Search

Bài giảng

เรื่องที่ 9: โรม (ข้อคิดเกี่ยวกับหนังสือของโรม)

[บทที่ 10-1] บทนำสู่บทที่ 10

มีผู้ที่ไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณในขณะที่กำลังทำตามความชอบ
ธรรมของเขาเองอยู่หรือไม่? พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นผู้ต่อต้านพระเจ้าโดยการ
ไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าและทำตามความชอบธรรมของเขาเองแทนคนเหล่านี้จะทำอะไร?
พระเจ้าทรงวางแผนที่จะประทานการช่วยให้รอดของพระองค์แก่มนุษย์ทุกคนและประ
ทานพระเยซูคริสต์มาโดยสาวชาวอิสราเอลหรือซึ่งหมายถึงความชอบธรรมของพระเจ้า? แน่นอน พระองค์ทรงทำเช่นนั้น!พระเยซูทรงต้องการช่วยคนบาปทุกคนให้รอดพ้นจากความผิดบาปของ
เขาหรือหล่อนอย่างแท้จริง พระองค์จึงเสด็จมายังโลกนี้ ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน และทรงฟื้นคืน พระชนม์จากความตาย อีกประการหนึ่งพระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยทุกคนที่วางใจในพระองค์
พระเจ้าพระบิดาทรงประทานพระเยซูคริสต์ให้แก่ชาวอิสราเอลเพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากความผิดบาปและชาวอิสราเอลอิสราเอลยังไม่ยอมรับพระเยซูความชอบธรรมของพระเจ้าพวกเขายอมทำตามความชอบธรรมของเขาแทนเขาจึงยังไม่ยอมรับพระองค์ให้ทรงเป็นพระผู้ทรง
โปรดของชนชาติของเขาและพระผู้ช่วยให้รอดของวิญญาณของเขา
เปาโลกล่าวว่า มีผู้ที่พระเจ้าประทานมาและจะได้ยินข่าวประเสริฐที่สวยงามจากพวกเขา เหล่านั้นข่าวประเสริฐที่ได้ยินจากผู้รับใช้ของพระเจ้าคือข่าวประเสริฐที่มีความชอบธรรมของพระเจ้าท่านจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้  เพราะการได้ยินข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนี้ซึ่งประ
กาศโดยผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้ที่รู้และเชื่อในความชอบธรรมนี้ท่านจะเชื่อได้ว่าพระเจ้าประทานการอภัยต่อบาปและความชอบธรรมให้แก่ท่าน
ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเป็นข่าวอันสวยงามและประเสริฐที่สุดในโลกที่ช่วยคนบาปให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเขาแล้วจะเติมดวงวิญญาณของผู้คนให้เต็มเพราะข่าวประ
เสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้คืออาหารที่แท้จริงของจิตวิญญาณ
ในข่าวประเสริฐเรื่องการไถ่บาปอันสวยงามที่พระเจ้าทรงจัดให้คือฤทธาที่ทรงอภัยต่อ
ความผิดบาปของทุกคนข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณมีอำนาจแห่งการสรรเสริญที่ให้
ความสงบสุขแห่งใจของเราโดยการอภัยต่อบาปของเรา
ชาวอิสราเอลวุ่นวายอยู่กับการทำความชอบธรรมของตัวเองมุ่งตามบัญญัติของพระเจ้า
เพราะพวกเขาคิดว่าความชอบธรรมของเขาเองมีอยู่มากมายเพราะการเชื่อฟังพระบัญญัติของพวก
เขาพวกเขาไม่ยอมรับพระเยซูให้เป็นเช่นผู้ช่วยให้รอดของเขาพวกเขารู้สึกกระตือรือร้นมากใน
การทำตามงานแห่งพระบัญญัติที่พวกเขาทนรับความชอบะรรมของพระเจ้าไม่ได้พวกเขาพลาดที่จะได้รับพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขาแม้จนบัดนี้และพยายามจะทำตามความชอบธรรมของเขาเอง
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าชาวอิสราเอลต่อต้านความชอบธรรมของพระเจ้าเพื่อสร้าง
ความชอบธรรมของเขาเองหรือ?คำพูดของชาวอิสราเอลถูกครอบงำไว้ด้วยพระบัญญัติเปาโลได้ตำหนิความเชื่อของเขาโดยกล่าวว่า“เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติเพท่อให้
ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม” (โรม 10:4)
ความเชื่อตามระเบียบกฎหมายที่ชักนำความชอบธรรมของผู้ใดผู้หนึ่งไม่ใช่เป็นความเชื่อที่ถูกต้องต่อพระพักตร์พระเจ้าขณะที่ชาวอิสราเอลหมกมุ่นอยู่กับการทำตามพระบัญญัติแห่งพระ
คริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมพวกเขาจึงพลาดที่จะได้รับรู้ว่าพระเยซูทรงเป็นความชอบ
ธรรมของพระเจ้า เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา และกลับต่อต้านพระองค์ ในความตั้งใจจะอวด อ้างว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับเลือก เป็นผู้ที่ได้รับพระวจนะของพระเจ้าและต้องทำตามสิ่งนั้น ชาว อิสราเอลจึงจบชีวิตดังเช่นชนชาติที่ต่อต้านความชอบธรรมของพระเจ้า
 
 

ท่านถูกครอบงำด้วยการสร้างความชอบธรรมของตัวเองหรือไม่?

 
ปัญหาในการตั้งใจทำตามพระบัญญัติของชาวอิสราเอลก็คือความในหลงไหลของพวกเขาอยู่ในการสร้างความชอบธรรมของเขาเองโดยไม่สนใจความชอบธรรมของพระเจ้าที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างให้โดยสิ้นเชิง
ผลของความเชื่อตามกฎระเบียบของชาวอิสราเอลก็คือพวกเขาต่อต้านความชอบธรรมของพระเจ้าจนถึงที่สุดดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าผลลัพธ์ครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายที่เรียกคืนไม่ได้มากมายเพียงใด การทำตามแห่งพระบัญญัติของเขานำมาซึ่งผลดีหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ใดบ้าง? ความหลงไหลในการทำตามพระวจนะของพระเจ้าของพวกเขาจบลงด้วยอุปสรรคในการรู้และ
เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า อีกครั้งหนึ่ง เราต้องรู้ว่า “ความตั้งใจ” ของผู้ที่ไม่มีความเชื่อใน พระบัญญัติที่ถูกต้องจะนำพวกเขาไปสู่การต่อต้านความชอบธรรมของพระเจ้าในที่สุด
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราไว้อย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงเป็นจุดสุดท้ายของพระบัญญัติแห่งความชอบธรรมสำหรับทุกคนที่เชื่อพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงกระทำตามความชอบธรรมของพระ
เจ้าโดยการรับเอาความผิดบาปของโลกทั้งหมดไว้ด้วยการรับบัพติสมาของพระองค์และทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนทั้งหมดนี้เพื่อชำระล้างความผิดบาปของชาวอิสราเอลและชาวคริสต์ดัง
เช่นข่าวประเาริฐของน้ำและพระวิญญาณที่บรรจุความชอบธรรมของพระเจ้าไม่ใช่พระบัญญัติ ได้กลายเป็นโอเอซิสในทะเลทรายสำหรับคนบาปทุกคนนี่คือข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญ
ญาณที่ขจัดความผิดบาปของเราและจักหาบทลงโทษที่แท้จริงให้แก่เราแต้ด้วยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณแล้วคนบาปของโลกทุกคนจะพบบทลงโทษที่แท้จริงในจิตใจของเขาได้อย่างไรอีกเล่า?
ในบทโรมเปาโลบอกเราว่าการสร้างความชอบธรรมของผู้นั้นเองโดยไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้านั้นเป็นความผิดบาปอันใหญ่หลวงคำสอนประเภทใดที่จะเป็นคำสอนอันสวย
งามสำหรับเราชาวคริสต์? นั่นคือ คำสอน ซึ่งสอนเราว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับเอาความ ผิดบาปของโลกทั้งหมดไว้ด้วยการรับบัพติสมาของพระองค์
คำสอนนี้คือคำสอนที่บันทึกไว้ใน มัทธิว 3:13-17, ซึ่งเป็นพยานว่าพระเยซูทรงรับเอา ความผิดบาปของโลกไว้ “แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อจะ รับบัพติสมาจากท่านแต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า‘บัดนี้จงยอมเถิดเพราะสมควรแล้วที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วยอห์นก็ยอม ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติสมาแล้ว ใน ทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็น พระวิญญาณของ พระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์ และนี่แน่ะ มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเราเราชอบใจท่านมาก’” นี่คือการที่พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของ โลกไว้ที่พระองค์เองด้วยการรับบัพติสมาโดยยอห์น
เปาโลได้ตำหนิผู้ที่ทำตามกฎระเบียบที่ไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระจ้า ว่า “ผู้ใดจะ ได้ขึ้นสู่สวรรค์? (นั่นคือการนำพระคริสต์เสด็จลงมาจากเบื้องบน)” เพื่อให้เห็นความแตกต่าง คำถามนี้ถามว่า“ผู้ใดจะได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเขาหรือเธอด้วยการทำตามกฎบัญญัติเท่านั้นหรือ?”วัตถุประสงค์ของคำถามของเปาโลคือเน้นการทำตามพระบัญญัติจะไม่นำมาซึ่งการช่วยให้รอดจากความผิดบาปเขากำลังบอกเราว่าไม่มีสิ่งใดที่เราจะทำได้เพื่อขจัดตัวเราเองให้พ้นจากความผิดบาป
เปาโลมักจะกล่าวถึงความชอบธรรมของพระเจ้าในจดหมายของท่านคำตอบของเปาโลต่อความเชื่อที่แท้จริงพบได้ในโรม 10:10 ซึ่งกล่าวว่า “ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบ ธรรมและการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด”คำสอนที่เผยแพร่โดยเปาโล
คือคำสอนที่สอนเราว่าเราจะได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าได้โดยการเชื่อในการรับบัพติสมาของพระผู้เป็นเจ้าและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนซึ่งเปิดเผยความชอบธรรมของพระเจ้า เราต้องเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานคำสอนเรื่องน้ำและพระวิญญาณให้แก่เราและพระองค์
ทรงยอมรับผู้ที่เชื่อในคำสอนนี้ซึ่งเป้นความสงบแห่งจิตใจที่แท้จริง
 
 

ความเชื่อที่แท้จริงมาจากการได้ยินพระวจนะของพระเจ้า
 

เปาโลบอกอะไรเกี่ยวกับความเชื่อที่แท้จริงแก่เรา? โรม 10:17 กล่าวว่า “ขณะนั้น ความ เชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้เพราะการประกาศพระคริสต์” อีกนัย หนึ่งความเชื่อเกิดขึ้นได้เมื่อเราได้ยินคำสอนที่ผู้รับใช้ของพระองค์เผยแพร่ด้วยพระวจนะของพระองค์ซึ่งพระเจ้าทรงประกาศผ่านเขาเหล่านั้น
ความเชื่อมั่นแห่งความเชื่อที่แท้จริงเกิดขึ้นได้เพราะการได้ยินการประกาศพระคริสต์และ
เพื่อเป็นชนชาติแห่งความเชื่อที่แท้จริง เราต้องได้ยินและเชื่อในการประกาศของพระองค์ เพียง เพราะการได้ยินการประกาศของพระคริสต์ เราจะได้มีความเชื่อที่แท้จริง และเพียงเพราะสิ่งนี้ ความเชื่อของเราจะเติบโตขึ้นนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดพระเจ้าจึงประทานผู้รับใช้ของพระองค์ให้มา
เผยแพร่ความชอบธรรมของพระองค์ให้แก่เรา
เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ชาติ เราจะได้รับการชำระบาปการหลุดพ้นจากความผิดบาปจะเป็นไปได้เพียงเพราะการเชื่อในความ
ชอบธรรมของพระ เจ้า ซึ่งเราจะพบความสงบแห่งจิตใจเราได้ด้วยความชอบธรรมนี้
ไม่มีผู้ใดบอกเราว่าความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าของเราจะขจัดน้ำตาของเราและปลดปล่อยเราให้พ้นจากความเจ็บปวดและความลำบากของเรา? มีแล้วแน่นอน เพราะการเชื่อในความ ชอบธรรมของข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้ความลำบากของเราก็
จะถูกชำระไปข่าวประเสริฐน้ำและพระวิญญาณคือข่าวอันสวยงามที่สุดในโลกและการกระทำ
ตามความชอบธรรมของพระเจ้า
พระเจ้าประทานพระผู้เป็นเจ้าของเราผู้กระทำตามความชอบธรรมของพระองค์ให้แก่ชาวอิสราเอล แต่กลับทำตามความชอบธรรมของเขาเอง เขาจึงปฏิเสธที่จะหันไปหาพระองค์ ดังนั้น พระเจ้าจึงทรงทำอะไร?เพื่อแหย่ให้ชาวอิสราเอลอิจฉาพระเจ้าจึงประทานข่าวประเสริฐที่บรรจุ
ความชอบธรรมของพระองค์ให้แก่ชาวคริสต์เพื่อให้เชื่อแล้วพระเจ้าทรงเปิดโอกาสให้ชาวคริสต์
เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณหรือ?อันที่จริงแล้วพระองค์ประทานโอกาสให้พวก
เขาเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณแม้ว่าเขาจะไม่เห็นพระองค์หรือไม่ขานพระนาม
ของพระองค์และเคารพพระองค์น้อยกว่าชาวอิสราเอลมาก
นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดชาวคริสต์จึงกลายเป็นบุตรของพระเจ้าได้เพราะการเชื่อในข่าวอัน
สวยงามแห่งการบรรลุความชอบธรรมของพระองค์นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดพระคัมภีร์ไบเบิลจึงบอก
เราว่าความชอบธรรมของพระเจ้าจึงเป็นที่เคารพและเป็นที่สรรเสริญภายนอกอิสราเอล
มีคนกี่คนที่ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอที่ประทานข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณอันดำเนินความชอบธรรมของพระเจ้าให้แก่เราทุกคน?พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับเอาความผิด
บาปของโลกทั้งหมดไว้ด้วยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณยังมีชาวคริสต์หลายคนที่ไม่เชื่อในความจริงนี้ แล้วเรามีความชอบธรรมในตัวเราซึ่งเราจัดไว้ได้ต่อพระพักตร์พระเจ้าหรือไม่? ไม่มี! เหตุใดเราจึงไม่เชื่อ? เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรคือข่าวประเสริฐที่ดำเนินตามความชอบธรรมของ พระเจ้า? แต่การรู้จักข่าวประเสริฐนี้ง่ายมาก
เราเป็นชนชาติที่กระทำตามความชอบธรรมของเราเองเช่นกัน ดังเช่นชาวอิสราเอล แต่ พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเราโดยการประทานข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณอันสวยงามให้แก่เราเราจึงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญ ญาณให้แก่เรา การกระทำตามความชอบธรรมของพระเจ้าให้แก่เราได้เชื่อ
 

จงอย่าพูดว่า “ผู้ใดบ้างที่จะได้ขึ้นสวรรค์?”
 
วรรคที่ 6 กล่าวว่า “แต่ความชอบธรรมที่มีความเชื่อเป็นมูลฐานว่าอย่างนี้ว่า ‘อย่านึกในใจ ของตัวว่าใครจะขึ้นไปบนสวรรค์’(คือจะเชิญพระคริสต์ลงมา)”ทั้งการชำระบาปของเราและการ
รับใช้ข่าวประเสริฐแห่งความจริงของเราถูกทำให้เป็นจริงได้โดยความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณของเราไม่ใช่เพราะงานของเรามันไม่ใช่เพื่อความเชื่อในความจริงของเราที่กระทำตามความชอบธรรมของพระเจ้าเราจะไม่ทำสิ่งใดแต่คนบาปที่เป็นเช่นผู้ชอบทำตามกฎระเบียบตามความชอบธรรมของเขาเองเท่านั้นที่รบกวนพระเจ้า
เพียงเพราะการช่วยให้รอดของเราเกิดขึ้นได้เพราะการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า เรายังใช้ชีวิตอยู่ได้เพื่อพระผู้เป็นเจ้าของเราและความแข็งแกร่งเพื่อให้เราดำเนินชีวิตไปได้นั้นเกิดจากความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าของเราเพราะความรู้แห่งความชอบธรรมนี้ของเราเกิดขึ้นจากความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณของเรา
ยังมีความจริงอื่นใดนอกเหนือจากความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าหรือไม่สำหรับผู้ที่ได้รับการไถ่บาป? ไม่มีเลย! หัวใจของคริสต์ศาสนาคือ ความเชื่อและความชอบธรรมของ พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับความเชื่อของชาวคริสต์ผู้ที่บริสุทธิ์จะใช้ชีวิตอยู่ได้และเผยแพร่
ข่าวประเสริฐด้วยความเชื่อในความชอบธรรมนี้ของเขาผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าจะ
เผชิญกับปัญหาต่างๆหรือไม่? เขาเผชิญอยู่ แต่ด้วยความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าพวก เขาจึงเอาชนะปัญหาทั้งหมด ได้เพราะเขาเชื่อและวางใจว่า พระเจ้าจะทรงดูแลปัญหาของเขา ความเชื่อแต่ละความเชื่อมีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า
ความเชื่ออื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับความชอบธรรมของพระเจ้ามีอะไรบ้าง?สิ่งเหล่านั้นเป็นความ
เชื่อที่ผิดหรือไม่ ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนการกระทำของมนุษย์? ผิดจริงๆ ความเชื่อของผู้ที่วางใจใน พระเยซูโดยที่ไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้านั้นไม่ใช่ความเชื่อที่แท้จริง
ท่านและผมจะได้รับการไถ่ถอนจากความผิดบาปหรือไม่ถ้าไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้ามาก่อน?เราจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความเชื่อในพระเจ้าของเราโดยไม่มีความเชื่อในความชอบ
ธรรมของพระองค์หรือไม่? ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ความแข็งแกร่งของผู้ชอบธรรมที่รับใช้พระผู้
เป็นเจ้ามาจากอำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มอบให้พวกเขาเป็นรางวัลสำหรับความเชื่อใน
ความชอบธรรมของพระเจ้าแล้วท่านจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยเพราะความแข็งแรงของท่าน
เองหรือการครอบครองโลกของท่านหรือไม่?ท่านจะพบความสงบแห่งจิตใจได้ด้วยสิ่งเหล่านี้หรือไม่?
เราจะรับใช้คำสอนในความสงบได้ด้วยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าผู้รับใช้ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณย่อมเชื่อใน ความกล้าหาญ,ความแข็งแรงและความสงบ ผู้ชอบ ธรรมที่ไม่รับใช้ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่กระทำตามความชอบธรรมของพระเจ้าจะไม่มีทั้งความสงบและความกล้าหาญ จิตใจของผู้ชอบธรรมต้องการความสงบหรือไม่? เขาต้อง การความสงบไม่ใช่เพียงเพื่อประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นแต่เพื่อใช้ชีวิต
ของเขาเพื่อในขอบเขตด้วย
จิตใจของท่านอยู่ในความสงบหรือไม่? ถ้าท่านอยู่เพื่อใช้ชีวิตเพียงเพื่อตัวท่านเอง จะไม่มี เหตุผลใดที่ความสงบจะเติบโตขึ้นในจิตใจของท่านเหตุใดท่านจึงต้องการความสงบหรือความเชื่อใดๆอีกเมื่อท่านต้องการพบความต้องการแห่งเนื้อหนังเพื่อใช้ชีวิตในเนื้อหนังเท่านั้น?   แต่ถ้าท่าน
อยู่เพื่อรับใช้พระเจ้าความสงบในใจของท่านก็ต้องการเจริญเติบโตเช่นกันเพื่อรับใช้คำสอนที่ดำ
เนินตามความชอบธรรมของพระเจ้า ความเชื่อและความสงบของท่านต้องเติบโตและจะเติบโตขึ้น
ผู้ที่เชื่อในคำสอนแห่งความชอบธรรมของพระเจ้าต้องรับผิดชอบในการเผยแพร่ความสงบของพวกเขาไปทั่วโลกเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของธุระส่วนตัวเท่านั้นแต่เป็นเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องเผยแพร่ความสงบแห่งจิตใจที่พระเยซูคริสต์ประทานให้ เราจำเป็นต้องประกาศข่าวประเสริฐ แห่งความชอบธรรมของพระเจ้าไปทั่วโลกความสงบของพระเจ้ายังเป็นที่ต้องการสำหรับผู้อื่นเท่าๆกับสำหรับเราเราต้องการสิ่งต่างๆจากพระเจ้ามากขึ้นในการพยายามที่จะเผยแพร่ความสงบนี้ไปสู่ผู้อื่นเมื่อเราใช้ชีวิตเพื่อเผยแพร่ความชอบธรรมของพระเจ้าความสงบแห่งจิตใจของเราจะเติบโตขึ้นเท่านั้น และเราจะพบจุดหมายแห่งชีวิตของเราที่มีค่าและชัดเจน
ถ้าท่านต้องการเรียนรู้ความสงบที่แท้จริงที่พระเจ้าประทานให้ทานจำเป็นต้องรู้และเชื่อในคำสอนที่ดำเนินตามความชอบธรรมของพระองค์ท่านจำเป็นต้องมีประสบการณ์เพื่อความสงบ
แห่งจิตใจของตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ท่าน
ท่านได้รับใช้พระผู้เป็นเจ้าเป็นอย่างดีมาเป็นเวลานานแล้วแต่ท่านต้องรับใช้พระองค์ต่อไปจนท่านถูกเรียกไปสู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพื่อว่าผู้อื่นจะได้แบ่งปันความสงบของท่าน เมื่อ ท่านไปถึงความสงบด้วยความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าของท่านผู้เชื่อที่กำลังเดินตาม
รอยเท้าของท่านเพื่อชำระบาปจะได้ใช้ชีวิตเพื่อความสงบของผู้อื่นเช่นกัน
ผู้คนเหล่านั้นที่ยังอยู่ในความเชื่อของเขาเป็นผู้ที่กำลังฝึกหัดในขอบเขตของความเชื่อและ
ถูกจำกัดอยู่ในความสามารถที่จะเข้าใจของเขา
แต่เมื่อเราใช้ชีวิตเพราะความเชื่อของเรา ผู้ที่อยู่ข้างหลังเราจะมาเพื่อเข้าใจว่า พวกเขาใช้ ชีวิตที่ได้รับการชำระแล้วอยู่ในความสงบได้อย่างไรในที่สุดซึ่งอาจจะใช้เวลาบางส่วนในการเดินตามรอยเท้าแห่งความเชื่อของเรา
ท่านพบว่ามันเป็นเรื่องยากหรือไม่ที่จะสอนผู้ที่กำลังเดินตามการนำทางของท่านให้ใช้ชีวิตด้วยความเชื่อได้อย่างไร? ชีวิตแห่งการสอนแต่ละชีวิตไม่ได้ไปถึงตลอดคืน อาจจะใช้เวลายาว นานมากก่อนที่ท่านจะนำทางพวกเขาไปสู่ความเชื่อประเภทที่ต้องการเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบแต่ในขณะนั้นผู้ที่ได้รับการไถ่ถอนเพราะการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าจะเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต
อย่างสงบเช่นเดียวกับผู้คนแห่งความเชื่อได้ในที่สุด ดังเช่นผู้ที่เชื่อในยุคต้นๆที่รับใช้พระเจ้า ที่พบ ความสงบแห่งจิตใจของเขาจากพระองค์ โดยการเรียนรู้จากพวกเราที่อยู่ด้านหน้า
ท่านและผมต้องใช้ชีวิตทั้งหมดด้วยความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าผู้ชอบธรรม
ต้องใช้ชีวิตด้วยความเชื่อของเขาในพระวจนะทั้งชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตต้องถูกกำหนดไว้ด้วยความเชื่อ พระคัมภีร์ไบเบิลถามเราว่า “และพวกเขาจะได้ยินได้อย่างไร ถ้าปราศจากผู้เผย แพร่?” เพราะเราเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า เราต้องเผยแพร่ความชอบ ธรรมให้แก่โลก ด้วยความเชื่อ เราจะได้พบความท้าทายทั้งหมดที่เราจะได้เผชิญขณะที่เผยแพร่ข่าวประเสริฐ
ชีวิตของผู้ชอบธรรมที่ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยความเชื่อเป็นชีวิตที่สูญเสียความสงบแห่งจิตใจ
ของเขา การเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าช่วยให้ทุกคนได้รับความสงบแห่งจิตใจของเขา เมื่อเราเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์เราจะได้รับความสงบสุข
ของเรา
ท่านต้องยืนอยู่ในความสงบและเชื่ออย่างมั่นคงในความชอบธรรมของพระเจ้าท่านต้อง
สรรเสริญพระเจ้าด้วยเช่นกันเพื่อให้พระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้ท่านใช้ชีวิตอยู่ด้วยการหลุดพ้นแห่ง
ความชอบธรรมของพระองค์และความสงบบางทีท่านอาจจะใช้ชีวิตของท่านด้วยการประกาศข่าวประเสริฐด้วยความวางใจในพระเจ้า ซึ่งท่านได้รับความสงบจากพระองค์
เราเรียนรู้ได้จากบทโรมว่าความชอบธรรมของพระเจ้าสมบูรณ์แบบเพียงไร?โรมอธิบาย
โดยละเอียดว่าความชอบธรรมของพระเจ้าหมายถึงอะไรความชอบธรรมของพระเจ้าที่เรากล่าวถึงไม่ใช่ความชอบธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นแต่เป็นของพระเจ้าของพระองค์เพียงพระองค์เดียว
ความชอบธรรมของพระเจ้านั้นสมบูรณ์แบบและมากเพียงพอที่จะช่วยเราให้รอดพ้นจาก
ความผิดบาปของเราจากการรับเอาความผิดบาปของโลกทั้งหมดไว้โดยการรับบัพติสมาของพระ
องค์ พระเยซูทรงดูแลสิ่งนั้นไว้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ที่ว่าเราวางใจในพระเยซูคริสต์ได้นั้น เนื่อง จากความจริงที่ว่าความชอบธรรมของพระเจ้านั้นสมบูรณ์แบบเพราะความชอบธรรมของพระเจ้านี้ช่วยให้เรารอดพ้นจากความผิดบาปของเราทั้งหมดจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเราอย่างมากที่ต้อง
เชื่อในคำสอนที่ดำเนินตามความชอบธรรมของพระองค์
เพราะการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า เราจึงใช้ชีวิตได้จากการชื่นชม การขอบคุณ และการสรรเสริญความชอบธรรมนั้นผู้คนสามารถอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าได้เพียงเพราะการเชื่อในความชอบธรรมของพระองค์ จิตใจของเราจึงได้รับการชำระล้าง เราจึงสรรเสริญพระ เจ้าได้ และใช้ชีวิตของเราเพื่อพระสิริของพระองค์ได้
ความชอบธรรมของพระเจ้ายังไม่สมบูรณ์แบบเราก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากความผิด
บาปของเรา แม้ว่าความผิดบาปดั้งเดิมขิงเราจะได้รับการอภัยเพราะการวางใจในพระเยซู ความผิด บาปที่ก่อขึ้นทุกวันของเราเองหลังจากนั้นก็จะต้องการการอธิษฐานกลับใจใหม่ของวันนั้น
แต่หลังจากที่เราได้รับการไถ่บาปเพราะเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งเปิดเผยไว้ในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณแล้วเราจะรู้ได้ว่าความชอบธรรมของพระเจ้านี้สมบูรณ์แบบ นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดผมจึงมาเพื่อขอขอบคุณอย่างที่สุดสำหรับความจริงที่ว่าความชอบธรรมของพระเจ้านั้นน่าเชื่อถือและสมบูรณ์แบบตราบจนนิรันดร์เพราะความชอบธรรมของพระเจ้าได้ทำให้เราหลุดพ้นจากความผิดบาปอันเป็นไปได้ทั้งปวงที่เราจะก่อขึ้นในชีวิตของเราเราจะได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาปเพราะการเชื่อในความชอบธรรมของพระองค์
ผู้ที่ไม่เปรียบเทียบความชอบธรรมของพระเจ้ากับความสกปรกของมนุษย์จะไม่เชื่อใน
ความชอบธรรมของพระองค์ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าความชอบธรรมนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร แม้แต่บุค คลที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็เปรียบไม่ได้กับสิ่งใดและนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเราจึงเชื่อในความชอบ
ธรรมของพระองค์และยินดีที่จะอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เรากลายเป็นผู้สรรเสริญพระเจ้าโดยการเชื่อและสถิตอยู่ในความชอบธรรมของพระองค์
เราต้องมีความเข้าใจในความชอบธรรมของพระเจ้าที่ถูกต้องในใจของเรา นั่นคือ เราต้อง รู้ว่าความชอบธรรมของพระเจ้าช่วยให้เราหลุดพ้นจากความผิดบาปของเราโดยสมบูรณ์แบบทั้ง
ปวงเราจะไม่ทำความผิดบาปอีกตลอดชีวิตของเราใช่หรือไม่?แล้วพระเจ้าจะทรงรับเอาการกระทำอันชอบธรรมที่ทำให้เราหลุดพ้นจากความผิดบาปอันนับไม่ถ้วนได้อย่างไร?พระองค์กระทำสำเร็จโดยเสด็จมายังโลกนี้ในลักษณะของเนื้อหนังของเราทรงรับเอาความผิดบาปของเราทั้งหมดด้วย
การรับบัพติสมาโดยยอห์น ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย – โดยการกระทำตามความชอบธรรมของพระเจ้าในเวลาอันสั้น
ทุกๆคนไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าแข็งแรงหรือว่าอ่อนแอ ก็ทำความ ผิดบาปกันแล้วใครจะช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปของโลกทั้งหมดนี้? นั่นคือ พระเยซู คริสต์ผู้ทรงช่วยให้เราหลุดพ้นจากความผิดบาปของเราทั้งหมดโดยการกระทำตามความชอบ
ธรรมของพระเจ้าที่ว่าพระเจ้าประทานพระเยซูมาเพื่อทรงรับเอาความผิดบาปของเราทั้งหมดและ
เพื่อขจัดความผิดบาปเหล่านั้นโดยสมบูรณ์นั้นคือความชอบธรรมของพระเจ้าที่แท้จริง
ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากความชอบธรรมของพระเจ้าที่ช่วยเราให้รอดพ้นจากความ
ผิดบาปของเราทั้งหมดอย่างแน่นอนความชอบธรรมของพระเจ้าทำให้เราหลุดพ้นจากความผิด
บาปขอโลกทั้งหมดเพียงครั้งเดียวความชอบธรรมของพระองค์ไม่ได้สมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิงและอย่างที่สุดเช่นนั้นหรือ? เราเรียกความรักที่พระเจ้าประทานให้ว่าความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่ง จะไม่ดำรงอยู่เพียงเพื่อชีวิตเราเท่านั้นแต่จนชั่วนิรันดร์ดังที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติสมากล่าวไว้เมื่อเขาได้เห็นพระเยซูในวันหลังจากที่เขาให้พระองค์รับบัพติสมา“จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรง
รับความผิดบาปของโลกไปเสีย!”ดังเช่นที่พระเยซูทรงตรัสแก่ยอห์นเมื่อเขาปฏิเสธที่จะให้พระ
องค์ทรงรับบัพติสมาในครั้งแรก “บัดนี้ จงยอมเถิดเพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระท ตามสิ่ง ชอบธรรมทุกประการ” (มัทธิว 3:15) ข้อความนี้หมายความว่าอะไร? หมายความว่าไม่มีอะไรน้อย ไปกว่าความจริงที่ว่าการรับบัพติสมาและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูคือความ
ชอบธรรมของพระเจ้าที่แท้จริงความชอบธรรมของพระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเราเมื่อเราอ่อนแอและมาจากพระสิริของพระองค์
พวกเราสรรเสริญพระเจ้าได้และขอบคุณพระองค์สำหรับความรักอันใหญ่หลวงที่ช่วยเรา
ให้รอดและอนุญาตให้เราอยู่ในความชอบธรรมของพระองค์ผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระ
เจ้ามาเพื่อใช้ชีวิตเพื่อความชอบธรรมของพระองค์ในช่วงที่เหลือของชีวิตของเขาซึ่งจะดีกว่ามากสำหรับเราให้วางใจในพระเจ้ามากกว่ามนุษย์หรือโลกชีวิตอันสวยงามคือชีวิตที่เผยแพร่ข่าวประ
เสริฐแห่งการหลุดพ้นจากความผิดบาปอันสมบูรณ์นี้นี่คือเหตุผลที่เราจึงต้องรู้และเชื่อในความ
ชอบธรรมของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง
ผู้ที่ได้รับการอภัยต่อบาปจะพูดได้ว่า“พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของฉันทั้งหมดไว้
โดยการรับบัพติสมาโดยยอห์น!และพระองค์ทรงถูกพิพากษาแทนฉันเพื่อความผิดบาปของโลก
ทั้งหมด!” เมื่อเราเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า เราจะขอบคุณพระองค์ได้เพื่อการสรรเสริญ
เมื่อท่านพลาดเพราะความอ่อนแอของท่าน ตกอยู่ในความผิดบาปเพราะเนื้อหนัง หรือ เมื่อท่านท้อแท้และอึดอัดเพราะความผิดบาปของท่านจงมองไปยังความชอบธรรมของพระเจ้าที่ทำไว้เพื่อท่านทั้งหมดความชอบธรรมของพระเจ้าไม่ได้ทำให้เราชอบธรรมหรือ?พระเยซูไม่ได้
ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้โดยสมบูรณ์จากการรับบัพติสมาของพระองค์หรือ? การไถ่ บาปของพระองค์ไม่ได้ช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเราทั้งหมดรวมทั้งความผิดบาปที่
เราจะทำกันในอนาคตอีกหรือ?
เพียงเมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงช่วยเราให้รอดโดยสมบูรณ์และทั้งหมดเราจึงเชื่อใน
ความชอบธรรมของพระเจ้าเพียงเราเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าเราก็บริสุทธิ์ผู้ที่เชื่อใน
ความชอบธรรมของพระเจ้าจะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับความชอบธรรมของพระองค์ความสม
บูรณ์แบบของความชอบธรรมของพระเจ้าก็สมบูรณ์ ผู้ที่ทำความชอบธรรมของเขาเอง ขณะที่การ ไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้าเป็นเพียงคนโง่ทั้งอยู่บนการทำลายล้างของเขาเท่านั้น เพื่อรับเอาคำสาปแช่งโดยพระเจ้า
  
จงพิจารณาคำพูดของเปาโลที่ว่า “พวกเขามีความบ้าคลั่งต่อพระเจ้าแต่ไม่ได้ตามความรู้”
 
พวกเราจะใช้ชีวิตแห่งความเชื่อ ได้รับการไถ่บาปและเป็นคนของพระเจ้าได้อย่างไร ถ้าเรา ยังคงไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระองค์?ผู้ที่ทำตามกฎบัญญัติต้องรู้ว่าความผิดบาปของเขา
จะนำทางไปสู่การทำลายล้างของเขาและขอบคุณที่ความชอบธรรมของพระเจ้าช่วยพวกเขาให้
รอดโดยสมบูรณ์ที่ว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราเราวางใจในพระองค์และเราสรร
เสริญพระองค์นั้นเพราะเรารู้และเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าเพียงเพราะการเชื่อในความ
ชอบธรรมของพระองค์ เราจึงเป็นบุตรของพระองค์ ไร้มลทินบาปและได้รับชีวิตนิรันดร์ ผู้ที่ อ้างว่าวางใจในพระเยซูและใช้ชีวิตแห่งศรัทธายังคงไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้าจะได้รับการสาปแช่ง
เปาโลเป็นพยานในบทโรม ที่ชาวอิสราเอลพยายามสร้างความชอบธรรมของเขาเอง ขณะ ที่ไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้าและจากการทำเช่นนี้จึงไม่ยอมเชื่อฟังความชอบธรรม
ของพระเจ้า พวกเขาต้องเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าเช่นกัน
เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าทรงช่วยให้เราหลุดพ้นจากความผิดบาปของโลกความผิดบาปของเราทั้งหมดรวมอยู่ในความผิดบาปของโลกนี้ ความผิดบาปทั้งหมดได้หายไปพร้อมกับ การดำเนิน ตามความชอบธรรมของพระเจ้า ท่านเชื่อในความจริงนี้หรือไม่?
 
 
เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม
 
ความชอบธรรมของพระเจ้าคือจุดจบของธรรมบัญญัติเหตุผลก็เพราะพระเยซูคริสต์ทรง
ตอบรับความต้องการทั้งหมดของธรรมบัญญัติโดยการรับเอาความผิดบาปของโลกทั้งหมดไว้ด้วยการรับบัพติสมาและการถูกตรึงบนไม้กางเขนของพระองค์
ผลของความผิดบาปคือความตายแน่นอนและยังบันทึกไว้ว่าความชอบธรรมของพระเจ้า
คือจุดจบของธรรมบัญญัติเพราะเหตุใด?นี่เป็นเพราะพระเจ้าพระบิดาทรงช่วยเราให้รอดทั้งหมด
โดยการประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์ที่ประสูติมาในโลกนี้ให้รับบัพติสมาเพื่อ
ชำระล้างความผิดบาปของมนุษย์ชาติทั้งปวง ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นคืนพระ ชนม์จากความตาย
การเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าด้วยใจของท่านและการทำตามความชอบธรรมของธรรมบัญญัติเป็น 2 สิ่งที่ต่างกัน ท่านได้รับการอภัยต่อบาปจากการกระทำของท่านหรือไม่? ท่านได้รับการช่วยให้รอดของท่านจากการทำความดีของท่านเองหรือไม่?ศาสนาอื่นๆทุกศาสนา
ในโลกนี้สอนว่าวิธีที่จะตกลงกับความผิดบาปของท่านคือการทำความดีความเข้าใจในเรื่องบาป
ของพุทธศาสนิกชนสอนว่า ท่านสามารถล้างบาปในอดีตของท่านได้ด้วยการทำความดีในปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีสาระสำหรับท่านหรือไม่?
บุคคลหนึ่งเกิดมาเพียงครั้งเดียวและตายเพียงครั้งเดียวและการพิพากษาจะตามมาหลังจากนั้นเพราะทุกคนเกิดมาในโลกนี้เพียงครั้งเดียวและกลับไปหาพระเจ้าหลังจากนั้นไม่มีผู้ใดที่กลับ
มายังโลกในวงจรชีวิตอีกวงจรหนึ่งได้นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดผู้คนต้องได้รับการชำระบาปโดยการ
เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าขณะที่อยู่บนโลกนี้คำสอนเรื่องกรรมของพุทธศาสนิกชนช่าง
เป็นเรื่องที่ไร้สาระอะไรเช่นนี้?
การเชื่อว่าเราได้รับการไถ่บาปของเราก็คือการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าการเชื่อ
ในความชอบธรรมของพระเจ้าก็คือการเชื่อเพียงความชอบธรรมของพระองค์เท่านั้นไม่ใช่เชื่อใน
การกระทำของเราเอง แล้วจะกล่าวถึงความชอบธรรมแห่งความเชื่อของพระเจ้าได้อย่างไร? ดังที่ บันทึกไว้ในบทโรม ซึ่งกล่าวถึงในวิธีนี้ “อย่านึกในใจของตัวว่า ใครจะขึ้นไปบนสวรรค์?” นี่เป็นเพราะความชอบธรรมของพระเจ้าพบได้โดยการเชื่อในจิตใจของผู้ใดผู้หนึ่งไม่ใช่เพราะ
ความแข็งแรงทางร่างกาย
เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้าและไร้มลทินบาปที่ได้รับชีวิตนิรันดร์โดยการเชื่อในความ
ชอบธรรมของพระเจ้าเพราะเราแก้ไขความผิดบาปด้วยตัวเราเองไม่ได้ไม่ว่าจะทำความดีมากมาย
เพียงใดก็ตาม ความพยายามของเราก็จะสิ้นสุดลงที่ความผิดบาปที่เพิ่มขึ้นต่อพระพักตร์พระเจ้า นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเราจึงควรทิ้งความเชื่อในตัวเราเองและวางใจในพระเจ้าผู้ชอบธรรมแทนเพื่อทำตามความชอบธรรมของพระองค์คนบางคนถามว่า“เราจะไม่ได้รับการช่วยให้รอดเพียงเพราะ
การวางใจในพระเยซู แม้ว่าเราจะไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้าเช่นนั้นหรือ? ไม่ได้เขียน ไว้ว่าผู้ใดก็ตามที่ขานพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการช่วยให้รอด?”แต่การช่วยให้รอดไม่
ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะการขานพระนามของพระเยซูแต่เพราะการรู้และการเชื่อในความชอบธรรม
ของพระเจ้าโดยสมบูรณ์
 
 
ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าจะไม่ได้รับความอับอาย
 
วรรคที่ 11 กล่าวว่า “ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าจะไม่ได้รับความ อับอาย”ความหมายของข้อความนี้คืออะไร?ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย
เพราะเขาหรือเธอเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า “ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในพระองค์” หมายถึง ผู้ที่ เชื่อในความชอบธรรมของพระองค์
ข้อความ “ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด” หมายความว่าอะไร? หมาย ถึงผู้ที่รู้และเชื่อในคำสอนเรื่องน้ำและพระวิญญาณจะร้องออกพระนามของพระเยซูเพราะเขาวาง
ใจให้พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเพราะเราได้รับการช่วยให้รอดโดยความชอบธรรมของ
พระเจ้า เราจึงเชื่อว่าการไถ่บาปของเราได้มาจากการเชื่อในความจริงนี้
อีกประการหนึ่งถ้าไม่มีความเชื่อนี้ไม่ว่าเราจะขานพระนามของพระเยซูบ่อยครั้งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์เราจะไม่ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเราเพราะพระคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเปรียบดังการกล่าวถึงความชอบธรรมของพระเจ้าทั้งหมดในพระเยซูขานพระนามของพระผู้เป็น
เจ้าเพียงพระองค์เดียวจะไม่ให้การไถ่บาปของเราแก่เรา
พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงความชอบธรรมของพระเจ้าตั้งแต่เริ่มแรกดังได้เขียนไว้ในบท
ปฐมกาลพระเจ้าทรงปลูกต้นไม้แห่งชีวิตและต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีความชั่วในสวนเอ
เดนและบัญชาอาดัมและอีฟไม่ให้กินจากต้นไม้แห่งความสำนึกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำก็คือพระประสงค์ให้เกิดความเชื่อของเขาในพระวจนะของพระองค์จากพวกเขาพระเจ้าทรงบัญชาให้พวกเขา
กินจากต้นไม้แห่งชีวิตเพื่อได้รับชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าทรงประกาศว่า“ผู้ทรงธรรมควรใช้ชีวิตด้วยความเชื่อ”เราใช้ชีวิตด้วยความเชื่อของเราในความชอบธรรมของพระเจ้าตลอดชีวิตของเราจากเริ่มแรกที่เราวางใจในพระองค์ให้ได้รับ
การช่วยให้รอดจนเราได้รับการช่วยให้รอดและในที่สุดจนกระทั่งเราไปถึงอาณาจักรของพระเจ้า
ชาวคริสต์หลายคนบนโลกนี้กล่าวว่าการช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาปที่ได้มาเพราะการวางใจในพระเยซูแต่ในความเป็นจริงพวกเขาอีกหลายคนที่ไม่ได้หลุดพ้นจากความผิดบาปของเขา เพราะเขายังคงไม่ใสใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้าจะเกิดผลอะไรขึ้นเมื่อผู้คนวางใจในพระ
เยซูโดยปราศจากการรู้จักความชอบธรรมของพระเจ้า?คนแต่ละคนอาจแสดงอาการออกมาว่าเขา
เป็นผู้ซื่อสัตย์โดยการเคารพและการอธิษฐานของเขาแต่เพราะเขาไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้า เขาจะยังคงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติทางศาสนามีค่าเท่ากับคนบาปที่ยังไม่หลุดพ้น
คนหลายคนทั้งจากคริสตจักรและอิสราเอลยังคงไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้า และไม่เชื่อฟังความชอบธรรมของพระองค์ผู้ที่วางใจในพระเยซูยังไม่เชื่อในความชอบธรรมของ
พระเจ้ายังติดแน่นอยู่กับความชอบธรรมที่แท้จริงนี้ นี่ไม่ใช่เพราะการทำความดี การถวายของบูชา ชิ้นโตหรือการกระทำอื่นๆของเขาเองต่อพระพักตร์พระเจ้าที่ผู้ที่วางใจในพระเยซูได้รับความชอบธรรมนี้ตราบนานเท่านาน ที่พวกเขายังคงไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมของพระเจ้า
ผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าจะเชื่อในความชอบธรรมนั้นโดยไม่สนใจว่าพวกเขาพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ใด และใช้ชีวิตแห่งการสรรเสริญและขอบคุณพระสิริของพระเจ้า สำหรับพวกเราที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า ยิ่งข้อบกพร่องของเราเปิดเผยมากเพียงใด ความชอบธรรมของพระองค์จะยิ่งทอแสงประกายต่อหน้าจิตวิญญาณของเรามากเท่านั้นฉันขอ
ภาวนาว่าท่านจะตื่นขึ้นมาเช่นกัน
เราจะได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าหรือไม่เพราะเรามีความยุติธรรมในเนื้อหนังของ
เราเป็นบางครั้ง? ไม่ได้แน่นอน! ไม่มีสิ่งใดที่ยุติธรรมในตัวเรา มากไปกว่าความชอบธรรม ของพระเจ้าเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเราโดยสมบูรณ์ด้วยความ
ชอบธรรมของพระองค์เราเชื่อและสรรเสริญความชอบธรรมนี้ด้วยความชอบธรรมของพระองค์
ช่วยให้เราพ้นจากความผิดบาปทั้งหมดของเรา
อย่าตกอยู่ในความเชื่อเรื่องกรรมของชาวตะวันออกเมื่อท่านกำลังเผชิญหน้ากับมุมมืดใน
ชีวิตของท่านแต่จงเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าอยู่เสมอโดยไม่สนใจต่อสถานการณ์ของ
ท่านความชอบธรรมของพระเจ้าสมบูรณ์แบบเพื่อความเป็นนิรันดร์ทุกคนในโลกนี้ต้องรู้จักความชอบธรรมของพระองค์ และพวกเขาต้องเชื่อโดยเชื่อฟังข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เพราะหลายคนที่อวดอ้างเพื่อมีความเชื่อในพระเยซูยังคงใช้ชีวิตเพียงเพราะความชอบแห่งธรรม
บัญญัติ เขาต้องมั่นใจว่าเขารู้จักความชอบธรรมของพระเจ้า
เปาโลสรุปว่าคำสอนของพระเจ้ากระทำตามความชอบธรรมของพระองค์ถ้าปราศจาก
ความรู้ในในคำสอนของพระเจ้าที่แท้จริงจะไม่มีผู้ใดอธิบายได้ว่าความชอบธรรมของพระองค์คืออะไร คนแต่ละคนอาจจะพูดว่า “พระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ บนไม้กางเขนทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจากความตายและทรงช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาป
ของฉัน”เมื่อถูกถามให้อภิปรายว่าความหมายของความชอบธรรมของพระเจ้าคืออะไรพวกเขาก็
จะกล่าวว่า พวกเขาต้องถวายการอธิษฐานเพื่อกลับใจใหม่สำหรับความผิดบาปทุกวันของเขา และการเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเขาต้องได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ท่านต้องรู้จักตัวท่านเองให้ดีก่อนที่จะรู้จักความชอบธรรมของพระเจ้าถ้าท่านรู้จักทั้งตัว
ท่านเองและความชอบธรรมของพระเจ้า ท่านจะไม่มีทางเลือกอื่นใด แต่ต้องเชื่อในความชอบ ธรรมของพระองค์ เพราะท่านจะได้รู้ว่าความชอบธรรมของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่และสูงส่งเพียงใด เมื่อเปรียบเทียบกับตัวท่านเองแต่ถ้าท่านไม่รู้จักความชอบธรรมของพระองค์ท่านจะถูกครอบงำ
ด้วยการทำตามความชอบธรรมของท่านเองผู้ที่ถูกครอบงำด้วยความชอบธรรมของเขาเองจะไม่
เชื่อฟังความชอบธรรมของพระเจ้า เพราะเขาปรารถนาเพียงได้ทำตามความพึงพอใจของเขาเอง
เราต้องรู้จักความชอบธรรมของพระเจ้าก่อน เพราะการรู้จักความชอบธรรมของพระเจ้า เราจะเชื่อได้ว่าพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปของโลกไว้ทั้งหมดโดยการแบกเอาไว้ที่พระองค์
เองด้วยการรับบัพติสมาของพระองค์และการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนถ้าเราบริสุทธิ์ได้เพราะ
การทำความดีของเราเอง เราก็จะไม่ต้องการการช่วยให้รอดจากความชอบธรรมของพระเจ้า แต่ เมื่อเรารู้ว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้เราก็จะได้ซาบซึ้งความชอบธรรมของพระองค์ได้มากขึ้นเพราะพระ
เจ้าทรงช่วยเราให้รอด ซึ่งไม่สามารถใช้ชีวิตของเราโดยขึ้นอยู่กับการทำความดีได้
ทั้งความคิดและการกระทำของท่านนั้นดีหรือไม่? ไม่แน่นอน นี่เป็นเพราะเรามีข้อบก พร่องมากมายที่พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดพ้นทั้งหมด โดยความชอบธรรมของพระองค์ เพราะ การเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าช่วยให้เรารอดเราจึงต้องการเผยแพร่ความชอบธรรมของ
พระองค์แก่ทุกคนในโลกนี้ที่ไม่รู้จักสิ่งนี้
ผู้ใดที่ไม่รู้จักตัวเองจะพบความผิดของผู้อื่นและกล่าวถึงพวกเขาในแง่ร้ายแต่ถ้าเขาหรือเธอเป็นผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าเขาหรือหล่อนต้องอ้างถึงความชอบธรรมนี้ด้วยความ
ภาคภูมิใจและต้องไม่โอ้อวดความชอบธรรมของเขาหรือเธอเองแต่ผู้ทีไม่เชื่อในความชอบธรรม
ของพระเจ้าจะทำความผิดบาปซึ่งให้ร้ายแก่ความชอบธรรมของพระองค์พระเจ้าจะทรงพิพากษา
ความผิดบาปของเขาเหล่านั้น
พระเจ้าประทานพระบุตรของพระองค์มายังโลกนี้และประทานความชอบธรรมของพระ
องค์ให้แก่ท่านเพราะเราใกล้จะถึงวันสุดท้ายเราไม่ควรมาถกเถียงกันว่าความชอบธรรมแห่งธรรมบัญญัติของใครดีกว่าหรือแย่กว่าผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าไม่ควรเกี่ยวข้องกับเนื้อ
หนังของเขาเอง แต่ควรขอบคุณพระเจ้าเท่านั้น โดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระองค์

ขอพวกเราจงขอบคุณพระเจ้าของเราผู้ทรงช่วยเราให้รอดทั้งหมดด้วยความชอบธรรมของพระองค์เพราะความชอบธรรมของพระเจ้ายกความผิดบาปของท่านทั้งหมดท่านต้องไม่เป็นเช่นผู้ที่ต่อต้านพระเจ้าโดยการทำตามความชอบธรรมของเขาเอง.