Search

布道

เรื่องที่ 9: โรม (ข้อคิดเกี่ยวกับหนังสือของโรม)

[บทที่ 3-3] ท่านได้ขอบคุณพระเจ้าเพื่อพระผู้เป็นเจ้าหรื อไม่? (โรม 3:10-31)

(โรม 3:10-31)
“ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย
ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่เสวงหาพระเจ้า
เขาทุกคนหลงผิดไปหมด เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น
ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย
ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่
เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง
พิษงูร้ายอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา
ปากของเขาเต็มไปด้วยคำแช่งด่าและคำเผ็ดร้อน
เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด
ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์
และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข
เขาไม่เคยคิดที่จะยำเกรงพระเจ้าเลย
เรารู้แล้วว่า ธรรมบัญญัติทุกข้อที่ได้กล่าวนั้น ก็ได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อปิดปากทุกคน และเพื่อให้มนุษย์ทุกคนในโลกอยู่ใต้การพิพากษาของพระเจ้า เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นคนชอบธรรม โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติได้ เพราะว่าธรรมบัญ ญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาปได้ แต่บัดนี้ได้ปรากฏแล้วว่าความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้านั้นปรากฏนอก เหนือกฎบัญญัติ ธรรมบัญญัติกับพวกผู้เผยพระวจนะเป็นพยานอยู่ คือความชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งทรงประทาน โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่าโดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงโปรดให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะเอาอะไรมาอวด ก็หมดหนทาง จะอ้างหลักอะไรว่าหมดหนทาง อ้างหลัก การประ พฤติตามธรรมบัญญัติหรือไม่ใช่ แต่ต้องอ้างหลักของความเชื่อ เพราะเราทั้งหลายเห็นว่า คนหนึ่งคนใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ ก็โดยอา ศัยความเชื่อนอกเหนือการประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือว่าพระเจ้านั้น ทรงเป็นพระเจ้าของยิวพวกเดียวเท่านั้นหรือ พระองค์ไม่ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วยหรือ ถูกแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่าง ชาติด้วย เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว และพระองค์ทรงโปรดยกโทษของคนที่เข้าสุหนัตโดยความเชื่อ และจะทรงโปรดยกโทษของคนที่ไม่เข้าสุหนัตก็เพราะความเชื่อดุจกัน ถ้าเช่นนั้นเราลบล้างธรรมบัญญัติด้วยความเชื่อหรือ เปล่าเลย เรากลับสนับสนุนธรรมบัญญัติเสียอีก”
 
 

มนุษย์ไม่มีสิ่งใดที่จะอวดอ้างด้วยเนื้อหนัง

 
โรม 3:10-12 กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่เสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย” เราเต็มไปด้วยบาปเพราะเนื้อหนังต่อพระพักตร์พระเจ้า ผู้ใดผู้หนึ่งจะเป็นผู้ชอบธรรมได้ด้วยตัวเขาเองด้วยเนื้อหนังหรือไม่? จะมีเนื้อหนังอันชอบธรรมได้ด้วยธรรมชาติต่อพระพักตร์พระเจ้าหรือไม่? มนุษย์ไม่สามารถเป็นผู้ชอบธรรมได้ด้วยเนื้อหนัง เนื้อหนังไม่สามารถชอบธรรมได้ถ้าปราศ จากการหลุดพ้นจากบาปโดยพระเยซูคริสต์
ผู้คนที่บาปของเขาได้รับการชำระล้างแล้วจะไม่อวดอ้างด้วยเนื้อหนังของเขา เราที่บาปของเราได้รับการชำระล้างแล้วก็ไม่สามารถอวด อ้างด้วยเนื้อหนังเช่นกัน และไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่งดี ๆ เราไม่สามารถพูดได้ว่าเรานำทางชีวิตที่ดีเว้นแต่เมื่อเรารับใช้พระผู้เป็นเจ้า และทำงานแห่งจิตวิญ ญาณ ดังเช่นพระเยซูตรัสไว้ว่า “ไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าจะทรงพิพากษาโลกได้อย่างไร” (โรม 3:6) เนื้อหนังจะพอใจที่จะเดินตามความพอใจและวิญญาณของเนื้อหนังเท่านั้น เนื้อหนังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิญญาณ
มนุษย์ทุกคนเกิดมามีบาป ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้บาป ตายโดยไร้ประ โยชน์ และตกในทะเลไฟในนรก พวกเขาไม่มีความหวังถ้าพระเจ้าไม่ประ ทานพระบุตรอันเป็นที่รักองค์เดียวของพระองค์มายังโลกนี้เพื่อช่วยเขาให้รอดจากบาปของเขา ถ้ายังมีความหวังสำหรับเรา นั่นเป็นเพราะพระเจ้าประทานความ หวังที่แท้จริงให้เรา ถ้าไม่ใช่สำหรับพระเจ้า เราจะไม่มีความชอบธรรมและไม่มีความหวัง นั่นเป็นความจริงเมื่อเราสอบถามความจริงจากแต่ละคนในโลกรวมทั้งท่านและผู้เขียน
แม้ว่าเราจะถูกเรียกว่า พระผู้เป็นเจ้าแห่งสัตว์โลก เราถูกกำ หนดให้เกิดมามีบาป โดยไม่แยแสต่อความตั้งใจของเรา ใช้ชีวิตอันไร้ค่า และตกนรก เราจะบาปหนักเพียงไร! เรามักจะให้ความหมายชีวิตของมนุษย์ด้วยสิ่งนั้น ผู้ที่เกิดมาและใช้ชีวิตตลอดวัน และตาย และกลับไปสู่ผงฝุ่นโดยไร้ประโยชน์ เราไม่มีความหวังถ้าปราศจากพระเยซู สิ่งสำคัญที่มนุษย์ทำในชีวิตของเขาก็คือการเกิด กิน ดื่ม ตายและตกนรก ไม่ว่าเขาจะมีชื่อเสียงมากมายเพียงไรก็ตาม หรือไม่ว่าชื่อเสียงของเขาจะยิ่งใหญ่เพียง ไรก็ตาม เราใช้ชีวิตโดยไร้ค่า และปรากฏตัวโดยไร้ค่า และถูกกำหนดให้รับการพิพากษาชั่วนิรันดร
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าประทานธรรมบัญญัติให้เราเพื่อให้ความรู้เรื่องบาปแก่เรา และทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรมโดยอิสระด้วยพระคุณของพระองค์ด้วยการอภัยต่อบาปในพระเยซูคริสต์ พระองค์ประ ทานพระบุตรอันเป็นที่รักพระองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซู ผู้ทรงรับเอาบาปของเราทั้งหมด และทรงถูกตรึงกางเขน เพื่อเป็นการช่วยให้รอดแก่ผู้ที่เชื่อในการรับบัพติศมา และทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม
ผู้คนเหล่านั้นที่มีการอภัยต่อบาปจะเป็นผู้ชอบธรรมได้อย่างไร? เราผู้มีการอภัยต่อบาป มีความ ชอบธรรมแห่งเนื้อหนังหรือไม่? เรามีเรื่องอื่นที่จะอวดอ้างต่อพระพักตร์พระเจ้าหรือไม่? เราไม่มีสิ่งใดที่จะอวดอ้างด้วยเนื้อหนัง เพราะพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พวกเรามีความยินดีและขอ ขอบคุณพระองค์ที่ทำให้เรามีการอภัยต่อบาป การยืนยันแห่งการช่วยให้รอดและชีวิตนิรันดร
พวกเราผู้มีการอภัยต่อบาปไม่มีสิ่งใดถ้าปราศจากพระเจ้า เนื้อหนังของมนุษย์มีอะไรที่จะอวด อ้างหรือไม่? เนื้อหนังนั้นชอบธรรมทั้งหมดหรือ? พวกเรามีอะไรที่จะอวดอ้างในช่วงอายุที่ 70-80 ปีหรือไม่? มนุษย์ไม่มีอะไรที่ชอบธรรม อะไรที่พวกเราต้องอวดอ้างต่อพระพักตร์พระเจ้า? เนื้อหนังไม่มีอะไรที่จะอวดอ้างจริง ๆ เนื้อหนังไม่มีสิ่งใดที่จะอวดอ้างต่อพระพักตร์พระเจ้า ไม่แม้แต่ 0.1%
 
 

มีเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถอวดอ้างได้คือความชอบธรรมของพระเจ้า

 
สิ่งที่เราอวดอ้างก็คือ พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากบาปของเรา ดังได้กล่าวไว้ว่า “แต่บัดนี้ความชอบธรรมของพระเจ้าที่ห่างไกลจากธรรมบัญญัติได้ถูกเปิดเผย เป็นพยานโดยธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะ” พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และชีวิตนิรันดรของเรา พระองค์ทรงทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม เราเป็นผู้ชอบธรรมเพราะพระเยซูทรงช่วยเราให้รอดโดยสมบูรณ์ เราไม่มีสิ่งใดที่จะอวดอ้างด้วยเนื้อหนังหรือด้วยการกระทำแห่งธรรมบัญญัติ เราขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเพื่อการรับบัพติศมาและเพื่อการชำระล้างบาปของโลกทั้งหมดเพื่อบรรลุความชอบธรรมทุกประการ
เราจงมีความชอบธรรมแห่งความเชื่อ พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยประ ชาชนทุกคนในโลกให้รอดพ้นจากบาปของเขาโดยไม่ทิ้งใครสักคน การช่วยให้รอดของพระเจ้าทำให้เรามีความสุขและมอบความหวังให้เรา สิ่งนี้มอบพลังใหม่ให้แก่เรา เราไม่มีสิ่งใดที่จะอวดอ้างแต่พระผู้เป็นเจ้า จงออกจากการอวดอ้างความชอบธรรมของเราต่อพระพักตร์พระเจ้า เรารู้สึกละอาย หลายคนพยายามที่จะให้ความพยายามของเขาแก่พระเจ้าด้วยความภาคภูมิใจในการกระทำและความชอบธรรมของเขา แต่ความคิดว่าตนเองเป็นผู้ชอบธรรมนั้นเหมือนกับเสื้อผ้าที่สกปรก เขาอาจมีบางอย่างที่จะอวดอ้างแก่ผู้อื่นหรือกับตัวเขาเอง แต่ไม่มีอะไรจะอวดอ้างต่อพระพักตร์พระเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอันสมบูรณ์แก่เรา ‘พระเยซู’ หมายถึง ‘พระผู้ช่วยให้รอด’ และพระองค์ถูกขานพระนามว่าพระคริสต์เช่นกัน ประโยคนี้หมายความว่า พระผู้ช่วยให้รอดผู้เสด็จมาในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ทรงเป็นพระเจ้า พวกเราเรียกพระองค์ว่า “พระเยซูคริสต์” พระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าของเรา เราขอ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า สรรเสริญพระองค์ ทำงานอันชอบธรรมต่อพระพักตร์พระองค์ และมีชีวิตแห่งศรัทธาเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดโดยสมบูรณ์ มีเพียงผู้ที่วางใจในพระเจ้าเท่านั้นที่ทำงานอันชอบธรรมได้
เราสามารถทำงานได้อย่างชอบธรรมโดยปราศจากบาปเพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาบาปของโลกไว้ทั้งหมด และทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปของเราทั้งหมด เราไม่สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับบาปด้วยตัวเราเอง มนุษย์ไม่สามารถขจัดบาปของเขาหรือเธอ และไม่สามารถรักษาความชอบธรรมของพระเจ้าได้ด้วยการทำความดีด้วยเนื้อหนัง
พระเจ้าทรงชำระล้างบาปของเราทั้งหมด และเราได้รับความ ชอบธรรมจากพระเจ้า เราเป็นผู้ชอบธรรม พวกเราสามารถรักษาความ ชอบธรรมของเราได้ด้วยการเสียสละเนื้อหนังของเราด้วยการทำความดีหรือไม่? ถ้าผู้ใดผู้หนึ่งทำได้ เขาหรือเธอจะเป็นพี่ของพระเยซู พระเยซูมิทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของแต่ละคน เรามีสัญชาตญาณในการรักษาความชอบธรรมของเราเองด้วยความสามารถของเนื้อหนังและอารมณ์ของเราโดยไม่รู้จักความชอบธรรม เนื้อหนังกระทำตามสัญชาตญาณ เราพยายามไม่ให้ตกอยู่ในอันตรายเมื่อเราพบอันตรายตามสัญชาตญาณ ต้อง การกินอย่างมากเมื่อเราเห็นอาหารอร่อย ๆ และต้องการเล่นเมื่อเราเห็นบางอย่างที่น่าสนใจ
พวกเราต้องการรักษาความชอบธรรมของพระเจ้าตามสัญชาต ญาณ ด้วยเนื้อหนังเพราะเนื้อหนังกระทำตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถทำได้ การช่วยให้รอดของเราไม่ได้มีขึ้นด้วยความชอบธรรมของเราเอง เราไม่สามารถได้รับการช่วยให้รอดด้วยการรักษาธรรมบัญญัติเป็นอย่างดี การทำความดีด้วยเนื้อหนังหรือด้วยการเสียสละตัวเราเองให้พระเจ้า การกระทำของเราไม่ได้รวมอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า ไม่แม้แต่ 0.1% พวกเราถูกทำให้ชอบธรรมด้วยการเชื่อว่าพระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ และได้รับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงกางเขนเพื่อบรรลุความชอบธรรมทุกประการ ซึ่งช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปของเราโดยสมบูรณ์
 
 
พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเราให้รอด ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอันสมบูรณ์
 
พระผู้เป็นเจ้าทรงบรรลุความชอบธรรมทุกประการโดยทรงรับเอาบาปทั้งหมดที่มนุษย์ทำไว้ก่อนเขาตาย ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอันสมบูรณ์เพื่อพวกเขา และทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม พระเจ้าทรงทำให้เราสมบูรณ์โดยการบรรลุความชอบธรรมทุกประการ พระเจ้าทำให้เราทำ งานด้วยจิตวิญญาณ พวกเรามีสิทธิ์ที่จะทำงานด้วยจิตวิญญาณต่อพระพักตร์พระเจ้า เพราะเราได้รับความชอบธรรมของพระองค์ เป็นผู้ไร้มล ทินแม้ว่าเนื้อหนังของเราจะทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้คนเหล่านั้นที่บาปของเขายังไม่ได้รับการชำระล้างจะทำงานด้วยจิตวิญญาณไม่ได้ เขาไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น
พวกเรามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานแห่งจิตวิญญาณโดยพระเจ้า บัดนี้ พวกเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ แห่งพระวิญญาณ พวกเราสามารถทำงานอันชอบธรรมของพระเจ้าต่างจากงานของเนื้อหนัง ช่างเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบเสียจริงที่พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา! พระเจ้า ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ดีเท่า ๆ กับมนุษย์ ทรงเปิดเผยพระผู้เป็นเจ้าแห่งการช่วยให้รอดแก่เรา เพราะพระองค์เสด็จมายังโลกและทรงบรรลุความชอบธรรมทุกประการ ในความสัมพันธ์ของพระองค์กับเรา พระเจ้าทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราผู้ทรงช่วยเราให้รอด
การช่วยให้รอดจะไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าผู้ใดผู้หนึ่งอ่อนแอและไม่มีความสามารถช่วยเราให้รอด จะมีทางเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว ในทางตรง กันข้าม ผู้หนึ่งที่ช่วยเราให้รอดที่ไม่ใช่คนธรรมดา ผู้นั้นคือ พระเจ้า และพระผู้สร้าง ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ยอห์น 1:3 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้น มาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้นไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ” ใครคือพระเยซู? พระผู้ช่วยให้รอด ใครคือพระผู้ช่วยให้รอด? พระองค์คือพระเจ้า พระผู้สร้าง พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดโดยสมบูรณ์ การช่วยให้รอดของเราสมบูรณ์เพราะพระองค์ทรงช่วยเราให้รอด มันเสร็จสิ้นตลอดไป ไม่ว่าการช่วยให้รอดของเราจะเป็นโมฆะอย่างไร ถ้าพระองค์มิทรงเป็นพระผู้สร้างแต่ละคนในบรรดาสัตว์โลก มันจะไม่ยาวนาน และความชอบธรรมจะเหมือนกับผ้าสกปรก ถ้าผู้ใดสวมเสื้อหนังอันสมบูรณ์ เขาจะไม่ถูกไล่ออก แม้ผู้นั้นจะเล่นฟุตบอลและลื่นล้ม แต่ถ้าไม่ได้สวมเสื้อที่สมบูรณ์ เขาจะถูกไล่ออก
พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปของเรามิทรงไม่สมบูรณ์ พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเราให้รอดเป็นพระเจ้า ผู้สมบูรณ์ การช่วยให้รอดของพระเยซู ผู้ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปของเรา ทรงถูกตรึงกางเขน ทรงฟื้นคืนมาจากความตายและประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า มิเคยเป็นโมฆะ ไม่ว่าเนื้อหนังของผู้ที่เชื่อจะอ่อนแอเพียงใด นี่คือการช่วยให้รอดที่พระเจ้าประทานให้เรา
 
 
ความชอบธรรมของเราเองควรถูกทำลายเพื่อให้เราใช้ชีวิตด้วยความศรัทธา
 
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ผู้คนเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยความชอบธรรมของเขาเอง จะใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เพราะพระเจ้าประสงค์ให้ทำลายความชอบธรรมของเขาด้วยความลำบากนั้น มีประโยคหลายประ โยคเช่น “อย่างไรก็ตาม แผ่นดินสูงไม่ได้อยู่ห่างไกล” ในบันทึกเกี่ยวกับกษัตริย์ทั้งหลาย ประ โยคนี้หมายความว่า มนุษย์เองไม่ได้สมบูรณ์ในเนื้อหนัง แต่เขาหรือเธอถูกทำให้ชอบธรรมโดยการวาง ใจในพระผู้เป็นเจ้า
ธรรมิกชนอันเป็นที่รัก พระเจ้าของเราช่วยเราให้รอดโดยสม บูรณ์ ไม่ว่าเราจะอ่อนแอเพียงไร เราจะตายถ้าเราใช้ชีวิตเพียงเพื่อความ ชอบธรรมของเราเอง แต่พระผู้เป็นเจ้า ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปโดยสมบูรณ์ พระองค์จะทรงยินดีกับเราถ้าเราใช้ชีวิตเพื่อความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าเราจะอ่อนแอเพียงใด อิสยาห์ 53:5 กล่าวว่า “แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา” พระเจ้าทรงรับเอาความผิดของเราเพียงครั้งเดียวและเพื่อทุกครั้ง พวกเราไม่จำเป็นต้องระวังด้วยความกลัวที่ว่า ความชอบธรรมของเราจะถูกทำลาย
บางคนมีบุคลิกคล้ายกับภาชนะแก้ว ผู้เขียนรู้จักน้องสาวผู้หนึ่งที่ไปอเมริกา เธอดูสง่างามมาก พูดด้วยความระมัดระวังและไม่เคยติดขัด ทุกครั้งที่ได้พบเธอ เธอพูดว่า “โอ ท่านชายชั่ว” ใส่ชายร้ายกาจผู้หนึ่งแม้ เธอจะได้รับการอภัยต่อบาป เธอได้รับการอภัยต่อบาปโดยการเชื่อในการรับบัพติศมาของพระเยซู และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน แม้เธอจะเต็มไปด้วยความชอบธรรมของเธอเอง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอได้รับการอภัยต่อบาป แล้วเธอก็ยังเต็มไปด้วยความชอบธรรมของเธอเอง ดังนั้น เธอจึงระมัดระวังในการพยายามไม่แสดงความกลัวมากกว่า ความ ชอบธรรมของเธอจะถูกทำลาย มีคนหลายคนที่เป็นเหมือนเธอ ความ ชอบธรรมของเขาจะยาวนานหรือไม่? มันจะถูกทำลายเร็ว ๆ นี้
เนื้อหนังของท่านมีความอ่อนแอแม้ว่าท่านได้รับการช่วยให้รอดแล้วหรือไม่? ใช่ ท่านใช้ชีวิตอันสมบูรณ์หรือไม่? พวกเราสามารถใช้ชีวิตอันสมบูรณ์หลังจากการอภัยต่อบาปเพียงเพราะเราเดินไปพร้อมกับพระวิญญาณ มีเพียงงานอันชอบธรรมเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่ดีต่อพระพักตร์พระเจ้า เราจะมีค่าควรสรรเสริญเมื่อเราทำงานและเดินไปพร้อมกับพระวิญญาณ พวกเราไม่มีสิ่งใดที่จะยินดีพร้อมกับเนื้อหนัง คนบางคนในบรรดานักบุญที่มีการอภัยต่อบาปพยายามที่จะรักษาความชอบธรรมของเขาด้วยเกรงว่ามันจะถูกทำลาย
อย่างไรก็ตาม พระผู้เป็นเจ้ามิทรงยินดีกับเขา ความชอบธรรมของมนุษย์จะถูกทำลาย มันย่อมดีกว่าที่ถูกทำลายไป มันจะถูกทำลายหลัง จากนี้ 10 หรือ 20 ปี ดังนั้น มนุษย์นอกคอกจะถูกทำลายลงเพื่อว่า มนุษย์ในโอวาทจะใช้ชีวิตด้วยความเชื่อได้ ประชาชนไม่พยายามทำลายความ ชอบธรรมของเขา แม้ ว่ามันจะถูกทำลาย
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงสมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้! พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงช่วยทั้งท่านและผู้เขียน ท่านเป็นคนบาปอีกเพราะความชั่วของเนื้อหนังของท่านหรือไม่? ไม่เป็น พระเจ้าทรงบรรลุความชอบธรรมทุกประการ ความชอบธรรมของเราถูกทำลายหลายครั้งหลังจากที่เรากลับมาเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญ ญาณ ปีศาจของเราถูกทำลายหลายครั้งเมื่อเราเดินตามพระผู้เป็นเจ้า มันถูกเปิดเผยขณะที่กำลังพยายามซ่อนตัวเอง ในกรณีของคนที่ชอบคิดถึงตัวเอง และถูกเปิดเผยแก่ผู้อื่นในกรณีของผู้ที่ชอบคิดถึงสิ่งภายนอกตัว เมื่อความชอบธรรมของเราถูกเปิดเผย มีเพียงความชอบธรรมของเราเท่านั้นที่ถูกทำลายขณะที่ความ ชอบธรรมของพระเจ้ายังคงอยู่
 
 
ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ
 
ผู้เขียนต้องการให้ท่านเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่สมบูรณ์ ดังนั้น เราต้องใช้ชีวิตด้วยความเชื่อ พระเจ้าประ สงค์ให้ความชอบธรรมของเราถูกทำลาย และพระองค์พอพระ ทัยเช่นนั้น ยอห์น 3:6 กล่าวว่า “ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ” เนื้อหนังไม่สามารถเป็นวิญญาณได้ ในศาสนาพุทธ มี “คำสอนเรื่องการหลุดพ้นจากการคงอยู่ในโลก” ซึ่งหมาย ความว่าเนื้อหนังสามารถเป็นวิญญาณได้ เนื้อหนังไม่สามารถเป็นวิญ ญาณได้ ไม่มีทาง ใครสามารถทำได้บ้าง? มาเถอะ ไม่มีใครทำได้หรอก
ซุง ชุล พระภิกษุชาวเกาหลีผู้มีชื่อเสียงในศาสนาพุทธ มรณภาพเมื่อหลายปีก่อน ท่านได้เห็นหลังจากความจริงโดยการนั่งสมาธิขณะที่เผชิญหน้ากับกำแพงเกือบ 2 ทศวรรษ ท่านไม่ได้ล้มตัวลงนอนเป็นเวลา 1 ทศวรรษเพื่อใหประสบความสำเร็จในรู้แจ้งเรื่องวิญญาณ ท่านนั่งหลับเป็นเวลา 10 ปี และพยายามจะมีจิตใจที่ดี ขจัดความคิดชั่วร้าย การล่วงประเวณี การผิดผัวผิดเมีย การฆาตกรรม การลักขโมย ความชั่วร้าย ความโลภ และความโง่เขลาที่เกิดขึ้นมาภายในตัวท่าน หลายคนคิดว่าท่านเป็นพระ พุทธเจ้า อย่างไรก็ตาม ท่านก็รู้ว่าท่านไม่สามารถดับร่างของท่านได้ ดังนั้นท่านจึงแต่งกลอน Nirvana เมื่อท่านใกล้มรณภาพ หลังจากที่ขังใจของท่านเป็นเวลา 2 ทศวรรษ
“เพราะอาตมาหลอกทั้งชายและหญิงหลายคน บาปของอาตมาจึงมากกว่าภูเขาสูง อาตมาจะตกนรก และความเสียใจของอาตมาจะถูกแบ่ง เป็นหมื่นวิธี ลำแสงสีทองส่องไปยังหลังเทือกเขาสีน้ำเงิน”
คนเคร่งศาสนาทุกคนในโลกชื่นชมบุคลิกภาพและคำสอนอันน่าภูมิใจของท่าน อย่างไรก็ตาม ท่านได้กล่าวไว้ว่าท่านจะตกนรก
เนื้อหนังไม่สามารถเป็นวิญญาณได้ แต่วิญญาณของเราเป็นบุตรของพระเจ้าได้เมื่อเรากลับมาเกิดใหม่ด้วยการเชื่อในการช่วยให้รอดของพระองค์ เราเพียงแค่เป็นสัตว์โลกใหม่โดยพระพรของพระเจ้าผู้ทรงชุบชีวิตเราในความชอบธรรมของพระองค์ มนุษย์ไม่สามารถเกิดใหม่ด้วยความพยายามของเขาหรือเธอ
รัฐมนตรี พระสงฆ์ และคุณพ่อของคาทอลิกผู้มีส่วนร่วมในพันธกิจได้แนะนำให้นักโทษใช้ชีวิตที่ดีเพื่อส่วนที่เหลือของชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม เนื้อหนังไม่เปลี่ยน พระเจ้าประสงค์ให้เราทิ้งความชอบธรรมของเราเองและเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอย่างแน่วแน่ จงเชื่อในการรับบัพติศมาและไม้กางเขนของพระเยซู แล้วท่านจะมีความเชื่อในการช่วยให้รอดที่ยิ่งใหญ่
 
 
ขณะนี้พระเจ้าทรงมองหาผู้ที่เชื่อ
 
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นการบรรเทาเพื่อเรา พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับทุกสิ่งที่แยกเราจากพระเจ้า พระบิดา พระองค์ถูกตรึงกางเขนเพื่อชำระค่าจ้างแห่งบาปของเรา ทรงถูกพิพากษาในแผ่นดินของเรา และทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมด พระเจ้าทรงเป็นการบรรเทาเพื่อเรา
ได้กล่าวว่า “พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระ องค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงโปรดให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย” (โรม 3:25-26)
พระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้และบรรลุความชอบธรรมทุกประการ ทุกคนในโลกไร้มลทิน ไม่มีใครตกนรกถ้าเขาหรือเธอเชื่อเพียงการช่วยให้รอดของพระเจ้า เขาหรือเธอตกนรกเพราะความไม่เชื่อของเขาหรือเธอ ผู้ใดผู้หนึ่งจะได้รับการช่วยให้รอด ถ้าเขาหรือเธอหลีกเลี่ยงความชอบธรรมของเขาหรือเธอเอง และการหลอกลวง และยอมรับพระเจ้าให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด โดยการเชื่อในการรับบัพติศมา และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนไม้กางเขน เราใช้ชีวิตในสภาวะแห่งการไร้บาปจากพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกไว้ที่พระองค์ และขจัดบาปนั้น
ผู้เขียนวางใจในพระเจ้า ท่านก็เช่นกัน พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราไม่มีบาป พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดโดยสมบูรณ์ ปัญหาที่เหลือสำหรับเราก็แค่เราจะใช้ชีวิตที่เหลือของเราอย่างไร เราควรใช้ชีวิตอย่างไร? เราควรเดินไปพร้อมกับพระวิญญาณ เราไม่มีเหตุผลที่จะกังวลเกี่ยว กับการขจัดบาปของเรา คำว่า “ในการที่พระองค์ได้ทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น” หมายความว่า พระเจ้ามิทรงตำหนิเราเรื่องบาป เราไม่มีบาปและไม่มีสิ่งที่ต้องรับการพิพากษา เพราะพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปของเรา โดยการรับบัพติศมาโดยยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา เพื่อทรงยกบาป และถูกตรึงกางเขน ดังนั้น พระเจ้าจึงมิทรงตำหนิเราเรื่องบาป พระองค์ทรงมองหาผู้ที่เชื่อความจริงนี้ด้วยใจ
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกว่า ไม่มีผู้ชอบธรรม แต่เราถูกทำให้เป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่เสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง พิษงูร้ายอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา ปากของเขาเต็มไปด้วยคำแช่งด่าและคำเผ็ดร้อน เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์ และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข เขาไม่เคยคิดที่จะยำเกรงพระเจ้าเลย” (โรม 3:10-18)
พระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้และทรงยกบาปทั้งหมดของผู้ที่ทำความชั่วทุกประเภท ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ และไม่มีความชอบธรรม และไม่ได้ประโยชน์ในแม่น้ำจอร์แดน ท่านเชื่อเรื่องนี้หรือไม่?
บัดนี้ พระเจ้าทรงมองหาผู้ที่เชื่อว่า พระองค์ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากบาปของเขาทั้งหมด สายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือผู้ชอบธรรม พระองค์ทรงสนับสนุนเรา ผู้ชอบธรรม พระองค์ทรงดูแลเรา ทรงประทับอยู่กับเรา ทรงปกปักรักษาเรา และทรงทำงานพร้อมกับเรา พระเจ้าทรงทำให้เราไว้ วางใจด้วยงานอันชอบธรรม พระเยซูจะทรงโทมนัสยิ่งกว่าที่เราเป็นถ้าเราทุกข์ใจจากสิ่งชั่วร้ายของเนื้อหนังของเรา “เหตุใดเจ้าจึงทุกข์ใจจากบาปของเจ้าเมื่อเราได้ช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากบาปของเจ้าแล้ว”
สิ่งที่เราต้องทำขณะนี้ก็คือ การวางใจในพระเจ้า เดินไปพร้อมกับพระวิญญาณและเผยแพร่ข่าวประเสริฐเพื่อเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณทั้งหลาย สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เราต้องทำขณะนี้ ท่านเชื่อเรื่องนี้หรือ ไม่? จงอย่าแสดงความชอบธรรมของท่านเอง หรือพยายามสร้างมันด้วยตัวท่านเอง เปรียบเทียบความ ชอบธรรมของท่านกับผู้อื่นที่แสดงมันออกมา จงอย่าใส่ร้ายผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยตัวเขาหรือเธอเอง ในความเป็นจริง ไม่มีมนุษย์ผู้ชอบธรรมโดยธรรมชาติ
 
 
เราขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเราให้รอดด้วยการรับบัพติศมาแล ะไม้กางเขนของพระองค์
 
พวกเราไม่มีสิ่งใดที่จะอวดอ้างต่อพระพักตร์พระเจ้ายกเว้นความรักของพระองค์ ซึ่งช่วยเราให้รอดโดยสมบูรณ์ ทุกสิ่งที่เราต้องทำก็คือ อวดอ้างการช่วยให้รอดของพระเจ้า สรรเสริญการช่วยให้รอด สรรเสริญพระองค์ และเผยแพร่ข่าวประเสริฐแห่งน้ำและพระวิญญาณ พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยว กับบาปและการตกนรก “เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” (โรม 8:1) ไม่เคย ท่านเข้าใจหรือไม่? ผู้ใดผู้หนึ่งจะตกนรก ถ้าเขาหรือเธอไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับความจริงที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเขาหรือเธอให้รอดด้วยการกระทำอันชอบธรรมของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ผู้นั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการตกนรก ถ้าเขาหรือเธอเชื่อเรื่องนี้
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากความผิดบาปทั้ง หมดด้วยการรับบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู เราขอขอบคุณพระ องค์! “เพราะเราทั้งหลายเห็นว่า คนหนึ่งคนใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ ก็โดยอาศัยความเชื่อนอกเหนือการประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือว่าพระเจ้านั้น ทรงเป็นพระเจ้าของยิวพวกเดียวเท่านั้นหรือ พระองค์ไม่ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วยหรือ ถูกแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วย” (โรม 3:28-29)
พระเจ้ามิทรงเป็นพระเจ้าของชาวยิวเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของมนุษย์ทุกคน พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปของเรา เพื่อที่จะทำเช่นนั้น พระองค์เสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปของเราทั้งหมด และทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อรับการพิพากษาเพื่อบาปทั้งหมด ดังนั้น พระ องค์จึงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ทุกคน นี่คือบทสรุปของโรม บทที่ 3 สาวกเปาโลเชื่อเรื่องนี้ เราก็เชื่อเรื่องนี้เช่นกัน
สาวกเปาโลไม่ได้กล่าวถึงแค่เพียงความอ่อนแอของเนื้อหนัง แต่ยังกล่าวถึงความชอบธรรมของพระเจ้าจากธรรมบัญญัติ พวกเราจึงไม่ได้รับการช่วยให้รอดโดยการกระทำแห่งธรรมบัญญัติ เราจะได้ รับการหลุดพ้นจากสิ่งใด? จากความเชื่อในการช่วยให้รอดของพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเป็นการบรรเทาแก่เรา และทรงยกบาปที่เคยทำไว้ ดังนั้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะได้รับการพิพากษาสำหรับบาปที่ต่อ ต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์มิทรงพิพากษาบาปที่ถูกทำเพราะความอ่อนแอของเนื้อหนังเพราะไม่มีบาปในโลกนี้
ดังนั้น เราต้องวางใจในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ไม่ทรงตำหนิหรือการพิพากษาแก่ผู้ที่เชื่อ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของผู้ที่เชื่อ ดังนั้น เราต้องใช้ชีวิตที่เหลือโดยการเดินพร้อมกับพระวิญญาณ เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ แห่งพระวิญญาณเพราะบาปของเราทั้งหมดได้รับการอภัยแล้ว แม้เนื้อหนังของเราต้องการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยราคะ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของทั้งชาวยิวและชนต่างชาติ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อ ประโยคนี้หมายความว่าพระเจ้าประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้ รับการช่วยให้รอดพ้นจากบาปของเขา พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของผู้ที่ไม่เชื่อ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของผู้ที่เชื่อแล้ว
ผู้เขียนขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจากก้นบึ้งของหัวใจ ผู้เขียนจะลำบากเพียงใดถ้าไม่มีพระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระองค์ไม่เสด็จมายังโลกนี้ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ และถ้าพระองค์ไม่ทรงรับบัพติศมาในแม่ น้ำจอร์แดนเพื่อยกเอาความผิดบาปของเราทั้งหมดออกไป ถ้าพระองค์มิทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอันสมบูรณ์ของเรา เราจะเป็นคนบาปอีกหลัง จากที่ได้รับการอภัยต่อบาป เพราะเราอ่อนแอจนกระ ทั่งวันที่เราตาย ผู้เขียนขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า