Search

דרשות

เรื่องที่ 10: วิวรณ์ (ข้อคิดเกี่ยวกับวิวรณ์)

[บทที่ 1-1] ฟังพระวจะของวิวรณ์ของพระเจ้า (วิวรณ์ 1:1-20)

ฟังพระวจะของวิวรณ์ของพระเจ้า
(วิวรณ์ 1:1-20)
“วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงประทานแก่พระองค์ เพื่อชี้แจงให้ผู้รับใช้ทั้งหลาย ของพระองค์รู้ถึงสิ่งที่จะต้องอุบัติขึ้นในไม่ช้า และพระองค์ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์ไปสำแดง แก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์ ยอห์นเป็นพยานฝ่ายพระวจนะของพระเจ้า และเป็นพยานฝ่ายคำพยาน ของพระเยซูคริสต์และเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งสิ้นซึ่งท่านได้เห็นนั้น ขอความสุขจงมีแก่บรรดาผู้อ่าน และผู้ฟังคำพยากรณ์เหล่านี้ และถือรักษาข้อความที่เขียนไว้ในคำพยากรณ์นี้ เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามา แล้วยอห์นเรียนมายังคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชีย ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับพระคุณและสันติ สุขจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ และผู้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน และผู้จะเสด็จมานั้น และจากพระวิญ ญาณทั้งเจ็ดที่อยู่หน้าพระที่นั่งของพระองค์ และจากพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพยานที่สัตย์ซื่อ และทรง เป็นผู้แรกที่ได้ฟื้นจากความตาย และผู้ทรงครอบครองกษัตริย์ทั้งปวงในโลก แด่พระองค์ผู้ทรงรักเราทั้ง หลายและได้ทรงชำระบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์และทรงตั้งเราไว้ให้เป็นกษัตริย์ และเป็น ปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระเกียรติและไอศวรรย์ จงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ เอเมน `ดูเถิด พระองค์จะเสด็จมาในเมฆและนัยน์ตาทุกดวงและคนเหล่านั้นที่ได้แทงพระองค์จะเห็น พระองค์ และมนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร่ำไห้เพราะพระองค์` จงเป็นไปอย่างนั้น เอเมน องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและเป็นอวสาน ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ได้ทรงเป็นอยู่ใน กาลก่อน ผู้จะเสด็จมานั้น และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด” ข้าพเจ้า ยอห์น พี่น้องของท่านทั้งหลาย ผู้เป็น เพื่อนร่วมการยากลำบาก และร่วมราชอาณาจักร และร่วมความอดทนของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงได้ มาอยู่ที่เกาะปัทมอสเนื่องด้วยพระวจนะของพระเจ้า และเนื่องด้วยคำพยานของพระเยซูคริสต์พระวิญ ญาณได้ทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าและข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากเบื้องหลัง ข้าพเจ้าดุจเสียงแตร ตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย และสิ่งซึ่งท่าน ได้เห็นจงเขียนไว้ในหนังสือ และฝากไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชีย คือคริสตจักรที่เมืองเอ เฟซัส เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิยาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟียและเมืองเลาดีเซีย” ข้าพเจ้าจึงเหลียวมาทางพระสุรเสียงที่ตรัสแก่ข้าพเจ้านั้น ครั้นเหลียวแล้วข้าพเจ้าก็เห็นคันประทีปทอง คำเจ็ดคันและในท่ามกลางคันประทีปทั้งเจ็ดคันนั้น มีผู้หนึ่งเหมือนกับบุตรมนุษย์ ทรงฉลองพระองค์ กรอมพระบาท และทรงคาดผ้ารัดประคดทองคำที่พระอุระ พระเศียรและพระเกศาของพระองค์ขาวดุจ ขนแกะสีขาว และขาวดุจหิมะ และพระเนตรของพระองค์ดุจเปลวเพลิงพระบาท ของพระองค์ดุจทอง สัมฤทธิ์เงางาม ราวกับว่าได้ถูกหลอมในเตาไฟ พระสุรเสียงของพระองค์ดุจเสียงน้ำมากหลาย พระองค์ ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์และมีพระแสงสองคมที่คมกริบออกมาจาก พระโอษฐ์ของพระองค์ และสีพระพักตร์ของพระองค์ดุจดังดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงด้วยฤทธานุภาพของ พระองค์ เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของ พระองค์เหมือนกับคนที่ตาย แล้ว แต่พระองค์ทรงแตะตัวข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์เบื้องขวา แล้วตรัสแก่ ข้าพเจ้าว่า “อย่ากลัวเลยเรา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย และเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่ดูเถิด เราก็ยังดำรงชีวิตอยู่ ตลอดไปเป็นนิตย์ เอเมน และเราถือลูกกุญแจแห่งนรกและแห่งความตาย จงเขียนเหตุการณ์ซึ่งเจ้าได้ เห็นและเหตุการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้ กับทั้งเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในภาย หน้าด้วย ส่วนความลึกลับ ของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าได้เห็นในมือข้างขวาของเราและแห่งคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นก็คือดาวทั้ง เจ็ดดวงได้แก่ทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ดและคันประทีปเจ็ดคัน ซึ่ง เจ้าได้เห็นแล้วนั้นได้แก่คริสต จักรทั้งเจ็ด”
 
 

คำอธิบาย

 
วรรคที่1“วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงประทานแก่พระองค์ เพื่อชี้แจงให้ ผู้รับใช้ทั้งหลาย ของพระองค์รู้ถึงสิ่งที่จะต้องอุบัติขึ้นในไม่ช้าและพระองค์ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์ของ พระองค์ไปสำแดง แก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์”
หนังสือของบทวิวรณ์ที่ได้เขียนขึ้นจากยอห์นผู้บันทึกวิวรณ์ของพระเยซู คริสต์ที่ทรงมีแก่เขา ในช่วงที่เขาอยู่ที่เกาะปัทมอส ขณะที่เขาถูกเนรเทศ ในช่วงการสถาปนาจักรพรรดิ์โรมัน (ประมาณปี คริสต์ศักราช95) ยอห์นถูกเนรเทศไปยังเกาะปัทมอสเพื่อร่วมเป็นพยานให้แก่พระวนะของพระเจ้า และเป็นพยานฝ่ายคำพยานของพระเยซู และที่เกาะนี้เองที่ขาได้ได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้าที่พระเยซู คริสต์ทรงแสดงผ่านแรงบันดาลใจของพระวิญาณบริสุทธิ์และทูตสวรรค์ของพระองค์
“วิวรณ์ของพระเยซู คริสต์ คืออะไร? มันหมายความว่าพระเจ้าจะทรงเปิดเผยสิ่งที่กำลังจะเกิด ขึ้นในอนาคตกับโลกนี้และอาณาจักรสวรรค์ให้แก่พวกเราผ่านผู้แทนของพระองค์ พระเยซู คริสต์ โดย พื้นฐานและพระเยซูคือใคร? พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้สร้างและผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงนำมนุษยชาติ ออก ไปจากความผิดบาปของโลกนี้
พระเยซู ทรงเป็นพระเจ้าของอาณาจักรใหม่ที่กำลังจะมาทรงเป็นผู้เปิดเผยให้เราได้เห็นทุกอย่าง เกี่ยวกับโลกใหม่ที่กำลังจะมาและทรงเป็นผู้แทนของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบิดา เราจะเห็นวิธีการที่พระ เยซูทรงจัดการกับโลกเก่าและทรงเปิดโลกใหม่ผ่านพระวจนะของวิวรณ์ที่ยอห์นได้ทำการบันทึกเอาไว้
 
วรรคที่ 2 “ยอห์นเป็นพยานฝ่ายพระวจนะของพระเจ้า และเป็นพยานฝ่ายคำพยาน ของพระเยซู คริสต์และเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งสิ้นซึ่งท่านได้เห็นนั้น”
ยอห์นสามารถร่วมเป็นพยานฝ่ายพระวจนะของความจริงโดยเฉพาะ เพราะว่าเขาได้เห็นสิ่งที่ พระเยซู คริสต์จะทรงกระทำในอนาคตดุจเป็นผู้แทนของพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบิดา ยอห์นได้เห็นและ ได้ยินสิ่งที่จะสมบูรณ์ผ่านพระเยซู คริสต์ และเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็สามารถยืนยันสิ่งต่างๆทั้งหมดได้
 
วรรคที่ 3 “ขอความสุขจงมีแก่บรรดา ผู้อ่าน และผู้ฟังคำพยากรณ์เหล่านี้ และถือรักษาข้อความ ที่เขียนไว้ในคำพยากรณ์นี้ เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามา แล้ว”
ได้กล่าวเอาไว้ว่าขอความสุขจงมีแก่บรรดาผู้อ่าน และผู้ฟังพระวจนะของพระเจ้าที่ได้ยืนยัน โดยยอห์น ใครที่ได้รับพร? อันดับแรกสุดเลยคือผู้ที่เชื่อที่ได้มาเป็นคนของพระเจ้าโดยการถูกส่งผ่าน ความผิดบาปของพวกเขาออกไปโดยความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า มีเพียงวิสุทธิชนเท่านั้นที่จะได้ รับพระพร เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้อ่าน, ผู้ฟังและผู้รักษาพยานฝ่ายคำพยานของพระวจนะของพระเจ้าทุก สิ่งทุกอย่างนี้จะมาถึงผ่านพระเยซู คริสต์ ตามที่ยอห์นได้บันทึกเอาไว้ คนทั้งหลายที่ได้มาเป็นวิสุทธิชน ของพระเจ้าในหนทางนี้จะได้รับพระพรของสวรรค์โดยการได้ยินพระวจนะของพระเจ้าและรักษาความ เชื่อในพระองค์ไว้
เมื่อพระเจ้าไม่ทรงบอกเราล่วงหน้าในความลับของความจริงของสิ่งที่กำลังจะมาสู่สวรรค์และโลกนี้ผ่านยอห์นแล้ว เหล่าวิสุทธิชนจะเคยเห็นและได้ฟังได้อย่างไร? พวกเขาจะได้รับพระพรของการรู้ล่วง หน้าและเชื่อในทุกสิ่งว่าโลกกำลังดำเนินไปได้อย่างไร? ผู้เขียนขอขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้าที่ ทรงแสดงสิ่งที่รอคอยอยู่บนโลกและสวรรค์นี้ให้เราเห็นผ่านยอห์นในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ของเราพระพร ยังคงมีให้แก่ผู้ที่เห็นและอ่านพระวจนะของวิวรณ์ของพระเจ้าผ่านพระเยซู คริสต์ ได้ด้วยตาของพวกเขา อย่างแท้จริง
 
วรรคที่ 4 “ยอห์นเรียนมายังคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชีย ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับ พระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ และผู้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน และผู้จะเสด็จมานั้น และจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่อยู่หน้าพระที่นั่งของพระองค์”
ยอห์นได้กล่าวตรงนี้ว่าเขาได้ส่งจดหมายมายังคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชีย โดยมีการบันทึก คำพยากรณ์และวิวรณ์ที่พระเจ้าทรงทำในช่วงขณะที่เขาถูกเนรเทศไปยังเกาะปัทมอส ยอห์นได้ส่งจด หมายไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชียเช่นเดียวกับคริสตจักรของพระเจ้าทั้งหมดทั่วโลก
 
วรรคที่ 5 “และจากพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพยานที่สัตย์ซื่อ และทรง เป็นผู้แรกที่ได้ฟื้นจาก ความตาย และผู้ทรงครอบครองกษัตริย์ทั้งปวงในโลก แด่พระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลายและได้ทรง ชำระบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์”
ทำไมยอห์นเรียกพระเยซู คริสต์ว่า “พยานที่สัตย์ซื่อ?” พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมายังโลกนี้ และทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เพื่อแยกคนทั้งหลายที่มีบาปและถูกผูกมัดอยู่กับการ ถูกทำลายของพวกเขา จากการที่พระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปเพียงครั้งเดียว, ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปด้วยชีวิตทั้งหมดของพระองค์ และทรงเป็น ขึ้นมาจากความตายหลังจากนั้นสามวันได้ช่วยผู้ที่เชื่อและชำระความผิดบาปของพวกเขา เนื่องจากไม่มี สิ่งอื่นใดนอกจากพระเยซูเองที่จะทรงแยกผู้มีบาปของโลกนี้ออกจากความผิดบาปของพวกเขาไปได้ พระคริสต์ทรงเป็นพยานของความรอดที่ดำรงอยู่
ยอห์นบอกเราจากคำว่า “ทรงเป็นผู้แรกที่ได้ฟื้นจากความตาย” ว่าพระเยซูเสด็จมาเป็นผลแรก โดยการเสด็จมายังโลกนี้และทรงทำตามพระประสงค์ทั้งหมดของพระบัญญัติให้สมบูรณ์ คือการจ่าย หรืออีกนัยหนึ่งคือ ค่าจ้างของบาปโดยการรับเอาความผิดบาปทั้งหมดไปพร้อมกับพิธีรับบัพติศมา, การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และการที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง และตามที่พระคริสต์ “ทรงรักเราทั้งหลายและทรงชำระบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์” นั้น พระเจ้าทรงให้อิสระ จากความผิดบาปทั้งหมดของพวกเขากับผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
 
วรรคที่ 6 “และทรงตั้งเราไว้ให้เป็นกษัตริย์ และเป็นปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระเกียรติและไอศวรรย์ จงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ เอเมน”
พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังและทรงช่วยผู้มีบาปด้วยพิธีรับบัพติศมาและพระโลหิตบนไม้กางเขนของพระองค์ดุจทรงเป็นผู้แทนของพระเจ้า พระบิดา ด้วยพระคุณที่ได้กระทำเช่นนี้พระคริสต์ ก็ทรงชำระเราให้สะอาดและทรงทำให้เราเป็นคนของพระเจ้าและเป็นปุโรหิตของพระองค์ แด่พระบิดา ผู้ทรงประทานพระพรของพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับเรา และแด่พระบุตรผู้ทรงเป็นผู้แทนและผู้ช่วยให้ รอดของเรา พระเกียรติ พระสิริ และคำขอบพระคุณจงมีแด่พระองค์ชั่วนิตย์นิรันดร์! วัตถุประสงค์ของ การทำให้มีตัวตนของพระคริสต์ก็คือการทำให้เราเป็นของพระเจ้าและเป็นปุโรหิตของอาณาจักรสวรรค์ สำหรับพระบิดา เราถูกทำให้เป็นกษัตริย์ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นกษัตริย์ของสวรรค์ที่ที่เราจะมีชีวิตอยู่เป็น นิรันดร์พร้อมกับพระเจ้า
 
วรรคที่ 7 “ดูเถิด พระองค์จะเสด็จมาในเมฆและนัยน์ตาทุกดวงและคนเหล่านั้นที่ได้แทงพระ องค์จะเห็น พระองค์ และมนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร่ำไห้เพราะพระองค์ จงเป็นไปอย่างนั้น เอเมน”
ตรงนี้ได้กล่าวไว้ว่าพระคริสต์จะเสด็จมาในเมฆ และผู้เขียนเชื่ออย่างแน่นอนนี่ไม่ใช่เรื่องนิยาย วิทยาศาสตร์ นี่เป็นคำทำนายที่พระเยซูจะเสด็จจากสววรค์กลับมายังโลกนี้อย่างแท้จริง และก็กล่าวอีก เช่นกันว่า “คนเหล่านั้นที่ได้แทงพระองค์” จะเห็นพระองค์คนเหล่านั้นคือใคร? คือผู้ที่ได้เห็นพระวจนะ ของน้ำและพระวิญญาณเป็นเพียงแค่หนึ่งในลัทธิทางศาสนาทั้งหลายของโลกนี้เท่านั้น แม้ว่าพระวจนะ นี้จะมีพลังที่จะช่วยพวกเขาทั้งหมดให้รอดก็ตาม
เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาคนทั้งหลายที่ได้แทงพระองค์ด้วยความไม่เชื่อของพวกเขาก็จะอยู่
ในความเศร้าโศกอย่างแน่นอน พวกเขาจะร้องให้และเศร้าโศกเพราะว่าในตอนที่พวกเขาตระหนักว่า ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้น คือข่าวประเสริฐของการชำระความผิดบาปและนำพวกเขา
ออกไปพ้นจากความผิดบาปอย่างแท้จริง และตระหนักว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นเพื่อรับเอา ความผิดบาปทั้งหมดของโลกไป ซึ่งมันอาจจะสายเกินไปสำหรับพวกเขา
 
วรรคที่ 8 “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและเป็นอวสาน ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ได้ทรง เป็นอยู่ในกาลก่อน ผู้จะเสด็จมานั้น และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด”
ยอห์นบอกเราโดย “อัลฟาและโอเมกา” ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระเจ้าของการพิพากษาจาก ผู้ที่เป็นปฐมและเป็นอวสานของจักรวาลทั้งหมดและของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติที่ได้จากมา พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จกลับมาประทานความชอบธรรมและการพิพากษาให้แก่ผู้มีบาป พระองค์ทรงเป็น พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพที่จะทรงพิพากษาความผิดบาปของผู้คนและทรงประทานความชอบธรรมของผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระองค์
 
วรรคที่ 9–10 “ข้าพเจ้า ยอห์น พี่น้องของท่านทั้งหลาย ผู้เป็น เพื่อนร่วมการยากลำบาก และ ร่วมราชอาณาจักร และร่วมความอดทนของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงได้มาอยู่ที่เกาะปัทมอสเนื่องด้วย พระวจนะของพระเจ้า และเนื่องด้วยคำพยานของพระเยซูคริสต์พระวิญญาณได้ทรงดลใจข้าพเจ้าใน วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าและข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากเบื้องหลัง ข้าพเจ้าดุจเสียงแตร”
คำว่า “พี่น้องของท่านทั้งหลาย” นั้นใช้เมื่อผู้ร่วมสามัคคีธรรมใช้เรียกกันและกัน ในคริสตจักร ของการเกิดใหม่ของพระเจ้าคนทั้งหลายที่ได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของ น้ำและพระวิญญาณก็เรียกกันและกันว่าพี่น้องทั้งหลายเช่นกัน และคำนำหน้าที่เรียกเช่นนี้ได้มอบให้แก่ เราโดยความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณของเรา
“วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ณ ที่นี่หมายถึงวันหลังจากวันสะบาโต เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมา จากความตาย ซึ่งเป็นวันหนึ่งในหนึ่งอาทิตย์เมื่อพระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และนี่จึงเป็นเหตุ ผลที่เราเรียกวันอาทิตย์ว่า “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ในวันนี้เป็นสัญลักษณ์ของอวสานของยุคของ พระบัญญัติและจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของความรอดเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงบอกเราด้วย การทรงเป็นขึ้นมาจากความตายว่าอาณาจักรของพระองค์นั้นไม่ใช่ของโลกนี้
 
วรรคที่ 11 “ตรัสว่า ‘เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย และสิ่งซึ่งท่าน ได้เห็นจงเขียนไว้ในหนังสือ และฝากไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชีย คือคริสตจักรที่เมืองเอ เฟซัส เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิยาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟียและเมืองเลาดีเซีย’” ยอห์นได้เขียนในสิ่งที่เขาได้เห็นผ่านวิวรณ์ของพระเยซู คริสต์ และส่งจดหมายไปให้คริสตจักร ทั้งเจ็ดในแคว้นเอเซีย สิ่งนี้บอกกับเราว่าพระเจ้าทรงตรัสกับคริสตจักรทั้งหมด ผ่านผู้รับใช้ทั้งหลายของ พระองค์ผู้ที่เดินไปแล้วก่อนหน้าพวกเรา
 
วรรคที่ 12 “ข้าพเจ้าจึงเหลียวมาทางพระสุรเสียงที่ตรัสแก่ข้าพเจ้านั้น ครั้นเหลียวแล้วข้าพเจ้าก็ เห็นคันประทีปทองคำเจ็ดคันและในท่ามกลางคันประทีปทั้งเจ็ดคันนั้น”
เนื่องจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ของพระเจ้ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ในช่วงเวลาของเหล่าสาวกซึ่งมี
ความจำเป็นต้องแสดงสัญลักษณ์และแนวคิดของเหล่าสาวกทั้งหลาย เมื่อยอห์นได้เหลียวไปฟังพระสุร เสียงของพระเจ้า เขาก็ได้เห็นคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดคัน คันประทีปทองคำนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ของ คริสตจักรของพระเจ้า การรวมกลุ่มกันของเหล่าวิสุทธิชนผู้ที่เชื่อในวิวรณ์ของข่าวประเสริฐของน้ำ และพระวิญญาณ พระเจ้าทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าของคริสจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชีย และพระองค์ ทรงเป็นผู้ที่ดูแลเหล่าวิสุทธิชนทั้งหลายเหล่านั้น
 
วรรคที่ 13 “ในท่ามกลางคันประทีปทั้งเจ็ดคันนั้น มีผู้หนึ่งเหมือนกับบุตรมนุษย์ ทรงฉลองพระ องค์กรอมพระบาทและทรงคาดผ้ารัดประคดทองคำที่พระอุระ”
“ผู้หนึ่งเหมือนกับบุตรมนุษย์” ผู้ที่ยอห์นได้เห็น “ในท่ามกลางคันประทีปทั้งเจ็ดคันนั้น” ก็คือ พระเยซู คริสต์นั่นเอง พระเยซูทรงเยี่ยมเยือนและพูดคุยกับผู้ที่เชื่อในพระวจนะของความจริงของพิธี บัพติศมาและการถูกตรึงบนไม้กางเขนของพระองค์ดุจเป็นผู้ดูแลเหล่าวิสุทธิชนนั้น ยอห์นได้บรรยาย พระคริสต์ว่า “ทรงฉลองพระองค์กรอมพระบาทและคาดผ้ารัดประคดทองคำที่พระอุระ” ซึ่งเป็นสัญ ลักษณ์ของสถานะภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่าทรงเป็นผู้แทนของพระเจ้าพระบิดา
 
วรรคที่ 14 “พระเศียรและพระเกศาของพระองค์ขาวดุจ ขนแกะสีขาว และขาวดุจหิมะและพระ เนตรของพระองค์ดุจเปลวเพลิง”
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเป็นสิ่งบริสุทธิ์, สูงส่งและทรงเกียรติอย่างแท้จริง “พระเนตรของพระ องค์ดุจเปลวเพลิง” หมายความว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง
 
วรรคที่ 15 “พระบาทของพระองค์ดุจทองสัมฤทธิ์เงางาม ราวกับว่าได้ถูกหลอมในเตาไฟ พระ สุรเสียงของพระองค์ดุจเสียงน้ำมากหลาย”
พวกเราคิดว่าพระเยซูทรงเป็นใคร? เหล่าวิสุทธิชนเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าโดยทั้งหมด และอย่างสมบูรณ์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงมีฤทธานุภาพและไม่ทรงอ่อนแอ แต่เนื่องจากที่พระองค์ทรง ประสบกับความอ่อนแอของพวกเราในขณะที่ทรงดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้พระองค์ทรงเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในสภาพและสถานการณ์แวดล้อมต่างๆของเราเป็นอย่างดี ดังนั้นก็ทรงช่วยเราได้อย่างดี การที่ พระสุร เสียงของพระองค์ดุจเสียงน้ำมากหลายนั้นแสดงให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงมีฤทธานุภาพและทรงบริสุทธิ์ อย่างไรไม่มีร่องรอยของความไม่สมบูรณ์หรือความอ่อนแอในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและทรงสม
บูรณ์โดยความบริสุทธิ์, ความรัก, ความสูงส่งและความทรงเกียรติของพระองค์ อย่างแท้จริงเท่านั้น
 
วรรคที่ 16 “พระองค์ ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์และมีพระ แสงสองคมที่คมกริบออกมาจาก พระโอษฐ์ของพระองค์ และสีพระพักตร์ของพระองค์ดุจดังดวง อาทิตย์ที่ฉายแสงด้วยฤทธานุภาพของ พระองค์”
ตามที่ “พระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์” นั้นหมายความ ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักษาคริสตจักรของพระเจ้าเอาไว้ “พระแสงสองคมที่คมกริบ” จากพระโอษฐ์ของ พระองค์ นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงทำงานร่วมกับพระ วจนะในอำนาจหน้าที่และพลังของพระเจ้า “ดุจดังดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงด้วยฤทธานุภาพของพระองค์” พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเป็นพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมีอำนาจไม่สิ้นสุด
 
วรรคที่ 17 “เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของ พระองค์เหมือนกับ คนที่ตาย แล้ว แต่พระองค์ทรงแตะตัวข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์เบื้องขวา แล้วตรัสแก่ ข้าพเจ้าว่า “อย่ากลัว เลยเรา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย”
วรรคนี้ได้แสดงให้เห็นว่าเราอ่อนแอและมืดมนเพียงใดต่อพระพักตร์ของพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงมีพระอำนาจอย่างไม่มีสิ้นสุดและสมบูรณ์ และพระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์ เองต่อคนรับใช้ของพระเจ้าเป็นบางครั้งว่าทรงเป็นเพื่อน และในบางครั้งว่าทรงพิพากษาอย่างเคร่ง ครัด
 
วรรคที่ 18 “และเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่ดูเถิด เราก็ยังดำรงชีวิตอยู่ ตลอดไปเป็น นิตย์ เอเมน และเราถือลูกกุญแจแห่งนรกและแห่งความตาย”
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ และทรงมีอำนาจของสวรรค์ดุจผู้แทน ของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงมีอำนาจเหนือชีวิตนิรันดร์และความตาย ทรง เป็นดุจผู้ช่วยให้รอดและผู้พิพากษามวลมนุษยชาติ
 
วรรคที่ 19 “จงเขียนเหตุการณ์ซึ่งเจ้าได้ เห็นและเหตุการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้ กับทั้งเหตุ การณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในภาย หน้าด้วย”
คนรับใช้ของพระเจ้ามีหน้าที่ในการบันทึกวัตถุประสงค์และการทำงานของพระเจ้าทั้งปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าทรงบอกกับยอห์นให้เผยแพร่ในความเชื่อที่ได้ทรงเปิดเผยแก่เขา ความ เชื่อของคริสตจักรของพระเจ้า ที่จะได้ชีวิตนิรันดร์ และทุกสิ่งที่จะมาถึงในอนาคต นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรง มีและทรงสั่งให้เราทำผ่านยอห์น
วรรคที่ 20 “ส่วนความลึกลับ ของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าได้เห็นในมือข้างขวาของเราและแห่งคัน ประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นก็คือดาวทั้งเจ็ดดวงได้แก่ทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ดและคันประทีปเจ็ด คันซึ่งเจ้าได้เห็นแล้วนั้นได้แก่คริสต จักรทั้งเจ็ด”
อะไรคือ “ส่วนความลึกลับของดาวทั้งเจ็ดดวง?” มันคือสิ่งที่พระเจ้าจะทรงสร้างอาณาจักรของ พระองค์ โดยการสร้างคนของพระองค์ผ่านคนรับใช้ของพระองค์”คันประทีปทองคำ”เป็นสัญลักษณ์ถึง คริสตจักรของพระเจ้าที่ทรงสร้าง ผ่านเหล่าวิสุทธิชนผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ พระเจ้าทรงประทานให้กับมวลมนุษยชาติ
พระเจ้าทรงแสดงให้ผู้ที่เชื่อได้เห็นวัตถุประสงค์ และสิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอในโลกนี้และภายหน้า
ผ่านคนรับใช้และคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงแสดงให้ยอห์นได้เห็นและให้เขาได้จดบันทึก เอาไว้ผ่านพระวจนะของวิวรณ์ เราก็เช่นกันจะได้เห็นภารกิจของพระองค์ด้วยตาของเราในเร็ววันนี้ ผู้
เขียนขอขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้าสำหรับการหยั่งรู้เตรียมการอย่างรอบคอบที่ได้เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะผ่านมาถึงในโลกนี้