือนถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมและชาวอิสราเอล และเขาก็พยากรณ์ว่า”ให้เราปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัว”
จากวรรคที่ 76 ได้พยากรณ์ถึงบุตรชายของเขาว่า “ท่านทารกเอ๋ย เขาจะเรียกท่านว่าเป็นศาสดาพยากรณ์ของผู้สูงสุด เพราะว่าท่านจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะจัดเตรียมมรรคาของพระองค์ไว้เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์มีความรู้ถึงความรอด โดยการทรงยกบาปของเขาโดยพระทัยเมตตากรุณาแห่งพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา เพื่อจะส่องสว่างแก่คนทั้งหลายผู้อยู่ในที่มืด และในเงาแห่งความตาย เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข“
เขากล่าวตรงนี้ว่า “เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์มีความรู้ถึงความรอดโดยการยกบาปของเขา” เขากล่าวว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ให้ความู้ถึงความรอด? ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ท่านเห็นสิ่งนี้ไหม? ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ให้ความรู้แก่เราว่าพระเยซู คือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป
ตอนนี้มาดูที่มาละโกบทที่ 1 กัน “ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเริ่มต้นตรงนี้ ตามที่ได้เขียนไว้ในคำของศาสดาพยากรณ์ว่า ‘ดูเถิด เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้า ท่านเสียงผู้ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงเตรียมมรรคาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป’’`ยอห์นให้เขารับบัพติศมาในถิ่นทุรกันดาร และประกาศเรื่องบัพติศมาอันสำแดงการกลับใจใหม่ เพื่อการยกโทษความผิดบาปคนทั่วแคว้นยูเดียกับชาวกรุงเยรูซาเล็มได้พากันออกไปหายอห์น สารภาพความผิดบาปของตน และได้รับบัพติศมาจากท่านในแม่น้ำจอร์แดน“ (มาละโก 1:1-5)
เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหลายได้ฟังจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา พวกเขาก็หันออกมาจากการนมัสการรูปเคารพของพวกเจนไทน์และก็รับบัพติศมามาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่ยอห์นเป็นพยานว่าเราให้บัพติศมาแก่ท่านโดยน้ำ เพื่อท่านจะได้กลับไปสู่พระเจ้าแต่พระบุตรของพระเจ้าจะเสด็จมาและรับบัพติศมาจากเรา เพื่อที่บาปทั้งหมดของท่านจะได้ผ่านไปสู่พระองค์ในกิริยาเช่นเดียวกันและหากท่านเชื่อในบัพติศมาของพระองค์ตามที่ท่านรับบัพติศมาจากเราแล้ว บาปทั้ง หมดของท่านก็จะผ่านไปสู่พระองค์ เหมือนกับที่บาปทั้งหลายได้ผ่านไปโดยการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่านั่นเอง นั่นเป็นสิ่งที่ยอห์นได้เป็นพยานเอาไว้
ความจริงที่ว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน หมายความว่า พระองค์ทรงรับบัพติศมาในแม่น้ำแห่งความตาย เราร้องเพลงที่งานศพกันว่า “เมื่อวันที่อ่อนหวานผ่านไป เราก็ควรจะได้พบกับชายฝั่งที่สวยงาม เราก็ควรจะได้พบกันในวันที่ชายฝั่งสวยงาม” เมื่อเราตายเราจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป แม่น้ำจอร์แดนคือแม่น้ำแห่งความตาย พระเยซูทรงรับบัพติศมาในแม่น้ำแห่งความตาย เพื่อที่พระองค์จะทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปจากที่นั่นและ”ค่าจ้างของบาปคือความตาย”
 
 
การรับบัพติศมาที่ได้ผ่านบาปของเราไป
 
อะไรมีความหมายถึงมือ ในพันธสัญญาฉบับใหม่?
พิธีบัพติศมาของพระเยซู
 
ในมัทธิว 3:13-17 กล่าวว่า “แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า ‘ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?’ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์ และพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และดูเถิด ท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกเขาและสถิตอยู่บนพระองค์และดูเถิด มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก’“
พระเยซูเสด็จไปที่แม่น้ำจอร์แดน และทรงรับบัพติศมา จากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา พระองค์ทรงรับสั่งกับยอห์นว่า “ให้บัพติศมาแก่เราเถิด” ยอห์นทูลตอบว่า “แต่ข้าพระองค์จะต้องรับบัพติศมาจากพระองค์และพระองค์ยังเสด็จมาหาข้าพระองค์อีกหรือ?” มหาปุโรหิตแห่งสวรรค์และแผ่นดินโลกนี้จึงได้พบกัน
ตามที่ฮีบรูกล่าวไว้ว่าพระเยซู คริสต์ คือมหาปุโรหิตอันเป็นนิรันดร์ ตามลำดับของเมลชีซีเดค สิ่งนี้หมายความว่าพระเยซูนั้นไม่ได้มีลำดับสายเลือดกับใครในโลกนี้เลย พระองค์คือพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงสร้างของเรา พระองค์คือผู้ที่พระองค์เป็น ดังนั้น พระองค์จึงไม่มีลำดับสายเลือด พระเยซูทรงละทิ้งพระศิริแห่งสวรรค์มาและเสด็จลงมายังโลกนี้เพื่อช่วยประชาชนของพระองค์
เหตุผลที่พระองค์เสด็จลงมายังโลกนี้นั้น ก็เพื่อช่วยคนบาปทั้งหมดที่ทุกข์ทรมาณอยู่กับการหลอกลวงของซาตานอยู่ พระองค์ก็ยังทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา”และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้ง หลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์ “
“บัดนี้จงยอมเถิด” จงยอม! พระเยซูทรงสั่งตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมดและทรงก้มพระเศียรของพระองค์ให้รับบัพติศมา ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้นเมื่อทำการถวายสัตวบูชาต่อพระเจ้า ทั้งผู้มีบาปหรือมหาปุโรหิตจะวางมือของเขาลงบนหัวของมันและผ่านบาปไปสู่มัน “การวางมือ” นั้นหมายถึง “การผ่าน”
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงให้บัพติศมาแก่พระเยซู มันเป็นเหมือนกับการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่า ‘การผ่านไปสู่’, ‘การฝัง’, ‘การชำระ’ และ’การเสียสละ’ นั้นมีความหมายเหมือนกัน พันธสัญญาฉบับใหม่นั้นเป็นความจริงในขณะที่พันธสัญญาฉบับเก่านั้นเป็นเงาของมัน  
เมื่อคนบาปวางมือของเขาลงไปที่แพะในพันธสัญญาฉบับเก่า บาปของเขาจึงได้ผ่านไปที่แพะและแพะก็จะต้องถูกฆ่า เมื่อแพะตายมันก็ถูกฝังบาปของผู้ที่วางมือของเขาลงที่แพะจึงได้ผ่านไปสู่สัตวบูชานั้น ดังนั้นแพะจึงถูกฆ่าเพราะบาป หากบาปได้ผ่านไปสู่แพะ จะมีผู้ใดที่ถวายแพะตามระบบสังเวยบูชาได้โดยไม่มีบาปได้ไหม? ได้
ลองกล่าวว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ คือบาป และไมโครโฟนนี้ คือแพะ เมื่อผมวางมือลงบนไมโครโฟนนี้บาปนี้ก็ผ่านไปสู่มันซึ่งเป็นแพะ พระเจ้าเองทรงตัดสินพระทัยว่ามันจะเป็นเช่นนั้น “จงว่างมือของท่าน” เพื่อที่จะได้รับการไถ่บาปในวันของพันธสัญญาฉบับเก่านั้น ผู้นั้นจะต้องได้วางมือของเขาลงบนหัวของสัตว์บูชาก่อนหลังจากนั้นเขาก็จะไม่มีบาป เช่นเดียวกันนี้บัพติศมาของพระเยซูเป็นการชำระ, การฝังและการผ่านบาปของโลกนี้ไปสู่พระองค์ มันเป็นจริงตามความหมายของมันอย่างถูกต้อง
 
กระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ หมายความว่าอย่างไร?
การชำระมลทินบาปทั้งหมด ด้วยการผ่านบาปไปสู่พระเยซู
 
ดังนันเมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป บาปเหล่านั้นได้ผ่านไปสู่พระองค์อย่างแท้จริงไหม? บาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระเยซูและประชาชนทั้งหมดก็ได้รับการไถ่บาป มันก็เป็นเหมือนกับการผ่านบาปของการสังเวยบูชาในพันธสัญญาฉบับเก่านั่นเอง พระเยซูเสด็จมาจากแคว้นกาลิลีมายังแม่น้ำจอร์แดน และตรัสกับยอห์นว่า “บัดนี้จงยอมเถิดพอสมควรแล้วที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ“(มัทธิว 3:15)
แล้วยอห์นก็ให้บัพติศมาแก่พระเยซู พระองค์ทรงบอกยอห์นว่ามันสมควรแล้วที่เราที่เราจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการโดยบัพติศมาของพระองค์ ‘สิ่งชอบทำทุกประการ’ หมายความว่า ’เหมาะสมที่สุดและถูกต้องที่สุด’ อีกนัยหนึ่ง ‘เพราะสมควรแล้ว’ นั้นจึงมีความหมายถึงพิธีบัพติศมา ความชอบธรรมทั้งหมดก็สมบูรณ์ สิ่งนี้หมายความว่ามันถูกต้องแล้วที่ยอห์นจะให้บัพติศมาแก่พระเยซูและพระเยซูจะรับบัพติศมาจากยอห์นต์ ดังนั้นจึงได้ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปที่พระองค์
พระเจ้าทรงยอมรับการชำระบาปบนพื้นฐานของการรับบัพติศมาของพระเยซู, การสังเวยบูชาของพระองค์บนไม้กางเขนและความเชื่อของเรา “มนุษย์ทุกคนทุกข์ทรมานจากบาปและถูกทรมานโดยพญามารเพราะบาปของเขา ดังนั้นเพื่อที่พวกเขาจะรอดและถูกส่งไปสวรรค์ ท่านเองตามที่เป็นตัวแทนของมนุษยชาติและเป็นทายาทของอาโรนควรจะให้บัพติศมาแก่เราเพื่อประชาชนทั้งหมด ยอห์น เราควรจะรับบัพติศมาจากท่าน แล้วงานของการไถ่บาปก็จะสมบูรณ์”
ยอห์นตอบว่า “ข้าพระองค์เข้าใจ”
ดังนั้น ยอห์นจึงให้บัพติศมาแก่พระเยซู เขาวางมือของเขาลงบนพระเศียรของพระเยซูและผ่านบาปทั้งหมดในโลกนี้ไปสู่พระองค์ ดังนั้นพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงชำระบาปทั้งหมดของเรา ตอนนี้การเชื่อในการไถ่บาปของพระองค์จึงสามารถช่วยเราให้รอดได้ ท่านเชื่อไหม?
หลังจากที่พระเยซูทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน ผ่านการวางมือของผู้แทนของมนุษยชาติทั้งหมดแล้ว พระเยซูก็ทรงเดินทางและประกาศข่าวประเสริฐออกไปถึง 3 ปีครึ่ง พร้อมกับบาปทั้งหมดของโลกนี้ที่ร่างกายของพระองค์ ตามที่พระองค์ทรงรับรองพันธกิจสาธารณะของพระองค์
พระองค์ตรัสกับหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกจับฐานร่วมประเวณีว่า “เราไม่เอาผิดเจ้า” พระ องค์ไม่ได้ตำหนินางเลย เพราะพระองค์ทรงรับบาปของนางทั้งหมดไว้ที่พระองค์และทรงรับการพิพากษาให้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อพวกเรา ในขณะที่พระองค์ทรงอธิษฐานอยู่ที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าเมืองเกธเสมนี พระองค์อธิษฐาน สามครั้งขอพรพระบิดาให้ถ้วยแห่งการพิพากษาผ่านไปจากพระองค์ แต่ในไม่ช้าก็ยอมและตรัสว่า “ไม่ใช่ที่เราเป็น แต่เป็นสิ่งที่เราเห็น”
 
 
“จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย!”
 
พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาป ไปมากเพียงใด?
ความผิดบาปทั้งหมดในโลกนี้
 
ยอห์น 1:29 กล่าวว่า” วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า ‘จงดู!พระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย!’“ ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาให้บัพติศมาแก่พระเยซูและในวันถัดไปนั้น พระเยซูก็เสด็จมาหาเขาและเขาก็บอกกับประชาชนทั้ง หลายว่า “จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกนี้ไปเสีย!’” มันเป็นคำพยานของเขา
พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ และทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นพยานอีกครั้งหนึ่ง ในยอห์น 1:35-36 กล่าวว่า “รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยอห์นกำลังยืนอยู่กับสาวกของท่านทั้งสอง และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์ทรงดำเนินและกล่าวว่า ‘จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า!’”
พระเมษโปดกของพระเจ้าหมายถึงความจริงที่ว่าพระเยซูคือความจริงและเอกลักษณ์ของการสังเวยบูชาที่ได้กล่าวไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่าที่ได้ตายไปเพื่อบาปของชาวอิสราเอล พระบุตรของพระเจ้าและผู้ทรงสร้างของเราเสด็จลงมายังโลกนี้เพื่อท่านและผมเพื่อรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไปบาปทั้งหมดนับตั้งแต่การสร้างสรรพสิ่งของโลกนี้ ไปจนถึงกระทั่งในวันที่มันสิ้นสุด บาปตั้งแต่บาปดั้งเดิม ไปจนถึงบาปชั่วช้าทั้งหมดของเรา รวมถึงบาปที่เป็นข้อบกพร่องต่างๆของเราทั้งหมดด้วย พระองค์ทรงไถ่บาปทั้งหมดของเราโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป และทรงประทานการไถ่บาปที่สมบูรณ์มาให้กับเราผู้ที่เชื่อท่านเข้าใจสิ่งนี้ไหม? “พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปเสีย”
ประมาณ 2000 ปีได้ล่วงผ่านแล้วหลังจากที่พระองค์ได้ประสูติมายังโลกนี้ และในปีคริสต์ศักราช 30 พระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไป ในปีคริสต์ศักราชที่ 1 นั้นเป็นปีที่พระเยซูทรงประสูติเราเรียกช่วงเวลาก่อนที่พระเยซูเจ้าประสูติว่าก่อนคริสตกาล พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เมื่อกว่า 2000 ปีมาแล้ว
ในปีคริสต์ศักราชที่ 30 ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจึงให้บัพติศมาแก่พระเยซูและในวันถัดไปนั้นยอห์นได้ร้องออกมาอันดังต่อประชาชนทั้ง หลายว่า “จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย!” “จงดู!” เขาบอกประชาชนที่เชื่อในพระเยซูผู้ที่พระองค์ทรงรับบาปทั้งหมดของพวกเขาไปแล้วนั่นเอง เขาเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระเมษโปดกของพระเจ้า คือพระองค์ผู้ทรงช่วยเราทั้งหมดให้รอดจากบาปทั้งหมดของเรา
พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปและทำให้สงครามที่มีต่อบาปอันไม่มีสิ้นสุดของเราจบสิ้นลง ตอนนี้เราไม่มีบาปแล้ว เพราะพระบุตรของพระเจ้าทรงรับเอามันออกไป ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นพยานว่า พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป บาปของทั้งท่านและของผม ” ท่านผู้นี้ (ยอห์น) มาเพื่อเป็นพยานเพื่อเป็นพยานถึงความสว่างนั้นเพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน” (ยอห์น 1:7)
หากไม่มีคำพยานของยอห์นแล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไป? ไบเบิลบอกเราอยู่บ่อยๆว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา แต่มีเพียงยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเท่านั้นที่เป็นพยานอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป
 
บาปในโลกนี้มีมากมายเพียงใด?
บาปของมนุษยชาติทั้งหมดนับ ตั้งแต่วันสร้างโลกจนถึงวันสิ้นโลก
 
มีคำพยานมากมายต่อความจริง หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู แต่มีเพียงยอห์นเท่านั้นที่เป็นพยานในขณะที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าสาวกของพระเยซูก็เป็นพยานเช่นกันต่อการไถ่บาปของพระเยซู พวกเขาเป็นพยานว่าพระเยซูทรงรับเอาาปของเราไป ว่าพระ องค์คือผู้ช่วยให้รอดของเรา
พระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป ท่านผู้ท่านทั้งหลาย ตอนนี้ท่านยังมีอายุไม่ถึง 100 ปีใช่ไหม ? พระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไปเมื่อมีพระชนม์ได้ 30 ปี ลองดูไดอะแกรมนี้
                                                         
 
 ลองกล่าวว่าเมื่อ 4,000 ปีก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมาที่มนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นมา และพระเยซูก็เสด็จมาราวๆ 2000 กว่าปีมานี้เอง เราไม่รู้ว่าโลกนี้จะอยู่นานเท่าใด แต่ช่วงเวลาสิ้นสุดมันก็จะมาถึงแน่นอน พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและเป็นอวสาน เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย” (วิวรณ์ 22:13)
ดังนั้น มันจะถึงเวลาอวสานอย่างแน่นอน ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ระบุไว้ว่าเป็นปี 2002 พระคริสต์ทรงรับเอาบาปของเราไปในปีคริสศักราช 30 และมันมัน 3 ปีก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
“จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกนี้ไปเสีย!” พระองค์ทรง รับเอาบาปของโลกนี้ไปบาปของท่านและของผม เราอยู่ในช่วงเวลากว่า 2000 ปีหลังการประสูติของพระเยซูและก็ราวๆ 2000 ปีหลังจากที่พระองค์รับบาปของเราไป เรายังคงมีชีวิตอยู่และทำบาปในทุกๆวัน อย่างไรก็ตาม พระเยซูคือพระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับเอาตวามผิดบาปของโลกนี้ไป
เราเริ่มต้นที่จะมีชีวิตอยู่และทำบาปในโลกนี้มาตั้งแต่ขณะที่เราเกิดมา เราทั้งหมดทำบาปนับตั้งแต่ขณะที่เราเกิดเลยหรือ หรือเราไม่ได้ทำ? —เราทำ— ลองมาดูผ่านกระบวนการทั้งหมดของมันกัน นับตั้งแต่วันที่เราเกิดมาจนกระทั่งเรามีอายุได้ 10 ขวบ เราทำบาปหรือเราไม่ได้ทำ? —เราทำ— แล้วคนทั้งหลายได้ผ่านบาปไปสู่พระเยซูหรือไม่? —ได้สิ— เพราะบาปทั้งหมดได้ผ่านไปสู่พระเยซู พระองค์จึงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา หากไม่ได้ผ่านบาปไปแล้วพระองค์จะไม่ใช่ผู้ช่วยให้รอดของเราหรือ? บาปทั้งหมดได้ผ่านไปสู่พระเยซูแล้ว
นับตั้งแต่อายุ 11 ปีไปจนถึง 20 ปีเราได้ทำบาปหรือไม่ หรือเราไม่ได้ทำ? เราทำบาปในหัวใจของเราและในการกระทำของเราด้วย เราทำมันเป็นอย่างดีเลยทีเดียว เราถูกสอนมาว่าไม่ให้ทำบาปแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำบาปโดยธรรมชาติ
พระเจ้าทรงบอกเราว่า บาปทั้งหลายเหล่านั้นได้ผ่านไปสู่พระเยซูแล้วพระองค์ทรงทราบว่าเราเต็มไปด้วยบาปดังนั้นพระองค์จึงรับเอาความ ผิดบาปทั้งหมดของเราไปล่วงหน้าแล้ว
แล้วเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไปยาวนานสักเพียงใดกัน ? ลองมากล่าวว่าสักเราราวๆ 70 ปีหากเราเพิ่มบาปทั้งหมดที่เราได้ทำไปในช่วงเวลา 70 ปี บาปเหล่านั้นมันจะหนักหนาสาหัสเพียงใดกันนะ? หากเราแพ็ค มันลงบนรถบรรทุก 8 ตัน คิดว่าเราคงจะต้องใช้รถบรรทุกถึง 100 คันเลยทีเดียว
ลองนึกดูสิว่าเราทำบาปไปมากเพียงใดในช่วงชีวิตทั้งหมดของเรา มันเป็นบาปของโลกนี้หรือไม่ ? มันเป็นส่วนหนึ่งของบาปของโลกนี้ด้วย เราทำบาปตั้งแต่เกิดจนกระทั่งอายุ 10ปี, 10ปี ถึง 20ปี, 20ปี ถึง30ปี ไปเรื่อยๆ กระทั่งวันที่เราตาย แต่บาปทั้งหมดเหล่านั้นรวมเป็นบาปของโลกนี้ด้วยที่ได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์
 
 
พระเยซู คริสต์ ผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ
 
พระเยซูทรงงรับเอาบาปไปมากเพียงใด?
บาปทั้งหมดของบรรพบุรุษของเรา และของทายาทของเราไปกระทั่งถึงวันสิ้นโลก
 
พระเยซูทรงบอกเราว่า พระองค์เสด็จมาในเนื้อหนังเพื่อชำระบาปทั้งหมดของเราออกไป พระเยซูไม่สามารถให้บัพติศมาแก่ตัวพระองค์เองได้ ดังนั้นพระเจ้าทรงส่งคนรับใช้ของพระองค์ ยอห์น มาล่วงหน้าซึ่งเขาถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมด ตามที่ได้บันทึกเอาไว้ว่าพระองค์เองทรงเป็นเป็น “ผู้ที่มหัศจรรย์ ที่ปรึกษา พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช “ พระเจ้าเองทรงส่งผู้แทนของมนุษยชาติมาล่วงหน้าโดยภูมิปัญญาของพระองค์เองและโดยที่ปรึกษาของพระองค์เองและทรงส่งพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาในเนื้อหนังเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป นี่มันไม่ใช่แผนของความรอดของพระเจ้าที่ลึกซึ้งหรอกหรือ?
มันช่างน่ามหัศจรรย์มากไม่ใช่หรือ ดังนั้นจากการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาแล้วพระองค์ก็ทรงได้ชำระบาปทั้งหมดของมนุษยชาติทั่วทั้งโลกออกไป และทรงนำทุกคนให้พ้นไปจากบาปด้วยการถูกตรึงไม้กางเขนครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด พระองค์ทรงปลดปล่อยเราทั้งหมด ลองคิดถึงมันดูสิ ลองมาดูบาปของท่านนับจากเมื่ออายุได้ 20ปี ถึง 30 ปี, 30 ปี ถึง 40 ปี, 40 ปีถึง 60 ปี, ถึง 70 ปี, ถึง 100 ปีและบาปเหล่านั้นของบุตรของท่านอีก พระองค์ทรงรับบาปทั้งหมดเหล่านั้นออกไปอย่างแท้จริงใช่หรือไม่? ใช่พระองค์ทรงลบออกไปหมดแล้ว พระองค์คือพระเยซู คริสต์ผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ
เพราะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ผ่านบาปทั้งหมดของเรา ไปสู่พระเยซูและเพราะว่าพระเจ้าทรงวางแผนมันเอาไว้เช่นนั้น เราจึงสามารถพ้นจากบาปได้โดยการเชื่อในพระองค์ ท่านและผมเป็นคนบาปหรือไม่? บาปของเราทั้งหมดได้ผ่านไปสู่พระเยซูแล้วหรือไม่? เราไม่ใช่คนบาปอีกต่อไปแล้วเพราะว่าบาปของเราได้ผ่านไปสู่พระเยซูแล้ว
ใครกล้าที่จะกล่าวว่ามันมีบาปอยู่ในโลกนี้อีก? พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปแล้วพระองค์ทรงทราบว่าเราจะทำบาปอีก และจึงทรงรับบาปในอนาคตไปด้วยเช่นกัน พวกเราบางคนอาจจะอายุไม่ถึง 50 ปีแต่บางคนก็อาจจะยังไม่มีชีวิตอยู่ถึงครึ่งชีวิตเลย ซึ่งพวกเราบางคนก็คงพูดกับตัวเองรวมทั้งผมด้วยราวกับว่าเราจะอยู่ตลอดกาลอย่างนั้นแหละ
พวกเราหลายๆคนมีชีวิตอยู่ที่สับสนอลหม่าน ให้ผมมาอธิบายมันในวิธีนี้ อายุขัยของแมลงเม่าเป็นเท่าใด? มันประมาณ 12 ชั่วโมง
“พุทโธ่! ฉันได้พบคนคนนั้น และเขาก็เอาไม้ตีแมลงวันฟาดลงมาที่ฉัน! ฉันเกือบจะตายแล้ว และคุณรู้ไหม ฉันไม่เคยพบกับชายที่โหดร้ายอย่างนั้นมาห่อนเลยในครึ่งชีวิตนี้” มันมีชีวิตอยู่เพียงแค่ 12 ชั่วโมง และไม่สามารถหยุดพูดได้ แต่ครึ่งชีวิตของมันก็ได้ผ่านไปแล้ว
เมื่อถึงเวลา 1ทุ่ม หรือ2ทุ่ม มันก็จะพบกับช่วงเวลาโพล้เพล้แห่งชีวิตของมันแล้วและอีกไม่นานมันก็จะตาย แมลงเม่าบางตัวมีชีวิตอยู่ได้ถึง 20 ชั่วโมงบางตัวก็ 21 ชั่วโมง บางตัว อาจจะอยู่ได้แก่ๆหน่อยก็ประมาณ 24 ชั่วโมง นี่อาจจะเป็นอายุขัยตามประสบการณ์ขีวิตของพวกมัน แล้วของเราล่ะ ? ตามที่เรามีชีวิตอยู่ถึง 70 หรือ 80 ปี เราก็อาจจะกล่าวว่า “ อย่าทำให้ฉันหัวเราะเลย” มันเปรียบเทียบอะไรไม่ได้กับเราเลย
ลองประยุกต์ใช้คำอุปมานี้กับความสัมพันธ์ของพระเจ้าเจ้ากับเรากัน พระเจ้าทรงเป็นนิรันดร์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ตลอดกาล พระองค์ทรงออกแบบจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของโลกนี้ ตามที่พระองค์ทรงอยู่ตลอดกาล พระองค์ก็ทรงอยู่ตลอดกาลโดยนอกเหนือกรอบเวลาของความเป็นนิรันดร์ พระองค์ทรงมองดูเราจากตำแหน่งของความเป็นนิรันดร์ของพระองค์
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป, สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและตรัสว่า ”สำเร็จแล้ว” พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายภายใน 3 วันและเสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์ ตอนนี้พระองค์ทรงอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ ตอนนี้พระองค์ทรงมองดูพวกเราแต่ละคนอยู่
ชายคนหนึ่งอาจจะกล่าวว่า “โอ ที่รัก ผมได้ทำบาปมากมายนัก แม้ว่าผมอยู่มาเพียง 20 ปีก็ตาม ผมทำบาปมากมาย” “ผมมีชีวิตอยู่มา 30 ปีแล้วและทำบาปมากมายเลย มันมากเกินไป ผมจะอยู่อย่างไม่มีบาปได้อย่างไร?“
แต่พระผู้เป็นเจ้าของเราในความเป็นนิรันดร์ของพระองค์ก็จะทรงกล่าวว่า “อย่าทำให้เราหัวเราะสิ ไม่เพียงแต่เราไถ่บาปของท่านมาถึงตอนนี้เท่านั้นนะ แต่เรายังไถ่บาปให้กับบรรพบุรุษของท่านก่อนที่ท่านจะเกิดมาอีก และบาปของคนรุ่นต่อๆไปที่เป็นทายาทของท่านด้วยผู้ที่จะมีชีวิตอยู่หลังจากท่านตายไป“ พระองค์ทรงกล่าวสิ่งนี้แก่ท่านในกรอบเวลาของความเป็นนิรันดร์ ท่านเชื่อสิ่งนี้ไหม? เชื่อมันและรับของประทานของความรอดที่ประทานมาให้ท่านอย่างฟรีๆ จงเข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์
จงอย่าผูกมัดตัวของท่านเองไว้กับความคิดของท่าน แต่จงเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า “เพราะสมควรแล้วที่เราทั้งหลายจะกระทำสิ่งชอบทำทุกประการ” พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไปทรงทำความชอบธรรมทั้งหมดให้สมบูรณ์แล้ว พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปพระองค์ทรงรับไปหรือพระองค์ไม่ได้รับไป? ทรงรับไป
 
 
พระเยซูทรงกล่าวอะไรในชั่วขณะลมหายใจ สุดท้ายของพระองค์บนไม้กางเขน?
“สำเร็จแล้ว”
 
พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยบัพติศมาของพระองค์ ทรงถูกตัดสินให้ต้องตายที่ลานของปอนติอุส ปีลาตและทรงถูกตรึงไม้กางเขน
“และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า สถาน ที่กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธาณ ที่นั้น เขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลางปีลาตให้เขียนคำประจานติดไว้บนกางเขน และคำประจานนั้นว่า ‘เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของพวกยิว’ พวกยิวเป็นอันมากจึงได้อ่านคำประจานนี้ เพราะที่ซึ่งเขาตรึงพระเยซูนั้นอยู่ใกล้กับกรุง และคำนั้นเขียนไว้เป็นภาษาฮีบรู ภาษากรีก และภาษาลาติน“ (ยอห์น 19:17-20)
ลองมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พระองค์ถูกตรึงไม้กางเขนแล้ว “หลังจากนั้นพระเยซูทรงทราบว่า ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จจึงตรัสว่า ‘เรากระหายน้ำ!’ มีภาชนะใส่น้ำองุ่นเปรี้ยววางอยู่ที่นั่น เขาจึงเอาฟองน้ำ ชุบน้ำองุ่นเปรี้ยวใส่ปลายไม้หุสบชูขึ้นให้ถึงพระโอษฐ์ของพระองค์เมื่อพระเยซูจึงทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้ว พระองค์ตรัสว่า ‘สำเร็จแล้ว!’ และทรงก้มพระเศียรลงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป “ (ยอห์น 19:28-30)
หลังจากพระองค์ทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้ว ทรงตรัสว่า “สำเร็จแล้ว!” และทรงก้มพระเศียรลงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป พระองค์สิ้นพระชนม์แล้วอย่างแท้จริง พระเยซู คริสต์ก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายภายในสามวันและเสด็จขึ้นสวรรค์ไป
เราลองกลับมาดูฮีบรู 10:1-9 กัน “โดยเหตุที่พระราชบัญญัตินั้นได้เป็นแต่เงาของสิ่งดีที่จะมาภายหน้า มิใช่ตัวจริงของสิ่งนั้นทีเดียว พระราชบัญญัตินั้นจะใช้เครื่องบูชาที่เขาถวายทุกปีๆเสมอมากระทำให้ผู้ถวายสักการบูชานั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้ เขาคงได้หยุดการถวายเครื่องบูชาแล้วมิใช่หรือ? เพราะถ้าผู้นมัสการนั้นได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ครั้งหนึ่งแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่ามีบาปอีกต่อไปแต่การถวายเครื่องบูชานั้นเป็นเหตุให้ระลึกถึงความบาปทุกปีๆเพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระความบาปได้ ดังนั้นเมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในโลกแล้ว พระองค์ได้ตรัสว่า ‘เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาพระองค์ไม่ทรงประสงค์ แต่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมกายสำหรับข้าพระองค์เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาป พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย แล้วข้าพระองค์ทูลว่า ‘ดูเถิด ข้าพระองค์มาแล้ว โอ พระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์’ (ในหนังสือม้วนก็มีเขียนเรื่องข้าพระองค์)’ เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้วว่า ‘เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาและเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาป พระองค์ไม่ทรงประสงค์และไม่ทรงพอพระทัย’ ซึ่งเขาได้บูชาตามพระราชบัญญัตินั้นแล้วพระองค์จึงตรัสว่า ‘ดูเถิด ข้าพระองค์มาแล้ว โอ พระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์’ พระองค์ทรงยกเลิกระบบเดิมนั้นเสีย เพื่อจะทรงตั้งระบบใหม่“
 
 
การชำระบาปอันเป็นนิรันดร์
 
เราแก้ไขปัญหาบาปประจำวัน หลังจากเชื่อในพระเยซูแล้วได้อย่างไร?
ด้วยการยืนยันว่าพระเยซูทรงลบบาปทั้งหมดของเรา ออกไปแล้วโดยบัพติศมาของพระองค์
 
อีกนัยหนึ่ง พระบัญญัติของระบบการสังเวยบูชานั้นเป็นเงาของสิ่งดีๆที่กำลังจะมา ระบบสังเวยบูชาของพันธสัญญาฉบับเก่าของแกะและแพะนั้นได้เปิดเผยต่อเราว่าพระเยซู คริสต์จะเสด็จมารับเอาบาปของเราไปในกิริยาเดียวกันเพื่อที่จะลบบาปทั้งหมดของเราออกไป
ประชาชนทั้งหมดในพันธสัญญาฉบับใหม่อย่างเช่น ดาวิด อับราฮัม และคนอื่นๆ รู้จักและเชื่อว่าอะไรคือความหมายของระบบการสังเวยบูชา มันได้เปิดเผยว่าพระเมสสิอาห์ คือพระคริสต์ (พระคริสต์หมายความถึงกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม) จะเสด็จมาในวันใดวันหนึ่งเพื่อชำระบาปทั้งหมดของพวกเขาพวกเขาเชื่อในการไถ่บาปและรอดโดยความเชื่อของพวกเขา
พระบัญญัตินั้นเป็นเงาของสิ่งดีๆที่กำลังจะมาถึง การถวายสังเวยบูชาเพื่อบาปของเขาในวันต่อวันหรือปีต่อปีนั้นไม่มีทางไถ่ บาปของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์เลย ดังนั้นพระองค์ผู้ทรงเป็นนิรันดร์ ผู้ทรงปราศจากมลทิน ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าจึงเสด็จมายังโลกนี้
พระเยซูทรงกล่าวว่าพระองค์เสด็จมาตามน้ำรพะทัยของพระบิดาของพระองค์ ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือว่า “แล้วพระองค์จึงตรัสว่า ‘ดูเถิด ข้าพระองค์มาแล้ว โอ พระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์’ พระองค์ทรงยกเลิกระบบเดิมนั้นเสีย เพื่อจะทรงตั้งระบบใหม่“ เราชำระบาปของเราได้ เพราะพระเยซู คริสต์ ทรงรับเอาบาปของเราไปตามที่ได้บันทึกเอาไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่าและเพราะว่าเราเชื่อในพระองค์
ลองอ่านฮีบรู 10:10 ดู “โดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น “ เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยการถวายกายของพระเยซู คริสต์เอง เพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด เราบริสุทธิ์แล้วหรือยัง? เราบริสุทธิ์แล้ว
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? พระเจ้า พระบิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา และผ่านบาปทั้งหมดของเราไปที่พระองค์โดยพิธีบัพติศมาของพระองค์ พระองค์ทรงรับและรับการพิพากษาของพระองค์เพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดบนไม้กางเขน ดังนั้นพระองค์จึงได้ปลด ปล่อยเราทุกคนผู้ที่ทนทุกข์ทรมานจากบาป มันเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
เพื่อที่จะปลดปล่อยเราพระองค์ทรงเสนอพระองค์เอง มาเป็นสิ่งบูชาอันเป็นนิรันดร์เพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด เพียงเพื่อเราจะสามารถบริสุทธิ์ได้ เราบริสุทธิ์ได้ เพราะพระเยซูทรงเสียสละพระองค์เองเพื่อบาปของเรา และสิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อที่เราจะต้องไม่ไม่ถูกพิพากษา
การสังเวยบูชาของพันธสัญญาฉบับเก่านั้นจะต้องทำการถวายบูชาทุกๆวัน เพราะบาปประจำวันทั้งหมดนั้นจะต้องได้รับการชำระออกไป
 
 

ความหมายทางจิตวิญญาณของที่พระเยซูทรงล้างเท้าให้เปรโตร

 
มีบาปที่เราจะต้องอธิษฐาน กลับใจใหม่อยู่อีกไหม?
ไม่มี
 
ในยอห์น บทที่ 13 นั้นมีเรื่องราวของพระเยซูที่ทรงล้างเท้าให้กับเปรโตอยู่พระองค์ทรงล้างเท้าให้เปรโต เพื่อที่จะแสดงให้เขาเห็นว่าเปโตรจะทำบาปอีกในอนาคต และเพื่อที่จะสอนเขาว่าพระองค์ทรงชำระบาปทั้งหมดเหล่านั้นแล้วเช่นกัน พระเยซูทรงทราบว่าเปรโตจะทำบาปอีกครั้งในอนาคตดังนั้นพระองค์จึงเทน้ำลงที่อ่างและล้างเท้าให้กับเขา
เปรโตพยายามที่จะปฏิเสธแต่พระเยซูตรัสว่า “สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ“ ความหมายของข้อความนี้ก็คือว่า ‘ท่านจะทำบาปอีกครั้ง หลัง จากนี้ท่านจะปฏิเสธเราและทำบาปอีกครั้ง หลังจากที่เราชำระบาปทั้งหมดให้ท่านแล้ว ท่านจะยังคงทำบาปอยู่ แม้หลังจากที่เราขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ตามที ดังนั้นเราล้างเท้าให้ท่าน เพื่อที่จะเตือนซาตานว่าอย่ามาทดสอบท่านเลยเพราะเราได้เอาบาปในอนาคตของท่านออกไปหมดแล้ว’
ท่านคิดไหมว่า พระองค์ทรงล้างเท้าให้เปโตนั้นก็เพื่อที่จะบอกเราว่า เราจะต้องกลับใจใหม่ในทุกๆวัน ? ไม่เลย หากเราจะต้องกลับใจใหม่ในทุกๆวัน เพื่อที่จะได้รับการชำระบาปแล้ว นั่นมันก็หมายความว่า พระเยซูไม่จำเป็นต้องเอาบาปทั้งหมดของเราไปเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้ง หมดหรอก
แต่พระเยซูตรัสว่าพระองค์ทรงทำให้เราบริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด หากเรายังต้องกลับใจใหม่ในทุกๆวัน เราอาจจะต้องกลับไปสู่ในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่กันเลยทีเดียว แล้วใครจะเป็นคนชอบธรรมได้ล่ะทีนี้? ใครจะสามารถได้รับการไถ่บาปได้อย่างสมบูรณ์? หากแม้ว่าเราเชื่อในพระเจ้าใครจะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีบาปได้?
มีใครสามารถบริสุทธิ์ได้ด้วยการกลับใจใหม่? เราทำบาปอย่างไม่หยุดหย่อนในแต่ละวัน ดังนั้นเราจะร้องขอการยกโทษบาปแต่ละบาปและทุกบาปของเรากันได้อย่างไร? เราจะเป็นคนหน้าด้านเช่นนั้นและร้องขอพระองค์ให้ไถ่บาปให้เราในทุกๆวันได้อย่างไร? แล้วในตอนเย็นเราก็มักจะลืมบาปที่เราทำในเช้ากันแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะต้องกลับใจใหม่จากบาปของเราในทุกๆวันอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น พระเยซูทรงรับบัพติศมาเพียงครั้งเดียวและทรงเสนอตัวพระองค์เองบนไม้กาง เขนบนไม้กางเขนเพียงครั้งเดียว เพื่อที่เราจะได้เป็นผู้ถูกชำระโดยทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ท่านเข้าใจสิ่งนี้ไหม? เราได้รับการชำระบาปทั้งหมดของเราเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดแล้วเราไม่ได้ชำระบาปในทุกๆครั้งที่เรากลับใจใหม่
เรารอดจากบาปของเราด้วยการเชื่อว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปบาปของท่านและบาปของผมด้วย
“ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติอยู่ทุกวันๆ และนำเอาเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆ เครื่องบูชานั้นจะยกเอาความบาปไปเสียไม่ได้เลย ฝ่ายพระองค์นี้ ครั้นทรงถวายเครื่องบูชาเพราะความบาปเพียงหนเดียวซึ่งใช้ได้เป็นนิตย์ ก็เสด็จประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า ตั้ง แต่นี้ไปพระองค์คอยอยู่ จนถึงบรรดาศัตรูของพระองค์จะถูกปราบลงเป็นที่รองพระบาทของพระ องค์ เพราะว่าโดยการทรงถวายบูชาหนเดียว พระองค์ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ถูกชำระแล้วถึงที่สำเร็จเป็นนิตย์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงเป็นพยานให้แก่เราด้วย เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่า ‘นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับเขาทั้งหลายภายหลังสมัยนั้น ‘ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ‘เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลายและจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป’ ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป“ (ฮีบรู 10:11-18)
จากวรรคที่ 18 ข้างต้นที่ว่า “ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้ว” หมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าบาป ไม่ว่าบาปใดๆได้รับการลบออกไปแล้วโดยไม่มีข้อยกเว้น พระเจ้าทรงลบมันออกไปและยกโทษบาปทั้งหมดให้เรา ท่านเชื่อสิ่งนี้ไหม? “ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้ว ก็จะไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป”
เราลองมาสรุปทุกๆสิ่งกันตรงนี้ หากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาไม่ได้วางมือของเขาไว้ที่พระเยซูแล้ว หรืออีกนัยหนึ่ง หากเขาไม่ได้ให้บัพติศมาแก่พระเยซู เราจะสามารถได้รับการไถ่บาปได้ไหม? ไม่ ไม่อย่างแน่นอน! ลองคิดกลับกันสิ หากพระเยซูไม่ทรงเลือกยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาให้มาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมดและผ่านบาปทั้งหมดไปสู่พระองค์ และรับเอาบาปทั้ง หมดไว้ผ่านเขาแล้ว พระองค์จะสามารถชำระบาปทั้งหมดของเราได้ไหม? พระองค์จะทำไม่ได้
กฎของพระเจ้านั้นทรงเที่ยงธรรม มันยุติธรรมมาก พระองค์จะเพียงกล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา และว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปเพียงอย่างเพียงเท่า นั้นไม่ได้ แต่พระองค์ต้องรับเอาบาปของเราไปด้วยการกระทำอย่างแท้จริง ทำไมพระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้าเสด็จมาหาเราในเนื้อหนัง? พระองค์เสด็จมา ก็เพื่อที่จะรับเอาบาปทั้งหมดของมนุษยชาติไป ผ่านบัพติศมาของพระองค์ พระเยซูทรงทราบว่าบาปทั้งหมดจากหัวใจของเราและเนื้อหนังของเรานั้นไม่สามารถลบออกไปได้เลย ถ้าพระองค์ไม่ได้เสด็จมาในเนื้อหนังเพื่อทำการถวายบูชาอันเป็นนิรันดร์นี้
หากพระเยซู คริสต์ไม่ทรงรับบัพติศมาแล้ว บาปของเราก็จะยังคงติดค้างอยู่ หากพระ องค์ทรงรับบัพติศมาไป โดยไม่ได้รับเอาบาปของเราไว้เสียก่อน การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ก็จะไม่มีความหมายอะไร มันก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย มันจะไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นเมื่อตอนที่พระองค์ทรงเริ่มต้นทำงานรับรองพันธกิจสาธารณะของพระองค์ ในตอนที่มีพระชนม์ได้ 30 ปีพระองค์จึงเสด็จไปหายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน เพื่อที่ จะรับบัพติสมา พันธกิจสาธารณะของพระองค์นั้นเริ่มต้นเมื่อตอนที่มีพระชนม์ได้ 30 ปี และสิ้น สุดลงเมื่อ 33 ปี เมื่อพระองค์มีอายุมีพระชนม์ได้ 30 ปีพระองค์เสด็จไปหายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเพื่อที่จะรับบัพติศมา “บัดนี้จงยอมเถิดเพราะสมควรแล้วที่เราจะทำเช่นนั้นเพื่อประชาชนทั้งหมดจะรอดจากบาปได้และเป็นคนชอบธรรมมันเป็นสิ่งถูกต้องที่เราจะทำแล้ว ตอนนี้จงให้บัพติศมาแก่เราเถิด” ใช่ พระเยซูจึงรับบัพติสมาเพื่อการไถ่บาปให้กับประชาชนทั้งหมดนั่นเอง
เพราะว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาและทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป และเพราะว่าบาปทั้งหมดของเรานั้นได้ผ่านไปสู่พระองค์ ผ่านการวางมือของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา พระเจ้าเองก็ทรงหันพระเนตรออกไปเมื่อพระเยซูกำลังจะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แม้ว่าพระเยซูจะเป็นพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์ก็ตาม แต่พระองค์ก็จะต้องเสียสละพระบุตรของพระองค์
พระเจ้าทรงรักแต่พระองค์ก็จำต้องปล่อยให้พระบุตรของพระองค์ต้องตาย ดังนั้นจึงเกิดความมืดทั่วทั้งแผ่นดินถึงสามชั่วโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามาสะบักธานี” ซึ่งก็คือ “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” พระเยซูทรงแบกรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้และทรงรับการพิพากษาบนไม้กางเขนเพื่อเรา ดังนั้น พระองค์ทรงช่วยเราทั้งหมดให้รอด หากไม่มีการรับบัพติศมาของพระเยซูแล้ว ความตายของพระองค์ก็จะไม่มีความหมายอะไร
 
ท่านเป็นคนบาป หรือเป็นคนชอบธรรม?
คนชอบธรรมผู้ที่ไม่มีบาปใดๆในหัวใจ
 
หากพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โดยไม่ได้รับเอาบาปทั้งหมดของเราไปผ่านบัพติศมาของพระองค์แล้วความตายของพระองค์ก็จะไม่มีทางทำให้การชำระบาปสำเร็จสมบูรณ์ได้ เพื่อที่จะรับชำระบาปของเราอย่างสมบูรณ์นั้นพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาของมนุษยชาติทั้งหมดและก็ทรงรับการพิพากษาบนไม้กางเขน เพื่อที่คนทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์จะได้รอด
ดังนั้นนับจากวันของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมามาจนถึงตอนนี้อาณาจักรสวรรค์ก็เป็นที่ที่ช่วงชิงเอาได้เพราะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระเยซูแล้ว บาปของเราจึงได้รับการไถ่แล้ว ตอนนี้ท่านและผมสามารถเรียกพระเจ้าเป็นพระบิดาของเราได้และสามารถเข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์ได้อย่างกล้าหาญ
ในฮีบรู 10:18 “ ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป “ ท่านยังคงเป็นคนบาปอยู่ไหม? ตอนนี้ที่พระเยซูทรงจ่ายหนี้ให้ท่านแล้ว ท่านยังคงต้องจ่ายหนี้อีกหรือ?
มีชายคนหนึ่งที่ดื่มเหล้าอย่างหนักจนเสียเงินติดหนี้ติดสินมากมาย แล้วจากนั้นวันหนึ่งบุตรชายของเขาก็โชคดีและสามารถจ่ายหนี้สินทั้ง หมดให้กับพ่อของเขาได้ พ่อของเขาจึงไม่ติดหนี้อีกต่อไป
นี่คือสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อเรา พระองค์ทรงจ่ายมากเพียงพอล่วงหน้าสำหรับความ ผิดบาปทั้งหมดของเรา ไม่ใช่เพียงแต่ความผิดบาปใน ช่วงชีวิตของเราเพียงเท่านั้น แต่เป็นความ ผิดบาปของโลกนี้ ความผิดบาปทั้งหมดนั้นได้ถูกส่งผ่านไปสู่พระเยซูในตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา ดังนั้นตอนนี้ท่านยังคงเป็นคนบาปอยู่ไหม? ไม่ ท่านไม่เป็นคนบาปอีกแล้ว
หากเราได้รู้จักข่าวประเสริฐของการชำระบาปนี้ตั้งแต่เริ่มต้น มันจะง่ายเพียงใดที่เราจะเชื่อในพระเยซูแต่ตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่า มันช่างใหม่มากที่คนมากมายหลายๆคนจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับมันอยู่
 
 
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่มันคงอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเลยทีเดียวเราเพียงแต่ไม่รู้จักมันมาก่อนเท่านั้นเองข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้ถูกบันทึกเอาไว้ในพระคัมภีร์และมีผลอยู่เสมอมันอยู่ที่นั่นอยู่ตลอดเวลามันอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลตรงนี้ก่อนท่านและผมจะเกิดเสียอีกมันอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ตอนที่โลกสร้างขึ้นมาแล้ว
 
 
ข่าวประเสริฐของการชำระบาปอันเป็นนิรันดร์
 
เราจะต้องทำอะไร ต่อพระพักตร์พระเจ้า?
เราจะต้องเชื่อในข่าวประเสริฐ ของการชำระบาปอันเป็นนิรันดร์
 
พระเยซู คริสต์ ผู้ทรงชำระบาปทั้งหมดของเรา พระองค์ทรงทำแม้แต่ก่อนที่ท่านและผมเกิดมาเสียอีก เพราะองค์ทรงรับเอาบัตรทั้งหมดไป ท่านยังคงมีบาปอยู่ไหม? —ไม่มี— แล้วบาปที่ท่านจะทำในวันพรุ่งนี้ล่ะมันรวมเป็นบาปของโลกนี้เช่นกัน
ลองเอาบาปของวันพรุ่งนี้ออกไปในตอนนี้ บาปต่างๆที่เราทำมาจนถึงตอนนี้ นั้นรวมเป็นบาปของโลกนี้ด้วยไม่ใช่หรือ? มันได้ผ่านไปสู่พระเยซูหรือไม่? ใช่ มันได้ผ่านไปสู่พระเยซูแล้ว
ลบแล้วบาปของวันพรุ่งนี้ก็ได้ผ่านไปสู่พระองค์เช่นกันใช่ไหม? ใช่ พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดไปโดยไม่มีข้อยกเว้นพระองค์ไม่ทรงละทิ้งบาปใดๆไว้เลย ข่าวประเสริฐบอกเราให้เชื่ออย่างหมดหัวใจว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปเพียงครั้งเดียวและจ่ายมันไปเพื่อทั้งหมด
“ข่าวประเสริฐของพระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้า เริ่มต้นตรงนี้“(มาละโก 1:1) ข่าวประเสริฐแห่งสวรรค์คือข่าวที่น่ายินดี พระองค์ทรงถามเราว่า ” เรารับเอาบาปทั้งหมดของท่านไปแล้ว เป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน ท่านเชื่อในเราไหม?” ในหมู่ประชาชนมากมายนับไม่ถ้วนนี้จะมีเพียงไม่กี่คนที่จะตอบว่า “ใช่ ข้าพระองค์เชื่อ ข้าพระองค์เชื่อตามที่พระองค์ทรงบอกเรา มันง่ายมากเลยจนข้าพระองค์เข้าใจมันได้ในทันที” คนทั้งหลายที่สารภาพความเชื่อของพวกเขาเช่นนี้ก็จะเป็นคนชอบทำเหมือนกับอับราฮัม
แต่คนอื่นกล่าวว่า “ข้าพระองค์ไม่เชื่อมัน มันดูแปลกใหม่อย่างไรก็ไม่รู้”
แล้วพระองค์ทรงถามว่า “บอกเรามา เราได้เอาลาปทั้งหมดของท่านไปหรือไม่?”
“ข้าพระองค์คิดว่าพระองค์รับเอาไปแต่เพียงบาปดั้งเดิมของข้าพระองค์ไปเท่านั้น แต่ไม่ใช่บาปประจำวัน”
“เราเห็นว่าท่านฉลาดเกินไปที่จะเชื่อตามที่เราบอกท่าน ท่านจะต้องไปนรกเพราะเราไม่มีอะไรจะกล่าวกับท่านแล้ว”
การเชื่อในการชำระบาปที่สมบูรณ์ของพระองค์ได้ช่วยเราให้รอด คนทั้งหลายที่ยังคงยืนยันว่าพวกเขามีบาปจะต้องไปนรก พวกเขาเลือกด้วยตัวของพวกเขาเอง
ข่าวประเสริฐของการชำระบาป เริ่มต้นจากคำพยานของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เพราะพระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปโดยบัพติศมาของพระองค์จากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เราจึงเป็นผู้ที่ได้รับการชำระเมื่อเราเชื่อ
อัครสาวกเปาโลกล่าวถึงเกี่ยวกับบัพติศมาของพระเยซูไว้มากมายในหนังสือของเขา ในกาลาเทีย 3:27 กล่าวว่า “เพราะเหตุว่า ทุกคนในพวกท่านที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมชีวิตพระคริสต์” ‘รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์’ หมายความว่าเรานั้นรวมกันกับพระคริสต์ด้วยการเชื่อในการรับบัพติศมาของพระองค์ เมื่อพระเยซูรับบัพติศมา บาปทั้งหมดของเราได้ผ่านไปสู่พระองค์โดยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และมันได้ชำระออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ใน 1 เปรโตร 3:21 “เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย (ไม่ใช่ด้วยชำระราคีแห่งเนื้อหนัง แต่โดยให้มีใจวินิจฉัยผิดและชอบอันดีจำเพาะพระเจ้า) โดยซึ่งพระเยซู คริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย “
มีเพียงคนทั้งหลายที่เชื่อในคำพยานของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ในการรับบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตบนไม้กางเขนเพียงเท่านั้น ที่มีพระคุณของการชำระบาปจากข้างต้นได้
การรับบัพติศมาของพระเยซูนั้นเป็นภาพที่รอดของความรอดในหัวใจของท่านและรอด