(อิสยาห์ 28:13–14)
“เพราะฉะนั้น พระวจนะของพระเจ้าจึงเป็นอย่างนี้แก่เขาเป็นกฎซ้อนกฎ กฎซ้อนกฎ เป็นบรรทัดซ้อนบรรทัด บรรทัดซ้อนบรรทัด ที่นี่นิด ที่นั่นหน่อย เพื่อเขาจะไปและถอยหลังและจะแตกและจะติดบ่วงและจะถูกจับไปเพราะฉะนั้นเจ้าทั้งหลายคนมักเยาะเย้ยเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเจ้า คือเจ้าผู้ปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม”
พระคัมภีร์ไบเบิลให้ความหมาย ของคำว่า “คนนอกรีต” ว่าอย่างไร?
พระคัมภีร์ไบเบิลให้ความหมายของ คนนอกรีตว่าผู้มีบาปอยู่ในใจของเขา แม้ว่าเขาวางใจในพระเยซู
มีนักเขียนข่าวผู้หลอกลวงหลายคนในทุกวันนี้โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เขาเป็นผู้ที่เสแสร้งเขียนข่าวแต่รีดไถเงินจากเหยื่อของเขาอยู่เสมอ แล้วขู่ว่าจะเปิดเผยสิ่งที่เหยื่อของเขาทำไว้ ของปลอมหมายถึงของบางสิ่งที่ดูเหมือนจริงแต่ไม่ใช่ของจริง อีกนัยหนึ่งใช้อ้างถึงของบางสิ่งที่ภายนอกนั้นแตกต่างจากภายในโดยสิ้นเชิง
คำว่า คำว่า “คนนอกรีต” และ “ของปลอม” นำมาใช่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในคริสตจักร
แต่มีคำจำกัดความเพียงสั้นๆว่าคนนอกรีตคืออะไร และการได้รับการกำหนดให้เป็น “ของปลอม” นั้นคืออะไร อยู่สองสามความหมาย หรือไม่ก็มีหลายคนที่สอนแนวความคิดนี้ตามพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างเคร่งครัด
ภายใต้สถานการณ์นี้ผมรู้สึกถึงหน้าที่ที่จะต้องเปิดเผย สิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิลให้คำจำกัดความว่า “คนนอกรีต” และส่องไฟไปที่ปัญหานั้นผมยังต้องการแสดงตัวอย่างของคำว่าคนนอกรีตบางตัวอย่างในชีวิตจริงและทำให้เราคิดร่วมกันผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระเจ้าต้องคิดถึงคนนอกรีตอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตของเขา
ทิตัส 3:10–11 ให้คำจำกัดความคนนอกรีตว่าเป็นคนที่ถูกแบ่งแยกเผ็นคนที่ปรวนแปรและกำลังทำบาป ได้รับปรับโทษบาปด้วยตัวเขาเองให้เป็นผู้มีบาป คนนอกรีตเป็นคนที่ตำหนิตัวเองว่าเป็นคนบาป ดังนั้นผู้คนทั้งหลายที่วางใจในพระเยซูแต่มีบาปอยู่ในใจของเขานั้นเป็นคนนอกรีตต่อพระพักตร์พระเจ้า
พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดโดยการรับบัพติสมาของพระองค์แต่คนนอกรีตปฏิเสธที่จะเชื่อข่าวประเสริฐที่แท้จริงที่นำมาซึ่งการช่วยให้รอดแก่คนบาปทั้งหลายและเขสจึงตำหนิตัวเองเพื่อเข้าอยู่ในกลุ่มของคนบาป
ท่านเป็นคนนอกรีตหรือไม่? เราต้องคิดถึงสิ่งนี้ถ้าเราต้องการใช้ชีวิตแห่งความศรัทธาโดยซื่อตรง
ท่านยังมิได้ตำหนิตัวท่านเองว่าเป็นคนบาปใช่หรือไม่ แม้ว่าท่านจะวางใจในพระเยซูถ้าท่านยังไม่ได้รับฟังข่าวประเสริฐแห่งน้ำและพระวิญญาณ? ถ้าท่านวิเคราะห์ว่าตัวท่านเองเป็นคนบาปแล้วท่านจะทำความเสียหายแก่พระเยซูโดยการดูแคลนการช่วยให้รอดอันสมบูรณ์แบบของพระองค์และข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
การเรียกตัวเองว่าคนบาปต่อพระพักตร์พระเจ้า คือการยอมรับว่าตนเองไม่ใช่บุตรของพระเจ้าผู้คนเหล่านั้นที่สารภาพต่อพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นคนบาป” ต้องพิจารณาความเชื่อของเขาใหม่
ท่านจะวางใจในพระเยซูและยังอ้างว่าท่านเป็นคนบาปได้หรือไม่ เมื่อพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกและทรงช่วยท่านจากการลงทัณฑ์ชั่วนิรันดร์ดดยสมบูรณ์? ท่านจะปฏิเสธรางวัลฟรีแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์และกำหนดตัวท่านเองเป็นคนบาปได้อย่างไร เมื่อพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของท่านทั้งหมดโดยการรับบัพติสมาของพระองค์และทรงรับการพิพากษาบนไม้กางเขนเพื่อเขาโดยทั่วถึง?
แต่ละคนเป็นคนนอกรีตเพราะเขาสมัครใจที่จะเป็นคนบาปนอกเหนือจากพระวจนะของพระเจ้า ท่านต้องรู้จักข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณเพื่อหลีกเลี่ยงการทำความผิดบาปต่อพระพักตร์พระเจ้า
ผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระเยซูแต่ไม่ได้เกิดใหม่เป็นคนนอกรีตเพราะเขายังมีความผิดบาปอยู่ในใจของเขา
เพราะพระเจ้าทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกไว้รวมทั้งของเราเองเราเป็นคนนอกรีตต่อพระพักตร์พระเจ้า ถ้าเราไม่รู้จักพระพรแห่งการช่วยให้รอดนี้ ถ้าเราต้องการเป็นผู้ชอบธรรมจริงๆเราต้องเชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องการรับบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
จุดกำเนิดของคนนอกรีตในพระคัมภีร์
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุด สำหรับปุโรหิตคืออะไร?
เขาต้องเกิดใหม่
เราลองมาอ่านบท 1 พงษ์กษัตริย์ 12:25–26 กัน “แล้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมในถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และอาศัยอยู่ที่นั่น และท่านก็ออกไปจากที่นั่น ไปสร้างเมืองพนูเอล และเยโรโบอัมรำพึงในใจว่า ‘คราวนี้ราชอาณาจักรจะหันกลับไปยังราชวงศ์ของดาวิด’” เยโรโบอัมเป็นข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน เมื่อซาโลมอนสิ้นพระชนม์ในปีต่อมา เยโรโบอัมจึงก่อการกบฎต่อต้านพระราชาและต่อมาเขาก็ได้เป็นพระราชาแห่งชุมชนอิสราเอลทั้งสิบในยุคของเยโรโบอัมราชโอรสของซาโลมอน
ภารกิจอันดับแรกของเยโรโบอัมเมื่อเขาเป็นราชาแห่งอิสราเอลคือประชาชนของพระองค์หันไปหายูดาห์ที่ซึ่งมีพระนิเวศ
ดังนั้นพระองค์จึงมีความคิดใหม่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันเรื่องนี้พระองค์ทรงสร้างลูกวัวสองตัวด่วยทองคำ ประดิษฐานไว้ที่ทั้งเบธเอลและดาน และบัญชาให้ประชาชนของพระองค์เคารพบูชาวัวสองตัวนี้ 1 พงษ์กษัตริย์ 12:28 กล่าวว่า “ดังนั้นพระราชาจึงทรงปรึกษา และได้ทรงสร้างลูกวัวสองตัวด้วยทองคำ” พระองค์ก็ประดิษฐานไว้ที่เบธเอลรูปหนึ่งและอีกรูปหนึ่งก็ประดิษฐานไว้ในเมืองดานและตรัสแก่ประชาชนของพระองค์ให้เคารพบูชาวัวสองตัวนั้นทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วการกระทำเช่นนี้เป็นความผิดอันร้ายแรง พระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตเพื่อนำการบูชา
“ภายหลังจากสิ่งเหล่านี้ เยโรโบอัมมิได้หันกลับจากทางชั่วของพระองค์ แต่จากท่ามกลางประชาชนได้ชำระบางคนให้บริสุทธิ์เป็นปุโรหิตประจำปูชนียสถานสูงนั้นอีก ผู้ใดที่พอใจเป็น ท่านก็แต่งตั้งเขาให้เป็นปุโรหิตประจำบรรดาปูชนียสถานสูง” (1 พงษ์กษัตริย์ 13:33) นั่นก็เป็นจุดกำเนิดของคนนอกรีต
แม้แต่ขณะนี้คนนอกรีตถูกแต่งตั้งให้เป็นปุโรหิต ผู้ใดก็ตามที่สมัครใจที่จะปฏิบัติภารกิจของพระเจ้า ผู้ใดก็ตามที่จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนธรรมะจะได้เป็นศาสนจารย์, ผู้เผยพระวจนะ, ครูสอนศาสนาและพระผู้อาวุโสแม้ว่าเขาไม่ได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
คนบางคนที่ไม่ได้เกิดใหม่จะเป็นศาสนาจารย์ได้อย่างไร? ถ้าแต่ละคนได้รับแต่งตั้งให้เป็นปุโรหิต คริสตจักรที่เลือกเขาจะกลายเป็นโรงงานที่ผลิตคนนอกรีต
พวกเราลองมาคิดถึงจุดกำเนิดของคนนอกรีตอีกครั้ง อันดับแรกเยโรโบอัมทรงใช้ลูกวัวทองคำสองตัวแทนพระเจ้าเพื่อรักษาพระราชอำนาจทางการเมืองของพระองค์ ประการที่สอง พระองค์ทรงตั้งผู้ใดก็ตามที่สมัตรใจเป็นปุโรหิต อีกนัยหนึ่งก็คือ พระองค์ทรงตั้งปถุชนคนธรรมดาเป็นปุโรหิตและในทุกๆวันนี้ก็มีการทำเช่นนี้เช่นกัน
ความเป็นมาของคนนอกรีตยังคงดำเนินไปเรื่อยๆหลังยุคของเยโรโบอัมผู้คนเกล่านั้นไม่ได้กลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณมิควรได้รับอนุญาตให้เป็นปุโรหิต
ผู้ใดก็ตามที่จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนธรรมมะเท่านั้นจะได้เป็นศาสนาจารย์หรือผู้เผยพระวจนะหรือไม่? เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ที่เขารับใช้พระเจ้าทั้งๆที่ในความเป็นจริงเขาไม่ได้รับการยอมรับจากพระเจ้า? ไม่ดี มีเพียงผู้ที่พระเจ้าทรงรับการยอมรับเท่านั้นที่ควรจะได้รับอนุญาตให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้คนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงยอมรับคือผู้ที่เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
ตามที่ได้บันทึกไว้ใน 1 พงษ์กษัตริย์ 12:25–26 และ 1 พงษ์กษัริย์ บทที่ 13 ว่าความผิดบาปของเยโรอัมกระตุ้นความโกรธของพระเจ้าเราควรรู้เรื่องนี้ทั้งหมดและถ้าบางคนมิได้คุ้นเคยกับเรื่องนี้เขาควรกลับไปค้นหาในพระคัมภีร์ไบเบิล
จงคิดดูอีกครั้งถ้าท่านสร้างลูกวัวทองคำสองตัวแทนพระเจ้าในคริสตจักรของท่าน ท่านจะเน้นไปที่การสรรเสริญบนโลกด้วยเกรงว่าผู้ติดตามของท่านจะกลับไปหาข่าวประเสริฐเรื่องการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ เนื่องด้วยโอกาสใดๆก็ตามใช่หรือไม่?
ท่านได้บอกผู้ติดตามท่านหรือไม่ว่าเขาจะได้รับการรักษาโรคภัยให้หายได้ถ้าเขาวางใจในพระเยซู? ท่านได้บอกเขาหรือไม่ว่าเขาจะได้รับการสรรเสริญในคุณสมบัติ? ท่านได้แต่งตั้งผู้ไม่ได้เกิดใหม่มาเป็นศาสนาจารย์หรือสมาชิกคณะผู้ทำงานของคริสตจักรของท่านหรือไม่ และร้องเรียนว่าการปกครองของท่านเป็นการปกครองทั่วๆไป ถ้าเช่นนั้นท่านก็กระทำความผิดแห่งเยโรโบอัมต่อพระพักตร์พระเจ้าละกระตุ้นความโกรธาของพระองค์
คนนอกรีตเคารพบูชาเทพเจ้าแห่งวัวทองคำ
แม้แต่ในวันนี้มีคนนอกรีตหลายคนที่เคารพบูชาวัวทองคำ เขาพูดว่าพระเจ้าทรงยินดีที่ซาโลมอนถวายเครื่องเผาบูชาจำนวนหนึ่งพันตัวแก่พระเจ้า 1 พงศ์กษัตริย์ 3:3–5 กล่าวว่า “ซาโลมอนทรงรักพระเจ้า ทรงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของดาวิดราชบิดาของพระองค์ เว้นแต่พระองค์ทรงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอม ณ ปูชนียสถานสูง และพระราชาเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชาที่นั่น เพราะที่นั่นเป็นมหาปูชนียสถานสูง ซาโลมอนทรงถวายเครื่องเผาบูชาพันตัวบนแท่นบูชานั้น พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอนที่เมืองกิเบโอนเป็นพระสุบินในกลางคืน และพระเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าอยากให้เราให้อะไรเจ้าก็จงขอเถิด’”
เขาโกงเงินจากผู้ติดตามของเขาภายใต้สัญญาแห่ง “เครื่องเผาบูชาจำนวนพันตัวของซาโลมอน” ที่หลอกลวงผู้ติดตามที่โง่เขลาของเขาจึงถูกรีดไถเงิน และผู้คนเหล่านั้นที่บูชาวัวทองคำดังเช่นพระเจ้า เขาจึงต้องเสียเงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างคริสตจักรที่โอ่โถงนั่นมิใช่เพระคริสตจักรของเขานั้นเล็กเกินไป แต่เป็นเพราะเขาต้องการรีดไถเงินจากผู้ติดตามของเขา
การตั้งวัวทองตำเพื่อเอาไว้เคารพบูชาในการชุมนุมกันของเขานั้นเป็นเพียงการอนุญาตให้คนนอกรีตเกิดขึ้นเพื่อรีดไถเงินจากเขา เราที่วางใจในพระเจ้าไม่ควรถูกนำทางให้เป็นเช่นคนโง่ถ้าท่านถวายเงินเพื่อบูชาวัวทองดังนั้นไม่ใช่การถวายแด่พระเจ้า แต่มันสิ้นสุดในกระเป๋าของปุโรหิตจอมปลอมที่เต็มไปด้วยความโลภ เฉกเช่นเยโรโบอัม ท่านไม่ควรตกหลุมพรางของคนนอกรีตเช่นนี้
แล้วเหตุใดพระเจ้าทรงพอพระทัยต่อเครื่องเผาบูชาพันตัวของซาโลมอน? เพราะซาโลมอนรู้จักความผิดบาปของพระองค์เอง ทรงทราบว่าพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์เพื่อความผิดบาปนั้นและถวายเครื่องบูชาตามความศรัทธา พระองค์ถวายเครื่องเผาบูชาพันตัวเพื่อขอบคุณการช่วยให้รอดของพระเจ้า ซาโลมอนถวายเครื่องเผาบูชาพันตัวทุกวัน ทรงดำริถึงการไถ่บาปโดยน้ำและพระวิญญาณ
บัดนี้ท่านควรจดจำความหมายที่แท้จริงของคนนอกรีตเพื่อว่าท่านจะไม่ถูกปุโรหิตจอมปลอมหลองลวง
ผู้คนเหล่านั้นที่ปกครองโดยปราศจากการเกิดใหม่เป็นคนนอกรีต
คนนอกรีตกล่าวถึงการเกิดใหม่ว่าอย่างไร?
เขากล่าวว่า การเกิดใหม่จากการ มองเห็น ความฝันและประสบการณ์ ทางจิตวิญญาณหลายๆประเภท
มีผู้คนที่สอนผู้อื่นให้เกิดใหม่ เมื่อเขาเองกลับไม่ได้เกิดใหม่ในความศรัทธา เขาเป็นคนนอกรีตกันทุกคน เขาบอกให้ผู้อื่นเกิดใหม่เมื่อเขาไม่สามารถเกิดใหม่ได้เพราะเขาไม่รู้จักข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณเราจึงได้เพียงแต่หัวเราะ
ปุโรหิตจอมปลอมประกาศข่าวประเสริฐที่ผิดบิดเบือนข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณเขาบอกให้ประชาชนชำระล้างความผิดบาปของเขาทุกวัน
เขากล่าวว่า “จงไปอธิษฐานในหุบเขา จงพยายามอดอาหาร จงอุทิศตัวท่านเองเพื่อภารกิจของพระเจ้า จงอธิษฐานตอนเช้าตรู่ จงเชื่อฟัง จงถวายเงินจำนวนมากๆเพื่อก่อสร้างโบสถ์และท่านควรดูแลความผิดบาปของท่านเอง”
ครั้งหนึ่งผมได้ยินบางคนอ้างว่าเขาเกิดใหม่ เขากล่าวว่าในความฝัน เขากำลังยืนเข้าแถวอยู่และเมื่อถึงคิวเขา พระเยซูทรงเรียกขานชื่อของเขา เขากล่าวว่านี่คือข้อพิสูจน์แห่งการเกิดใหม่ แต่ความมั่นใจของเขาถูกต้องหรือไม่? พระเยซูมิได้ตรัสเช่นนั้น
ในยอห์น 3 พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ โดยน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” พระเจ้าตรัสว่ามีเพียงผู้ที่กลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่จะเป็รนปุโรหิตที่แท้จริงได้ ผู้ใดก็ตามที่เชื่อว่าเขาเกิดจากความฝัน ความเพ้อฝัน ความปีติยินดีแห่งจิตวิญญาณ หรือการอธิษฐานกลับใจใหม่นั้นเป็นคนนอกรีต
ในวันนี้หลายคนไม่เชื่อพระวจนะแห่งพระเจ้าที่บันทึกไว้ และสนับสนุนหลักคำสอนของนิกายของเขาแทนการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ ผู้คนเหล่านั้นที่ปฏิเสธที่จะประกาศข่าวประเสริฐโดยน้ำและพระวิญญาณเป็นคริสตเตียนจอมปลอมและคนนอกรีต
นักปฏิรูปและการคงอยู่แห่งคริสตศาสนา
ข่าวประเสริฐที่แท้จริงเริ่มนำมาผสมผสานกัน และเริ่มถูกบิดเบือนโดยศาสนาอื่นเมื่อใด?
ตั้งแต่สมัยที่จักรพรรดิคอนสแตนไทน์แห่ง อาณาจักรโรมันประกาศกฤติกามิลานในปี ค.ศ. 313
นิกายต่างๆของคริสตศาสนาถูกตั้งขึ้นเมื่อใด? นิกายต่างๆ เช่นเพรสปิเทอเรียน, เมโธดิสถ์, แบ๊บติสต์, ลูเธอร์แลน ฮอลิเนส และฟุลกอสเพล เริ่มต้นเมื่อใด? การปฏิรูปเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนเท่านั้น
ชาวคริสต์รุ่นแรกๆ คือผู้ที่ติดตามพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงประทับอยู่ในโลกนี้ “ชาวคริสต์” หมายถึง “ผู้ที่ติดตามพระคริสต์”
ชาวคริสต์กลุ่มแรกคือเหล่าสาวกและสาวกของเขา เหล่าสาวกและบาทหลวงแห่งคริสตจักรได้กระทำตามข่าวประเสริฐที่แท้จริงจนถึงปี ค.ศ. 313 แต่หลังจากกฤติกามิลานแห่งคอน สแตนไทน์ผู้ยิ่งใหญ่ ชาวคริสต์และชาวเจนไทล์จึงเรียกมารวมตัวกันส่งผลให้เกิดยุคมืดที่กินเวลายาวนานกว่า 1,000 ปี
ต่อมาในต้นศตวรรษที่ 16 มาร์ติน ลูเธอร์ได้ประกาศปฏิรูปโดยกล่าวว่า “มีเพียงผู้ชอบธรรมเท่านั้นที่ใช้ชีวิตโดยความเชื่อ” หลังจากนั้นมาไม่นาน ระหว่างปี 1500-1600 นักปฏิรูปอย่างจอห์น คาลวิน และจอห์น น๊อก ได้เป็นผู้นำให้เกิดการเคลื่อนไหวออกจากนิกายคาทอลิก นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างที่การปฏิรูปประสบผลสำเร็จ
การปฏิรูปจึงเป็นการพยายามที่จะก่อตั้งคริสตจักรใหม่ๆ ที่แยกตัวออกจากคริสตจักโรมันคาทอลิกโดยง่ายดาย นักปฏิรูปมิได้ปฏิเสธในนิการคาทอลิก
วัตถุประสงค์ของเขามิใช่เพื่อสนับสนุนความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญ ญาณแต่เมื่อแปลดปล่อยตัวเขาเองให้หลุดพ้นจากภาระและการทุจริตแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกครอสตจักรโรมันคาทอลิกเรียกกลุ่มที่เคลื่อนไหวนี้ว่า นิกายโปรเตสแตนท์ ซึ่งหมายถึงผู้คัดค้าน
ขณะนั้น คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้กระตุ้นให้ประชาชนแลกเงินแห่งการหลุดพ้น โดยบอกว่าเขาสามารถส่งบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วของเขาขึ้นสวรรค์ได้เมื่อเขาแลกเงินแห่งการหลุดพ้นด้วยเงินก้อนโต ลูเธอร์ไม่รู้ว่านิกายคาทอลิกนั้นผิด เขาเพียงแค่พยายาม ที่จะหลุดคริสตจักร โรมันคาทอลิกจากการขายเงินแห่งการหลุดพ้นเพื่อหาเงินสำหรับการก่อสร้งวิหาร เซ็นต์ ปีเตอร์
ผลก็คือ เราได้เห็นอะไรหลายๆ สิ่งของคริสตจักรคาทอลิกที่หลงเหลืออยู่ในคริสตจักรโปรเตสแตนท์สมัยใหม่: การรับบัพติสมาของทารก, การอธิฐานกลับใจใหม่ซึ่งคล้ายๆ กับการสารภาพภายใต้คริสตจักรโรมันคาทอลิก, พีธีอันศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ, การรับรองเพียงผู้ที่จะจบการศึกษาโรงเรียนสอนธรรมะให้เป็นศาสนาจารย์, คริสตจักรอันโอ่โถงและสง่างาม ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของคริสตจักรโรมันคาทอลิก
ถ้านับจากการปฏิรูปในต้นปี ค.ศ. 1500 ประวัติความเป็นมาของนิกายโปเตสแตสท์มีอายุประมาณ 500 ปีเท่านั้น ปีนี้เป็นปีที่ 481 ของการครบรอบการปฏิรูป ท่านอาจไม่รู้ว่ามาร์ตินลูเธอร์ได้ต่อต้านคริสตจักรของแม่ของเขามาเพียง 481 ปีเท่านั้น นิกายโปเตสแตนท์จึงไม่สามารถเรียกร้องความถูกต้องได้ฝ่ายเดียวเนื่องจากความเยาว์วัยที่เปรียบเทียบกันการปฏิรูปแห่งคริสศาสนาจึงยังคงดำเนินต่อไป และมันควรดำเนินต่ออยู่เรื่อยไป
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราควรจดจำไว้ เราไม่ควรลืมว่ามีเพียงผู้ที่เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญ ญาณเท่านั้นที่จะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ได้ และพวกเราจึงเผยแพร่เรื่องนั้น! ท่านประกาศข่าวประปฏิเสธของพระเยซู ข่าวปฏิเสธแห่งการกลับมาเกิดใหม่ของน้ำและพระวิญญาณอยู่หรือไม่? ถ้าไม่ ท่านย่อมไม่ใช่ผู้รับใช้พระเจ้ามันเป็นข่าวประเสริฐเรื่อง “การเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ” ที่พระเจ้าประสงค์ให้เราเชื่อมันเป็นสิ่งที่พระเยซูทรงสอนนิโคเดมัสไว้ในยอห์น บทที่ 3
พระคัมภีร์พระโลหิตกล่าวถึงแค่เพียงข่าวประเสริฐแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญ ญาณหรือกล่าวถึงสิ่งอื่นๆ เช่นการทำงานเพื่อความดีของสังคมและการใช้ชีวิตบริสุทธิ์? แน่นอน ประการหลังก็สำคัญเช่นกัน แต่ท่านจะทำเช่นนั้นได้หลังจากที่ท่านเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ น้ำพระทัยของพระเจ้าคือพระประสงค์ให้เราเชื่อข่าวประเสริฐ
การสอนของคนนอกรีต
ใครคือคนนอกรีต?
คนนอกรีตคือผู้ที่ยังเป็นคนบาปแม้ว่าเขาวางใจในพระเยซู
ชาวคริสต์จอมปลอม ความเชื่อของคนนอกรีตเริ่มเจริญรุ่งเรืองในโลกเมื่อใด?
ชาวอิสราเอลเคารพบูชาพระเจ้าองค์เดียวจนกระทั่งเขาถูกแบ่งแยกเป็นสองแผ่นดินในยุคของเยโรโบอัมดังได้เขียนไว้บท 1 พงศ์กษัตริย์บทที่ 12-13 ตั้งแต่ช่วงนั้นมาก่อนที่พระคริสต์จะเสด็จมายังโลกนี้ ความเชื่อของคนนอกลู่นอกทางก็เริ่มแพร่หลาย และมีคนนอกลู่นอกทางหลายคนทุกวันนี้
พระคัมภีร์พระโลหิตกล่าวถึงการสั่งสอนชาวคริสต์จอมปลอมของเขาไว้ในบทอิสยาห์บทที่ 28 และทิตัส 3:10-11 พระคัมภีร์พระโลหิตกล่าวว่าคนรีตคือผู้ที่วางใจในพระเยซูแต่ยังมีความผิดบาปอยู่ในใจของเขาผู้ใดก็ตามที่เป็นเช่นนั้นก็คือคนรีต
และเขาสอนดังที่เขียนไว้ในบทอิสยาห์ 28:9-10 ว่า “เขาจะสอนความรู้ให้แก่ใคร เขาจะบรรยายข่าวแก่ผู้ใด ให้แก่คนเหล่านั้นที่หย่านมหรือ หรือให้แก่คนเอามาจากอก เพราะเป็นกฎซ้อนกฎ กฎซ้อนกฎ บรรทัดซ้อนบรรทัด บรรทัดซ้อนบรรทัด ที่นี่นิด ที่นั่นหน่อย”
คนนอกรีตจะเพิ่มกฎซ้อนกฎ บรรทัดซ้อนบรรทัด ประโยคหมายถึงอะไร? นั่นหมายถึง “จงระวัง จงระวัง จงระวังผู้ที่กล่าวว่าเขาเป็นผู้ที่กลับมาเกิดใหม่ โดยความศรัทธาในพระเยซูของเขา” เขาเพียงแค่บอกให้ท่านระวังไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาบอกไม่ให้ท่านฟัง ไม่ให้ไป มิฉะนั้นท่านอาจตกเป็นคนนอกรีต
แต่ถ้าเขามั่นใจแน่นอนแล้วว่า ความเชื่อของเขาคือความเชื่อทั่วๆ ไป เหตุใดเขาจึงขับไล่ผู้ที่กล่าวว่าความเชื่อของเขาแตกต่างพระวจนะของพระเจ้าไม่ได้? ช่างน่าสงสารจริงๆ เขาอ้างว่าเป็นชาวคริสต์ทั่วๆไป แต่เขาไม่มีพระวจนะต่างๆเพื่อเอาชนะสิ่งที่เขาเรียกว่าความนอกรีตชาวคริสต์ที่แท้จริงจะเอาชนะคนนอกรีตได้ด้วยพระวจนะของพระเจ้า
ในวันนี้ชาวคริสต์ที่กำลังจะเป็นชาวคริสต์ทั่วๆไปตำหนิผู้ที่เกิดใหม่ว่าเป็นเช่น “คนนอกรีต” เพียงเพราะความเชื่อของเขาต่างกัน แล้วเราจะเป็นคนนอกลู่นอกทางได้อย่างไร เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ?
ผู้ที่ถูกเรียกว่าคนนอกรีตมาประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เขาเป็นชาวคริสต์เหมือนคนทั่วไปที่แท้จริง ถ้าเช่นนั้นถ้าผู้ที่กำลังจะเป็นชาวคริสต์ทั่วๆไปไม่ประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเขาเป็นคนนอกรีต
ความแตกต่างระหว่าง “คนปกติ” และ “คนนอกรีต” ขึ้นอยู่กับว่าเขาประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณหรือไม่และเขาวางใจในพระเยซูหรือไม่ และมีความผิดบาปในใจของเขาอยู่หรือไม่เขาจะเป็นคนนอกรีตได้อย่างไร ถ้าเขาเชื่อพระวจนะของพระเจ้าและกลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ?
เป็นการนอกรีตหรือไม่ ที่เชื่อเรื่องการรับบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนและได้รับการชำระล้างความผิดบาปโดยสมบูรณ์? เป็น “คนปกติ” หรือไม่ที่ไม่เชื่อข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ?
มีผู้ที่นับถือนิกายต่างๆหลายคนที่ทำตัวออกห่างจากพระคัมภีร์พระโลหิตและยังอ้างว่าเป็นชาวคริสต์ “ปกติทั่วไป” เขาทำตัวออกห่างจากการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณดังได้ชี้แจงไว้ในพระคัมภีร์พระโลหิต เพราะเขาเผยแพร่เพียงพระโลหิตบนไม้กางเขนเท่านั้น และปฏิเสธการรับบัพติสมาของพระเยซู (น้ำ)
ความแตกต่างระหว่างคริสตจักรโรมันคาทอลิกและคริสตจักรโปรเตสแตนท์ในวันนี้คืออะไร? ดังเช่นนักปฏิรูปขับไล่คริสตจักรโรมันทอลิก เขาออกมาจากคริสตจักรโรมัน คาทอลิกและสร้างนิกายโปรเตสแตนท์ เราจึงควรขับไล่ชาวคริสต์ผู้ตาบอดและปุโรหิตจอมปลอม แค่เพียงเท่านี้ เราย่อมลืมตารับข่าวประเสริฐที่แท้จริง มีความเชื่อที่แท้จริงและได้รับการช่วยให้รอดอันสมบูรณ์ได้โดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
เราต้องทำอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นคนนอกรีต?
เราต้องเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
พระคัมภีร์พระโลหิตบอกเราว่ามีเพียงผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องการรับบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเท่านั้นที่ทำตามความเชื่อที่แท้จริง พระเยซูตรัสไว้ดังเช่นที่พระองค์ตรัสแก่นิโคเดมัส ในยอห์น 3:1-12
คนนอกรีตมักจะกระตุ้นให้ผู้ติดตามของเขาศรัทธาในความเชื่อของเขา เขากระตุ้นให้คนเหล่านั้นอธิฐานในช่วงเช้าตรู่ และทำงานหนักขึ้น มันเหมือนกับกระตุ้นคนตาบอดให้วิ่ง
ไม่ว่าท่านจะอธิฐานบ่อยครั้งเพียงไร ก็ไร้ประโยชน์ ถ้าท่านไม่ได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ เมื่อเรากล่าวว่า ผู้ที่กลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเป็นผู้ชอบธรรม คนนอกรีตจึงโต้แย้งดังที่กล่าวในโรม 3:10 ว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย” จากข้อความนี้ เขาจึงตราหน้าผู้ที่เชื่อว่าเป็นคนนอกรีต
แต่เขาเป็นคนนอกรีต ความหมายที่แท้จริงของข้อความนี้ไม่ได้ง่ายดังที่ได้ฟัง คนนอกรีตเหล่านี้ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์พระโลหิตจนจบ สาวกเปาโลกล่าวว่าไม่มีคนชอบธรรมในโลกเขาอ้างเพียงข้อความจากพระคัมภีร์ ภาคพันธ์สัญญาฉบับเก่าซึ่งกล่าวว่าไม่มีคนชอบธรรมในโลกก่อนที่ พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาและปลดปล่อยมนุษย์ทุกคนจากความผิดบาปของเขาด้วยการช่วยให้รอดของพระเจ้า แต่ผู้ที่ได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้าจะเป็นผู้ชอบธรรม
เราจะได้ทราบความจริงถ้าเราได้อ่านทั้งบท คนนอกรีตทางเพียงแค่เตือนผู้ติดตามของเขาให้ระวังผู้ที่มีความเชื่อแตกต่างจากความเชื่อของเขา เว้นแต่คริสตจักรที่เขาจำได้ว่าเป็นคริสตจักรทั่วไป เขาห้ามผู้ติดตามของเขาเคารพบูชาที่อื่น ดังนั้น บรรดาศสนากนิกชนของเขาจึงไม่กล้าไปโบสถ์ที่ประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
เขากลายเป็นหูหนวกต่อข่าวประเสริฐที่แท้จริงและไม่ได้เกิดใหม่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสอนของผู้นำผิดๆที่ยกย่องบุตรแห่งนรก และเขาจะถูกพิพากษาโดยพระเจ้าคนนอกรีตต้องหันไปหาพระเจ้า
คนนอกรีตคือใคร? เขาคือผู้ที่หลุดพ้นโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ หรือเขาคือผู้ที่อ้างว่าวางใจในพระเยซูแต่ไม่ได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
ทิตัส 3:11 กล่าวว่าผู้ที่วางใจในพระเยซูแต่ยังคง “ปรับโทษตัวเขาเอง” นั้นเป็นคนนอกรีต
เขาสอนผู้ติดตามของเขาไม่ให้ไปร่วมการชุมนุมฟื้นฟูจิตใจที่เผยแพร่ข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเขาว่ามันอันตราย แล้ว “คนทั่วๆไป” เกรงกลัวต่อความขัดแย้งทางความเชื่อได้อย่างไร? เขาเกรงกลัวเพราะเขาไม่มีความเป็นจริงในฝ่ายของเขา “เพราะเป็น กฎซ้อนกฎ กฎซ้อนกฎ” การสอนของคนนอกรีตเป็นเช่นนั้น
ปุโลหิตผู้นอกรีตอ้างจากหนังสือเล่มนี้นิดเล่มนี้หน่อยจากคำพูดของนักปรัชญาบ้าง จากวรรณกรรมบ้างและนำมาผสมผสานกันกับความคิดของเขาเองและทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างฟังดูดี
เขาทำให้ผู้ติดตามของเขาเลิกใส่ใจและเขาพยายามที่จะสอนเขาด้วยคำสอนทางโลกคริสศาสนาที่แท้จริง จะเผยแพร่พระวจนะของพระเจ้าและสอนผู้ที่เชื่อด้วยพระวจนะของพระเจ้า ประชาชนไม่ได้มาที่คริสตจักรเพื่อรับการสอนตามวิธีแห่งโลก ยิ่งไปกว่านั้นเขามาที่คริสตจักรเพื่อรับฟังสิ่งต่างๆ แห่งสรวงสวรรค์ที่หาฟังไม่ได้ในโลก เขามาเพื่อรับฟังพระวจนะของพระเยซู
ประชาชนเข้าไปในคริสตจักรดังเช่นคนบาปแต่เขาต้องการออกมาจากคริสตจักดังเช่นผู้เชื่ออันชอบธรรมที่ไม่มีความผิดบาป แต่นักบวชที่นอกรีตสอนอะไรแก่เขา? เขาบอกผู้ติดตามของเขาไม่ให้ ร่วมการชุมนุมฟื้นฟูจิตใจที่ซึ่งผู้รับใช้ของพระเจ้าเผยแพร่ข่าวประเสริฐที่แท้จริง เขาปกป้องผู้ที่ติดตามของเขาจากการกลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
มันงี่เง่ามาก เขาหลอกลวงผู้ติดตามของเขาได้แต่เขาหลอกพระเจ้าไม่ได้
นักบวชจอมปลอมทำให้ผู้ติดตามของเขา เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณได้หรือไม่?
ไม่ได้ มีเพียงผู้ที่เกิดใหม่เท่านั้นที่ทำให้ผู้อื่นเกิดใหม่ได้
คนนอกรีต ถ้าท่านเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าจริงๆท่านจะได้ยินพระวิญญาณตำหนิท่านไหม? ท่านต้องหันกลับไปท่านควรหยุดขัดขวางผู้ติดตามของท่านจากการเข้าร่วมการชุมนุมฟื้นฟูที่ผู้รับใช้ที่แท้จริงของพระเจ้าเผยแพร่ข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
คนนอกรีตสั่งสอนผู้ติดตามของด้วยทฤษฎีอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อเขาได้พบทฤษฎีอื่นๆ เข้าจึงพ่ายแพ้ ช่างน่าสงสารจริงๆ นักบวชจอมปลอมเก่งในด้านการปกครองโดยปราศจากพระวจนะของพระเจ้า เขาอธิฐาน, ปรึกษาและปกครองบนพื้นฐานของการตัดสินใจที่ผิดของเขาเอง ผู้ที่ปกครองและเผยแพร่โดยปราศจากพระวจนะของพระเจ้าเป็นคนนอกรีตและเป็นลูกจ้าง (ยอห์น 10:13)
ศาสนาจารย์จอมปลอมเป็นคนนอกรีตทางเพราะตัวเขาเองทั้งภายในและภายนอกนั้นต่างกันคนบางคนให้คำจำกัดความคริสตจักรไม่เหมาะสมกับนิกายที่ตั้งขึ้นว่าเป็นคริสตจักรนอกรีตแต่ คริสตจักรนอกรีตบางแห่งไม่ต้องการเป็นของนิกายใดๆ เพราะคริสตจักรส่วนใหญ่อยู่ห่างไกลจากพระคัมภีร์พระโลหิต
คนนอกรีตบอกผู้ติดตามของเขาให้รับการไถ่บาป แม้ว่าเขาเองไม่เคยแก้ปัญหาความผิดบาปของเขากำลังทำความผิดบาปแห่งโยโรโบฮับ ถ้ามีผู้ใดก็ตามที่ยังมีความผิดบาปอยู่ในใจของเขา แต่กลับพยายามที่จะทำงานของพระเจ้าเขาต้องรู้ว่าความผิดบาปของเขาและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าไม่สามารถเข้ากันได้โดยสิ้นเชิง เขาต้องรู้ว่าเขาเป็นคนนอกรีต
ดังนั้น ถ้าผู้ใดที่เผยแพร่หรือมีหน้าที่ในคริสตจักรยังเป็นคนบาปเขาควรรู้ว่าเขาเป็นคนนอกรีตเขาเป็นคนนอกรีตเพราะเขาไม่รู้จักข่าวประเสริฐแห่งการช่วยให้รอดของพระคริสต ข่าวประเสริฐแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณถ้าคนคนหนึ่งเรียนพระคัมภีร์พระโลหิตจากคนนอกรีตและสอนผู้อื่นด้วยวิธีเดียวกันเขาก็เป็นคนนอกรีต
เราจะรู้จักต้นไม้ได้ด้วยผลของมันผู้คนเหล่านั้นที่เป็นผู้ชอบธรรม โดยการเชื่อในการรับบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์จะให้ผลเป็นผู้ชอบธรรมได้ขณะที่ผู้ที่ยังเป็นคนบาปก็ถูกพิพากษาให้ผลเป็นคนบาป “ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว” (มัทธิว 7:17 )
นักบาชนอกรีตเผยแพร่อะไรให้คำสอนของเขา?
นักบวชนอกรีตเผยแพร่อะไรในคำสอนของเขา?
ทฤษฎีทางโลกและความคิดมนุษย์
นักบวชที่ผิดมักคอยระวังสิ่งนั้นสิ่งนี้ เหตุใดจึงระวังตัวเช่นนี้! เขาต้องระวังว่าการโกหกของเขาจะถูกเปิดเผยน้อยที่สุด เพราะเขาไม่มีความเชื่อในเรื่องการเกิดใหม่โดยน้ำและรพะวิญญาณที่แน่นอน
คนนอกรีตนำมาจากที่นี่นิด ที่นั่นหน่อย เขาหลอกประชาชนและสอนโดยที่ไม่รู้จักความหมายที่แท้จริงของข่าวประเสริฐ
“เพราะฉะนั้น พระวจนะของพระเจ้าจึงเป็นอย่างนี้แก่เขา เป็นกฎซ้อนกฎ กฎซ้อนกฎ เป็นบรรทัดซ้อนบรรทัด บรรทัดซ้อนบรรทัด ที่นี่นิด ที่นั่นหน่อย เพื่อเขาจะไปและถอยหลัง และจะแตก และจะติดบ่วงและจะถูกจับไป” (อิสยาห์ 28:13)
บรรทัดซ้อนบรรทัด เขาพูดว่า “100 คำนี้หมายถึง คำนั้นบ้างคำนี้บ้างในภาษากรีกคำนั้นบ้างคำนี้บ้าง ในภาษาฮีบรู และยังมีทฤษฎีเช่นนั้นเช่นนี้บ้าง” เขายังเตือนให้ประชาชนคอยระวังถ้าเขาพบยกับทฤษฎีแห่งการช่วยให้รอดที่แสดงออกมาทั้งด้านดีและไม่ดี เขาพูดว่า “มาร์ตินลูเธอร์กล่าวว่าอย่างนี้ และจอห์น คาลวินกล่าวว่าอย่างนั้น ขณะที่จอห์น น๊อกซ์กล่าวไว้เช่นนั้นบ้างเช่นนี้บ้าง และเราคิดว่าเขามีเหตุผลตามวิธีของเขาเองกันทุกคน”
เขาไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าเขาเชื่อในสิ่งใดอยู่ เขาที่มีความเชื่อที่แท้จริงจะแสดงความจริงออมมาได้ทั้งด้านที่ดีและไม่ดี ผู้เชื่อที่แท้จริงจะบอกความแตกต่างระหว่างผู้ที่กลับมาเกิดใหม่และผู้ที่ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ได้อย่างชัดเจน เราจะเผยแพร่ข่าวประเสริฐแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณได้อย่างชัดเจน
แต่คนนอกรีตจะสับสนความเชื่อของเขาเหมือนกับค้างคาวตัวหนึ่ง เพียงแค่ค้างคาวตัวหนึ่งที่ชอบอยู่ภายในถ้ำในช่วงกลางวันและชอบโลกภายนอกแค่ในช่วงกลางคืน คนนอกรีต จะชอบทฤษฎีนั้นทฤษฎีนี้ เชื่อสิ่งนั้นและสิ่งนี้ เขาไม่เคยรู้ว่าความจริงคืออะไร เมื่อนักบวชที่นอกรีตทางตกนรก ผู้ติดตามของเขาจะตามเขาไปพบจุดจบอันขมขื่น ดังนั้นหลายๆคนจึงจบชีวิตในนรกเพราะเขาเชื่อในผู้เผยพระวจนะที่ผิด
ศาสนาจารย์ของท่านกลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณหรือไม่? เขาประกาศพระวจนะแห่งข่าวประเสริฐเรื่องการเกิดใหม่ดังที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์พระโลหิตหรือไม่? ถ้าเขาทำเช่นนั้น ท่านก็โชคดีจริงๆ และถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น ท่านก็จะถูกประณาม ถ้าท่านไม่ได้เกิดใหม่ท่านต้องฟังข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณต้องอ่านหนังสือที่อธิบายข่าวประเสริฐนี้และจะได้เกิดใหม่
คนนอกรีตไม่ชอบข่าวประเสริฐแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ เขาเผยแพร่ว่า “พระเยซูคริสต์ เสด็จมาขจัดความผิดบาปของเรา และพระองค์ทรงทำเพียงแค่นั้น ในวันนี้ พระองค์ก็ยังทรงชำระล้างความผิดบาปของเราอยู่และจะทรงทำเช่นนี้ต่อไปในอนาคต” เรื่องนี้จะเป็นจริงได้อย่างไร? เขาพูดว่าเขาเป็นผู้ชอบธรรมแต่เขากลับทำความผิดบาปกันต่อไป เขาเป็นผู้ชอบธรรมเพียงชั่วขณะ เป็นคนบาปต่อไป
ทฤษฎีของเขาเป็นทฤษฎีที่ผิด มันเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ผู้ใดก็ตามที่เป็นผู้ชอบธรรมในขณะนี้ และเป็นคนบาปในเวลาต่อมาย่อมเป็นคนนอกรีต ผู้เผยพระวจนะที่ผิด ผู้ใดก็ตามที่ตำหนิตัวเอง ที่ทำให้ตัวเองแย่ลงย่อมเป็นเช่นเดียวกัน
คำแช่งค่าของพระเจ้าอยู่กับผู้ติดตามของคนนอกรีต
คนนอกรีตเน้นในเรื่องใดมากที่สุด?
เรื่องงานต่างๆ
คนนอกรีตเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอย ดังนั้น เขาจึงนำทางให้ผู้ติดตามของเขากลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณไม่ได้ เมื่อผู้ติดตามของเขามาหาเขา และถามเขาว่าจะกลับมาเกิดใหม่ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาแสดงความคิดที่น่าขบขันให้ผู้ติดตามของเขาฟังว่า มนุษย์เกิดใหม่ ได้จากความนึกฝัน และเขาจะไม่รู้ว่าเขาจะเกิดใหม่อีกเมื่อไร ช่างน่าขันจริงๆ
พระเยซูตรัสว่าในยอห์น บทที่ 3 ว่า “ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” แต่ในวันนี้ ผู้ชอบธรรมที่มาเกิดใหม่ถูกเรียกว่าคนนอกรีตผู้ทรนง
นักบวชนอกรีตบอกว่าเขาเรียกตัวเองว่า คนชอบธรรมไม่ได้เพราะเขาเป็นคนถ่อมตน เขาบอกผู้ติดตามของเขาว่า “จงอย่าเข้าร่วมชุมนุมฟื้นฟูจิตใจที่ผู้เผยแพร่วางแผนจะกล่าวคำสรรเสริญแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณถ้าท่านกลับมาเกิดใหม่ ท่านจะกลายเป็นคนนอกรีต ท่านจะถูกติเตียนโดยคริสตจักนี้ ถ้าท่านต้องการอยู่กับเรา เป็นคนบาปและพระเจ้าจะทรงทำให้ท่านเป็นผู้ชอบธรรมเมื่อถึงเวลา” นั่นคือสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาหมายความถึงจริงๆก็คือ มันขึ้นอยู่กับท่านที่จะตัดสินใจว่าจะกลับมาเกิดใหม่หรือไม่
คนนอกรีตบอกผู้ติดตามของเขาว่า “ท่านต้องอยู่กับเรา แต่การกลับมาเกิดใหม่นั้นเป็นความรับผิดชอบของท่าน ดังนั้น ท่านต้องพยายามด้วยตัวท่านเอง เพียงแค่อยู่อย่างที่ท่านเป็นอยู่ตอนนี้ และไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าเมื่อถึงเวลา แล้วท่านจะได้พบความจริง เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้วหลังจากนั้น แต่นี่คือคริสตจักรทั่วๆไป ดังนั้นท่านต้องอยู่กับเรา” ท่านคิดว่าสิ่งนี้ถูกต้องหรือไม่?
นักบวชนอกรีตเอามาจากที่นี่นิดที่นั่นหน่อย และสร้างทฤษฎีขึ้นมา และกลายเป็นข้อเท็จจริงสำหรับเขาเท่านั้น เขาไม่รู้จักพระวจนะของพระเจ้าที่บอกเราเกี่ยวกับน้ำและพระวิญญาณ
คนนอกรีตแปลพระคัมภีร์พระโลหิตตามความคิดของเขาเอง เราต้องแปลพระคัมภีร์พระโลหิตตามพระวจนะ แต่เขาแปลตามวิธีของเขาเอง นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดจึงมีนักทฤษฎีและนิกายจำนวนมากในคริสตศาสนา
เพราะมีนิกายและนักทฤษฎีของคนนอกศาสนาจำนวนมากจึงมีหนังสือของคนนอกศาสนาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน นักบวชจอมปลอมอ้างจากหนังสือเล่มนี้นิดเล่มนี้หน่อย เมื่อเขาเผยแพร่ แต่นักบวชที่แท้จริงจะเผยแพร่จากพระคัมภีร์พระโลหิตเพียงเล่มเดียว
คนนอกรีตรีดไถเงินจากผู้ติดตามของเขาด้วยกลวิธีการโกงอันหลากหลาย เขากินและใช้ชีวิตอย่างดีในโลกนี้และจบชีวิตในขุมนรกเพราะเขาพลาดในการกลับมาเกิดใหม่ นี่คือจุดจบที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เขา
พระเจ้าทรงทนรับเขาในช่วงแรกๆแต่ผู้ที่ปฏิเสธที่จะรับการสรรเสริญแห่งการกลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณอย่างหนักแน่นพระองค์จะทรงส่งเขาลงนรก
พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนนอกรีต คนนอกรีตศรัทธาในพระเจ้าอย่างทรงกล้า และศึกษางานของนักทฤษฎีและคำบรรยายในพระคัมภีร์พระโลหิตเล่มแล้วเล่มเล่าในช่วงแรกๆแต่กลัวเขาก็เริ่มเผยแพร่จากพระธรรมของมนุษย์ทีละน้อย เพื่อผู้ติดตามของเขาจะไม่กลับมาเกิดใหม่
คนนอกรีตกลับเน้นหนักไปที่งานของเขามากขึ้น ศาสนาจารย์ผู้ที่ไม่ประกาศข่าวประ เสริฐเรื่องการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเป็นคนนอกรีตต่อพระพักตร์พระเจ้า
เขาบังคับผู้ติดตามของเขาไม่ให้มีจุดจบ เขาบังคับให้อธิษฐานทุกคืนเป็นเวลา 40คืน, อธิษฐานตอนเช้าตรู่ 100 วัน, อธิษฐานบนเขา, อดอาหารบนหลักทั่วๆไป, สร้างอาคารคริสตจักร, ถวายเครื่องเผาบูชาพันตัว, ร่วมชุมนุมฟื้นฟูจิตใจ… และเขามักจะเขียนกราฟเพื่อแสดงว่าผู้เชื่อแต่ละคนมาร่วมงานบ่อยเพียงใดเพียงแค่มองดูผลแห่งงานของเขา เราก็จะได้เห็นว่าเขาเป็นคนนอกรีต
คำแช่งค่าของพระเจ้าก็ตกอยู่กลับผู้ติดตามของเขาเช่นกัน ศาสนาจารย์ผู้เผยแพร่โดยที่ไม้ได้กลับมาเกิดใหม่ และผู้ติดตามของเขาก็อยู่ภายใต้คำแช่งค่าของพระเจ้ากันทุกคน
คนนอกรีตพยายามอ่านจิตใจของผู้ติดตามของเขา
เหตุใดคนนอกรีตจึงพยายาม อ่านจิตใจของผู้ติดตามของเขา?
เพราะพวกเขา ไม่ได้เกิดใหม่ แต่ ปกครองด้วยการหลอกลวงและ ไม่มีพระวิญญาณในใจของเขา
นักบวชนอกรีตร่ำร้องทุกวันเขาต้องมั่นใจในการทำให้ศาสนาจารย์อาวุโส, ผู้อาวุโส ,ศาสนาจารย์สามัญ และแม้แต่ฆารวาสพอใจ นี่คือสิ่งที่เขาดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันอย่างไร
เขาประพฤติตัวดังเช่นคนหลอกลวงทุกวัน “ศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปด้วยความกรุณา…..” เขาเต็มไปด้วยความผิดบาปแต่เขาต้องกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังนั้น เขาจึงกายเป็นคนหลอกลวงขึ้นทุกวันที่ผ่านไป
ครั้งหนึ่ง ผู้เผยแพร่กล่าวว่า “มันเป็นคำสาปแช่งแก่ศาสนาจารย์ผู้ปราศจากพระวิญญาณอยู่ภายใน” สิ่งที่ข้อความหมายถึงก็คือ มันเป็นการหลอกลวงที่ทำงานของพระเจ้าโดยไม่ได้รับการไถ่บาป; มันเป็นชีวิตที่ถูกสาปแช่ง ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งในคนนอกรีตเหล่านี้ ท่านต้องเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
ผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระเยซูแต่ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ย่อมเป็นคนนอกรีตและทุกๆคนต้องหันกลับไปหาข่าวประเสริฐแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณมีเพียงผู้ชอบธรรมที่เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่จะเผยแพร่ข่าวประเสริฐแก่ผู้อื่นได้
คนนอกรีตร่ำร้องเพื่อความสงบสุขเพียงอย่างเดียว
นักบวชนอกรีตทำให้ผู้ติดตาม ของเขาพอใจได้อย่างไร?
เขามักจะร่ำร้องหาความสงบ บอกผู้ติดตามของเขาว่าเข้าไปใน แผ่นดินสวรรค์ได้แม้ว่าเป็นคนบาป
อิสยาห์ 28:14-15 กล่าวว่า “เพราะฉะนั้น เจ้าทั้งหลายคนมักเยาะเย้ยเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเจ้า คือเจ้าผู้ปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม เพราะเจ้าทั้งหลายได้กล่าวแล้วว่า ‘เราได้กระทำพันธสัญญาไว้กับความตาย และเราทำความตกลงไว้กับแดนคนตาย เมื่อภัยพิบัติอันท่วมท้นผ่านไป จะไม่มาถึงเรา เพราะเราทำให้ความเท็จเป็นที่ลี้ภัยของเรา และเราได้กำบังอยู่ในความมุสา’ เพราะฉะนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เราวางศิลาไว้ในศิโยนเพื่อเป็นรากฐาน คือศิลาที่ทดสอบแล้ว เป็นศิลามุมเอกอย่างประเสริฐเป็นรากฐานอันมั่นคง เขาผู้นั้นที่วางใจจะไม่รีบร้อน `และเราจะกระทำความยุติธรรมให้เป็นเชือกวัด และความชอบธรรมให้เป็นลูกดิ่ง และลูกเห็บจะกวาดเอาความเท็จอันเป็นที่ลี้ภัยไปเสีย และน้ำจะท่วมท้นที่กำบัง’”
ในที่นี้ ผู้ใดบ้างที่เป็นที่น่ารังเกียจ? เขาเป็นผู้ที่เผยแพร่พระวจนะของพระเจ้าโดยนำความเชื่อผิดๆของเขาเองเข้ามาผสมด้วย อะไรก็ตามที่เป็นความคิดของผู้เผยแพร่ อะไรก็ตามที่เป็นทฤษฎีกล่าวถึง เขาต้องเสนอการแปลที่ถูกต้องของพระคัมภีร์พระโลหิตแต่นักบวชนอกรีตกลับเผยแพร่พระคัมภีร์พระโลหิตด้วยวิธีที่เขาเห็นว่าเหมาะสม ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่น่ารังเกียจ
“เราได้กระทำพันธสัญญาไว้กับความตาย และเราทำความตกลงไว้กับแดนคนตาย เมื่อภัยพิบัติอันท่วมท้นผ่านไป จะไม่มาถึงเรา เพราะเราทำให้ความเท็จเป็นที่ลี้ภัยของเรา และเราได้กำบังอยู่ในความมุสา เพราะฉะนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราวางศิลาไว้ในศิโยนเพื่อเป็นรากฐาน คือศิลาที่ทดสอบแล้ว เป็นศิลามุมเอกอย่างประเสริฐเป็นรากฐานอันมั่นคง”
คนนอกรีตกล่าวว่าเรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเขา เขาบอกให้ศาสนิกชนมิต้องห่วง การทำลายล้างและขุมนรกที่กำลังรอเขาอยู่ แต่เขากลับบอกว่าไม่ต้องห่วง การทำลายล้างและขุมนรกไม่ได้มีเพื่อพวกเขา ดังนั้นท่านต้องอยู่ให้ห่างจากคนนอกรีตถ้าท่านอยากใช้ชีวิตต่อไป
คนนอกรีตกล่าวว่าท่านไม่ต้องเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่? ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ท่านจะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้ ถ้าท่านไม่ได้มาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
มันสมควรหรือไม่ที่ไม่เข้าไปในแผ่นดินสวรรค์? ประโยคนี้ก็เหมือนกับถามว่ามันสมควรหรือไม่ที่ถูกแผดเผาในนรก ไม่จำเป็นต้องพูดเลย คำตอบของคำถามทั้งสองคือไม่พวกเราจงเชื่อในข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณและได้เข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ด้วยกัน
นักบวชนอกรีตชักชวนศาสนานิกชนไปในทางที่ผิด บอกว่าเพราะเขาวางใจในพระเยซูมันจึงสมควรที่เขายังคงเป็นคนบาปและเขาจะไม่ต้องตกนรก
แม้ว่าท่านจะเป็นคนบาป พระเยซูจะทรงดูแลท่านหรือไม่? คนบาปจะขึ้นสวรรค์? ได้หรือไม่? แม้ว่าท่านจะเป็นคนบาป ท่านจะหลีกเลียงจากนรกได้หรือไม่? ดังได้เขียนไว้ในพระคัมภีร์พระโลหิตใช่หรือไม่ว่า ท่านไม่ต้องตกนรกเมื่อท่านวางใจในพระเยซู แม้ว่าท่านมีความผิดบาปอยู่ในใจของท่าน?
คนนอกรีตบอกว่า เขาได้สัญญาด้วยความตาย เพื่อว่าความตายจะไม่มาหาเขา เขาบอกผู้ที่เชื่อว่าการหลีกเลียงการถูกพิพากษาให้ตกนรกได้แม้ว่าเขาจะไม่มีความผิดบาปอยู่ในใจของเขา ท่านคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้จริงหรือ?
คนนอกรีตสร้างแรงบันดาลใจให้ศาสนิกชนด้วยความมั่นใจ บอกว่าความตายและนรกไม่ได้รอเขาอยู่ นักบวชนอกรีตตั้งผู้ที่ไม่ได้เกิดใหม่ให้เป็นศาสนาจารย์ผู้อาวุโส และบาทหลวง แต่เขาต้องรู้ว่าเขาจะจบชีวิตในนรกเพราะเขาไม่เชื่อข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณสิ่งที่เขาควรทำคือปลูกฝังความเชื่อเรื่องข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณให้ผู้ติดตามของเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นคนบาป ผู้ที่เชื่อก็ยังคงได้รับเลือกให้เข้าไปในสวรรค์หรือไม่? คนบาปจะเข้าไปในสวรรค์ได้หรือไม่? พระคัมภีร์พระโลหิตได้กล่าวหรือไม่ว่าคนบาปเข้าไปในสวรรค์ได้? ไม่ จะมีผู้ชอบธรรมที่มีความผิดบาปอยู่ได้หรือไม่? ไม่ สิ่งเหล่านี้คือการสอนของคนนอกลู่นอกทางและทฤษฎีจอมปลอม
พระคัมภีร์พระโลหิตกล่าวว่า “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (โรมัน 6:23) นี่คือธรรมบัญญัติของพระเจ้าพระองค์ทรงส่งคนบาปทุกคนลงนรก แต่ทุกคนที่กลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณจะได้รับการต้อนรับให้เข้าไปในสวรรค์
“เมื่อสิ่งชั่วร้ายผ่านไป มันจะไม่มาหาเรา เมื่อเราได้รับสร้างกำแพงให้ที่พักของเราแล้วและเราได้ซ่อนตัวเราไว้ใต้ความผิดนั้น” นักบวชผู้นอกรีตกล่าวคำพูดต่างๆเพื่อความเชื่อที่หนักแน่นและเป็นผลว่าเขาจะไม่ตกนรก แม้เขาจะมีความผิดบาปในใจของเขาเพราะเขาซ่อนทฤษฎีที่ผิดไว้เบื้องหลังพระเจ้าจะทรงทำอะไรไม่ได้เพื่อช่วยเขา เขาเชื่อในทฤษฎีของเขาเพียงอย่างเดียว เพราะเขาเชื่อในทฤษฎีของเขาแทนพระวจนะของพระเจ้าเขาเป็นคนนอกรีตและคนบาปที่ถูกกำหนดให้ตกนรก มันช่างน่าเศร้าเสียจริงที่มีคนเหล่านี้มากมายจริงๆ
คนนอกรีตสนใจแค่เงินเท่านั้น
วัตถุประสงค์ของนักบวชนอกรีตคืออะไร?
เพื่อรีดไถเงินให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้จากผู้ติดตามของเขา
คนนอกรีตและนักบวชจอมปลอมสนใจแต่เงินเท่านั้น เขาเป็นคนโลภ “ชายผู้นี้จะถวายเงินให้มากเท่าไร่ ถ้าเขามาคริสตจักรนี้?” เขาคิดถึงเงินที่เขาจะจ่าย สิ่งนี้ก็เหมือนกับการเคารพบูชาวัวทองคำ “ขอพระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ประสบผลสำเร็จทรงโปรดให้ข้าพระองค์หาเงินได้มากๆพระองค์เจ้าข้า” นักบวชจอมปลอมสอนศาสนิกชนอธิษฐานเช่นนั้น
เขากล่าวว่า “ถ้าท่านวางใจในพระเยซูท่านจะหาเงินได้มาก ท่านจะคิดได้เมื่อท่านไร้ความคิด และท่านจะประสบความสำเร็จในธุรกิจของท่าน”
ดังนั้นศาสนิกชนหลายคนจึงถูกหลอกลวงโดยนักบวชจอมปลอมเหล่านี้และเขาถูกรีดไถเงินและตกนรกเพราะปัญญหาของเขา ช่างอยุติธรรมอะไรเช่นนี้! ถ้าคนบางคนที่ตกอยู่ ภายใต้มนต์คาถาของคนนอกรีต มีจิตสำนึกของเขาเอง เขาจะแปลกใจที่พบว่าเขาเสียเงินไปให้ผู้หลอกลวงของเขาเท่าไร เขาจะตำหนิตัวเองในความโง่เขลาของเขาเองที่ติดตามและทำงานอย่างหนักเพื่อเขา
คนนอกรีตเป็นผู้ฝึกที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นศาสนาอันที่ถูกต้อง ผู้ติดตามของเขาอุทิศตนเพื่อการอธิษฐานตอนเช้าตรู่, การอธิษฐานบนเขา, การบริจาคเงินพิเศษ, การจ่ายเบี้ยอากร, การถวายประจำสัปดาห์ มีเหตุผลหลายประการที่จะเอาเงินจากผู้ติดตามของเขา
ผู้ติดตามของเขาทำงานหนักมาก แต่เขายังมีความบาปในใจของเขาเพราะไม่มีใครสอนเรื่องข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณให้เขา คนบางคนถามเขาถึงข่าวประเสริฐนี้แต่เขาไม่เคยได้รับคำตอบเลยผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณย่อมเป็นคนนอกรีต
คนนอกรีตผู้น่าสงสารและผู้ติดตามของเขา
ใครคือผู้ที่น่าสงสารที่สุดในโลก?
ผู้ที่ปกครองโดยปราศจากการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
“โอ, เจ้าคนนอกรีตผู้น่าสงสาร! เจ้าทำงานเพื่อการไถ่บาปของเจ้าก่อน!” สัญลักษณ์สำคัญของความเชื่อจอมปลอมคือการเคารพบูชาวัวทองคำสองตัวของเยโรโบฮัม สิ่งแรกที่คนนอกรีตทำไว้ในยุคของพระคัมภีร์พระภาคพันธสัญญาฉบับเก่า คือสร้างนิเวศน์และเก็บรักษาวัวทองคำสองตัง (1 พงศ์กษัตริย์ 12:25–33)
ในวันนี้ เขาสร้างคริสตจักรอันมหึมาและรีดไถเงินจากผู้ติดตามของเขาให้กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อใช้ในการสร้างคริสตจักรหลังมหึมา เขาค่อยๆสร้างความรู้สึกแห่งการชุมนุมกัน และเดินไปรอบๆถาดที่รับบริจาค เงิน แหวน นาฬิกาทองคำเต็มถาดในเวลาครู่เดียว คนนอกรีตทำงานด้วยวิธีนี้ มันเป็นเช่นเดียวกันกับทุกๆคริสตจักรของคนนอกรีต
ภายนอก เขาดูเหมือนจะสนใจในสิ่งต่างๆ แห่งจิตวิญญาณ แต่ในความเป็นจริง เขาสนใจแค่เงินเท่านั้น ผู้เขียนแนะนำให้ท่านอยู่ห่างๆจากคริสตจักที่ใส่ใจแค่เงินเท่านั้นจงอย่าไป คริสตจักรที่ซึ่งคนร่ำรวยได้ดูแลอย่างเต็มที่เท่านั้น เป็นเรื่องผิดที่ประกาศจำนวนเงินของการถวายในการชุมนุมในแต่ละครั้ง เพราะเขาทำเช่นนั้นด้วยหวังว่าจะได้เงินมากกว่านี้
คนนอกรีต กล่าวถ่อยคำล่อลวงผู้ติดตามของเขาว่า
“ท่านจะได้รับการสรรเสริญถ้าท่านวางใจในพระเยซู”
“จงอุทิศตนแก่งานของพระเจ้าท่านยิ่งทำมากเพียงไร ท่านย่อมได้รับการสรรเสริญมากขึ้นเท่านั้น”
“ถ้าท่านรับใช้เช่นผู้อาวุโส ท่านจะได้เงินทอง”
ดังนั้น ผู้ติดตามของเขาจึงแข่งขันกันเองเพื่อเป็นผู้อาวุโส ถ้าไม่มีค่าตอบแทน ใครจะอยากรับใช้ดังเช่นผู้อาวุโส? และผู้อาวุโสย่อมได้รับการคาดหวังให้จัดหาเงินได้เป็นอย่างดี
เขาได้รับเลือกบนพื้นฐานที่ว่าเขาเชื่อในข่าวประเสริฐของนิกายลึกซึ้งเพียงใด เขามีชื่อเสียงมากเพียงไรในสังคมและเขาจะหาเงินมาให้คริสตจักรได้มากเพียงไร? มันเป็นเรื่องจริง
คนนอกรีตสนใจแค่เพียงเงินเท่านั้นเขาสนใจที่จะสร้างคริสตจักรหลังมหึมา เขาไม่ใส่ใจว่าผู้ติดตามของเขาจะตกนรกตราบนานเท่านานที่เขาถวายเงินจำนวนมากหรือไม่
คนนอกรีตเป็นคนที่ทำงานเพื่อขนมปัง เขาหลอกศาสนิกชนของเขาด้วยเรื่องที่คิดขึ้นเอง เขาเผยพระวจนะแก่ผู้ติดตามของเขาตามอำเภอใจ (เอเสเดียล 13:17–19) ประโยคนี้หมายความถึงการผูกมัดเขาไว้กับคริสตจักรและเพิ่มความมั่งคั่งของคริสตจักร คนนอกรีตไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเขาแค่พยายามทำให้ตัวเขาเองร่ำรวยขึ้นเท่านั้น
แม้แต่คนบางคนที่เข้าร่วมงานในคริสตจักรเพียงสองสามเดือนก็เป็นศาสนาจารย์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาคุ้นเคยกับหลักคำสอนเป็นอย่างดีและมีเบื้องหลังทางด้านการเงินที่ดี เขาก็ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้อาวุโส นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างในประเพณีอันน่าอายแห่งความผิดบาปของเยโรโบอัม ผู้ใช้วัวทองคำแทน พระเจ้า
คนนอกรีตเคารพวัวทองคำ เขาไม่ได้ทำให้ศาสนิกชนของเขาได้เกิดใหม่ เขาเพียงแค่เอาเงินจากผู้ติดตามของเขาโดยการล่อลวงศาสนิกชนด้วยสัญญาต่างๆ แห่งการสรรเสริญชั่วนิรันดริ์ เขาไม่ได้ใส่ใจว่าผู้ติดตามของเขาจะถูกพิพากษาให้ตกนรกหรือไม่ ตราบนานเท่านานที่คริสตจักรของเขาอยู่บนแผ่นดินเงินอันมั่งคั่ง
คนนอกรีตขาดความมั่นใจในคำสอนของพวกเขา
คนนอกรีตชอบพูดว่า “บางที” หรือ “อาจจะ” อยู่บ่อยๆ เพราะเขาขาดความมั่นใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่ เขาไม่มีความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า และเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเผยแพร่อย่างแท้จริง ระบบการเชื่อของเขาไม่เชื่อมโยงกับความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าเขาพูดว่า “อาจกล่าวได้ว่า….” เขาไม่เคยพูดอย่างชัดเจนและมั่นใจ มันจะดีกว่าถ้าเขาไม่สอนผู้ติดตามของเขาถึงเรื่องใดๆดีกว่าที่จะสอนเรื่องเท็จ
คนนอกรีตไม่สามารถนำทางศาสนิกชนให้มาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณเขาเพียงแค่ลงทัณฑ์ศาสนิกชนให้ตกนรกมากขึ้น
คนนอกรีตแสดงบทบาทของผู้เผยพระวจนะเท็จ
ผู้หมิ่นศาสนาสร้างอะไรขึ้นมาต่อต้านพระเจ้า?
การวางใจในพระเยซูขณะที่ใช้ชีวิตเช่นคนบาป ที่ไม่เชื่อในการรับบัพติสมาของพระองค์
มัทธิว บทที่ 7 บอกเราเกี่ยวกับผู้ที่วางใจในพระเยซูและจบชีวิตในนรก คนนอกรีตจะต่อต้านต่อพระพักตร์พระเจ้าในวันสุดท้าย ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์พระโลหิตว่า “เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ’ เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’” (มัทธิว 7:22–23)
เขาไม่เชื่อว่าพระเยซูทรงชำระล้างความผิดบาปทั้งหมดของมนุษย์ เขาไม่เชื่อข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิต
เขากระทำความชั่ว ประโยคนี้หมายความว่าอะไร? หมายความว่าเขาบอกประชาชนให้วางใจในพระเยซูเมื่อเขายังมีความผิดบาปอยู่ในใจของเขา ท่านอาจสงสัยว่าเรื่องนี้มันผิดมากหรือ แต่นี้เป็นความผิดบาปอย่างหนักต่อพระเจ้า
เมื่อคนบาปเผยแพร่ความจำเป็นของการวางในใจพระเยซูแก่ผู้อื่น เขาก็นำทางให้เขากลับมาเกิดใหม่ไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ ดังนั้นคนนอกรีตจึงผลิตคนบาปที่วางใจในพระเยซูเท่านั้น นั่นจึงเป็นความผิดบาปต่อพระวิญญาณที่กระทำความชั่ว
คนนอกรีตไม่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้าและไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐดังที่เขียนไว้ เขาเพียงแค่รีดไถเงินจากผู้ติดตามของเขา เขาเป็นคนบาปแม้ว่าเขาจะวางใจในพระเยซูเขาพยายามที่จะนำทางผู้อื่นเมื่อเขาไม่ได้กลับมาเกิดใหม่เป็นตัวเขาเองด้วยวิธีนี้ เขาจึงทำความชั่ว
คนนอกรีตเป็นการลอกเลียนแบบที่มีขอบเขตของผู้ชอบธรรม
เราจะแยกความแตกต่างระหว่างผู้ที่ เกิดใหม่และผู้ที่ไม้ได้เกิดใหม่ได้อย่างไร?
เราแยกความแตกต่างได้โดยการ ทดสอบว่าเขามีความผิดบาปอยู่หรือไม่
จงอย่าถูกหลอกโดยผู้เผยพระวจนะเท็จที่พูดว่าเขาเป็นคนบาป จงอย่าถวายเงินให้เขา จงอย่าให้เงินที่หามาด้วยความลำบากของท่านแก่เขา
เหตุใดท่านต้องให้เงินแก่ผู้เผยพระวจนะที่ช่วยท่านจากความผิดบาปของท่านไม่ได้? ถ้าท่านต้องการมอบเงินของท่านให้คริสตจักร จงคอยจนกว่าคนผิดบาปของท่านจะได้รับการขจัดออกไปโดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิต
เพียงเพราะมีการลอกเลียนแบบในงานศิลปะ จึงมีการลอกเลียนแบบในชีวิต ตัวอย่างเช่น มีศาสนาที่ลอกเลียนแบบซึ่งชำระล้างความผิดบาปทั้งหมดในใจไม่ได้ ท่านจะพิสูจน์ศาสนาที่ลอกเลียนแบบนี้ได้อย่างไร? การลอกเลียนแบบคือบางสิ่งบางอย่างที่ดูเหมือนจริงจากภายนอกแต่ในความเป็นจริงนั้นอยู่ห่างจากความจริง
ท่านต้องตัดสินใจเพื่อตัวท่านเอง ผู้เผยพระวจนะจริงคือใคร? คนนอกรีตคือใคร? ความเชื่อทั่วๆไปคืออะไร? คนปกติวางใจในพระเยซูและพระฤทธาในการไถ่บาปของพระองค์ เขาไม่มีความผิดบาปในใจของเขา แต่คนนอกรีตมีความผิดบาปในใจของเขา
แล้วทุกคนเป็นคนเช่นเดียวกันกับคนนอกรีตเหล่านี้หรือไม่? อาจเป็นเช่นนั้น แต่ขอพวกเราจงกลับไปหาพระคัมภีร์พระโลหิตผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระเยซูและไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ ย่อมเป็นคนนอกรีต มันชัดเจนแล้วว่าผู้ที่เกิดใหม่เป็นคนปกติ แล้วผู้ที่ไม่ได้มาเกิดใหม่เป็นคนนอกรีต คนนอกรีตคือผู้ที่วางใจในพระเยซูแต่ยังมีความผิดบาปอยู่ในใจของเขา
คนนอกรีตเป็นการลอกเลียนแบบของผู้ชอบธรรม เขาอาจจะรู้ว่าวิธีที่จะเป็นผู้บริสุทธิ์คือโดยการวางใจในพระเยซูแต่เคราะห์ร้ายที่เขายังมีความผิดบาปในใจของเขาเขาเชื่อว่าตัวเขาเองเป็นคนบาป เขาอ้างว่าเขายังเข้าไปในสวรรค์ได้และเขาพูดว่าเขาเคารพพระเจ้าฟังดูเหมือนเขาเป็นคนชอบธรรมอย่างมาก แต่ขอให้พวกเราอย่าถูกหลอกโดยการลอกเลียน
การพิพากษาของพระเจ้ารอคอยคนนอกรีต
เหตุใดข่าวประเสริฐที่บริสุทธิ์จึงถูกเปลี่ยนแปลง?
เพราะนักบวชเท็จและคนนอกรีตนำความเชื่อ ที่ผิดของมนุษย์มาผสมเข้ากับข่าวประเสริฐอันบริสุทธิ์
“ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเจ้าจอมโยธา ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของอิสราเอลตรัสว่า ‘ดูเถิด เราจะระบายความโกรธของเราเหนือศัตรูของเรา และแก้แค้นข้าศึกของเราเสียเองเราจะหันมือของเรามาสู้เจ้า และจะถลุงไล่ขี้แร่ของเจ้าออกเสียอย่างกับล้างด้วยน้ำด่าง และเอาของเจือปนของเจ้าออกให้หมดและเราจะคืนผู้พิพากษาของเจ้าให้ดังเดิม และคืนที่ปรึกษาของเจ้าอย่างกับตอนแรก ภายหลัง เขาจะเรียกเจ้าว่านครแห่งความชอบธรรม นครซื่อสัตย์’ ศิโยนจะรับการไถ่ด้วยความยุติธรรม และบรรดาคนในนครที่กลับใจจะรับการไถ่ด้วยความชอบธรรม แต่พวกกบฏและพวกคนบาปจะถูกทำลายด้วยกัน และบรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระเจ้าจะถูกล้างผลาญเพราะเจ้าจะละอายเรื่องต้นก่อหลวง ที่เจ้าปรารถนานั้น และเจ้าจะหน้าแดงเรื่องสวน ซึ่งเจ้าเลือกเพราะเจ้าจะเป็นเหมือนต้นก่อหลวง ที่ใบเหี่ยวแห้ง และเหมือนสวนที่ขาดน้ำ และผู้ที่แข็งแรงจะกลายเป็นใยป่าน และกิจการของเขาเป็นประกายไฟและทั้งสองจะไหม้เสียด้วยกัน ไม่มีผู้ใดดับได้” (อิสยาห์ 1:24–31)
พระเจ้าตรัสแก่เราว่าถ้าท่านวางใจในมนุษย์ เราจะรู้สึกอับอายเพราะมนุษย์ พระองค์ตรัสแก่เราว่าเราจะอับอายเพราะคริสตจักรที่เราเลือกให้ตัวเราเอง และความอับอายนี้จะเหมือนกับต้นไหม้ที่ใบเหี่ยวแห้ง เหมือนสวนที่แล้งน้ำ
พระองค์ตรัสแก่เราว่า นักบวชที่ผิดและผู้ติดตามของเขาที่เชื่อในคำสั่งสอนของมนุษย์มากกว่าพระวจนะของพระเจ้าจะกลายเป็นเชื้อไฟและงานของเขาก็ลุกเป็นไฟ ทั้งสองสิ่งก็จะเผาไหม้ในนรก ผู้เผยแพร่วจนะเท็จและคนนอกลู่นอกทางผู้ที่ไม่ได้รับการไถ่บาปเท่าเทียมกับคนบาปและศัตรูของผู้ชอบธรรม จะรับการพิพากษาด้วยเปลวเพลิงของพระเจ้า
คริสตจักรที่ถูกสร้างขึ้นตามทฤษฎีเพียงอย่างเดียวอาจมองดูใหญ่โตจากภายนอกแต่ภายในกลับไม่มีอะไรเลย คริสตจักรใดที่ไม่ได้สร้างขึ้นตามความเชื่อแห่งพระวจนะของพระเจ้าและข่าวประเสริฐแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณก็เหมือนกับสวนที่แล้งน้ำ
อาจจะเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่เป็นต้นไม้ตายแล้ว ต้นหนึ่งที่ให้ผลไม่ได้เมื่อบ่อน้ำไม่มีน้ำ ก็ย่อมไม่ใช่บ่อน้ำอีกต่อไป
“ป่าน และกิจการของเขาเป็นประกายไฟและทั้งสองจะไหม้เสียด้วยกัน ไม่มีผู้ใดดับได้” ผู้ที่ไม่มีพระวิญญาณ อาจดูแข็งแรงกว่าผู้อื่นแต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าเขาก็เป็นเช่นเชื้อไฟที่เผาไหม้ในกองไฟแห่งนรก
พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามว่า “คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไรแล้ว คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไหร่แล้ว” (อิสยาห์ 21:11) ผู้ชอบธรรมที่มีชีวิตนิรันดร์ควรประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิตในความมืดมิดแห่งราตรีกาล
พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างและซาตานเป็นความมืดประเจ้าทรงนำประชาชนไปสู่ความชอบธรรมและซาตานนำประชาชนไปสู่นิเวศน์เท็จพร้อมกับความสับสนและทฤษฎีเท็จ
ในยุคของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ความเชื่อของประชาชนก็เป็นความสับสน เหมือนในปัจจุบันเขานำทางชาวอิสราเอลด้วยผลผลิตอันสับสนวุ่นวายแห่งมนุษย์ผิดไปมากจนกระทั่งพระเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะขจัดเขาทั้งหมด
“และเอาของเจือปนของเจ้าออกให้หมดและเราจะคืนผู้พิพากษาของเจ้าให้ดังเดิม และคืนที่ปรึกษาของเจ้าอย่างกับตอนแรก” เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงไม่ยอมรับจะเป็นเช่นของเจือปน เป็นส่วนผสมของข้อเท็จจริงของพระเจ้าและทฤษฎีของมนุษย์
พระเจ้าทรงไม่ยอมรับเครื่องบูชาที่ผสมกัน มันอาจจะดูบริสุทธิ์ต่อสายตามนุษย์ แต่ถ้ามันถูกผสมด้วยความเชื่อผิดๆของมนุษย์ มันก็ถูกผสมด้วยความไม่บริสุทธิ์ และจึงเป็นที่ไม่ยอมรับต่อพระเจ้า
พระเจ้าทรงตำหนิชาวอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนนอกรีต ผู้เผยแพร่จอมปลอมและคนบาป
ถ้าเราอ่านในบท อพยพ หรือเฉลยธรรมบัญญัติเราจะเห็นได้ว่าพระเจ้าจะไม่ทรงตำหนิเขาในช่วงแรก พระเจ้าทรงช่วยชาวอิสราเอลและประทานการสรรเสริญแก่เขา แต่หลังจากมรณะกรรมของโยชูวา จากบทผู้วินิจฉัย ชาวอิสราเอลจึงถูกขับไล่
อย่างไรก็ตาม เขาเลือกไปตามทางเขาเอง ในยุคนั้น พระเจ้าประทานผู้เผยพระวจนะเยเรมีห์มาและบอกให้ชาวอิสราเอลยอมจำนนต่อชาวบาบินโลน
เยเรมีห์ บอกให้ประชาชนยอมจำนนต่อพวกบาบินโลน ประโยคนี้มีความหมายทางจิตวิญญาณเป็นสัญญาลักษณ์ของความจริงที่ว่าผู้ชอบธรรมบอกผูติดตามคนนอกรีตให้ยอมจำนนต่อข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิต
พระเจ้าทรงตำหนิคนนอกรีต
เหตุใดพระเจ้าทรงตำหนิคนนอกรีต?
เพราะเขารับใช้รูปบูชาแทนพระเจ้า
เหตุใดผู้รับใช้ของพระเจ้าจึงตำหนิชาวอิสราเอล? เพราะเขาเปลี่ยนระบบการบูชา แต่ตั้งคนทั่วไปเป็นปุโรหิต และเปลี่ยนวันแห่งการบูชา
เขาเปลี่ยนวันลบบาปจากวันที่สิบเดือนเจ็ดเป็นวันที่ห้าเดือนแปด และตั้งปุโรหิตนอกเหนือจากบทเลวีนิติเขาจึงถูกขวางทางที่จะกลับมาเกิดใหม่
พระเจ้าทรงตำหนิผู้เผยแพร่พระวจนะเท็จ ผู้ที่รับใช้วัวทองคำสองตัว แทนพระเจ้าจะกลายเป็นปุโลหิตนอกศาสนา
ในความเป็นจริงพระเจ้าไม่ทรงตำหนิเขาเพียงเพราะการเคารพรูปบูชา ตัวท่านและผู้เขียนไม่ได้เคารพรูปบูชาบางครั้ง เช่นกันใช่ไหม? เราทำความผิดบาปกันบ่อยครั้งแต่ความชั่วร้ายของเราไม่ได้พิจารณาให้เป็นความผิดบาปร้ายทรงเพียงเพราะเราอยู่ในพระกรุณาของพระเจ้าแต่การแทนที่พระเจ้าด้วยวัวทองคำสองตัวนั้นให้อภัยไม่ได้ และเช่นเดียวกันยังเปลี่ยนระบบการบูชาและตั้งคนทั่วไปเข้าไปในระบบปุโลหิต
มันช่างเป็นความผิดบาปที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้! มันเป็นความผิดบาปที่ร้านแรงที่สุด ผู้ใดผู้หนึ่งจะได้รับการอภัยต่อการแลกเปลี่ยนพระเจ้ากับวัวทองคำได้เช่นไร! ดังได้เขียนว้ในพระคัมภีร์พระโลหิตว่ามันเป็นความผิดบาปของเยโรโบอัมที่นำมาซึ่งการลงทัณฑ์ของพระเจ้า
เพียงเพราะพระเจ้าทรงแสดงการลงทัณฑ์ของพระองค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาฉบับเก่า บัดนี้ พระองค์จึงทรงทำลายคนบาปผู้ต่อต้านพระองค์ พระเจ้าตรัสแก่ชาวอิสราเอลว่า พระองค์จะลงทัณฑ์ผู้ที่ไม่หันกลับมาจากการเคารพวัวทองคำสองตัว
คนนอกรีตทางถวายเครื่องบูชาอันชั่วร้าย
เราต้องทำสิ่งใดก่อนที่เราจะรับใช้พระเจ้าได้?
ชำระล้างความผิดบาปของเราทั้งหมด
กษัตริย์ทั้งหลายและปุโรหิตนอกรีตของอิสราเอลต่างต่อต้านพระเจ้าและเขาได้แต่ตั้งผู้ที่ไม่เอาใจใส่ระบบการบูชาให้ระบอบปุโลหิต เยโรโบอัมกษัตริย์ผู้มีจิตวิปริตได้แต่งตั้งผู้ที่มิได้มาจากตละกูลจากเลวีเป็นปุโรหิต
มีเพียงผู้ที่มาจากตระกูลของเลวีเท่านั้นที่จะเป็นปุโลหิตได้ และทำงานในเต็นท์นัดพบได้ ยิ่งไปกว่านั้นปุโลหิตต้องมาจากเชื้อสายของอาโรน นี่เป็นธรรมบัญญัติของพระเจ้าชั่วนิรันดร์ แต่เยโรโบอัมแต่งตั้งปุโรหิตจากภายนอกเชื้อสายของเลวี และให้เขาถวายเครื่องบูชาแก่วัวทองคำสองตัว เราควรรู้ว่าสิ่งนี้นำมาซึ่งการลงทัณฑ์ของพระเจ้าได้อย่างไร
แม้แต่ในวันนี้ ผู้ที่ไม่ได้เกิดใหม่ก็เป็นศาสนาจารย์ ผู้อาวุโส, และบาทหลวงในคริสตจักรได้สิ่งนี้ทำให้เกิดความต่อต้านธรรมบัญญัติของพระเจ้าและอันเชิญการลงทัณฑ์ของพระองค์ พระเจ้าทรงพอพระทัย ต่อเครื่องบูชาอันชั่วร้ายหรือไม่? คนนอกรีตต้องทำลายวัวทองคำของเขาและหันกลับไปหาพระเจ้าและกลับมาเกิดใหม่
อิสยาห์ 1:10-17 กล่าวว่า “ดูก่อนท่านผู้ปกครองเมืองโสโดมจงฟังพระวจนะของพระเจ้า ดูก่อนท่านประชาชนเมืองโกโมราห์ จงเงี่ยหูฟังพระธรรมของพระเจ้าของเรา พระเจ้าตรัสว่า ‘เครื่องบูชาอันมากมายของเจ้านั้นจะเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา เราเอือมแกะตัวผู้อันเป็นเครื่องเผาบูชา และไขมันของสัตว์ที่ขุนไว้นั้นแล้ว เรามิได้ปีติยินดีในเลือดของวัวผู้ หรือลูกแกะหรือแพะผู้เมื่อเจ้าเข้ามาเฝ้าเรา ผู้ใดขอให้เจ้าทำอย่างนี้ ที่เหยียบย่ำเข้ามาในบริเวณพระนิเวศของเรา อย่านำเครื่องถวายอนิจจังมาอีกเลย เครื่องบูชาอันเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อเรา วันเทศกาลข้างขึ้นและวันสะบาโตและการเรียกประชุม เราทนต่อความบาปชั่วและการประชุมตามพิธีไม่ได้อีก ใจของเราเกลียด วันเทศกาลข้างขึ้นของเจ้าและวันเทศกาลตามกำหนดของเจ้า มันกลายเป็นภาระแก่เรา เราแบกเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว เมื่อเจ้ากางมือของเจ้าออก เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย เราจะไม่ฟัง มือของเจ้าเปรอะไปด้วยโลหิตจงชำระตัว จงทำตัวให้สะอาด จงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้นจากสายตาของเรา จงเลิกกระทำชั่วจงฝึกกระทำดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย’”
ถ้าเราอ่านข้อความนี้โดยละเอียดเราจะเห็นได้ว่าผู้นำศาสนาของอิสราเอลศรัทธาเลื่อมใสอย่างมาก แต่ทั้งๆที่เขาศรัทธา เขายังถูกทำลายพระเขาถวายเครื่องบูชาผิดและไม่เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระเจ้า
เราจะเห็นได้ว่า เขาไม่ได้กระทำตามธรรมบัญญัติของพระองค์เมื่อเขาถวายเครื่องบูชา และไม่ใส่ใจต่อพระวจนะของพระเจ้าผู้นำเหล่านี้ศรัทธามากจนกระทั่งเขาทำเครื่องบูชาจำนวนมากนับไม่ถ้วนต่อพระพักตร์พระเจ้าพระคัมภีร์พระโลหิตกล่าวว่าเลือดไหลราวกับแม่น้ำภายในเต๊นท์นัดพบ
แต่เมื่อพระเจ้ามองดูสิ่งที่เขาทำพระองค์ตรัสว่ามันเหมือนกับความผิดบาปของชาวเมืองโกโมราห์ พระองค์เห็นว่าเขากำลังทำเครื่องบูชาต่อพระพักตร์พระองค์ แต่ในความเป็นจริงเขากำลังทำความผิดบาป พระองค์ตรัสว่า มันจะดีกว่าที่ไม่นำเครื่องบูชามาเลยพระองค์ ไม่ทรงต้องการเครื่องบูชานี้
เพราะเขาถวายเครื่องบูชาต่อหน้าวัวทองคำสองตัวพระเจ้าจึงทรงอภัยต่อความผิดบาปของเขาไม่ได้พระองค์ทรงทนได้ไม่ได้อีกต่อไป พระองค์ตรัสแก่เขาว่าเขาควรถวายเครื่องบูชาตามวิธีที่พระองค์บัญชา ถ้ามิเช่นนั้นมันจะดีกว่าที่เขาไม่ต้องถวายเครื่องบูชาเลย
เครื่องบูชาของเขาไม่ได้นำมาถวายแก่พระเจ้าอย่างถูกวิธี และผลก็คือ ปุโรหิตทำความผิดต่อพระเจ้าท่านควรรู้ว่าการรับใช้พระเจ้าและทำงานของพระองค์โดยปราศจากการชำระล้างความผิดบาปของท่าน เป็นความผิดบาปอันร้ายทรงต่อพระพักตร์พระองค์
คนนอกรีตเป็นเช่นอาจารย์ประจำโรงเรียน
คนนอกรีตสอนอะไร?
เขาสอนจริยธรรมไม่ใช่สอนวิธีการเกิดใหม่
คนนอกรีตภายนอกดูบริสุทธิ์ เมื่อเขาอยู่บนธรรมาสน์ เขาดูน่าประทับใจมากจนกระทั่ง หลายคนดูหลอกโดยรูปลักษณ์ภายนอกของเขา เขาฟังดูมีเหตุผลมาก และเขามักสรุปคำสอนของเขาโดยเตือนให้ศาสนิกชนเป็นคนดี คำสอนนั้นเป็นคำสอนประเภทใด? ความแตกต่างระหว่างคำสอนของเขาละบทเรียนของอาจารย์ประจำโรงเรียนคืออะไร?
คริสตจักรของพระเจ้าคือสถานที่ที่ซึ่งผู้ที่เกิดใหม่มาเคารพพระเจ้าร่วมกัน มีเพียงคริสตจักรแบบนี้เท่านั้นที่เป็นคริสตจักรที่ถูกต้อง คริสตจักรของพระเจ้าที่แท้จริงไม่ได้พยายามสอนว่าต้องประพฤติตนอย่างไรต่อพระพักตร์พระเจ้าผู้เผยแพร่แห่งคริสตจักรที่แท้จริงจะเผยแพร่ข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิตไม่ว่าท่านจะแนวแน่เพียงไรก็ตามพระเจ้าจะทรงชำระความผิดบาปของท่านทั้งหมด
ผู้เผยแพร่นอกรีตสอนผู้ติดตามของเขาว่า “จงอย่าทำเช่นนี้ และจงอย่าทำเช่นนั้น” นำของหนักมาใส่นัวเขา แต่เข่าเองไม่เต็มใจจะใช้นิ้วของเขายกของนั้น
ผู้เผยแพร่นอกรีตซื้อไวโอลินราคาแพงให้บุตรของเขาและส่งเขาไปรียนที่ต่างประเทศ นักบวชคนหนึ่ง จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เขาได้เงินมาจากไหน? ถ้าเขามีเงินประเภทนั้น เขาก็ไม่ควรใช้เงินเพื่อประกาศข่าวประเสริฐใช่หรือไม่? ผู้เผยแพร่ควรขับรถราคาแพ่งหรือไม่? เขาต้องขับรถหรูๆ เพื่อให้ดูภูมิฐานเช่นนั้นหรือ? ผู้เผยแพร่ที่ขับรถราคาแพงเป็นโจร เมื่อผู้ติดตามของเขาไม่สามารถซื้อได้แม้แต่รถยนต์คันเล็กๆสักคันหนึ่งแล้วมันถูกต้องได้อย่างไรที่เขามีรถยนต์รุ่นเดอลุกซ์? เราบอกว่าเป็นผู้เผยแพร่นอกลู่นอกทางโดยการกระทำของเขา
ผู้เผยแพร่นอกรีตจะขอเงินก้อนโต คริสตจักรบางแห่งจ่ายเงินให้ผู้เผยแพร่ของเขามากกว่า 10,000 เหรียญดอลล่าห์ต่อเดือน และนี่เป็นเพียงการจ่ายอย่างเป็นทางการ เขาสามารถหาได้จากค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าหนังสือ ค่าดูแลเด็ก ค่าไปเยี่ยมเยียนเพื่อตั้งชื่อเพียงเล็กน้อย และพวกเขาบางคนยังบ่นว่าเขาได้เงินไม่พอ เขาได้เงิน 10,000 เหรียญนั้นเป็นเงินค่าอาหารไก่เช่นนั้นหรือ? ผู้เผยแพร่ควรพอใจกับรายได้ที่ได้มาเพียงแค่นั้นซึ่งได้มาจากการที่เขาประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
ผู้เผยแพร่ที่แท้จริงได้รับความอุ่นใจและความสงบสุขจากพระเจ้าแต่ผู้เผยแพร่นอกรีตผู้ไม่มีความสงบจะขอค่าชดเชย ผู้เผยแพร่แต่จะท่านจริงๆแล้วจะเคารพบูชาวัวทองคำ
คริสตจักรของพระเจ้าในบางครั้งจะถูกเรียกว่า ไซออน ไม่มีคริสตจักรใดที่จะสวยเท่าไซออน คริสตจักรของพระเจ้าเป็นสถานที่ ที่ประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
อิสยาห์ 1:21 กล่าวว่า “เมืองที่ซื่อสัตย์ กลายเป็นแพศยาเสียแล้วหนอ คือเธอที่เคยเปี่ยมด้วยความยุติธรรม ความชอบธรรมเคยพำนักอยู่ในเธอ แต่เดี๋ยวนี้ผู้กระทำฆาตกรรมพำนักอยู่” อิสยาห์บรรยายคริสตจักรของพระเจ้าว่า “เธอที่เคยเปี่ยมด้วยความยุติธรรม”
พระเจ้าทรงผู้เที่ยงธรรมและยุติธรรม เพราะเราไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเราเป็นเชื้อสายของอดัมและเกิดมาเพื่อทำความผิดบาป พระเยซูจึงเสด็จมายังโลกนี้เพื่อชำระล้างความผิดบาปของเราด้วยน้ำและพระวิญญาณ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเที่ยงธรรมเช่นไร
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาฉบับเก่า เมื่อประชาชนรู้ว่าเขารู้สึกไม่เพียงพอก็จะมาหาพระเจ้าและถวายเครื่องบูชา “ข้าพระองค์ได้ทำความผิดด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ ข้าพระองค์มีความผิด” แล้วข้าจะได้รับการอภัยต่อความผิดบาปประจำปีเพียงครั้งเดียวในวันลบบาปเช่นกัน
คล้ายกันในพระคัมภีร์ภาคพันธ์สัญญาฉบับใหม่พระเยซู เสด็จมาโลกนี้และทรงรับบัพติสมาและถูกตรึงบนไม้กางเขนเพื่อชำระความผิดบาปของมนุษย์พียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด
แต่ในการชุมนุมกันในวันปีใหม่ หลายๆคนจะร่ำร้องและกลับใจว่า “พระองค์ข้าเจ้า ขอพระองค์ทรงอภัยต่อความผิดที่ข้าพระองค์ได้ทำเมื่อปีที่ผ่านมาด้วยเถิด และข้าพระองค์ทรงสรรเสริญข้าพระองค์ในปีใหม่นี้ด้วยเถิด” ผู้คนเหล่านั้นเป็นคนนอกรีต
แล้ว อะไรคือความเป็นจริงแห่งการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ? พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เมื่อประมาน 2,000 ที่แล้ว ทรงชำระล้างความผิดบาปตลอดไป พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปของโลกทั้งหมดด้วยน้ำและพระโลหิต แต่ถ้าเราขอการอภัยโทษทุกวัน พระองค์จะตรัสว่าเช่นไร?
“เมืองที่ซื่อสัตย์ กลายเป็นแพศยาเสียแล้วหนอ คือเธอที่เคยเปี่ยมด้วยความยุติธรรม ความชอบธรรมเคยพำนักอยู่ในเธอ แต่เดี๋ยวนี้ผู้กระทำฆาตกรรมพำนักอยู่” ผู้ใดก็ตามที่เรียกตัวเขาเองว่าคนบาปก็ย่อมเป็นคนนอกรีต
นักบวชนอกรีตประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ
พระเจ้าทรงรับฟังคำอธิษฐาน ของคนบาปทั้งหลายหรือไม่?
ไม่ พระองค์ทรงรับฟังคำอธิษฐานนั้นไม่ได้ เพราะความผิดบาปของเขาแยกออกจากพระเจ้า
พระเจ้าของเราทรงเรียกผู้ที่วางใจในพระองค์และขอการอภัยต่อผู้กระทำฆาตกรรม เพราะเขาขอการอภัยและพูดว่าเขาเป็นคนบาปด้วยเขาจะคาดหวังให้พระเยซูเสด็จกลับมาและสิ้นพระชนม์เพื่อความผิดบาปของเขาอีกเป็นครั้งที่สองหรือ? การรับบัพติสมาและไม้กางเขนของพระเจ้าเป็นความจริงแห่งการช่วยให้รอด
ในบทที่ 1 เปโตร 3:21 กล่าวว่า การรับบัพติสมาของพระองค์เป็นแบบจำลองของการช่วยให้รอดของเราพระเยซู คริสต์ ทรงสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดจากความผิดบาป พระองค์ทรงชำระล้างความผิดบาปของมนุษย์เพียงครั้งเดียวเพื่อทั้งหมดและทรงคืนพระชนม์ หลังจากนั้น 3 วัน บัดนี้พระองค์ทรงประทับอยู่ทางขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
พระเยซู คริสต์ ทรงรับบัพติสมาเพียงครั้งเดียว และทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปตลอดไป พระองค์ทรงรับบัพติสมาโดยยอห์น ผู้ให้บัพติสมาเมื่อเมื่อมีพระชนมายุ 30 พรรษา พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปทั้งหมดของโลก นั่นไม่ได้หมายความว่าการพิพากษาถูกมอบให้ตลอดเวลาใช่หรือไม่?
ถ้าคนนอกรีตกล่าวว่าเขายังเป็นคนบาป เขาก็กำลังขอให้พระองค์เสด็จมาเป็นครั้งที่สองและถูกตรึงบนไม้กางเขนอีก ในความเป็นจริง พระองค์จะต้องทำเช่นนี้ทุกครั้งที่เขาขอการอภัยต่อบาป
ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณในใจของเขาจะได้รับการช่วยให้รอดจากความผิดบาปตลอดไป การเป็นผู้ชอบธรรม ขึ้นสวรรค์เพื่อได้รับการสรรเสริญจากพระเจ้าและชีวิตนิรันดร์ ผู้ใดก็ตามที่พบผู้ชอบธรรมจะได้รับการช่วยให้รอดโดยน้ำและพระวิญญาณและจะกลายเป็นคนที่ได้รับการสรรเสริญจากพระเจ้าคนหนึ่ง ผู้ใดก็ตามที่ขอการช่วยให้รอดอันชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญ
ขอพวกเราจงอ่านบทอิสยาห์ 1:18-20 “มาเถิด ให้เราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดง ก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธและกบฏ เจ้าจะเป็นเหยื่อของคมดาบ เพราะว่าพระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว”
พระเจ้าทรงตรัสแก่เราว่าถ้าเราเชื่อฟังข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเราจะได้ทานของดีๆในแผ่นดิน แต่ถ้าเราปฏิเสธและไม่ยอมรับเราจะถูกสังหารโดยมีดดาบ
พระเจ้าของเราตรัสว่า “จงมาเดี๋ยวนี้ และขอพวกเรามาให้เหตุผลร่วมกัน ขอพวกเราจงพูด เจ้าไม่รู้จักพอหรือเปล่า? เจ้าเป็นผู้ชอบธรรมหรือเปล่า? เจ้ารักตัวเจ้าเองมากไปหรือเปล่า? เจ้าใช้ชีวิตตามพระบัญชาไม่ได้ใช่ไหม? เจ้าทำในสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ไม่ได้ใช่ไหม? เจ้ารู้แต่ทำไม่ได้ใช่ไหม? ถ้าเช่นนั้นจงมาหาเรา แม้ว่าความผิดบาปของท่านจะเป็นสีเลือดหมู มันก็จะเป็นสีขาวเหมือนหิมะ แม้ว่ามันจะเป็นสีแดงเข้ม มันก็จะเป็นเช่นขนสัตว์ ประโยคนี้มีความหมายว่าพระเจ้าทรงช่วยคนบาปอย่างเที่ยงธรรมและทำใหเขาชอบธรรม
ไม่มีความผิดบาปเมื่อพระเจ้าทรงสร้างอดัมและอีฟ แต่ซาตานจะมาในฉากทันที เขาล่อลวงไม่ไห้เขาเชื่อฟังพระเจ้าและทำให้มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปโดยการทำให้เขาทำบาป ซาตานเป็นสาเหตุของความผิดพลาดของมนุษย์ ในช่วงแรกๆอดัมและอีฟมิใช่ป็นคนบาปต่อพระพักตร์พระเจ้าเขาใช้ชีวิตกับพระเจ้าในสวนเอเดน แต่เขากลายเป็นคนบาป ดังนั้นตอนนี้พระเจ้าจึงทรงเรียกเราจงใช้เหตุผลร่วมกันขอพวกเราจงใช้เหตุผลร่วมกัน!
“เจ้าทำบาปมามากเพียงไรในโลกนี้? และเจ้าจะทำบาปอีกเท่าไรก่อนที่จ้าจะตาย”
“โอพระองค์เจ้าข้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำบาป เราจะยังไม่บริสุทธิ์ไม่ว่าเราจะพยายามอย่างหนักเพียงไร”
“อือม์ ถ้าเช่นนั้น เจ้าทำบาปมามากเท่าไร จนถึงทุกวันนี้?”
“อือม์ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จำได้ไม่หมดทุกสิ่ง แต่มีเพียงสองสามสิ่งที่ติดอยู่ในใจของข้าพระองค์ พระองค์ทรงจำตอนนั้นได้ไหม? พระองค์ทรงรู้ว่าข้าพระองค์กำลังพูดถึงอะไร.....และยังมีครั้งอื่นอีกพระองค์ทรงรู้.....
แล้วพระเจ้า ตรัสว่า “จงบอกเราอีก เจ้าคิดว่ามันหมดแล้วหรือ? แล้วรู้หรือไม่ว่านอกจากนี้มีอีกเท่าไร? แต่ความผิดบาปทั้งหมดที่เจ้าจำได้ความผิดบาปทั้งหมดที่เจ้าลืม และแม้แต่ความผิดบาปทั้งหมดที่เจ้าจะทำในอนาคต เราได้ชำระล้างมันทั้งหมดตลอดไปและมิได้แค่ของเจ้าเท่านั้น แต่ทั้งของบุตรของเจ้าและบุตรของเขา จบถึงความผิดบาปของลูกหลานของเจ้า เราเป็นพระเจ้าผู้ชอบธรรม เราชำระล้างความผิดบาปของเจ้าเพียงครั้งเดียวเพื่อทุกครั้ง”
พระเจ้าผู้ทรงชำระล้างความผิดบาปทั้งหมดของมนุษย์จากความผิดบาปของอาดัมจนถึงความผิดบาปของมนุษย์ในสุดท้ายของโลก คือ อาฟา และโอเมกา จุดเริ่มต้นและจุดจบ
“เราเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่”
“เราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าผู้ทรงกรุณา”
“ถ้าเราขอพระกรุณาของพระองค์และจริงใจต่อพระองค์ เราจะได้รับความสงสารจากพระบิดาของเราประสงค์จะสรรเสริญเราทุกคน”
พระองค์ประสงค์ให้เราทุกคนเป็นผู้ชอบธรรมพระองค์ประสงค์จะทำให้เราทุกคนเป็นบุตรที่ชอบธรรมของพระองค์ในความรักและความสงสารของพระองค์
พระเจ้าประสงค์ให้เราทำสิ่งใดหลังจากที่เราเกิดใหม่?
พระองค์ประสงค์ให้เราประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลก
พระองค์ทรงประสงค์ให้เราเป็นสีขาวดังหิมะ พระเยซูทรงชำระล้างความผิดบาปของมนุษย์เพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดโดยการรับบัพติสมาและพระโลหิตของพระองค์ ถ้า คริสตจักรไม่ได้แก้ปัญหาความผิดบาปและชีวิตเพื่อคนเชื่อทุกๆคน ก็เรียกว่าคริสตจักรที่แท้จริงของพระเจ้าไม่ได้
ประชาชนมาหานักบวชเพื่อถามว่า “เรามีบาป เราควรทำอย่างไรดี? เรารู้สึกเสียใจและกลับใจใหม่มาหลายครั้ง แต่ความผิดบาปของเราไม่ได้จากไปเราทำต่อไปอีกไม่ได้ เราไม่คิดว่าเราจะดำเนินชีวิตแห่งศาสนาของเราได้อีก” ถ้านักบวชให้คำตอบที่ถูกต้องแก่ปัญหาของเขาไม่ได้ เขาก็เป็นคนนอกรีต เขาอาจพูดว่า “มันขึ้นอยู่กับท่าน จงไปอธิฐานบนเขา จงพยายามอดอาหาร 40 วัน”
นักบวชนอกรีตหรือผู้นำทางศาสนาต่างเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ที่เขาไม่รู้จักข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเขาไม่รู้ว่าวิญญาณของเขาจะจบชีวิตในนรกหรือสวรรค์
ผู้นำเหล่านั้นไม่ถูกต้องต่อพระพักตร์พระเจ้าเขาเป็นคนจอมปลอมและคนนอกรีตเขาดูว่าเขาวางใจในพระเยซูจากภายนอก แต่ใจของเขายังเต็มไปด้วยบาป เขาไม่ได้ชำระล้างความผิดบาปของเขา เขาเผยแพร่ข่าวประเสริฐเรื่องน้ำและพระวิญญาณที่สามารถชำระล้างความผิดบาปทั้งหมดไม่ได้ ขอพวกเราจงอย่าถูกหลอกโดยเขาเหล่านั้น
ทิตัส 3:10-11 กล่าวถึงคนนอกรีตว่า “จงบอกคนชอบธรรมว่าเขาทั้งหลายจะเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับผลแห่งการกระทำของเขา วิบัติแก่คนอธรรม ความร้ายจะตกแก่เขา เพราะว่าสิ่งใดที่มือเขาได้กระทำ เขาจะถูกกระทำเช่นกัน” เพราะเขาวางใจในพระเยซูแต่ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ เขาตำหนิตัวเขาเองว่าเป็นคนบาปเขาไม่ใส่ใจและทิ้งข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณกล่าวว่าเขาเป็นคนบาปที่เป็นไม่ได้แต่ตกนรก
เขาเป็นคนนอกรีตในคริสตศาสนา ผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระเยซูและมีความผิดบาป ก็เป็นคนนอกรีต คนนอกรีตต่างจากพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เขาไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ผู้คนเหล่านั้นที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณจะได้รับการชำระล้างความผิดบาปของเขาทั้งหมด ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระเยซูแต่มีความผิดบาปอยู่ ก็เป็นคนนอกรีต เราต้องอยู่ให้ห่างจากผู้ที่พูดว่าเขาวางใจในพระเจ้าแต่ยังเป็นคนบาป
ขอพวกเราจงประกาศข่าวประเสริฐแก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับฟังข่าวประเสริฐนี้และผู้ที่ต้องการเชื่อแต่ทำไม่ได้เพราะเขาไม่รู้จักข่าวประเสริฐนี้ ขอพวกเราจงช่วยเขาให้เกิดใหม่ ขอพวกเราปฏิเสธผู้อยู่ห่างจากข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
เราต้องเผยแพร่ข่าวประเสริฐเรื่องการเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณไปทั่วโลก อาเมน!