Search

Bài giảng

เรื่องที่ 11: พลับพลา

[11-23] เสาของลานพลับพลา (อพยพ 27:9-19)

เสาของลานพลับพลา
(อพยพ 27:9-19)
“เจ้าจงสร้างลานพลับพลา ให้รั้วด้านใต้มีผ้าบังลานนั้นทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดยาวหนึ่งร้อยศอก ให้มีเสายี่สิบต้นกับฐานทองสัมฤทธิ์รองรับเสายี่สิบฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้น ให้ทำด้วยเงิน ทำนองเดียวกัน ด้านทิศเหนือให้มีผ้าบังยาวร้อยศอก เหมือนกันกับเสายี่สิบต้น และฐานทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้น ให้ทำด้วยเงิน ตามส่วนกว้างของลานด้านตะวันตก ให้มีผ้าบังยาวห้าสิบศอก กับเสาสิบต้น และฐานรองรับเสาสิบฐาน ส่วนกว้างของลานด้านตะวันออก ให้ยาวห้าสิบศอกผ้าบังด้านริมประตูข้างหนึ่งให้ยาวสิบห้าศอก มีเสาสามต้น และฐานรองรับเสาสามฐาน อีกข้างหนึ่ง ให้มีผ้าบังยาวสิบห้าศอก มีเสาสามต้น และฐานรองรับเสาสามฐานให้มีผ้าบังตาที่ประตูลานยาวยี่สิบศอก ผ้าสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด ประกอบด้วยฝีมือของช่างด้ายสี กับเสาสี่ต้นและฐานรองรับเสาสี่ฐาน เสาล้อมรอบลานทั้งหมด ให้มีราวสำหรับยึดเสาให้ติดต่อกันทำด้วยเงิน และให้ทำขอด้วยเงิน ฐานรองรับเสานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ด้านยาวของลานนั้นจะเป็นร้อยศอก ด้านกว้างห้าสิบศอก สูงห้าศอก กั้นด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และมีฐานทองสัมฤทธิ์ เครื่องใช้สอยทั้งปวงของพลับพลาพร้อมทั้งหลักหมุดของพลับพลา กับหลักหมุดสำหรับรั้วที่กั้นลานทั้งหมด ให้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ “ 
 

ข้อความนี้อธิบายถึงเสา ที่ผ้าบังประตู ผ้านป่านเนื้อละเอียดที่แขวนอยู่ ราวยึดเสา ขอติดเสา ฐานทางสัมฤทธิ์ และหลักหมุดทองสัมฤทธิ์ของพลับพลา พลับพลาเป็นที่ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ ขนาดของลานสี่เหลี่ยมผืนผ้าวัดได้ยาวประมาณ 45 เมตร ( ทางทิศเหนือและใต้ ) กว้าง 22.5 เมตร ( ทางฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตก ) พลับพลาเองนั้นมีโครงสร้างเล็กๆที่มีหลังคาสี่พับปิดไว้ ลานของพลับพลานั้นมีแผ่นรองที่เหมือนลานหลังบ้านที่เปิดกว้างใหญ่ๆ 
เสาของลานพลับพลาวัดได้สูง 2.25 เมตร และอาณาเขตของรั้วมันได้สร้างด้วยเสาไม้ 60 ต้นทั้งหมด และแขวนด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดทุกๆด้านยกเว้นประตู รั้วได้ทำด้วยเสาไม้ เหล่านี้ มีบัวคว่ำของเสาหุ้มเงินที่ปิดคลุมด้านบน และฐานทองสัมฤทธิ์ บนบัวคว่ำของเสาหุ้มเงินมีตะขอเงินเกี่ยวติดไว้อยู่ และมีราวยึดเสาเงินติดอยู่กับตะขอเพื่อค้ำเสาแต่ละต้นไว้ ที่พื้นนั้นมีราวยึดเสาที่ทำด้วยเงินที่ติดอยู่กับหมุดทองสัมฤทธิ์ และจึงทำให้เสาตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคง 
 


อะไรคือความหมายทางจิตวิญญาณที่แสดงในเสาของพลับพลา ?

 
เสาของลานพลับพลาบอกอะไรเรา ? มันบอกเราอย่างชัดเจนถึงวิธีที่พระเยซูคริสต์ทรงช่วยแต่ละคนและเราทุกคนให้รอดจากบาปของโลกนี้เสาไม้ของลานพลับพลาหมายความถึงท่านและผม นั่นคือวิสุทธิชนที่เกิดใหม่ทุกคน แล้วฐานทองสัมฤทธิ์ข้างใต้เสาไม้ของลานพลับพลาบอกอะไรเรา ? มันบอกเราว่าความความจริงนั้นเราจะต้องเผชิญกับการปรับโทษโดยไม่มีทางเลี่ยง เพราะบาปของเรา พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากบาปของเราไม่มีสิ้นสุด
อีกนัยหนึ่ง เสาไม้นั้นได้มีครอบด้วยบัวคว่ำเงินบอกเราว่าพระเจ้าประทานของประทานของความรอดมาให้เรา ด้วยการช่วยผู้มีบาปทั้งหมดให้รอดจากบาปและการละเมิดทั้งหมดของพวกเขาโดยข่าวประเสริฐของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม ที่ตะขอเงินได้ติดไว้ที่บัวคว่ำเงิน และราวยึดเสาได้ติดขอยึดเสานี้ไว้และมีหมุดทองสัมฤทธิ์บนพื้น บอกเราเช่นกันว่าแม้ว่าเราเผชิญกับความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเรา พระผู้เป็นเจ้าของเราก็ประทานของประทานของความรอดมาให้เราผ่านด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด นั่นคือ ผ่านข่าวประเสริฐของความรอด
ในวิธีนี้ที่เสาของลานพลับพลาแสดงความจริงที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราทั้งหมดให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราด้วยการเสด็จมายังโลกนี้้ ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และทรงรับการพิพากษาบาปและสังเวยบูชาพระองค์เแงด้วยโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์บนไม้กางเขนอีกนัยหนึ่งมันได้แสดงให้เราเห็นของประทานของความรอดจากบาปที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดโดยทั้งหมดจากบาปทั้งหมดของเราและทรงทำให้เราเป็นประชาชนของพระเจ้า เสาไม้เหล่านี้ประกอบขึ้น เป็นรั้วรอบลานพลับพลาบอกเราว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยผู้มีบาปทั้ง หมดให้รอดจากบาปของโลกนี้อย่างสมบูรณ์ทั้งหมดเพียงครั้งเดียวด้วยการปฏิบัติพันธกิจของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม นั่นคือ ด้วยการรับบัพติศมาและหลั่งโลหิต ของพระองค์บนไม้กางเขน เพราะความจริงนี้แน่นอนยิ่งนัก ผมจึงขอขอบพระคุณสำหรับมันและเผยแพร่มันออกไปทั่วโลก
 

ฐานทองสัมฤทธิ์ข้างใต้เสา
 
ฐานทองสัมฤทธิ์ของเสานั้นตั้งอยู่บนรั้วนี้ได้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ในขณะที่บัวคว่ำ ด้านบนของเสานั้น ทั้งตะขอและราวของมันทำด้วยเงินทั้งหมด 
มาละโก 7 : 21-22 กล่าวว่า “เพราะว่าจากภายในมนุษย์คือจากใจมนุษย์ มีความคิดชั่วร้าย การล่วงประเวณี การผิดผัวผิดเมีย การฆาตกรรม การลักขโมย การโลภ ความชั่ว การล่อลวงเขา ราคะตัณหา อิจฉาตาร้อน การหมิ่นประมาท ความเย่อหยิ่ง ความโฉด“ พวกเราทุกคนและแต่ละคน ล้วนเกิดมาด้วยบาปชั่วร้ายทั้งหมดในหัวใจของเรานี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงบอกเราว่าเรามีชีวิตอยู่ในช่วงสุดท้ายชีวิตที่เหลืออยู่ของเราในบาปนี้ จนกระทั่งถึงความตายของเราเอง และที่เราจะมีชีวิตของเราเองในหนทางที่เต็มไปด้วยบาปโดยไม่มีทางเลือก และหากเรายอมรับพระวจนะนี้ตามที่มันเป็นแล้ว เราก็สารภาพว่าพื้นฐานโดยธรรมชาติของเรานั้นช่างเต็มไปด้วยบาปที่ในความเป็นจริงมันไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพิพากษาบาปของเราได้เพียงเท่านั้น
ด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยคนที่มีบาป เช่นนั้นเหมือนกับเราให้รอดจากบาปทั้งหมด เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้ด้วยการรับมันไว้ที่ร่างกายของพระองค์โดยบัพติศมา ที่พระองค์ทรงรับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาพระองค์ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไปไว้บนไม้กางเขนและทรงรับการปรับโทษบาปทั้งหมดเหล่านั้นนี่คือวิธีที่พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเรา 
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งนี้ยังไม่พอ ! มันเป็นสิ่งใดไปไม่ได้นอกจากความรอดนี้ที่พระเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปทั้งหมดของเราแม้ว่าเราจะต้องตกนรก มันก็ล้ำค่าที่สุด เป็นพระพรที่สุด และเป็นของประทานที่มีค่าที่สุดในโลกทั้งโลกไม่มีอะไรที่เราจะทำได้นอกจากก้มหัวของเราต่อพระผู้เป็นเจ้าเชื่อในข่าวประเสริฐนี้ที่ได้ช่วยเราด้วยความจริงของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับมันพระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นว่าความรอดของพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นเป็นความจริงที่สมบูรณ์ที่ไม่ขาดอะไรเลยแม้แต่ส่วนเพิ่มเติมหรือส่วนเติมเต็มสักนิดหนึ่ง 
ความลับทั้งหมดของวัสดุของตึกของพลับพลานั้นแก้ไขผ่านความหมายโดยนัย ของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดความลับของความรอดเป็นความจริงที่ไม่มีทาง แก้ไขได้โดยไม่มีข่าวประเสริฐของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด ความหมายโดยนัย ทั้งหมดของระบบพลับพลาพร้องกับความลับของระบบสังเวยบูชานั้นซ่อนอยู่ในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดนี้
ตามความจริงแล้วท่านและผมเป็นเช่นนั้นต่อพระพักตร์พระเจ้ามาก่อนเราผู้ที่ต้องตกนรกเพราะบาปของเราโดยไม่มีทางเลี่ยง พูดตรงๆแล้ว เรายังคงทำบาปต่อไปแม้ในปัจจุบันนี้ แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความรอดที่สมบูรณ์มาให้เราโดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และด้วยการเชื่อในของประทานของความรอดนี้เราได้รับการยกความผิดบาปนี้แล้ว เพราะพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดอย่างสมบูรณ์ จากบาปทั้งหมดของเราและทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ที่เราจะเป็นทายาทของพระองค์ผู้จะมีความสุขอยู่ในความรุ่งเรืองและงดงามของอาณาจักรของพระองค์ นอก จากความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้เราก็ไม่มีทางอื่นที่จะเป็นบุตรที่เกิดใหม่ของพระองค์ได้เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราเราจึงขอขอบพระคุณพระองค์ 
เราเพิกเฉยอยู่ตลอดเวลาต่อผู้ที่อยู่ในตัวตนพื้นฐานของเราอย่างแท้จริง วัดออกไปเพียงแรงโน้มถ่วง ของบาปของเราตามมาตรฐานของเราเอง แต่มันไม่ใช่ความสำคัญไม่ว่าเราจะทำบาปอะไรหรือไม่เพราะเราเป็นผู้มีบาปเช่นนั้นโดยพื้นฐาน ที่จะต้องตกนรกตั้งแต่เกิดโดยไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเราเลย ด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดนี้ที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยคนเช่นเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราพระองค์เสด็จมาหาเราอย่างแท้จริงในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่ตามที่พระองค์ทรงสัญญาเอาไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่าทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปไว้ที่พระองค์ตามพระวจนะของคำสัญญาทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปบนไม้กางเขนทรงจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดของเราด้วยการสังเวยบูชาของพระองค์ด้วยการหลั่งโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนและจึงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราและประทานของประทานของความรอดมาให้เรา นี่คือวิธีที่ท่านและผมได้รับของประทานของความรอดจากบาปทั้งหมดของเราด้วยการเชื่อในพระเยซู คริสต์ 
 


ทำไมมีการแขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดเหนือเสาของลานพลับพลา ?

 
เสาทั้งหมด 60 ต้นได้ตั้งอยู่ที่ลานพลับพลา และมันก็ปิดด้วยการแขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดสีขาวไว้ การแขวนนี้บอกเราว่าแม้ว่าเราไม่สะอาดทั้งหมดด้วยการยังมีคราบของบาปอยู่และจากความจริงที่ว่าเราสมควรที่จะถูกปรับโทษบาปของเราและต้องตกนรก อย่างไรก็ตาม พระผู้เป็นเจ้าของเรา ก็ชำระเราด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด อีกนัยหนึ่ง การแขวนบอกเราทั้งหมดถึงความจริงที่พระเยซู คริสต์ทรงชำระเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
เมื่อพระเยซู เสด็จมายังโลกนี้ และทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาผู้แทนของมนุษยชาติทั้งหมด บาปของโลกนี้ก็ได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยทั้งหมด การได้รับบาปทั้งหมดของโลกนี้พระเยซูจึงถูกตรึงและหลั่งโลหิตของพระองค์ เพื่อรับการปรับโทษบาปและพระองค์ก็ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่ยังคงอยู่ นี่คือของประทานของความรอดที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้สมบูรณ์ผ่านพันธกิจของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดของพระองค์และนี่คือความรักของพระผู้เป็นเจ้าของเราที่ทรงชำระเราให้พ้นจากบาปทั้งหมดของเราและทำให้เราไม่มีตำหนิและไม่มีข้อด้อยที่จะเป็นประชาชนของพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเปลี่ยนเราผู้ที่เชื่อในความจริงนี้ให้เป็นประชาชนของพระเจ้าเองด้วยการประทานของประทานของความรอดนี้มาให้เรา 
ผ้าป่านเนื้อละเอียดที่แขวนอยู่ที่เสาของพลับพลาบอกเราถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าแต่มันกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของเราเช่นกัน ความบริสุทธิ์ของผู้ที่เชื่อแท้จริง ดังนั้น หากเราต้องการเป็นบุตรของพระเจ้าเราก็จะต้องสะอาดจากบาปทั้งหมดของเราและบริสุทธิ์ด้วยการเชื่อในพันธกิจของพระเยซูของด้าสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม พระเจ้าทรงบอกเราว่า “เพราะเราคือพระเยโฮวาห์ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจึงต้องบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์ “ ( เลวีนิติ 11 : 45 ) แต่ เราจะบริสุทธิ์ได้อย่างไรผ่านการกระทำ ของเราเอง ? เราไม่มีทางบริสุทธิ์ได้ด้วยความพยายามของเราเอง แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงชำระสิ่งเช่นท่านและผมให้สะอาดด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป้านเนื้อละเอียด นี่คือวิธีที่ท่านและผมได้เป็นประชาชนของพระเจ้าเองทั้งหมด ไม่มีทางอื่นอีกแล้วนอกจากการเชื่อในข่าวประเสริฐของความชอบธรรมของพระเจ้า และบริสุทธิ์ด้วยการได้รับชำระบาปทั้งหมดของเรา 
 

ฐานทองสัมฤทธิ์และหมุดทองสัมฤทธิ์
 
บัวคว่ำ เงินได้หุ้มที่ด้านบนของเสา และตะขอเงินและราวยึดเสาก็เชื่อติดกันและเพื่อยึดเสาแต่ละต้นไว้ด้วยกัน เสาแต่ละต้นก็เข้ากันได้พอดีกับฐานทองสัมฤทธิ์ และเสาของหมุดทองสัมฤทธิ์นั้นยึดเสาแต่ละต้นของอาณาเขตของรั้วพลับพลาจากด้านบนไปถึงพื้น 
สิ่งนี้แสดงให้เราเห็นว่า แม้ว่าเราจะต้องถูกปรับโทษและต้องตกนรกเพราะบาปของเรา พระเจ้าทรงทำให้เราเป็นคนที่บริสุทธิ์ ของพระองค์ด้วยการประทานของประทานของความรอดที่ได้นำเราให้พ้นจากบาปทั้งหมดของเราไปเพราะพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นประชาชนบริสุทธ์ ของพระองค์ผ่านพระคุณของความรอด เราจึงสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระคุณของพระองค์นี้การเชื่อในพระเจ้าผ่านพระวจนะของความจริงของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดนี้ไม่เพียงแต่เราจะสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น แต่เราก็ได้เผยแพร่พระวจนะไปด้วยเช่นกัน
มีวันไหนอย่างแท้จริงไหมที่เราไม่เคยทำบาป ? ไม่มีเลย ! แม้ว่าเราผู้ที่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้าและเกิดใหม่แล้วโดยพระคุณของพระองค์ก็ทำบาปเช่นกัน หากใครก็ตามเป็ยนปฏิปักษ์กับเราแม้เพียงน้อยนิด หรือไม่เป็นมิตรกับเราเพียงพอ เราก็ตอบโต้ไปด้วยความโกรธเคือง และสาปแช่งคนผู้นี้โดยเร็ว กล่าวว่าหากมีบางคนที่ตัดหน้ารถท่านในขณะที่ท่านขับรถอยู่และเกือบจะเกิดอุบัติเหตุท่านจะไม่ตอบโต้ไปด้วยความโกรธกับคนที่ขับรถไม่ระมัดระวังคนนั้นหรือ ? โอ ใช่สิ ! ผมคงจะสาปแช่งคนขับรถไม่ระมัดระวัง คนนั้นไปดังๆด้วยเสียงที่ดังเหมือนแตรของผม แต่สิ่งนี้เป็นที่ดีถูกต้องที่ควรจะทำอย่างนั้นหรือ ? ไม่แย่าง แน่นอนแต่ปัญหาก็คือว่าเราเป็นผู้ที่ทำบาปอยู่ในทุกขณะอย่างไม่มีทางเลือกนั่นเอง 
เราเป็นผู้ที่จะต้องตกนรก เพราะความอ่อนแอของเราเอง อย่างไรก็ตาม พระเจ้าประทาน “ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดออกสำหรับเราทั้งหลาย “ ( ฮีบรู 10 : 20 ) สิ่งนี้เป็นของประทานของพระเจ้าโดยทั้งหมดที่สมบูรณ์ทั้งหมดโดยพระเยซู คริสต์ตามน้ำพะทัยของพระเจ้า พระบิดา 
อะไรคือของประทานของความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้เรา ? พระองค์ประทานของประทานของความรอดจากบาปมาให้ เรา ที่ได้สมบูรณ์ผ่านด้ายทั้งสี่ของพลับพลา ด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด แล้วเราจะไม่สรรเสริญพระเจ้าได้อย่างไร ? เมื่อเราได้รับความรอด แท้จริงนี้อย่างแท้จริงสันติสุขแท้จริงจะไม่พบในหัวใจของเราได้อย่างไร ? ความรอดของเราไม่มีทางได้รับได้ด้วยการจ่ายเป็น เงินหรือทองคำใดๆได้ หรือมันเป็นเหมือนหมอกหรือหยดน้ำค้างยามเช้าที่หายไปในไม่ช้าหลังจากเกิดขึ้น แต่เรารอดอย่างเป็นนิรันดร์และสมบูรณ์ พระเจ้าทรงรักผู้มีบาปยิ่งนักพระองค์จึงประทานพระคุณของความรอดมาให้พวกเขาเป็นของประทานฟรีและในของประทานนี้ที่พระองค์ทรงสวมเราผู้ที่เชื่อด้วยความชอบธรรมของพระองค์
ในท่ามกล่างของต่างๆของรั้วของลานพลับพลา ฐานทั้งหมดและหมุดทั้งหมดที่ยึดกับพื้นไว้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ แต่บัวคว่ำ ตรงด้านบนของเสานั้นทำด้วยเงิน ทั้งหมดนี้แสดงให้เราเห็นว่าตามความจริงที่เรามีพื้นฐานที่จะต้องตกนรก เราก็เป็นบุตรของพระเจ้าด้วยการได้รับของประทานของความรอดที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้เราทุกคน และเราแต่ละคนได้รับของประทานนี้ด้วยการเชื่อในพระวจนะของพระองค์ จากสิ่งนี้ความรอดจากบาปของเราที่เราได้รับนี้มันแน่นอนเพียงใด ? นี่คือของประทานที่พระเจ้าประทานมาให้เรา และมันเป็นความรอดที่แน่นอนและเป็นพระพรที่ไม่มีทางสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะเรารู้จักสิ่งนี้เราจึงขอบพระคุณพระเจ้าได้เพียงพอด้วยทั้งหมดของเรา ที่มี
การที่ท่านและผมรอดแล้วจากบาปทั้งหมดของเรานั้นเป็นของประทานของพระเจ้าอย่างแน่นอนที่สุดความรอดของเรานั้น ไม่ใช่ความไม่สมบูรณ์ที่มันจะหายไปโดยง่าย เมื่อใดก็ตามที่ ความชั่วร้ายของเราเปิดเผยขึ้นมา สำหรับผู้มีบาปชั่วร้าย เช่นท่านและผมพระผู้เป็นเจ้าได้เสด็จมายังโลกนี้และประทานของประทานของความรอดมาให้เราด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดมาให้ ดังนั้น ทุกคนที่เชื่อในความจริงนี้จึงรอดจากบาปทั้งหมดของพวกเขาอย่างเป็นนิรันดร์ เพราะความรอดของพระผู้เป็นเจ้าของผู้มีบาปทั้งหมดนั้นช่างสมบูรณืยิ่งนักและเพราะพระองค์ทรงดูแลความบกพร่องทั้งหมด ความอ่อนแอ และข้อตำหฟนิของเนื้อหนังของ เราทั้งหมดพระองค์จึงทำให้เราทั้งหมดนี้เพื่อที่เราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบาปอีกคนทั้งหลายที่รู้จักอย่างกระจ่างชัดและเชื่อในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด นั้นเป็นผู้ที่รอดอย่างสมบูรณ์อย่างเป็นนิรันดร์
จากสิ่งนี้ของประทานของความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้เรานั้น มันล้ำค่าและมีคุณค่า มากมายเพียงใด ? ผมขอบพระคุณอย่างแท้จริงสำหรับของประทานของความรอดนี้ เพราะมันได้นำความสงบสุขและความสะดวกสบายมาสู่หัวใจของเรา และอวยพระพรให้เรายิ่งนักพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงนำความสงบมาสู่หัวใจเรานี่คือเหตุผลที่่พระองค์กล่าวว่า “ บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข“ ( มัทธิว 11 : 28 ) ผมช่างมีความยินดีต่อพระเจ้ายิ่งนักที่ประทานของประทานของการไถ่บาปนี้ให้แก่บาปทั้ง หมดของผม 
ผมเชื่อว่าไม่เพียงแต่ผมเท่านั้นที่มีคุณค่าต่อพระเจ้าแต่ท่านด้วยเช่นกันพระเจ้าทรงช่วยท่านท่านและผมด้วยข่าวประเสริฐของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด พระเจ้าทรงกล่าวว่าพระองค์ประทานของประทานของความรอดมาให้แก่ทุกคนที่เชื่อในพระวจนะนี้และเพราะว่าผมเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงกล่าวผมจึงคิดและเชื่อว่าท่านก็ล้ำค่าต่อพระเจ้าเช่นกัน 
เมื่อไม่นานมานี้ตามที่เราได้ทำงานหนัก เพื่องานของพระเจ้าแม้ว่าจะนอกเหนือกำลังของเรามันก็จะมีเวลาที่เรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้าง ดังนั้น ผมอยากจะมีความสบายบ้างและกระตุ้น ให้เพื่อนร่วมงานของผมทำผ่านความหมายของเนื้อหนังตามที่ได้บิขนมปังร่วมกันบ้างแต่ผมรู้ดีว่าเราไม่สามารถมีความสบายได้โดยง่ายด้วยความสะดวกสบายของเนื้อหนัง เราถูกกระตุ้นด้วยการจด จำของประทานของความรอดที่แน่นอนของเรา ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้แทนความสะดวก สบายแท้จริงของเรา เรามีความสะดวกสบายและรู้สึกพอใจด้วยพระพรทางจิตวิญญาณที่พระเจ้าประทานมาสู่หัวใจของเราแล้ว เพราะเราได้รับรางวัลและพระพรที่ยิ่งใหญ่ในของประทานของความรอดนี้ที่พระเจ้าประทานมาให้เราหัวใจของเราก็มีสันติสุขและพระพร ที่อาจจะดูจะไม่เป็นที่รู้จักในทางโลกนี้ 
พระเจ้าประทานของประทานของความรอดที่สมบูรณ์มาให้แก่กันและแก่ท่านทุกคนที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดกว่าของขวัญใดๆในโลกนี้ มีบางคนที่อ้างว่าไม่มีบาปด้วยการยึดมั่นทางศาสนาของพวกเขาตามที่พวกเขาไม่เชื่อในความจริงของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด แต่ ความรู้สึกยึดมั่นศรัทธาของพวกเขาจะระเหย ไปในเร็ววัน สันติสุขที่พวกเขาเข้าถึงด้วยความคิดของพวกเขาหายไปเหมือนกับหมอกยามเช้า เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทำบาปแม้เพียงเล็กน้อยหรือแม้แต่เมื่อมีความยากลำบากแม่เพียงแต่นิดเดียว 
แต่สำหรับคนทั้งหลายที่เชื่อในความรอดของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดที่พระผู้เป็นเจ้า ประทานมาให้ยิ่งความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญมากขึ้นเพียงใด สันติสุขของจิตใจของพวกเขาก็ส่องแสงประกายอย่างเจิดจรัส มากเท่านั้น แม้ว่าเราจะถูกเหยียบย่ำจนบาดเจ็บและอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจแต่ความสมบูรณ์ และคำขอบคุณก็ท่วมท้นออกมาจากใจของเราจากของประทานของความรอดในหัวใจของเราที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ เราเป็นผู้ที่รอดแล้วโดยทั้งหมด ผู้ที่ไม่มีทางกลับไปสู่อิยิปต์ ไม่เผชิญกับบาปและการปรับโทษบาปของเราอีกครั้งพระเจ้าทรงอวยพระพรให้เราผู้ที่รู้สักและเชื่อในความจริงของความรอดนี้ที่พระองค์ประ ทานมาให้เราเพื่อที่เราจะสามารถขอบพระคุณพระองค์ได้เสมอด้วยความเชื่อของเรา นี่คือเหตุผลที่เราขอบพระคุณพระเจ้าด้วยความเชื่อของเรา
ผมไม่สามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้เพียงพอ สำหรับสิ่งที่ผมได้รับจากพระองค์ ความรอดที่แน่นอนของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม นี้และสำหรับพระเจ้าที่ทรงรักผม อวยพระพรให้ผมอย่างยิ่งใหญ่และทำให้ผมประกาศข่าวประเสริฐอันล้ำค่านี้ออกไปได้ เพราะผมรู้ว่าผมไม่สม ควรจะได้รับมัน แม้ว่าผมจะขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าทุกวันผมก็ไม่สามารถขอบพระคุณพระ องค์ได้เพียงพอที่ทรงทำให้ผมมีชีวิตที่เชื่อในข่าวประเสริฐ ผมขอบพระคุณพระองค์ตลอดกาลเมื่อผมขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานของความรอดที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ประทานมาให้ผม และเมื่อผมพยายามแสดงหัวใจที่มีความสบายใจ ให้ผม ผมตระหนักว่ามันจะบกพร่องเพียงใดของ คำศัพท์และการแสดงอารมณ์ของผม 
เราเป็นผู้ที่เชื่อในความรอดนี้ที่แสดงไว้เป็นข่าวประเสริฐของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด พระเยซูประสูติมาบนโลกนี้ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของท่านไปไว้ที่พระองค์ด้วยการรับบัพติศมาจกยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เมื่อพระชนม์ได้ 30 ปี ทรงแบกเอาบาปเหล่านี้ไปบนไม้กางเขน หลั่งโลหิตของพระองค์ และสิ้นพระชนม์บนนั้น ทรงฟื้นขึ้น มาจากความตายและตอนนี้ประทับอยู่ที่เบื้องพระหัตถ์ขวาของบัลลังค์ของพระเจ้า พระบิดา พระเยซู คริสต์นี้ประทาน ของประทานของความรอดที่สมบูรณ์มาให้แก่ทุกคนผู้ที่ได้รับมันโดยความเชื่อ ถ้าเราไม่ทรยศความเชื่อนี้แล้ว ความรอดนี้ที่เราได้รับในครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะไม่มีทางไร้ค่า ไม่ว่าเราจะมีข้อ ด้อยอะไร และไม่ว่าเราจะทำผิดพลาดอะไร เราก็มาเป็นประชาชนของพระองค์ทั้งหมดที่สวมในของประทานของความรอดที่สมบูรณ์ 
 


ผ้าป่านเนื้อละเอียดที่แขวนบนเสาของลานพลับพลา

 
เมื่อลองนึกดูถึงผ้าป่านเนื้อละเอียดที่แขวนไว้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ผ้าป่านเนื้อละเอียดที่แขวนไว้นี้ไม่ได้ทำด้วยใยสังเคาระห์ แต่ทอดด้วยด้ายเนื้อดีสีขาวหากท่านแขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดไว้ในที่ที่เป็นทะเลทราย มันก็จะเปื้อนไปโดยรวดเร็ว แล้วพระเจ้าจะทรงให้แขวนผ้าสีขาวนี้ไปโดยไม่มีเหตุผลโดยไม่รู้ว่ามันจะสกปรกไปอย่างรวดเร็วหรือ ? พระองค์ทรงบอกชาวอิสราเอลให้แขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดนี้เพื่อแสดงถึงของประทานของความรอดที่พระองค์ประทานมาให้เรา ผู้ที่ยอมรับของประทานนี้ผ่านความเชื่อ มันทำให้เรารู้อย่างชัดเจนและทำสัญญาณในหัวใจของเราว่าพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปชั่วร้ายทั้งหมดและอย่างสะอาดด้วย 
พระเจ้าทรงทำให้ชาวอิสราเอลแขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดไว้ สิ่งนี้มีความหมายว่าเราควรจะสรรเสริญพระองค์อย่างเป็นนิรันดร์และของพระคุณพระองค์อย่างแท้จริงด้วยการได้เห็น และเชื่อในความรอดที่สมบูรณ์ของพระองค์ ที่ได้เปิดเผยในผ้าสีขาว ที่แขวนไว้พระเจ้าประทานของประ ทานของความรอดมาให้เราทั้งหมดผ่านผ้าป่านเนื้อละเอียดที่แขวนไว้ความรอดของเราที่พระองค์ประทานมาให้นั้นเป็นเช่นผ้าป่านเนื้อละเอียดนั่นเอง 
เราชั่วร้ายและผิดศีลธรรม อย่างแท้จริงเป็นผู้ที่จะต้องตกนรกไปโดยไม่มีทางเลือกเพราะบาปเราต้องชำระเสื้อผ้าของจิตใจของเราหลายๆครั้งเพียงวันเดียว พระเจ้ายังทรงทำให้หัวใจของเรานั้นขายอย่างสิ้นเชิง อีกนัยหนึ่ง พระเจ้าของเรา ทรงสร้างคนเช่นเราทั้งหมด พลังของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ยิ่งนัก และแสนวิเศษ ที่พระองค์ทรงเปลี่ยนเราโดยทั้งหมดเราผู้ที่แยกแยะความชั่วร้ายได้ และเปื้อนได้โดยง่าย ให้เป็นประชาชนที่บริสุทธิ์แล้วของพระองค์
ทุกวันนี้ ท่านและผม ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำ และพระวิญญาณนี้คือผู้ที่ได้รับของประทานของความรอดจากพระเจ้าเราเป็นผู้ที่มีบาปในหัวใจที่ได้รับชำระออกไปอย่างทั้งหมดแล้ว และเราก็ขาวราวกับหิมะแล้ว 
ท่านยังคงมีบาปในหัวใจของท่านไหม ? ไม่อย่างแน่นอน ! ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากหัวใจของท่านที่จะขายสะอาดเหมือนผ่าป่านที่แขวนอยู่ที่รั้วของลานพลับพลา ท่านและผม จึงสะอาดอย่างสิ้นเชิงตามความจริงที่เรามีพื้นฐานที่จะต้องถูกปรับโทษเพราะบาปของเรา อย่างไรก็ตามเราก็รอดแล้ว ความรอดนี้ไม่ได้มาจากความดีหรือความสัตย์ซื่อของเราเอง แต่มาจากพระคุณของพระเจ้าที่ทรงสวมเราด้วยพลังของพระองค์เหมือนกับหมุดทองสัมฤทธิ์ของเสาของพลับพลาที่ติดอยู่กับบัวคว่ำเงินของพวกเขาด้วยการแขวนมันกับราวยึดเสา แม้ว่าเราต้องตกนรกอย่างแท้จริงและถูกปรับโทษบาป แต่ด้วยการเชื่อว่าพระเจ้าทรงสวมเราในของประทานของความรอดของพระองค์ เราได้เป็นประชาชนของพระองค์ที่รอดทั้งหมดนี่คือความจริงที่แสดงไว้ในรั้วของลานพลับพลา 
เสา 60 ต้นของลานพลับพลา หมายความถึงเรา ผู้ที่เชื่อแท้จริง อีกนัยหนึ่ง เสาแต่ละต้นนี้หมายความถึง เราแต่ละคนเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถเป็นทั้งประชาชนของพระเจ้าหรือเข้าไป สู่พระนิเวศน์ของพระองค์ได้และพระเจ้ายังประทานของประทานของความรอดของพระองค์มาให้แก่ประชาชนที่ไม่มีค่าอะไรเช่นเรา พระองค์เสด็จมายังโลกนี้ ทรงทำของประทานของความรอดสมบูรณ์ประทานของประทานของความจริงและเรารู้จักและเชื่อในความจริงนี้ พระองค์ทรงทำให้เราเป็นประชาชนของพระองค์ผู้ที่จะรอดทั้งหมดและจะไม่มีทางถูกสาปแช่งอีกครั้งหนึ่ง 
สิ่งนี้มันเป็นพระพรที่แสนวิเศษอะไรเช่นนี้ ? เตัวเราเองไม่สามารถยืนได้ลำพังได้นอกจากล้มลงเหมือนกับเสาของลานพลับพลายังมีเหตุผลที่เราไม่ล้มลงหลังจากรอดจากบาปทั้งหมดของเราแล้วเพราะว่าเราผู้ที่เชื่อในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดที่สมบูรณ์ที่วางความเชื่อทั้งหมดและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคุณของพระองค์เราจะต้องเชื่อก่อนแม้ว่าเราจะไม่มีค่าอะไรตามที่เป็นผู้ที่จะต้องตกนรกไปโดยไม่มีทางเลี่ยงก็ตามพระผู้เป็นเจ้าทรงชำระบาปทั้ง หมดของเราออกไปและจึงช่วยเราให้รอดทั้งหมดด้วยการรับการปรับโทษบาปทั้งหมทดของเราไปโดยพระองค์เองผ่านด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด และด้วยความเชื่อนี้ ที่เรายืนต่อพระพักตร์พระเจ้าได้เวลาใดก็ตาม สรรเสริญพระองค์ รับใช้งานของพระองค์และขอบพระคุณพระองค์เสมอสำหรับของประทานของความรอดนี้
มีเวลาที่เราสะดุดบ้าง เพราะความอ่อนแอของเนื้อหนังของเราบ้างแม้ว่าเราเชื่อว่าเรารอดแล้วจากบาปและการปรับโทษบาปทั้งหมดของเรา มันก็มีเวลาที่หลังจากความรอดของเราเมื่อเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกเบื่อสงสัยว่าทำไมเรามีชีวิตอยู่ในทางเช่นนั้น แม้ว่าเราติดอยู่โดยความ คิดทางเนื้อหนังเช่นนั้น เหตุผลที่เราไม่ได้แยกจากพระเจ้าและมีชีวิตของความเชื่อของเราโดยไม่สั่นคลอนหลังจากความรอดของเรานั้นเพราะว่าเมื่อเรามองกลับไปว่าเราเป็นใครอย่างแท้จริงเราก็รู้สึกขอบคุณของประทานของความรอดและพระคุณของการปลดปล่อย ที่พระเจ้าประทานมาให้มากขึ้นไปอีก
นั่นคือเหตุผลที่เราสามารถยืนได้อย่างมั่นคงทั้งหมดบนความเชื่อของเรา เราสามารถยืนได้อีกครั้งด้วยความเชื่อจากความผิดหวังของเราทั้งหมดที่ขอบพระคุณต่อข่าวประเสริฐที่แสนวิเศษของเรา แม้ว่าเรามักจะเต็มไปด้วยข้อบกพร่องอยู่เสมอ เราก็สามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้สำหรับความรอดที่สมบูรณ์ของพระองค์ เราไม่มีทางโอ้อวด ไม่แม้แต่น้อย เรากลับขอบพระคุณพระองค์สำหรับการทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ผ่านของประทานของความรอดนี้ยืนอย่างมั่น คงต่อพระพักตร์พระองค์ และทำงานของปารเป็นปุโรหิตอย่างสัตย์ซื่อ สิ่งที่ทำให้เรายึดและยืนอย่างมั่นคนั้นเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากความจริงที่ว่าเราได้รับของประทานของความรอดและพระคุณอันยิ่งให้ที่พระเจ้าประทานมาให้เรา หากเรารู้พื้นฐานธรรมชาติของเราตามที่มันเป็นเราก็ยอมรับการยกความผิดบาปที่พระเจ้าประทานมาให้เราผ่านพระวจนะของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด และรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของเรา 
เมื่อเรายอมรับสิ่งนี้เข้าสู่หัวใจของเราด้วยการรู้จักและตระหนักว่ามันช่างซึ้งน้ำใจยิ่งนักความเชื่อของเราก็ไม่มีทางสั่นคลอนได้อีกต่อไป มันมั่นคงขึ้น ไม่ว่าผู้คนจะหลอกลวงเช่นใดที่ถาโถมเข้ามาสู่เราไม่ว่ามันจะไร้สาระเพียงใดที่พวกเขาสนับสนุน ด้วยการกล่าวว่าตอนนี้พวกเขาสม บูรณ์แล้วเพราะพวก เขาเองตายไปแล้วด้วยการเชื่อในโลหิตอันล้ำค่าของไม้กางเขนเพียงอย่างเดียว ความเชื่อของเราก็ไม่มีทางสั่นคลอนได้ แม้ว่าธรรมชาติพื้นฐานของเรานั้นชั่วร้ายยิ่งนักแต่ด้วยการเชื่อในความจริงที่แน่นอนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดโดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด เราก็สามารถต่อสู้กับคำเท็จเช่นนั้นได้อย่างกล้าหาญและยืนอยู่ด้วยความเชื่อมั่นคงได้
เราสู้กับคำเท็จนี้ได้ในวิธีนี้ ด้วยการกล่าวว่า “ อะไรนะ ? เรารอดแล้วด้วยโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์เพียงเท่านั้นหรือ ? หากเราละทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่งของความรอดที่สมบูรณ์โดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มไป จะไม่มีอะไรที่เราจะโอ้อวดได้เลย มันช่างไร้สาระอะไรเช่นนี้ ? “ 
แต่หากเราแยกจากพระคุณของความรอดที่พระเจ้าประทานให้เราแล้วเราก็จะไม่สามารถเห็นได้ด้วยตัวของเราเองตามที่เราเป็น และด้วยเหตุนี้ เราก็จะเป็นคนมั่นใจในตัวเองและโอ้อวด และก็จบลงด้วยการเปลี่ยนไปเป็นคนชั่วร้ายด้วยการดูที่ตัวเราเองตามที่เราเป็นเราจึงพบของประ ทานของความรอดของพระเจ้าแม้ในระดับที่ดีกว่าด้วย นี่คือวิธีที่เราเชื่อฟังคำชี้แนะของพระองค์ที่ว่า “จงชื่นบานอยู่เสมอจงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอจงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย “ ( 1 เธสะโลนิกา 5 : 16-18 ) 
เหตุผลที่เราสามารถยืนได้อย่างมั่นคงต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างแท้จริงก็เพราะเราเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาการสาปแช่งบาปทั้งหมดของเราไว้เหมือนกับเสาแต่ละต้นที่ได้รับการหนุนด้วยราวยึดเสาเงินและมัดติดกับหมุดทองสัมฤทธิ์ ดังนั้น แม้ว่าเมื่อเราสะดุด เราก็จะพบความสมดุลของเราได้ อีกครั้งหนึ่งด้วยราวยึดเสาเงินที่ยึดเราไว้อย่างมั่นคงตามที่ราวยึดเสาเงินแต่ละเส้นได้ติดตะขอและหมุดยึดเสาเอาไว้อย่างมั่นคง เพราะหัวใจของเราตระหนักว่าเราเป็นใครอย่างแท้จริง และเพราะมีพระคุณของพระเจ้าที่ได้ช่วยเราให้รอดผ่านด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดอยู่ เราก็ไม่ล้มลงเพราะสิ่งนี้เอง เรายืนอย่างมั่นคง ไม่สั่นคลอนไปทางซ้ายหรือทางขวา
เพราะของประทานของความรอดที่สมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานมาให้เรา และเพราะความ ชอบธรรมของพระเจ้า ที่เราจะไม่ล้มลงหน้าคว่ำหรือทางด้านหลังหรือทางด้านข้างของเรา แต่จะยืนอย่างมั่นคงบนฐานทองสัมฤทธิ์ ฐานทองสัมฤทธิ์มีความหมายโดยนัยว่าเราจะตกนรกไปแต่เดิม เราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้เสมอ และยืนอย่างมั่นคงและปลอดภัยด้วยความเชื่อด้วยการจดจำว่าเรารอดแล้วจากการปรับโทษบาปที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นเป็นความจริงของความรอดที่แสนวิเศษมันไม่สามารถได้รับได้จากทฤษฎีการสัมมนามากมายนับไม่ถ้วนใดๆและการจบการศึกษาจากโรงเรียนใดๆของโลก และเพราะว่านี่คือพื้นฐานและพื้นฐานของความเชื่อ ดังนั้นทฤษฎีใดๆในที่ไม่รู้จักและไม่ได้เรียนรู้ความจริงของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด ก็เป็นเหมือนการสร้างบ้านบนทรายที่จะพังลงมาในที่สุดและล้มลง พื้นฐานของความเชื่อแท้จริงของท่านจะ ต้องหนักแน่นเหมือนกับหินอ่อนก้อนใหญ่ที่เป็นฐานของก้อนหิน 
 

อะไรคือศาสนศาสตร์ ?
 
พูดตามตรงแล้วมีสองกระแสหลักในปัจจุบันนี้้ที่แบ่งศาสนศาสตร์คือศาสนศาสตร์ที่เอาพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง และศาสนศาสตร์ที่เอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง หนึ่งหรือทั้งสองนี้ได้ถูกนำมาสอนในการสัมมนา พูดโดยง่าย ความเชื่อที่ขึ้นอยู่ตามพระวจนะอย่างเคร่งครัดนั้นคือความเชื่อที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ในขณะที่ความเชื่อที่ยอมรับความคิดของมนุษย์เป็นพระวจนะนั้นเป็น ความเชื่อที่เอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง ศาสนาศาสตร์ที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง นั้นไม่ได้มีความสนใจเป็นพิเศษในสิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวอย่างแท้จริงแต่ตำแหน่งทางวิชาการของพวกเขานั้นแข็งแกร่งและสำคัญขึ้น ขึ้นอยู่กับว่านักวิชาการนั้นอยู่ในสังกัดใดในมุมมองที่พวกเขาเชื่อตาม ดังนั้นศาสนาศาสตร์ที่เอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง จึงไม่มีทางสามารถได้รับการพิจารณาได้ว่าเป็นศาสนศาสตร์ที่ถูกต้องได้ 
โดยทั่วๆไปแล้ว ผู้คนที่ศึกษาศาสนศาสตร์ โต้เถียงว่ามุมมองของทางศาสนศาสตร์ ของพวกเขาเพียงเท่านั้นที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น แม้ว่าตอนนี้มีคนมากมายผู้ที่เข้าร่วมคริสตจักร เซเว่นเดย์ แอดเวนติสต์ ที่ให้สำคัญที่ของวันสะบาโตเพียงเท่านั้น อีกนัยหนึ่ง คริสตจักรโปแคตสแตนท์ ได้ยอมรับเพียงประเด็นห้าข้อของคาลวินที่มีชื่อเสียง ลัทธิอามินิส เพียงเท่านั้น ในอีกตัวอย่างหนึ่ง การโต้เถียงว่าแม้ว่าพระเจ้าทรงช่วยเรา มนุษยชาติก็จะต้องเชื่อในความจริงนี้ด้วยความตั้งใจของมันเช่นกัน ในบางวิธีลัทธิอามินัสก็สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นมาตรฐานทฤทษฎีของศาสนศาสตร์ ที่เข้าใกล้และตีความพระคัมภีร์ไบเบิ้ลด้วยมุมมองของมนุษย์ 
ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราดูที่ห้าจุดของลัทธิคาลวินเราก็พบว่ามีความเชื่อของมันนั้นถูก ต้องตามทฤษฎี สักอย่างหนึ่งแต่เป็นชะตากรรม เกินไป ทำไม ? เพราะลัทธิคาลวินได้เกิด คำสอนของการกำหนดไว้และการเลือกของพวกเขาเป็นดุจความจริง โต้เถียงว่า “ ก่อนที่ท่านจะเกิดใหม่ พวกท่านบางคนได้ถูกเลือกแล้วโดยพระเจ้าให้เป็นประชาชนของพระองค์ ในขณะที่คนอื่นๆละทิ้งการเลือกไว้ของพระองค์ มีเพียงการเลือกไว้ของพระเจ้าเพีัยงเท่านั้น “ การอ้างที่เป็นอันตรายเช่นนั้นไม่สามารถได้รับการยอมรับโดยพระวจนะของพระเจ้าได้ 
ดังนั้นเมื่อเราเปรียบเทียบกับคำสอนคริสเตียนที่มีชื่อเสียงออธอด็อกกับพระวจนะของพระเจ้าเราก็พบว่ามันแตกต่างอย่างแท้จริงจากความจริง แน่นอนว่าในบางประเด็น พวกเขามาใกล้ชิดความจริง แต่ทฤษฎีของคริสเตียนของลัทธิส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ห่างไกลจากความจริงตามหลักพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนัก แน่นอน มีบางส่วนที่เกิดขึ้นพร้อมกันตามความจริงตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในคำสอนของพวกเขาเอง แต่การสอนตามหนักนั้นมีข้อผิดพลาดมาก เกินไป ที่จะมาใกล้พระวจนะของพระเจ้า และนี่คือเหตุผลที่เราจ้องหยุดเรียนรู้คำสอนผิดๆเช่นนั้น
 


ความรอดจากบาปของเรานั้นเป็นของประทานทั้งหมดของพระเจ้า

 
พระเจ้าทรงประทานความรอดมาเป็นของประทานของพระองค์ให้แก่คนทั้้งหลายที่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้าอย่างแท้จริง 
รั้วของลานพลับพลาถูกสร้างด้วยเสาไม้ 60 ต้น ด้านบนของเสาเหล่านี้ มีบัวคว่ำทำด้วยเงิน อยู่ และด้านล่างมีฐานทองสัมฤทธิ์วางไว้ แต่ละอันนั้นยึดติดกัน ด้วยราวยึดเสายึดกันและกันไว้และติดหมุดทองสัมฤทธิ์ที่ยึดพื้นไว้อยู่เสาไม้ที่ตั้งไว้ทุกๆ 5 ศอกหรือ 2.25 เมตร เป็นช่วงๆ และบนเสานี้ได้แขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดสีขาวไว้ 
ตามที่เสาได้ยึดไว้อย่างมั่นคงด้วยหมุดทองสัมฤทธิ์ และติดยึดกันและกันไว้อย่างมั่นคง ด้วยราวยึดเสาทองสัมฤทธิ์ แขวนผ้าป่านเนื้อละเอียด ไว้ที่จะไม่เอาออกที่นั้นได้ ตามที่ได้แขวนผ้านป่านเนื้อละเอียดไว้อย่างแน่นหนากับเสาไม้ และแขวนติดไว้แน่นแล้เอาออกไม่ได้ตามที่มันได้ยึดกันและกันไว้ในทิศทางของกันและกัน 
ดารแขวนผ้าป่านเนื้อละเอียดหมายความถึงความบริสุทธิ์และความชอบธรรมของพระเจ้า อีกนัยหนึ่ง ความชอบธรรมของพระเจ้าได้ทำให้เราเป็นประชาชนของความเชื่อที่มั่นคงที่ไม่มีทางสั่นคลอนได้อีกเพราะความเชื่อของเราในความรอดของพระองค์นั้นได้ยึดแน่นอยู่ในพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าประทานความรอดที่สมบูรณ์นี้มาให้เราเป็นของประทานของพระองค์สำหรับเรา เราเต็มไปด้วยคำขอบคุณอะไรเช่นนี้ ! นี่คือวิธีที่ท่านและผมรอดโดยความเชื่ิ่อ
ในทางตรงกันข้ามเมื่อผมมองดูที่คริสเตียนในปัจจุบันนี้รอบๆโลกเรา ผมพบว่าพวกเขาช่างน่าขัน น่าหัวเราะ และน่าเศร้าใจ ทั้งหมด ผมทั้งรู้สึกเศร้าและเสยใจ จากพวกเขาเพราะผมได้เห็นว่าพวกเขาไม่มีความรู้ถูกต้องบนประเด็นที่เป็นพื้นฐาน ที่สุดของคริสตศาสนาแท้จริง แม้ว่าพวกเขาจะสารภาพว่าเชื่อในพระเจ้าและอ้างว่าเพื่อเผยแพร่พระวจนะของพระองค์ออกไปก็ตาม 
เมื่อไม่นานมานี้ มีหลายคนที่เป็นกังวลว่า นักเรียนมัธยมปลายของเราส่วนใหญ่ได้อ่อนแอมากขึ้นในพื้นฐานการศึกษาของพวกเขาเอง ในความเป็นจริง นักเรียนผู้ที่มีแนวโน้มที่จะละเลย โดยพื้นฐานนั้นไม่สามารถคาดหวังที่จะได้รับความสำเร็จในการก้าวหน้าทางการศึกษาใดๆ ดังนั้น เพื่อที่จะฝึกฝนนักเรียนในวิทยาลัยในการศึกษาทางการอาชีพโดยลำดับ และเตรียมที่ทำงานให้พวกเขา มหาวิทยาลัยจะต้องมั่นใจก่อนว่าพวกเขามีความเข้าใจในพื้นฐานของวิชาหลักก่อนที่จะแนะนำพวกเขาไปสู่ความรู้ที่ก้าวหน้าต่อไปความพยายามเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบความ สำเร็จเลยตลอดเวลา 
เหตุผลที่ผมนำเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพื่ออธิบายว่าเหมือนกับที่ไม่มีความก้าวหน้าในความรู้ของโลกนี้โดยไม่มีความเข้าใจของพื้นฐานของมันแล้ว ความเชื่อในพระเจ้าก็เกี่ยวข้องกับ ผู้ก่อตั้ง โดยไม่มีพื้้นฐานใดๆ ความเชื่อแท้จริงคือความเชื่อที่เชื่อในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด เมื่อไม่มีความเชื่อนี้โดยพื้นฐาน สิ่งอื่นก็ไม่มีความหมายอะไรเลย แม้ว่าผู้คนอาจจะ มีความยินดีและอุทิศตน ต่อพระเจ้าก่อน ด้วยการกล่าวว่าพวกเขาไม่มีบาปด้วยการเชื่อในพระเยซู แต่เมื่อเวลาผ่านไปนิดหนึ่งในไม่ช้า พวกเขาก็ออกไปจากความชอบธรรมของพวกเขาเองความ สุขความยินดีของพวกเขานั้นระเหยไปกับอากาศบางๆ พวกเขาดูด กำลังทั้งหมดของพวกเขา และพวกเขาจบลงด้วยการละทิ้ง ความเชื่อของพวกเขา ในพระเจ้าเพราะบาปของพวกเขาที่ยังคงติดอยู่ในหัวใจของพวกเขา ปรากฏการณืทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับการขาดพื้นฐานความรู้ของความเชื่อคริสเตียนนั่นเอง 
มีใครไหมที่ไร้ความสามารถในหมู่พวกท่าน ? ผู้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเมื่อพวกเขาพยายามปีนขึ้นบันไดไปเมื่อพวกเขากำลังดิ้นรนที่จะปีนขึ้นบันไดมันจะไม่ใช่จะเป็นการกระทำที่สุภาพและซึ้งใจหรือหากผู้นั้นช่วยเหลือและคอยดูแลพวกเขา ? ยังมีคนพิการบางคนที่ยังคงพูดด้วยความโกรธว่า “ ปล่อยฉันไว้คนเดียวเถอะ ฉันทำด้วยตัวเองได้ “ โดยทั่วๆไปแล้ว คนพิการมีมุมมองในตัวเองเป็นอยู่สูง และในเวลาเดียวกันก็ดื้อรั้นด้วย ด้วยเหตุนี้ หัวใจของพวกเขาก็สามารถหยาบกระด้างได้เช่นกันด้วย เป็นปมด้อยที่ซับซ้อนของพวกเขา , เป็นความรู้สึกพ่ายแพ้ และความรู้สึกถูกทอดทิ้ง นี่คือเหตุผลที่พวกเขาบางคนมี แนวโน้มที่จะไม่เอาความอ่อนโยนของคนอื่นไปตามที่มันเป็น แต่บิดเบือนตามความตั้งใจดั้งเดิมของมันเอง 
มันไม่จำเป็นอย่างแท้จริงที่พวกเขาจะมีปมด้อยที่ซับซ้อน ใดๆของความพิการของพวกเขา พวกเขาอาจจะไม่รู้สึกสะดวกสบาย โดยพวกเขา แต่ให้พวกเขาไม่มีบาปอย่างแน่นอนเลยแต่หากพวกเขาปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความคิดที่บิดเบือน ทุกชนิดเกิดขึ้นมาจาก ความพิการของพวกเขาและยอมให้ความรู้สึกแย่เหล่านี้เกิดขึ้น ปมด้อยมากมายนับไม่ถ้วนและจากนั้นพวกเขาก็จะจบลงด้วยการพิการอย่างแท้จริงแม้ในหัวใจของพวกเขาก็ตาม หากท่านเป็นคนพิการ ทั้งหมดที่ท่านจะ ต้องทำก็เพียง ตระหนักถึงตัวเองตามที่ท่านเป็น แสวงหาความช่วยเหลือเมื่อท่านต้องการความช่วยเหลือ และยืนอย่างมั่นคงด้วยตัวของท่านเองเมื่อท่านทำได้
เมื่อใดก็ตามที่มีบางสิ่งที่ผมไม่รู้หรือไม่ต้องการการช่วยเหลือ ผมถามคนอื่นๆและร้องขอความชั่วยเหลือ ผมได้แต่ถามและแสวงหาการช่วยเหลือของคนอื่นเพราะการอ่อนแอของผม และเมื่อบางคนรู้เกี่ยวกับมัน อธิบายมัน และช่วยผม แล้วผมก็ขอบคุณคนผู้นี้แม้ว่าเราจะมีความอ่อน แอในเนื้อหนังของเรามันก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะจัดเราเป็นคนพิการในหัวใจของเราด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทั้งหมดที่เราจะต้องทำก็คือรู้จัก การบกพร่องของเราเองเชื่ิอในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ นั่นคือ ความรอดของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดที่ได้ทำให้ข้อบกพร่องของทั้งหมดและรับใช้ข่าวประเสริฐนี้อย่างขันแข็ง และภายในข่าวประเสริฐของพระผู้เป็นเจ้านี้ที่เราสามารถมีความภูมิใจและขอบพระคุณ เพราะเราได้รับของประทานของความรอดที่พระเจ้าประทานมาให้โดยความเชื่อของเราทั้งหมดที่เราต้องทำก็เพียงของพระคุณพระองค์ เราพักผ่อนได้ รักคนอื่นได้ และรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งหมดอยู่ในของประทานของความรอด 
เพราะคริสเตียนมากมายในปัจจุบันนี้อ่อนแอในพื้นฐานของความเชื่อของพวกเขาที่ความเชื่อของพวกเขาสั่นคลอนในทุกทิศทางพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยท่านและผมให้รอดโดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด เพียงการรู้จักและเชื่อในสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวเราก็ได้รับของประทานของความรอดได้ เราต้องตกนรกในที่แรก เพราะพระเจ้ายังทรงช่วยเราให้รอดโดยทั้งหมดด้วยการประทานของประทานของความรอดมาให้เราเราได้มาเป็นบุตรที่สมบูรณ์ของพระองค์เพราะตอนนี้เราได้รับของประทานของความรอดแล้วโดยความเชื่อของเราหากเรามีชีวิตของเราในการเชื่อว่าเราเป็นประชาชนของพระเจ้า และภายในของเขตของความเชื่อนี้ เราก็จะสามารถมีชีวิตของความเชื่อของเราได้ภายในพระผู้เป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์
หลังจากผมได้เกิดใหม่อย่างแท้จริง สองสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นออกมาจากหัวใจของผม ทั้งคู่นั้นผมไม่เคยประสบมาก่อน ก่อนนั้นความรักผู้คนของผมนั้นเคยเสแสร้ง แกล้งรักพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขในขณะที่ผมเกลียดพวกเขาอย่างแท้จริง ในหัวใจของผม เพราะพระเจ้าประทานของประทานของความรอดที่สมบูรณ์ของพระองค์มาให้เราทุกคนที่เชื่อมันก็จะสูงส่ง ยิ่งนักและน่ารักต่อสายตาของผม ผมจึงรักพวกเขาแม้ว่าผมพยายามที่จะไม่รักก็ตาม 
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอันดับที่สิ่งนั้นไม่เหมือนที่ผ่านมาผมก็เริ่มอ่อนไหวกับความรู้สึกของคนอื่นเมื่อใดก็ตามที่บางคนทำบางสิ่งที่ผมทน ไม่ได้ ไม่ว่าผู้นั้นเป็นใคร ผมก็มักจะตำหนิอย่างตรงๆ เสมอ แต่ตอนนี้ผมได้มาตระหนักว่าผมต้องดูไปที่ความ อ่อนแอของทุกคนและระมัดระวังความรู้สึกของผมกับพวกเขาเสมอ ป้องกัน พวกเขาเมื่อพวกเขาต้องการ ปกป้องและตำหนิพวกเขาเมื่อพวกเขาต้องการถูกตำหนิ ทั้งหมด คนทั้งหลายที่มีความอ่อนแอหรือข้อด้อยก็สามารถมีความแข็งกระด้างในหัวใจของพวกเขาได้เช่นกัน และดังนั้น ผมจึงตระหนักถึงความอ่อนแอของพวกเขามากขึ้น ตามที่มีเวลาที่ผมต้องการช่วยเหลือพวกเขาอย่างเงียบๆ และมีเวลาที่ผมไม่ควรจะช่วยพวกเขาแม้ว่าผมรู้ว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง ผมก็ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เพราะผู้คนอ่อนแอเช่นนั้น แต่ทั้งหมดนี้ ผมก็ยังคงแข็งแรงและกล้าหาญในความเชื่อของผม 
มีเวลาที่เราไม่ควรจะตำหนิคนอื่น เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไปแต่มีเวลาที่เมื่อเราต้องการตำหนิ คนอื่นเมื่อเราต้องการตำหนิ พวกเขาอย่างหนักแน่นแทนที่จะอดทน พวกเขา นี่คือเหตุผลที่เราตั้งใจมากกว่าของความต้องการของพวกเขา แต่เมื่อดูในความเชื่อ ความรักพวกเขาของเรานั้น แน่นอน สมบูรณ์ ถูกต้อง และแข็งแรง หากเราดูที่สถานการณ์จากมุมมองของเนื้อหนังทั้งหมดที่เราได้เห็นก็คือสิ่งที่เป็นกังวลอยู่เท่านั้นเพราะเราช่างอ่อนแอและมีข้อบกพร่องนักในตอนแรกหากเราเริ่มต้นเป็นกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของเนื้อหนังของเราคงไม่มีสักวันที่จะป่านไปโดยไม่มีความกังวลหรือเป็นห่วงได้แต่เมื่อเรายืนในความเชื่อที่สมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานมาให้เรา ความกังวลทั้งหมดของเราก็หายไป และพระเยซูทรงช่วยผู้ที่มีความบกพร่องและมีตำหนิเช่นเราด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดของพระองค์ และทรงทำให้เราเป็นภาชนะของงานที่ดีของพระเจ้า สิ่งนี้สนับสนุนความเชื่อมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ควรจะทำให้เราเข้มแข็งได้
การสนับสนุนในหัวใจของเรานั้นมาจากของประทานของความรอดที่สมบูรณ์ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้สู่หัวใจของเราให้กำลังในหนุนนำ ทั้งหมดที่ออกมาจากการทำความดีทางเนื้อหนังนั้นเป็นเพียง ชั่วคราว เพียงเท่านั้น สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า ความสะดวกสบายของเนื้อหนังนั้นไม่เป้นสาระสำคัญ แม้ว่าเราต้องการควบคุม พี่น้องของเราในบางครั้งแม้ในรูปแบบของเนื้อหนังก็ตาม 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันชัดเจนก็คือว่า ตมที่เราเองนั้นอ่อนแอ พระเยซูคริสต์ก็เสด็จมายังโลกนี้และทรงช่วยเราให้รอดโดยทั้งหมด พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกเราว่า เมื่อลาซารัส ตาย ก็ได้เห็นน้องสาวของเขา แมรี่และมาธา และเพื่อนบ้านของเขา ร้องให้คร่ำครวญ พระเยซูก็ทรงเศร้าพระทัย เช่นกัน อีกนัยหนึ่ง พระเยซู ทรงเห็นพระทัย พวกเขาเพราะพระองค์ทรงเห็นเพียงว่ามันจะเคราะห์ร้ายเพียงใดสำหรับผู้คนที่ตายไปเพราะบาปของพวกเขา แต่เพราะพระผู้เป็นเจ้าของเรา เสด็จมาตามน้ำพระทัยพระบิดา พระองค์ทรงกล่าวว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่เชื่อในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก “ ( ยอห์น 11 : 25 ) และทรงช่วยคนทั้งหลายที่ตายเพราะบาปของพวกเขา และพระองค์ควบคุมเราทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ
ท่านและผมก็มีด้านสองด้านของจิตวิญญาณและเนื้อหนังนี้ ดังนั้น เมื่อเราผ่านเวลายากลำบากไปในเนื้อหนัง เราต้องมีความสบายในเนื้อหนังและจิตวิญญาณเช่นกะน และเราก็ต้องการมีคามเชื่อของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด เช่นเดียวกันนี้ ด้วยการรู้ที่จะปีติยินดี ในความเชื่อสำหรับของประทานของความรอดที่ พระเจ้าประทานมาให้เรา รักษาของประทานของความรอด และระลึกกับตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่าเราเป็นผู้ที่ได้รับของประทานนี้หัวใจของเราก็สามารถความปีติยินดี ในพระคริสต์ได้อย่างแท้จริง นี่คือวิธีที่เราถวายสง่าราศีให้แก่พระเจ้า
พระเจ้าทรงวางความเชื่อของเราแต่ละคนไว้เหมือนกับเสาของพลับพลา และขอให้เรามีชีวิตอยู่โดยความเชื่อ ดังนั้นแม้ว่ามีความอ่อนแอของเนื้อหนังของเรามากมายทุกวัน เรารู้สึกได้ลึกในหัวใจของเราว่าความรอดของพระเจ้านั้นล้ำค่าเพียงใด โดยการตระหนักว่าเราสมควร ที่จะได้รับการปรับโทษ ท่านก็สามารถมีความเข้าใจในความจริงของความรอดนี้ที่แสดงในรั้วของลานพลับพลาเช่นกัน 
ตอนนี้ท่านสามารถเปิดและเข้าไปสู่ประตูของลานพลับพลาที่ตั้้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเมื่อท่านเปิดและเข้าไปสู่ประตูของลานพลับพลานี้ ก็มีบางสิ่งที่ท่านจะมาถึงก่อน สิ่งนี้จะเป็นอะไร ? มันเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากแท่นเผาสังเวยบูชา
เมื่อท่านผ่านแท่นเผาสังเวยบูชาไปโดยความเชื่อ ก็จะมีขันทองสัมฤทธิ์อยู่ และเมื่อท่านผ่านขันนี้ไป แล้วท่านก็จะเข้าไปสู่พระนิเวศน์ของพระเจ้าในที่สุดซึ่งก็คือพลับพลานั่นเอง เมื่อเราดูสิ่งนี้โดยความเชื่อ ทั้งหมดเหล่านี้สำเร็จได้โดยง่ายมันง่ายอย่างแท้จริงที่ท่านและผมเข้าใจผ่านพระวจนะของพลับพลาที่อาจจะดูยากที่จะเข้าใจ ในตอนแรก เพราะเรา ผู้ที่มีพื้นฐานของความเชื่อที่เข้มแข็ง จะเข้าใจได้เพราะเราดูไปที่หลักการของความเชื่อที่ถูกต้องที่เรามีอยู่แล้ว เพราะความรอดของพระเจ้านั้นล้ำค่ายิ่งนัก พระองค์ทรงทำให้มันง่ายที่ใครก็ตามจะเข้าใจมันผ่านระบบพลับ พลาแต่เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามจะตีควมพระวจนะของพลับพลานี้อย่างผิดๆด้วยความคิดของเขาเองพระเจ้าทรงทำให้มันไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าของผู้ที่ไม่ได้เกิดใหม่ ดังนั้น แม้แต่นักศาสนศาสตร์ หากพวกเขาไม่มีพื้นฐานของความเชื่อที่ถูกต้องแล้วพวกเขาก็ไม่มีใครที่จะสามารถกล่าวถึงความหมายของเหตุผลที่ประตูของลานพลับพลาได้ถักทอด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด เพราะพระเจ้าทรงซ่อนความจริงนี้จากคนโกหกเช่นนั้น 
ด้ายสีฟ้าหมายความถึงบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปโดยพระองค์เอง โดยบัพติศมาของพระองค์ที่ทรงได้รับในรูป แบบของการวางมือด้ายสีแดงเข้มหมายความถึงการสังเวบูชาของความตายของพระองค์ ที่พระเยซู คริสต์ทรงหลั่งจนสิ้นพระชนม์ บนไม้กางเขนเพื่อบาปทั้งหมดของเรา ด้ายสีม่วงหมายความว่าพระเยซูคือพระเจ้า ผ้าป่านเนื้อละเอียดคือพระวจนะของความรอดที่พระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยพระองค์เอง ทรงสัญญากับมนุษยชาติทั้งหมด คนทั้งหลายที่ไม่ได้เกิดใหม่ด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณไม่สามารถ กล่าวถึงความจริงที่พระเจ้าทรงเปิดเผยในประตูพลับพลาเช่นนี้อย่างแน่นอน 
พระเจ้าทรงสัญญาไว้จากเริ่มต้นของมนุษยชาติ นั่นคือ จากอดัมและอีฟและกับคนรับใช้ทั้งหมดของพระองค์ “ เพราะช่วยท่านให้รอด เราจะมาหาท่านโดยน้ำ โลหิต และพระวิญญาณ และเราจะช่วยท่านให้รอดอย่างแท้จริง “ ตามพระวจนะนี้ที่พระเยซุ คริสต์เสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับบัพติศมา หลั่งโลหิตของพระองค์ และสิ้นพระชนม์ และฟื้นขึ้นมาจากความตาย และจึงช่วยเราให้รอด ผ้าป่านเนื้อละเอียดคือคำสัญญาของพระวจนะของพระเจ้า และมันเป็นพระวจนะที่สมบูรณ์เช่นกัน ด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มบอกเราถึงบัพติศมาของพระเยซู คริสต์ที่พระองค์เป็นพระเจ้าของเราและที่พระองค์ทรงรับการปรับโทษบาปของเราด้วยการรับเอาบาปของโลกนี้ไว้และหลั่งโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน และพวกเขาบอกเราว่าพระเยซู คริสต์ทรงช่วยเราให้รอดด้วยการฟื้นขึ้นมาจากความตาย อีกครั้ง ความจริงของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มนี้เป็นความจริงของความรอดอันเป็นนิรันดร์ที่เป็นความเห็นที่ไม่เห็น จะสามารถยอมได้
พระเจ้าประทานของประทานของความรอดมาให้เรา ท่านและผม ด้านบนของเสานั้นหุ้มด้วยบัวคว่ำ เราจะจะต้องจำไว้เสมอว่าเราเป็นผู้ที่ได้รับของประทานของความรอดจากพระเจ้าเพราะด้วยการรับของประทานนี้ที่เราได้เป็นคนชอบธรรม ไม่มีบาป และเป็นประชาชนของพระเจ้า เราไม่มีอะไรที่เราจะโอ้อวดได้นอกจากของประทานของพระเจ้า หากมีสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะโอ้อวดได้มันก็เป็นเพียงที่เราได้เป็นบุตรของพระเจ้าผู้ที่มีความเชื่อของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดนี้ สิ่งนี้เป็นไปได้เพียงเพราะพระเยซู คริสต์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราโดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ดีและล้ำค่าเพียงเท่านั้น ดังนั้น เราจะต้องมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อในการเชื่อว่าเราได้เป็นมาทั้งหมดนั้น เพราะพระเจ้าประทานของประทานของความรอดมาให้เรา และนั้นเองที่เราได้เป็นคนของพรีะเจ้าเองด้วยของประทานนี้ วันนี้ และพรุ่งนี้ เราจะต้องมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อนี้เสมอ 
ตอนนี้ผมเชื่อว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเผยแพร่พระวจนะนี้ที่เกี่ยวกับพลับพลาออกไปมีเวลาก่อนหน้านี้ที่คนมากมายรู้สึกสับสนจากทฤษฎีของการทนทุกข์ยากก่อนการขึ้นสวรรค์ ที่ไม่มีความหมายอะไรเลย แต่พระเจ้าทรงทำให้เราไว้แล้ว สำหรับเวลาเหล่านี้ ประกาศพระวจนะของหนังสือวิวรณ์และจึงทำให้พวกเขาหมายคนกำจัดความเชื่อผิดๆไปและมีความเชื่อแท้จริง เช่นเดียวกันนี้ ในยุคปัจจุบันนี้มันเหมาะสมที่เราควรจะประกาศความเชื่อของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดออกไป
เพราะเราได้รับของประทานของความรอดจากพระเจ้่ ผมเชื่อว่าการเผยแพร่นี้เป็นของประ ทานของความรอดที่แน่นอนนั้นเป็นสิ่งถูกต้องที่จะต้องทำ 
ผมขอขอบพระคุณพระเจ้าทั้งหมด