Search

Bài giảng

เรื่องที่ 9: โรม (ข้อคิดเกี่ยวกับหนังสือของโรม)

[บทที่ 12] เปลี่ยนใจของท่านใหม่ต่อพระพักตร์พระเจ้า

“พี่น้องทั้งหลายด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้าข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระ
ทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย” (โรม 12:1)
“การนมัสการโดยวิญญาณจิต” หมายถึงอะไร ซึ่งได้แปลเหมือนกับคำว่า “การกระท ำแห่งวิญญาณของความเคารพ” ไว้ใน New International Version (NIV) ซึ่งพวกเราต้องมอบให้พระเจ้า?การนมัสการโดยจิตวิญญาณแก่พระเจ้าหมายถึงการถวายร่างกาย
ของเราแก่พระองค์เพื่อทำงานอันชอบธรรมของพระองค์เพราะพวกเราได้รับการช่วยให้รอด พวก เราจำเป็นต้องมอบร่างกายของเราและได้รับการยอมรับจากพระเจ้าเพื่อเผยแพร่คำสอนอันชอบ
ธรรมการนมัสการโดยวิญญาณจิตที่พวกเราต้องมอบให้แก่พระเจ้าคือการเก็บรักษาร่างกายของเราให้บริสุทธิ์เพื่อมอบให้แก่พระองค์
ในบทที่ 12 เปาโลได้พูดถึงว่าการนมัสการแห่งวิญญาณจิตหมายถึงอะไร สิ่งนี้ไม่ได้เป็น ไปตามโลกใบนี้แต่เปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของจิตใจของพวกเราซึ่งพวกเราอาจพิสูจน์ได้
ว่า อะไรคือพระประสงค์ที่พึงพอใจและที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า
การนมัสการแห่งวิญญาณจิต คือการอุทิศร่างกายและจิตใจของเราทั้งหมดให้แก่พระเจ้า แล้วผู้ชอบธรรมจะใช้ชีวิตเช่นชีวิตต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร?เปาโลกล่าวว่าพวกเราไม่ควร
เป็นไปตามโลกใบนี้แต่ควรเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของจิตใจของเราและพวกเราควรถวายร่างกายของเรา  เพื่องานอับชอบธรรมของพระเจ้าการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าขณะที่
ถวายร่างกายและหัวใจของเรา ก็เป็นการนมัสการแห่งวิญญาณจิตต่อพระเจ้าเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เป็นตอนที่สำคัญมาก เพราะจะบอกเราได้ว่าพวกเราไม่ควรเปลี่ยนไปตามโลกนี้ และเราควรรับใช้งานของพระเจ้าและเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของจิตใจของเราแทน
พวกเราไม่สามารถมอบความเคารพแห่งวิญญาณจิตได้ถ้าปราศจากการเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราเสียใหม่ตั้งแต่แรกแม้แต่ผู้ชอบธรรมก็ไม่สามารถมอบร่างกายหรือหัวใจของเขาแก่พระเจ้าได้ ถ้าพวกเขาเลิกเชื่อในความชอบธรรมของพระองค์
เราอาจได้รับอิทธิพลในยุคนี้เช่นเดียวกับที่เกิดในสมัยของเปาโลเพราะพวกเรามีชีวิตอยู่
ตรงกลางของยุคแห่งความผิดบาปที่ไหลไปตามกระแสพวกเราไม่เชื่อในความชอบธรรมของพระ
เจ้าเราก็จะตามกระแสแห่งยุคนี้ไปโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้ผู้ที่มีเหตุผลที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการได้รับอิทธิพลจากกระแสในทางโลกเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่
ร่วมกับคนทั้งโลกนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพระคัมภีร์บอกเราไม่ให้เปลี่ยนตามกระแสของโลกนี้
แล้วผู้ชอบธรรมจะมอบการนมัสการแห่งวิญญาณจิตการบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พระเจ้า
ด้วยจิตใจและร่างกายทั้งหมดของพวกเขาได้อย่างไร ขณะที่พวกเขากำลังเปิดเผยต่อโลกนี้? เรื่องนี้ จะเป็นไปได้เพียงแค่การเชื่อในคำสอนเรื่องน้ำและพระวิญญาณซึ่งเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราใหม่โดยการเลิกราผู้ชอบธรรมจะรู้และกระทำตามพระประสงค์ที่ดีและสมบูรณ์ของพระเจ้าเมื่อพวก
เขาเปลี่ยนจิตใจของเขาและเปลี่ยนแปลงโดยความชอบธรรมของพระองค์
เปาโลไม่ได้กล่าวถึงสิ่งนี้เพราะความไม่รู้ถึงความเป็นไปของโลกอีกทั้งเขาให้บทเรียนทางศาสนาแก่ผู้เชื่อทั้งหลายโดยกล่าวว่า “จงเป็นคนดี เถิด” ขณะที่ยังไม่รู้ถึงความสามารถและโอกาส ของพวกเขาเหตุผลที่ว่าเปาโลกระตุ้นให้พวกเราเปลี่ยนใจของเราเพื่อรับใช้พระเจ้าคือเขารู้เป็น
อย่างดีว่าผู้เชื่อทั้งหลายจะถูกปัดเป่าให้พ้นไปจากวิถีของโลกนี้เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เกิดใหม่หรือไม่ก็ตาม ร่างกายจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่มีความแตกต่าง กันอย่างมากอยู่สิ่งหนึ่งระหว่างคนเหล่านั้นที่กลับมาเกิดใหม่และผู้ที่ไม่ใช่นี่คือความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าผู้ชอบธรรมจะเดินตามพระผู้เป็นเจ้าได้เพียงแค่เปลี่ยนใจของพวกเขาอยู่
เรื่อยๆในขณะที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
ดังนั้นอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงใจของพวกเราให้ใหม่ได้?ความเชื่อในพระวจนะของข่าว
ประเสริฐที่กล่าวถึงการรอดพ้นจากความผิดบาปของพวกเราโดยสมบูรณ์คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใจ
ของพวกเราใหม่ได้พระผู้เป็นเจ้าทรงยกความผิดบาปทั้งหมดที่พวกเราทำไว้ต่อร่างกายและจิตใจ
ของเราในความอ่อนแอและความบกพร่องของร่างกายของเราจิตใจของผู้ชอบธรรมจะเปลี่ยนให้
ใหม่ได้เพราะพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงยกความผิดบาปทั้งหมดของโลกด้วยการรับบัพติสมาและ
พระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนไม้กางเขน อีกประการหนึ่งจิตใจของเราถูกเปลี่ยนใหม่ เพราะ พวกเราเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า
ขณะนี้พวกเราจำต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าเราทำอะไรต่อพระพักตร์พระเจ้าพวกเราต้องเห็นว่าพระประสงค์ที่สมบูรณ์ของพระองค์คืออะไร พระองค์ทรงต้องการสิ่งใดจากพวกเรา พระ องค์ประทานภารกิจใดให้แก่เราและผู้ชอบธรรมที่กลับมาเกิดใหม่ต้องทำอะไรบ้างพวกเราต้อง
เปลี่ยนใจของเราใหม่ในดินแดนนี้และรับใช้พระองค์พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราคือการ
มอบร่างกายและจิตใจของพวกเรา อุทิศตัวเอง เราเป็นเช่นเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์แก่พระองค์ พวก เราถวายตัวเองเป็นเครื่องบูชาให้แก่พระองค์ได้เมื่อเราเปลี่ยนใจของเราใหม่การเปลี่ยนใจของเรา
ใหม่มาจากการเชื่อว่าพระเจ้าทรงชำระความผิดบาปของเราทั้งหมด
มีความแตกต่างระหว่างผู้ที่กลับมาเกิดใหม่และผู้ที่ไม่ใช่มีเพียงผู้ชอบธรรมเท่านั้นที่เปลี่ยนใจของเขาใหม่ได้โดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าพวกเราผู้ชอบธรรมสามารถทำสิ่งต่างๆที่ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยในความศรัทธาได้โดยการทำจิตใจของเราให้สะอาดและเปลี่ยน
ใหม่และปฏิเสธตัณหาราคะแห่งร่างกายทั้งโลกผู้ชอบธรรมจะต่างจากคนบาปเพราะพวกเขา
สามารถเปลี่ยนใจของเขาให้ใหม่ได้และรับใช้และเดินไปพร้อมกับพระเจ้าเสมอ
 


ท่านต้องเปลี่ยนใจของท่านใหม่ด้วยความศรัทธา
 

มีผู้ที่มีชื่อเสียงหลายคนในทีวีคนของโลกนี้ต่างวุ่นวายพยายามจะลอกเลียนแบบแฟชั่น
และรูปแบบของผู้ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ พวกเราสามารถผ่านแนวคิดรุ่นล่าสุดได้โดยง่ายจากทางทีวี พวกเราสามารถเปิดโลกด้วยรีโมตคอนโทรล ชีวิตของท่านไม่ได้เป็นไปตามโลกนี้หรือ?
ผมรู้สึกว่าโลกนี้เปลี่ยนไปเร็วมากแม้ว่าเราถือธนบัตรอยู่ตอนนี้เราจะถือเงินอิเล็กทรอนิกส์และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วยถ้าขาดบัตรพวกนี้ก็จะกลายเป็นความรำคาญพวกเราจะถูกบอกให้
รับบาร์โค้ดไว้ในมือหรือหน้าผากของเราเพื่อให้สะดวกขึ้นผมก็คิดเช่นกันว่าจะเกิดความหายนะ
ตามธรรมชาติขึ้นมากมายในยุคนั้นขอพวกเรามาตั้งใจของเราโดยการเปลี่ยนจิตใจของเราใหม่และประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าก่อนที่แต่ละยุคนั้นจะมาถึงเพื่อว่าพวกเราผู้ชอบธรรมจะไม่เป็นไปตามโลกนี้
ผมคิดถึงการรับใช้พระเจ้าระหว่างทุกขณะที่ตื่นขึ้นมาขณะนี้ผมปรารถนาจะประกาศข่าว
ประเสริฐที่บรรจุความชอบธรรมของพระองค์ด้วยความขันแข็งเพราะมันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเผยแพร่พระวจนะของพระองค์เมื่อยุคแห่งการติดบาร์โค้ดในมือและหน้าผากของเรามาถึงผมกำลังทำงานเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อยบางทีผมอาจได้เพียงพักผ่อนในวันที่ผมไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปนั้นมาถึงผมอาจมอบทุกสิ่งทุกอย่างของผมให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้อง
ใช้เมื่อวันนั้นมาถึง
แต่เนื่องจากขณะนี้ฉันเพียงแค่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้แยกตัวเองออกจากโลก
และไม่เป็นไปตามโลกผู้ชอบธรรมหลายคนในโรมผู้ซึ่งได้รับการช่วยให้รอดโดยคำสอนที่เผย
แพร่โดยเปาโลนั้น เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาเป็นไปตามโลกและหนีห่างจากพระผู้เป็นเจ้าของเรา พวกเราต้องระวังไม่ดำเนินตามรอยเท้าของพวกเขา
เปาโลได้เขียนข้อความนี้โดยไม่วิตกกังวลซึ่งผู้เชื่อทั้งหลายในกรุงโรมกำลังเป็นไปตาม
โลกนี้ “ร่างกายของท่านกำลังเป็นไปตามโลกนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มีค่าที่ท่านสามารถทำได้ จง เปลี่ยนใจของท่านใหม่พระผู้เป็นเจ้าทรงไม่ไถ่ถอนความผิดบาปของท่านหรือ?ท่านผู้ชอบธรรมจงจำคำสอนของพระเจ้าไว้และคิดถึงสิ่งที่จะทำให้พระองค์พอพระทัยจงเปลี่ยนใจของท่านใหม่และทำการกระทำทุกอย่างและเป็นที่ยอมรับโดยคำนึงด้วยจิตวิญญาณ มิใช่ด้วยกามตัณหา” นี่คือสิ่งที่ เปาโลได้สอนแก่ผู้เชื่อทั้งหลายในกรุงโรม เท่าๆกับที่สอนเราในวันนี้
แม้ว่าพวกเราจะแกล้งทำเป็นไม่เปลี่ยนไปตามโลกนี้ออกมาภายนอกให้เห็นในความเป็น
จริงแล้วพวกเราเปลี่ยนไปเช่นเดียวกันพวกเรายังคงรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้โดยการเปลี่ยนใจของเราใหม่ แม้ว่าในความอ่อนแอของเรา พวกเราพบว่ามันยากที่จะไม่เปลี่ยนไปตามโลกนี้ พวกเรายังคง เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงชำระล้างความผิดบาปของเราทั้งหมดด้วยความชอบธรรมของพระเจ้านี่คือเราจะรับใช้งานอันชอบธรรมของพระเจ้าด้วยความศรัทธาของเราในความชอบธรรมของพระองค์อยู่เสมอได้อย่างไรพวกเราจะทำตามพระประสงค์ที่ดีและสมบูรณ์ของพระองค์ได้ทั้ง
หมดโดยการวางใจในพระองค์
พวกเราต้องเปลี่ยนใจของเราใหม่ทุกขณะเพราะผู้ชอบธรรมผู้ที่ตายจากโลกนี้ไปนั้นจะ
บริสุทธิ์กว่าคนทั้งโลก พวกเขาเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องความเสื่อมในความคิดผิดๆ จิตใจและร่าง กายมากกว่าคนในโลกนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเราต้องดูแลหัวใจของเราด้วยความเชื่อในความ
ชอบธรรมของพระเจ้าของเราอยู่เสมอ
เพราะพระคริสต์ทรงชำระล้างมลทินบาปของเราทั้งหมดพวกเราเพียงแค่ยืนหยัดให้แน่ว
แน่ในความเชื่อที่ทำให้เราอุ่นใจในความจริงที่ว่า
ความเชื่อของเราสมบูรณ์แล้วท่านเชื่อหรือไม่ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงชำระความผิด
บาปของท่านทั้งหมดด้วยความชอบธรรมของพระเจ้า? ถ้าท่านเชื่อ ท่านจึงทำงานของพระผู้เป็น เจ้าของเราได้ด้วยความเชื่อ ไม่ควรสนใจต่อความไม่ชอบธรรมในอดีตที่ผ่านมา เพราะพระผู้เป็น เจ้าทรงชำระล้างการพิพากษาและการลงโทษแห่งบาปของท่านทั้งหมดไปจากท่านแล้ว
พวกเราต้องเปลี่ยนใจของเราใหม่โดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ นี่ คือสิ่งที่สำคัญมากในที่สุดพวกเราจะจากคริสตจักรไปและตายไปทุกคนถ้าพวกเราไม่เปลี่ยนใจ
ของเราใหม่โดยการเชื่อในข่าวปีะเสริฐของน้ำและพระวิญญาณในยุคสุดท้ายนี้
การใช้ชีวิตแห่งความเชื่อเรื่องการเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อยๆก็เหมือนกับการปั่นจักรยานขึ้นบน
เขาการไม่เปลี่ยนใจของตนเสียใหม่ก็เหมือนกับการหยุดอยู่บนทางขึ้นเขาและการไม่ปั่นถ้าท่านไม่ปั่นไม่เพียงแค่ท่านจะหยุดเท่านั้น แต่ท่านจะถอยหลังลงไปและชนเนินเขาแน่นอน
หลักการเดียวกันที่ประยุกต์กับความเชื่อของเราในความชอบธรรมของพระเจ้าพวกเรากำ
ลังปั่นจักรยานขึ้นบนเขาเป็นเรื่องยากที่จะไปให้ถึงยอดเขาเพียงแค่ความแข็งแรงและความตั้งใจ
ของเรา เราต้องยึดความชอบ ธรรมของพระเจ้าไว้อย่างมั่นคงเพราะเรายังอยู่ในร่างกายของเรา ไม่ ใช่ช่วงเวลาที่ผ่านไปโดยไม่มีความคิดเกี่ยวกับกามตัณหา
ความตั้งใจในร่างกายของเรานั้นมักจะยอมแพ้ได้ง่าย เมื่อใดก็ตามที่เราขาดความแข็งแกร่ง “ฉันทำสิ่งนี้ไม่ได้ ฉันปรับตัวไม่ได้ อำนาจจิตของฉันอ่อนแอมาก แต่อำนาจของพี่ชายคนนั้น แข็งแกร่งจริงๆ ฉันไม่มีอำนาจ แต่พี่สาวคนนั้นมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ฉันอ่อนแอมากถ้าเปรียบเทียบ กับพี่น้องเหล่านั้น พวกเขาดูเหมือนจะเหมาะสมที่จะรับใช้พระเจ้า แต่ฉันไม่เหมาะสม” ใครก็ ตามที่ไม่เชื่อและไม่ยึดความชอบธรรมของพระเจ้าจะหยุดปั่นจักรยานและล้มลงที่เนินเขาในที่สุด
สิ่งนี้สามารถนำไปใช้กับคนเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่แน่นอน สิ่งนี้นำไปใช้ได้กับ ทุกคนนักปั่นจักรยานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจะปั่นจักรยานขึ้นเขาได้โดยง่ายแต่คนที่อ่อนแอ
จะมีเวลาที่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามปัญหาสำหรับผู้ชอบธรรมที่ไม่ยืนอยู่ในความเข้มแข็งของร่างกาย ก็คือความยึดความเชื่อในคำสอนเรื่องน้ำและพระวิญญาณของเขาไว้อย่างมั่นคงมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงจุดหมายแห่งจิตวิญญาณด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้นความอ่อนแอหรือแข็งแรงของร่างกายไม่มีอะไรจะมาทำอะไรได้
จงจำไว้ว่าไม่มีใครนำทางชีวิตแห่งความเชื่อได้เพียงเพราะว่าเขาหรือเธอมีอำนาจจิตที่แข็งแรงท่านต้องไม่เปรียบเทียบตัวท่านเองกับผู้อื่นและท้อแท้จงยึดไว้เพียงความชอบธรรมของพระผู้
เป็นเจ้าเท่านั้นพระผู้เป็นเจ้าทรงดึงพวกเราขึ้นไปถ้าพวกเราเปลี่ยนใจของเราใหม่ด้วยความเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าอยู่เรื่อยๆ คำสอนเรื่องการช่วยให้รอดที่เราได้รับนั้น จะงอกเงยในใจ ของเราและพระผู้เป็นเจ้าจะทรงยึดพวกเราไว้ ถ้าพวกเราตรวจสอบใจเราทุกวัน เราต้องชำระจิตใจ สกปรกของเราโดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าและการทำงานของพระผู้เป็นเจ้า
ฉันขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าในความกรุณาของพระองค์ที่ทรงอนุญาตให้เรารับใช้พระองค์โดยการเปลี่ยนใจของเราใหม่จากการที่ให้เราเปลี่ยนใจของเราใหม่พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงอนุญาตให้เราวิ่งเล่นต่อพระพักตร์พระองค์ได้ด้วยความเชื่อของเราอยู่เสมอ
 


 คือในตัวของข้าพเจ้าไม่มีความดีประการใดอยู่เลย
 

เปาโลกล่าวไว้ใน โรม 7:18 ว่า “ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในตัวของข้าพเจ้าไม่มีความดี ประการใดอยู่เลยเพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่ซึ่งจะกระทำการดีนั้นข้าพเจ้าหาได้กระทำไม่” เปาโลรู้เป็นอย่างดีว่าไม่มีความดีใดๆอยู่ในตัวของเขาเลย ความดีนั้นๆที่อยู่ในตัวก็คือกฎ
เปาโลรู้ดีว่าไม่มีความดีใดอยู่ในตัวเขาเขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะรักกฎมากเพียงใดก็ตามและเขา
จะพยายามอย่างหนักเพียงใดก็ตามที่จะใช้ชีวิตด้วยกฎนั้น เขาก็ไม่สามารถทำได้ หัวใจต้องการ เปลี่ยนใจมันเองใหม่เพื่อติดตามพระผู้เป็นเจ้าแต่ร่างกายต้องการหนีไปจากสนามแห่งจิตวิญญาณอยู่ร่ำไป
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเปาโลจึงกล่าวไว้ในโรม 7:21-24 ว่า “ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า เป็นกฎรรมดาอย่างหนึ่ง คือเมื่อใดที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะกระทำความดี ความชั่วก็พร้อมที่จะผุดขึ้น เพราะว่าส่วนลึกในหัวใจของข้าพเจ้านั้นข้าพเจ้าชื่นชมในธรรมบัญญัติของข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่ง อยู่ในกายของข้าพเจ้า ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้ ข้าพเจ้าอยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาปซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายนี้ซึ่งเป็นของความตายได้.”
เปาโลได้ให้คำจำกัดความของร่างกายของเขาว่าอย่างไร?เขาให้คำจำกัดความร่างกายของ
เขาเป็นเช่น “ร่างกายของความตาย” แล้วร่างกายของท่านเล่า มันไม่ใช่ร่างกายของความตาย เหมือนกันใช่ไหม? มันใช่แน่นอน! ร่างกายเองเป็นของความตาย ร่างกายต้องการเพียงแค่ทำบาป และไปทุกที่ที่มีบาปมากๆ “โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้น จากร่างกายนี้ซึ่งเป็นของความตายได้” และนี่คือเหตุผลว่าเปาโล จึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอบคุณ พระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ฉะนั้นทางด้านจิตใจของข้าพเจ้า นั้น ข้าพเจ้าเชื่อฟังกฎของข้าพเจ้าแต่ด้านฝ่ายเนื้อหนังของข้าพเจ้านั้นข้าพเจ้าเป็นทาสของกฎแห่งบาป” (โรม 7:25)
เปาโลแสดงให้เห็นว่ามีกฎอยู่ 2 กฎ กฎแรกคือกฎแห่งกาย มันจะเพียรพยายามที่ จะทำตามความต้องการของร่างกายและอยู่ในความคิดของร่างกายซึ่งจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระ
เจ้าทรงพอพระทัยโดยสิ้นเชิง
กฎที่สองคือกฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตกฎแห่งจิตใจต้องการนำเราไปตามทางเดินที่ถูก
ต้องที่พระเจ้าจะทรงต้องการให้เราตามไป กฎแห่งจิตใจต้องการในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกฎแห่งกาย เราชาวคริสต์อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กฎนี้และพยายามตัดสินดูว่าจะไปทางไหน
บางครั้งพวกเรายังคงทำตามสิ่งที่ร่างกายของเราต้องการ แต่เมื่อเราเปลี่ยนใจของเราใหม่ เราจะทำตามงานของพระเจ้าที่จิตใจเราต้องการ เหตุผลว่าเหตุใดเราจึงทำสิ่งนี้ ก็คือ การถวาย ร่างกายของเราเป็นเครื่อง บูชาแก่พระเจ้าแล้วจึงทำทุกสิ่งแห่งร่างกายทันที นั่นก็เพราะ พวกเรา ทุกคนมีร่างกาย เราต้องเปลี่ยนใจเราใหม่ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
แม้ว่าจะได้รับการช่วยให้รอดแล้วเราก็ยังเป็นไปตามโลกนี้ได้โดยง่ายเพราะเรายังอยู่ใน
ร่างกายเพราะคนอื่นทุกคนบนโลกนี้ใช้ชีวิตของเขาไปตามโลกพวกเขาจึงมีอิทธิพลต่อเราได้โดย
ง่ายจึงมีเพียงหนทางเดียวที่เราจะทำตามพระเจ้าได้และเป็นทางที่จะเปลี่ยนใจของเราใหม่เราจึงใช้ชีวิตโดยเปลี่ยนใจของเราใหม่ด้วยความเชื่อนี่คือการที่เราจะทำตามพระผู้เป็นเจ้าของเราอยู่เสมอ
ได้อย่างไร จนกระทั่งพระองค์เสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง
จงมองดูเพียงแค่ร่างกายของเราไม่มีใครในพวกเราที่จะทำตามงานอันชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าได้และเราถูกตัดสินให้ถูกทำลายทั้งหมดแต่พวกเราจะทำตามพระผู้เป็นเจ้าได้โดยการ
เปลี่ยนใจของเราใหม่ และยึดเอาความชอบธรรมของพระองค์ไว้ในใจทั้งดวงของเรา เราต้อง เปลี่ยนใจของเราใหม่และทำตามพระองค์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเปาโลจึงกล่าวไว้ใน โรม 8:2 ว่า “เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ข้าพเจ้า พ้นจากกฎแห่งบาป และความตาย”
สิ่งที่กฎทำไม่ได้ก็จะเป็นสิ่งที่อ่อนแอเกิดขึ้นในร่างกายพระคริสต์ทรงกระทำไว้โดยความชอบธรรมของพระเจ้า ดังที่ โรม 8:3 เขียนไว้ว่า “เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะ เนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังลงไปนั้นพระเจ้าได้ทรงกระทำแล้วโดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาปและเพื่อไถ่บาปพระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงปรับโทษ
บาป”
พระเจ้าประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ มายังโลกใบนี้และ ทรงชำระบาปของเราบนร่างของพระบุตร “พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงรับโทษบาป” หมาย ความว่าบาปของเราทั้งหมดได้รับการชำระล้างและเราจึงถูกทำให้ไร่มลทินบาปเราถูกส่งมาจาก
บาปของเราโดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้าเพื่อให้พบกับความต้องการแห่งความยุติ
ธรรมของกฎพระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อรับเอาความผิดบาปของเราทั้งหมดโดย
การรับบัพติสมาของพระองค์และพระโลหิตที่หลั่งบนไม้กางเขนและเพื่อช่วยให้เรารอดพ้นจาก
ความผิดบาปทั้งหมดของโลก
หลังจากที่ได้รับการช่วยให้รอดแล้ว จึงเกิดมีคนขึ้น 2 ประเภท: ผู้ที่ใช้ชีวิตตามเนื้อหนัง และตั้งใจของเขาตามทุกสิ่งของเนื้อหนังและผู้ใช้ชีวิตตามพระวิญญาณและตั้งใจของเขาตามทุก
สิ่งของพระวิญญาณ ท่านต้องเข้าใจว่าความคิดของเนื้อหนังนั้นนำท่านไปสู่ความตาย แต่ความคิด ของพระวิญญาณจะนำท่านไปสู่ชีวิตและความสงบสุข ใจที่เต็มไปด้วยตัณหาเป็นศัตรูต่อพระเจ้า
พวกเราไม่ได้อยู่ใต้บังคับธรรมบัญญัติของพระเจ้า และเราจะอยู่ใต้ธรรมบัญญัติไม่ได้ (โรม 8:7) แม้แต่ผู้ชอบธรรมที่กลับมาเกิดใหม่ก็ตกอยู่ในความคิดของเนื้อหนัง ถ้าพวกเขาไม่ เปลี่ยนใจของเขาใหม่ถ้าเราไม่เชื่อว่าพระเจ้าทรงรับเอาความผิดบาปของเราทุกคนไว้และไม่
เปลี่ยนใจของเราใหม่ เราจะตกอยู่ใต้งานของเนื้อหนังได้ง่าย และทำตามพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ นี่จึง เป็นเหตุผลว่าเหตุใด เราต้องเปลี่ยนใจของเราใหม่อยู่เสมอ
เปาโลกล่าวว่าเราผู้ชอบธรรมที่กลับมาเกิดใหม่จะตกอยู่ภายใต้เนื้อหนังได้โดยการทำตามความคิดของเนื้อหนังหรือทำตามความคิดของพระวิญญาณโดยการเปลี่ยนใจของเราใหม่เรากำลังโหนอยู่ระหว่างสองทางนี้แต่เปาโลยังกล่าวอีกว่า“ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆ แล้วท่านก็มิได้อยู่ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของ พระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” (โรม 8:9)
พวกเราเป็นคนแห่งจิตวิญญาณของพระเจ้า อีกนัยหนึ่งพวกเราเป็นคนของพระองค์ แม้ว่า เราจะทำบาปตามความปรารถนาของโลกและเป็นไปตามนั้น ตามความอ่อนแอของเรา เราก็ยัง เป็นผู้แพ้ที่กลับมาเกิดใหม่เราตกอยู่ในเนื้อหนังเมื่อเราตั้งใจตามทุกสิ่งของเนื้อหนังแต่เพราะเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในตัวเรา เราจึงเป็นคนของพระคริสต์ แตกต่างกันเราเป็นผู้ชอบธรรม คนของพระเจ้า
เปาโลกล่าวว่า “ร่างกายของเราตายไปเพราะพระคริสต์” และเขายังกล่าวอีกว่า “และถ้า พระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ถึงแม้ร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป แต่วิญญาณจิตของ ท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม” (โรม 8:10) ความคิดแห่งจิตวิญญาณของเราต้องตื่นขึ้น เรายังอ่อนแออยู่และร่างกายของเราจะหลงทางไปได้ง่ายจนกระทั่งถึงเวลาที่เราตายแต่ใจของเรา
และความคิดของเราต้องเปลี่ยนไปอยู่เสมอโดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า
ขอพวกเราจงเพ่งมองดูความชอบธรรมของพระเจ้าเมื่อใดก็ตามที่เรามาเพื่อตรวจถึงความ
ปรารถนาแห่งบาปในตัวเราพวกเราจะรู้ได้ว่าความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าได้รับเอาความผิด
บาปของเราทุกคนไว้แล้วจงมองดูความชอบธรรมของพระเจ้าและจงเชื่อจงขอบคุณพระองค์ที่
ทรงรับเอาความผิดบาปของเราทุกคนและคิดถึงงานของพระเจ้าจงคิดถึงว่าอะไรคือพระประสงค์
ของพระเจ้าอันสมบูรณ์และทำให้พระองค์พอพระทัยใจของท่านจึงจะได้รับการเปลี่ยนใหม่อยู่
เสมอ
เราต้องเปลี่ยนใจของเราใหม่โดยความเชื่อและความตั้งใจของเราตามทุกสิ่งที่ทำให้พระเจ้าพอใจนี่คือการที่ผู้ชอบธรรมควรใช้ชีวิตอย่างไรโดยการทำสิ่งนี้เท่านั้นเราก็จะติดตามพระองค์จนพระองค์กลับมาฉันรู้ว่าเราทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากชีวิตประจำวันของเรามันยากที่จะทำงานและ
ยากที่จะมาโบสถ์ ทุกคนกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ บางครั้งฉันอิจฉาแม้แต่พระเยซู เมื่อพระองค์ ทรงตรัสออกมาขณะที่ทรงสิ้นพระชนม์ “สำเร็จแล้ว” ฉันมั่นใจว่าเราจะพูด “สำเร็จแล้ว” ได้เช่นกัน และจะเป็นอิสระจากความยากลำบากเหล่านั้น
การเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้เป็นเจ้าของเราใกล้มาถึงแล้วขอพวกเราจงกลับใจใหม่โดยไม่เป็นไปตามโลกนี้จนกระทั่งถึงวันนั้นเพราะการทำตามพระผู้เป็นเจ้าใจของเราจำเป็นต้องยึดเอาความชอบธรรมของพระเจ้าไว้ ใจของเราต้องเปลี่ยนใหม่อยู่เรื่อยๆ นี่คือ เราจะติดตามพระผู้ เป็นเจ้าจนกระทั่งพระองค์กลับมาได้อย่างไร เวลาใกล้เข้ามาแล้ว
เมื่อเร็วๆนี้ผมได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ที่รายงานว่าขั้วโลกแอนตาร์กติกขยายกว้างขึ้นเป็น 3 เท่าของขนาดทวีปอเมริกา ผมยังได้อ่านบทความอีกบทความหนึ่ง เกี่ยวกับการริเริ่ม ป้องกันจรวดระบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยิงจรวดที่ยิงขึ้นไปกลางอากาศให้ตกลงมาและการทด
ลองครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จความหมายของการทดลองนี้ชัดเจน:สิ่งแวดล้อมจะถูกทำลาย
เพิ่มขึ้น แม้แต่ความสามารถในการทำลายล้างของกองทัพทหารจะเพิ่มทวีคูณขึ้นอีกหลายทาง
ถ้าประเทศหนึ่งเพิ่มกำลังทหารคู่แข่งของกองทัพจะไม่เพิ่มความแข็งแกร่งของกำลังทหารของเขาเพื่อให้เท่าเทียมกับการเพิ่มกำลังครั้งนี้หรือ?ทุกชาติของโลกจะไม่ยืนดูประเทศหนึ่งประ
เทศใดเพิ่มกำลังของประเทศอยู่เฉยๆเท่านั้นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดสงครามระหว่างประเทศมหา
อำนาจทั้งหลายเหล่านี้?
เมื่อบางประเทศพยายามที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มหาอำนาจก็พยายามอย่างหนักที่จะ
ป้องกันประเทศของเขาให้พ้นจากการครอบครองนิวเคลียร์ แต่พวกเราขอพูดว่า ความพยายาม ที่จะป้องกันนั้นล้มเหลวและประเทศที่ถามนั้นก็สามารถครอบครองอาวุธแห่งการทำลายล้างอันยิ่งใหญ่และถูกบังคับให้ใช้อาวุธเหล่านั้นแล้วส่วนที่เหลือของโลกก็จะพยายามที่จะพัฒนาอาวุธใหม่ๆขึ้นมา เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
อาวุธใหม่ๆแต่ละชิ้นจะทำลายล้างโลกนี้ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าอาวุธนิวเคลียร์สงครามจะ
ไม่ต่อสู้กันด้วยปืนเหมือนในอดีตอีกต่อไป การฆ่ามนุษย์จะไม่เป็นอะไร ประเทศทั้งประเทศหรือ เมืองทั้งเมืองจะถูกทำลายลงไปในพริบตา สงครามนิวเคลียร์จะไม่ถูกจำกัดอยู่ในเขต แต่จะส่งผล ไปถึงสงครามโลกสงครามแต่ละครั้งได้ทำลายล้างไปเรียบร้อยแล้วแม้ว่าการทำลายครั้งใหญ่กว่า
จะคอยโลกอยู่ในรูปของความหายนะทางธรรมชาติ ชั้นบรรยากาศจะถูกทำลายอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และคลื่นกระแสน้ำและพายุจะเพิ่มขึ้นจากการทำลายป่าอยู่เรื่อยๆแล้วกลุ่มแอนตี้ไครส์จะเกิดขึ้น
พร้อมกับมหาอำนาจและทำลายล้างโลกนี้
ท่านอาจจะพูดได้ว่า ผมดูภาพยนตร์มากเกินไป แต่ธรรมชาติของมนุษย์อยู่ที่ความชั่วร้าย นานาชาติจะสร้างกองทัพขึ้นมาและพัฒนาอาวุธใหม่ๆขึ้นซึ่งไม่เคยนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ที่ดี
เลยอาวุธนิวเคลียร์เทียบได้กับสายพันธ์เดียวกันกับอาวุธแห่งการทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ประเทศต่างๆจะทำการประท้วงเพื่อว่าพวกเขาจะอยู่รอดได้ชาติอื่นๆจะพยายามที่จะสร้างดุลยภาพเพื่อต่อต้านประเทศหนึ่งประเทศใดที่พยายามจะมีอำนาจเหนือโลกเมื่อผลิตออกมาแล้วอาวุธนิวเคลียร์และ
ความสามารถทางการทหารจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์แห่งความชั่วร้ายเท่านั้น
นานมาแล้ว เปาโลได้บอกแก่ผู้เชื่อทั้งหลายในกรุงโรมว่าไม่ให้เป็นไปตามโลกนี้ แต่ให้ทำ ตามพระผู้เป็นเจ้าโดยการเปลี่ยนใจของเขาเสียใหม่นี่คือข้อความที่เหมาะสมสำหรับเราผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้มากในวันสุดท้ายเหล่านี้เราต้องเล็งเห็นว่าพระประสงค์อันสมบูรณ์เป็นที่น่าพอใจและ
อันดีของพระเจ้าคืออะไร และทำตามพระผู้เป็นเจ้าด้วยความเชื่อของเรา
แม้ว่า เราจะมีข้อบกพร่องหลายอย่าง พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ยิ่ง ใหญ่ที่สถิตอยู่ในตัวเราดังเช่นพระวิญญาณบริสุทธิ์แม้ว่าร่างกายของเราจะอ่อนแอพระวิญญาณ
บริสุทธิ์ในตัวเรายังแข็งแรงมากพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้จะเปลี่ยนใจของเราใหม่โดยความเชื่อใน
พระวจนะ เพื่อว่าเราจะติดตามพระผู้เป็นเจ้าได้
ขอพวกเราทุกคนจงขึ้นอยู่กับอำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนใจของเราเสียใหม่ และรับใช้พระผู้เป็นเจ้าถ้าพระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมาหาเราขณะที่เรากำลังรับใช้ท่านอยู่เราจงไปกับพระองค์จนกว่าจะถึงวันแห่งการเสด็จกลับมาของพระคริสต์พวกเราจะใช้ชีวิตอยู่เพื่อเผยแพร่ ความชอบธรรมของพระเจ้า เปลี่ยนใจของท่านเสียใหม่โดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า