Search

דרשות

เรื่องที่ 10: วิวรณ์ (ข้อคิดเกี่ยวกับวิวรณ์)

[บทที่ 17-1] การพิพากษาของหญิงแพศยาที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย (วิวรณ์ 17:1-18)

การพิพากษาของหญิงแพศยาที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย
(วิวรณ์ 17:1-18)
“ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่ถือขันเจ็ดใบนั้น มาหาข้าพเจ้าและพูดว่า ‘เชิญมาที่นี่เถิด ข้าพเจ้าจะให้ท่านดูการพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย คือหญิงที่บรรดากษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลกได้ล่วงประเวณีด้วย และคนทั้งหลายที่อยู่ในแผ่นดินโลกก็ได้มัวเมาด้วยเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของเธอ’ ทูตสวรรค์องค์นั้นได้นำข้าพเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารโดยพระวิญญาณ และข้าพเจ้าได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวหนึ่ง ซึ่งมีชื่อหลายชื่อเป็นคำหมิ่นประมาทเต็มไปทั้งตัว มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา หญิงนั้นนุ่งห่มด้วยผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม และประดับด้วยเครื่องทองคำ เพชรพลอยต่างๆและไข่มุก หญิงนั้นถือถ้วยทองคำที่เต็มด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนและของโสโครกแห่งการล่วงประเวณีของตน และที่หน้าผากของหญิงนั้นเขียนชื่อไว้ว่า 
‘ความลึกลับ บาบิโลนมหานคร แม่ของหญิงแพศยาทั้งหลาย และแม่แห่งสิ่งทั้งปวงที่น่าสะอิดสะเอียนแห่งแผ่นดินโลก’ 
และข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นเมามายด้วยโลหิตของพวกวิสุทธิชน และโลหิตของคนทั้งหลายที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานของพระเยซูเมื่อข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นแล้วข้าพเจ้าก็อัศจรรย์ใจยิ่งนักทูตสวรรค์องค์นั้นจึงถามข้าพเจ้าว่า ‘เหตุไฉนท่านจึงอัศจรรย์ใจ ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านรู้ถึงความลึกลับของหญิงนั้น และของสัตว์ร้ายที่มีเจ็ดหัวและสิบเขาที่เป็นพาหนะของหญิงนั้น สัตว์ร้ายที่ท่านได้เห็นนั้นเป็นอยู่ในกาลก่อน แต่บัดนี้มิได้เป็น และมันจะขึ้นมาจากเหวที่ไม่มีก้นเหวเพื่อไปสู่ความพินาศแล้ว และคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก ซึ่งไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่แรกทรงสร้างโลกนั้น ก็จะอัศจรรย์ใจ เมื่อเขาเห็นสัตว์ร้าย ซึ่งได้เป็นอยู่ในกาลก่อน แต่บัดนี้มิได้เป็น และกำลังจะเป็น นี่ต้องใช้สติปัญญา หัวทั้งเจ็ดนั้นคือภูเขาเจ็ดยอดที่หญิงนั้นนั่งอยู่ และมีกษัตริย์เจ็ดองค์ ซึ่งห้าองค์ได้ล่วงไปแล้ว องค์หนึ่งกำลังเป็นอยู่ และอีกองค์หนึ่งนั้นยังไม่ได้เป็นขึ้น และเมื่อเป็นขึ้นมาแล้ว จะ ต้องดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง สัตว์ร้ายที่เป็นแล้วเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นนั้นก็เป็นที่แปด แต่ก็ยังเป็นองค์หนึ่งในเจ็ดองค์นั้น และจะไปสู่ความพินาศ เขาทั้งสิบเขาที่ท่านได้เห็นนั้นคือกษัตริย์สิบองค์ที่ยังไม่ได้เสวยราชสมบัติ แต่จะรับอำนาจอย่างกษัตริย์ด้วยกันกับสัตว์ร้ายนั้นหนึ่งชั่วโมง กษัตริย์ทั้งหลายนั้นมีน้ำพระทัยอย่างเดียวกัน และทรงมอบฤทธิ์และอำนาจของตนไว้แก่สัตว์ร้ายนั้น กษัตริย์เหล่านี้จะกระทำสงครามกับพระเมษโปดก และพระเมษโปดกจะทรงชนะพวกเขา เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และผู้ที่อยู่กับพระองค์นั้นเป็นผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียก และทรงเลือกไว้ และเป็นผู้ที่สัตย์ซื่อ’ และทูตสวรรค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า ‘น้ำมากหลายที่ท่านได้เห็นหญิงแพศยานั่งอยู่นั้น ก็คือชนชาติ มวลชน ประชาชาติ และภาษาต่างๆ เขาสิบเขาที่ท่านได้เห็นอยู่บนสัตว์ร้าย จะพากันเกลียดชังหญิงแพศยานั้น จะกระทำให้นางโดดเดี่ยวอ้างว้างและเปลือยกาย และจะกินเนื้อของหญิงนั้น และเผานางเสียด้วยไฟ เพราะว่าพระเจ้าทรงดลใจเขาให้กระทำตามพระทัยของพระองค์ โดยการทรงทำให้พวกเขามีความคิดอย่างเดียวกัน และมอบอาณาจักรของเขาให้แก่สัตว์ร้ายนั้น จนถึงจะสำเร็จตามพระวจนะของพระเจ้า และผู้หญิงที่ท่านเห็นนั้นก็คือนครใหญ่ ที่มีอำนาจเหนือกษัตริย์ทั้งหลายทั่วแผ่นดินโลก.’” 
 


การวิเคราะห์ 

 
วรรคที่ 1: ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่ถือขันเจ็ดใบนั้น มาหาข้าพเจ้าและพูดว่า “เชิญมาที่นี่เถิด ข้าพเจ้าจะให้ท่านดูการพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย” 
หญิงที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นหญิงแพศยาและสัตว์ร้ายของข้อความหลักนั้นมีความสำคัญในการตีความและเข้าใจในบทที่ 17 เป็นอย่างมาก คำว่า “หญิงแพศยา” ในวรรคที่ 1 นั้นหมายถึงศาสนาของโลก ในขณะที่ “ผู้หญิง” นั้นหมายถึงโลก อีกนัยหนึ่ง “สัตว์ร้าย” ก็หมายถึงปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ คำว่า “น้ำมากหลาย” หมายถึงการสอนของพญามาร ประโยคที่ว่า “ข้าพเจ้าจะให้ท่านดูการพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญที่นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย.” บอกเราว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาศาสนาทางโลกที่นั่งอยู่บนการสอนของซาตาน. 
 
วรรคที่ 2: “คือหญิงที่บรรดากษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลกได้ล่วงประเวณีด้วย และคนทั้งหลายที่อยู่ในแผ่นดินโลกก็ได้มัวเมาด้วยเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของเธอ.” 
“การล่วงประเวณี” หมายถึงความรักโลกนี้และมันเป็นสิ่งที่มากกว่าการรักพระเจ้า การสร้างภาพหลังจากสิ่งต่างๆของโลกและนมัสการและรักพวกเขาเหมือนกับพระเจ้านั้นคือการกระทำการล่วงประเวณี. 
ประโยคข้างต้นที่ว่า “บรรดากษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลกได้ล่วงประเวณีด้วย” หมายความว่าผู้นำของโลกได้มีชีวิตที่มัวเมาอยู่ในศาสนาตามทางโลก และหมายความว่าผู้คนทางโลกได้มีชีวิตที่มัวเมาไปด้วยบาปที่ศาสนาทางโลกได้จัดเตรียมเอาไว้. 
 
วรรคที่ 3: ทูตสวรรค์องค์นั้นได้นำข้าพเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารโดยพระวิญญาณ และข้าพเจ้าได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวหนึ่ง ซึ่งมีชื่อหลายชื่อเป็นคำหมิ่นประมาทเต็มไปทั้งตัว มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา. 
ประโยคที่ว่า “ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวหนึ่ง.” บอกเราว่าผู้คนของโลกนี้จะรวมหัวใจของตนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เพื่อข่มเหงและฆ่าเหล่าวิสุทธิชน มันแสดงให้เราเห็นว่าผู้คนตามทางโลกจะสิ้นสุดลงโดยการเปลี่ยนคนรับใช้ของศัตรูของพระเจ้า ในการทำงานของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ สัตว์ร้ายก็คือปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และเขาจะครอบครองเหนือชนชาติต่างๆของโลกนี้เช่นกัน.
ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะไม่ลังเลที่จะหมิ่นประมาทพระเจ้าและกล่าวคำพูดที่ภาคภูมิใจอย่างไม่เป็นคำแต่หยิ่งยะโส เขาจะหมิ่นประมาทพระเจ้าโดยการพูดคำพูดที่หยิ่งยะโส โดยอ้างว่าตัวเขาเองคือพระเจ้าหรือพระเยซู คริสต์ และเขาจะยกตัวเองเหมือนว่าเป็นพระเจ้า ดังนั้นพลังของเขาจึงเข้าถึงและมีเหนือกษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลกและชนชาติทั้งหลาย 
จากประโยคที่ว่า “มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา” คำว่า “เจ็ดหัว” ก็หมายถึงกษัตริย์ทั้งแผ่นดินโลกทั้งเจ็ด และ “สิบเขา” ก็หมายถึงชนชาติต่างๆในโลกนี้. 
 
วรรคที่ 4: หญิงนั้นนุ่งห่มด้วยผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม และประดับด้วยเครื่องทองคำ เพชรพลอยต่างๆและไข่มุก หญิงนั้นถือถ้วยทองคำที่เต็มด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนและของโสโครกแห่งการล่วงประเวณีของตน. 
จากประโยคที่ว่า “หญิงนั้นนุ่งห่มด้วยผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม และประดับด้วยเครื่องทองคำ เพชรพลอยต่างๆและไข่มุก.” ได้บอกเราว่าศาสนาตามทางโลก จะคิดว่าเขาเป็นกษัตริย์ของตนที่ได้วางแผนร่วมกับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ดังนั้นพวกเขาจะพิจารณามันด้วยความเหมาะสมว่าคนทั้ง หลายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขาควรจะถูกตัดสินให้ต้องตาย และจะทำให้ความคิดของพวกเขาสำเร็จป่านการกระทำของพวกเขาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเหล่าวิสุทธิชน. 
และการประดับโลกนี้ให้เหมือนกับอาณาจักรของความสุขอันเป็นนิรันดร์ พวกเขาก็จะตก แต่งตัวเองอย่างสวยงามด้วยเครื่องทองคำ เพชรพลอยต่างๆและไข่มุก แต่ความเชื่อของพวกเขานั้นน่าสนใจโดยลำพังที่สุดว่าเนื้อหนังของพวกเขามีความเพลิดเพลินใจในขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพียงใด เนื่องจากเมื่อพระเจ้าทรงมองดูที่ผู้คนของโลกนี้ พระองค์ก็จะเห็นโลกที่เต็มไปด้วยบาปอันโสโครก และพวกเขาก็ตะเกิดขึ้นอย่างน่าสะอิดสะเอียนต่อพระพักตร์พระองค์. 
 
วรรคที่ 5: และที่หน้าผากของหญิงนั้นเขียนชื่อไว้ว่า: ความลึกลับ บาบิโลนมหานคร แม่ของหญิงแพศยาทั้งหลาย และแม่แห่งสิ่งทั้งปวงที่น่าสะอิดสะเอียนแห่งแผ่นดินโลก. 
แม้ว่าผู้คนทางศาสนาของโลกจะพยายามประดับตัวเองเหมือนเป็นราชินี พวกเขาก็จะถูกเปิดเผยว่าความจริงแล้วเป็นหญิงแพศยา อีกนัยหนึ่ง ชื่อของเธอ “บาบิโลนมหานคร” ได้แสดงให้เราเห็นถึงความภูมิใจ, น่าเคารพ และบุคลิกที่น่าสลดใจของหญิงแพศยา อีกนัยหนึ่งคำว่า “แม่” ก็แสดงให้เราเห็นว่ากำลังทั้งหมดของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ในประวัติศาสตร์ได้กำเนิดขึ้นจากโลกเองไม่ใช่อื่นใดเลย และโลกที่เป็นรากฐานของรูปเคารพทั้งหมดและความเสื่อมทราม. 
ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าและทำงานอยู่ในหัวใจของผู้คนของโลกนี้ที่จะทำงานเหมือนกับแม่ของตนผ่านโลกนี้ที่ประดับด้วยเครื่องประดับที่หรูหรางดงาม ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงตัดสินพระทัยที่จะทำลายพวกเขาด้วยภัยพิบัติทั้งหมดของขันทั้งเจ็ด.
 
วรรคที่ 6: และข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นเมามายด้วยโลหิตของพวกวิสุทธิชน และโลหิตของคนทั้งหลายที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานของพระเยซูเมื่อข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นแล้วข้าพเจ้าก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก. 
“พวกวิสุทธิชน” หมายถึงผู้คนของความเชื่อทั่วทั้งคริสตจักรในประวัติศาสตร์ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระเยซู คริสต์ประทานมาให้ ประโยคที่ว่า “พยานของพระเยซู คริสต์” หมายถึงคนทั้งหลายในพวกวิสุทธิชนผู้ที่เป็นพยานของความจริงที่ว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา และผู้ที่ได้เป็นพยานเป็นพิเศษเพื่อปกป้องความเชื่อของพวกเขา. 
วรรคนี้เน้นว่าผู้ที่ข่มเหงและฆ่าเหล่าวิสุทธิชนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนทางศาสนาของโลกนี้ พวกเขาจะทำสิ่งชั่วร้ายเหมือนเป็นกองหน้าของกองทัพของพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์.
ยอห์นกล่าวว่าเมื่อเขาได้เห็นหญิงสาวผู้นั้น เขา “ก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก” โลกนี้เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเสียจริง วิสุทธิชนไม่ได้ทำอะไรเพื่อทำร้ายมันเลยและโลกยังวางแผนเอาไว้ด้วยการที่ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และฆ่าเหล่าวิสุทธิชนมากมาย โลกนี้จะเป็นอื่นไปได้อย่างไรนอกจากแปลกไป? สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาสู่วิสุทธิชนโดยผู้คนของโลกเช่นกัน เนื่องจากโลกนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ผู้คนของมันที่เป็น คนรับใช้ของเขา จะจับกุมเหล่าวิสุทธิชนและฆ่าพวกเขา. 
ดังนั้นพวกเขาจะเป็นคนแปลกหน้าต่อเราอย่างแท้จริง เมื่อเรามองดูที่ผู้คนทางโลก พวกเขาไม่ปรากฎเป็นคนแปลกหน้าที่แท้จริงใช้ไหม? เมื่อผู้คนถูกสร้างขึ้นหลังจากรูปของพระเจ้าแล้ว พวกเขาจะเป็นคนรับใช้ของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และฆาตรกรรมผู้คน ที่ไม่ใช่ใครก็ได้แต่เป็นผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่เชื่อในพระเจ้า ได้อย่างไร? มันเป็นเพราะว่าโลกนี้เป็นคนรับใช้ของซาตาน. 
 
วรรคที่ 7: ทูตสวรรค์องค์นั้นจึงถามข้าพเจ้าว่า “เหตุไฉนท่านจึงอัศจรรย์ใจ ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านรู้ถึงความลึกลับของหญิงนั้น และของสัตว์ร้ายที่มีเจ็ดหัวและสิบเขาที่เป็นพาหนะของหญิงนั้น.” 
“หญิงนั้น” ในที่นี้หมายถึง ผู้คนของโลกนี้ วรรคนี้บอกเราว่า สัตว์ร้ายที่เรียกว่าปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ จะปกครองเหนือกษัตรย์ทั่วแผ่นดินโลกนี้และเหนือชนชาติทั้งหลาย และเขาจะทำภาระ กิจของการเป็นศัตรูกับพระเจ้าผ่านพวกเขา โดยการข่มเหงเหล่าวิสุทธิชนและฆ่าพวกเขา “ความลึก ลับของสัตว์ร้าย.” หมายถึงเอกลักษณ์ของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ที่เคลื่อนไหวตามคำสั่งของซาตาน และเขาจะทำให้ประชาชาติทั้งหลายของโลกนี้เป็นของตน.
ผู้คนของโลกจะสิ้นสุดลงด้วยการเป็นเครื่องมือของซาตานในการฆาตรกรรมผู้คนของพระเจ้าเป็นจำนวนมากพร้อมกับแผนร้ายของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ โลกนี้และปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จึงเป็นเครื่องมือของซาตานที่ซ่อนจากสายตาของเราอยู่ในตอนนี้ แต่เมื่อสามปีครึ่งของความทุกข์ลำ บากใหญ่ยิ่งผ่านไป พวกเขาจะลุกขึ้นและฆ่าเหล่าวิสุทธิชน. 
อาจมีคนสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อโลกนี้มีคนที่รอบคอบ มีความรู้ และฉลาดอยู่มากมายจากทั้งนักปกครองผู้มีการศึกษาไปจนถึงนักปรัชญาและด็อกเตอร์ แต่เนื่องจากโลกนี้ได้วางแผนร้ายร่วมกับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ทั้งหมดนี้รวมทั้งการฆาตรกรรมหมู่เหล่าวิสุทธิชนก็จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการที่โลกนี้ยอมแพ้ให้กับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และฆ่าเหล่าวิสุทธิชนก็คือกุญแจไปสู่การไขปัญหาลึกลับของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์. 
 
วรรคที่ 8 “สัตว์ร้ายที่ท่านได้เห็นนั้นเป็นอยู่ในกาลก่อน แต่บัดนี้มิได้เป็น และมันจะขึ้นมาจากเหวที่ไม่มีก้นเหวเพื่อไปสู่ความพินาศแล้ว และคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก ซึ่งไม่มีชื่อจดไว้ในหนัง สือแห่งชีวิตตั้งแต่แรกทรงสร้างโลกนั้น ก็จะอัศจรรย์ใจ เมื่อเขาเห็นสัตว์ร้าย ซึ่งได้เป็นอยู่ในกาลก่อน แต่บัดนี้มิได้เป็น และกำลังจะเป็น.” 
วรรคนี้บอกเราว่าเคยพบปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ในหมู่กษัตริย์ของยุคเก่าๆ และบอกเราว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาจะออกมาสู่โลกนี้ในอนาคต มันบอกเราว่าผู้คนของโลกนี้จะประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้เห็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เกิดขึ้นและเข่นฆ่าเหล่าวิสุทธิชน. 
ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะนำเอาวัตถุประสงค์ของเขาออกมาใช้โดยการเข้าร่วมในการเมืองใหม่ของโลก เขาจะยังคงรักษาความลึกลับเอาไว้ต่อประชาชนของโลกนี้และยังคงสร้างความประ หลาดใจอยู่ หลายคนอาจคิดว่าเขาและผู้ติดตามของเขาเป็นดุจพระเยซู คริสต์ผู้ที่จะเสด็จมาอีกครั้งในช่วงเวลาสุดท้าย เพราะเขาจะดูแลการเมือง เศรษฐกิจ แนวคิด และปัญหาทางศาสนาของโลกนี้และแก้ไขมันด้วยความสามารถของเขาเอง ดังนั้นเขาจะยังคงสร้างความประหลาดใจให้ต่อสายตาของผู้คนบนโลกนี้. 
 
วรรคที่ 9: “นี่ต้องใช้สติปัญญา หัวทั้งเจ็ดนั้นคือภูเขาเจ็ดยอดที่หญิงนั้นนั่งอยู่.” 
วรรคนี้บอกเราว่าปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะสร้างกฎของเขาขึ้นมาใหม่เพื่อปกครองเหนือผู้คนของโลกนี้และเปลี่ยนกฎนี้ให้ไปเป็นร่างของรัฐบาลเพื่อที่จะทำวัตถุประสงค์ของเขาให้บรรลุ เหตุผลที่ผู้คนของโลกนี้จะรวมเข้าด้วยกันภายใต้กฎของซาตานโดยการได้รับเครื่องหมายของปฏิ ปักษ์ต่อพระคริสต์ และเป็นศัตรูต่อพระเจ้าและเหล่าวิสุทธิชนของพระองค์ก็คือการสร้างความไว้ วางใจในพลังของข้อบัญญัติที่กำหนดขึ้นมาโดยปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์. 
 
วรรคที่ 10: “และมีกษัตริย์เจ็ดองค์ ซึ่งห้าองค์ได้ล่วงไปแล้ว องค์หนึ่งกำลังเป็นอยู่ และอีกองค์หนึ่งนั้นยังไม่ได้เป็นขึ้น และเมื่อเป็นขึ้นมาแล้ว จะ ต้องดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง.” 
วรรคนี้บอกเรากษัตริย์ผู้ที่เป็นศัตรูกับพระเจ้าจะยังคงออกมาสู่โลกนี้เหมือนกับองค์อื่นที่เคยเป็นขึ้นมาก่อน เมื่อเวลาสุดท้ายของความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งมาถึง ผู้นำของโลกนี้จะเป็นขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และฆ่าเหล่าวิสุทธิชนมากมาย แต่การข่มเหงของผู้นำโลกนี้ผู้ที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะอยู่เพียงชั่วขณะเดียวจากการอนุญาตของพระเจ้า. 
 
วรรคที่ 11: “สัตว์ร้ายที่เป็นแล้วเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นนั้นก็เป็นที่แปด แต่ก็ยังเป็นองค์หนึ่งในเจ็ดองค์นั้น และจะไปสู่ความพินาศ.” 
นี่ก็บอกเราว่าปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะมายังโลกนี้ดุจเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของโลก เมื่อปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เกิดขึ้นจากกษัตริย์ทั้งหลายบนโลกนี้ หลายคนในโลกนี้จะติดตามเขา เหมือน กับว่าเขาจะฝึกฝนพลังให้เหมือนกับพระเจ้าและกระทำสัญญาณและการมหัศจรรย์ต่างๆตามที่ได้รับจิตวิญญาณของพญานาค คนรับใช้ของพระเจ้าและวิสุทธิชนจะถูกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ฆ่า แต่พระเจ้าจะทรงยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น หลังจากสิ่งเหล่านั้นผ่านไป ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะตกลงไปยังเหวลึกที่ไม่มีก้นเหวและจากนั้นก็จะถูกข้วางลงไปยังนรกโดยไม่สามารถหลุดออกมาจากนั่นได้อีกเลย. 
 
วรรคที่ 12: “เขาทั้งสิบเขาที่ท่านได้เห็นนั้นคือกษัตริย์สิบองค์ที่ยังไม่ได้เสวยราชสมบัติ แต่จะรับอำนาจอย่างกษัตริย์ด้วยกันกับสัตว์ร้ายนั้นหนึ่งชั่วโมง.” 
วรรคนี้บอกว่าชนชาติทั้งสิบจะรวมพลังของตนเข้าด้วยกันเพื่อปกครองโลก ประชาชาติทั้งสิบนี้จึงรวมเข้าด้วยกัน จะใช้อำนาจของตนเหนือโลกพร้อมปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่วรรคนี้บอกเราเช่นกันว่ากษัตริย์ทั้งหลายของโลกเหล่านี้ยังไม่ได้รับอำนาจของอาณาจักรที่ปก ครองโดยปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เลย อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้นี้ กษัตริย์ทั้งหลายของโลกเหล่านี้จะปกครองด้วยสัตย์ร้ายดุจเป็นกษัตริย์ของความมืดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่การปกครองของพวกเขาจะอยู่เป็นเวลาอันสั้น และพวกเขาจะปกครองเหนือความมืดในช่วงเวลาสั้นๆของเวลานี้เท่านั้น. 
 
วรรคที่ 13: “กษัตริย์ทั้งหลายนั้นมีน้ำพระทัยอย่างเดียวกัน และทรงมอบฤทธิ์และอำนาจของตนไว้แก่สัตว์ร้ายนั้น.” 
เมื่อเวลานั้นมาถึง กษัตริย์ของโลกจะเปลี่ยนพลังและอำนาจของตนให้แก่ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ในเวลานี้ คริสตจักรของพระเจ้า วิสุทธิชน และคนรับใช้ของพระองค์จะถูกข่มเหงอย่างหนักจากพวกปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และทนทุกข์ยาก แต่ตัวของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เองจะถูกทำลายจากฤทธาและอำนาจของพระเยซู คริสต์ และจากดาบของพระวจนะของพระโอษฐ์ของพระองค์. 
 
วรรคที่ 14: “กษัตริย์เหล่านี้จะกระทำสงครามกับพระเมษโปดก และพระเมษโปดกจะทรงชนะพวกเขา เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และผู้ที่อยู่กับพระองค์นั้นเป็นผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียก และทรงเลือกไว้ และเป็นผู้ที่สัตย์ซื่อ.” 
แม้ว่าซาตานจะค้นหาค่าจ้างของสงครามที่จะต่อต้านพระคริสต์ เขาก็จะไม่เหมาะสมกับพระองค์ เหล่าวิสุทธิชนก็เช่นเดียวกัน จะเอาชนะพวกเขาได้ในการดิ้นรนต่อสู้กับเขา พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานพลังให้เหล่าวิสุทธิชนในการต่อสู้และเอาชนะปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ด้วยความเชื่อของพวกเขา ดังนั้นเหล่าวิสุทธิชนจะไม่เกรงกลัวที่จะต่อสู้กับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ แต่มีชีวิตในช่วงเวลาสุดท้ายในสันติสุขและสงบโดยการเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา แล้วพวกเขาจะเอาชนะศัตรูของตนได้ด้วยความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า. 
ชัยชนะของเหล่าวิสุทธิชนหมายความว่าพวกเขาจะปกป้องความเชื่อของตนและสามารถเป็นพยานได้ เมื่อเวลานี้มาถึง เหล่าวิสุทธิชนจะเอาชนะซาตานและปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ได้โดยการยอมรับการทนทุกข์ยากของตนด้วยความเชื่อในพระเยซู คริสต์และในความหวังของพวกเขาสำหรับอาณาจักรสวรรค์, การเข้าร่วมในการฟื้นขึ้นมาจากความตายและการปลื้มปีติ, การได้รับอาณาจักรใหม่ของพระคริสต์ และการมีชีวิตอย่างเป็นนิรันดร์หลังจากนั้นในพระเกียรติ. 
 
วรรคที่ 15: และทูตสวรรค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “น้ำมากหลายที่ท่านได้เห็นหญิงแพศยานั่งอยู่นั้น ก็คือชนชาติ มวลชน ประชาชาติ และภาษาต่างๆ.” 
ศาสนาตามทางโลกได้หลอกลวงและปกครองผู้คนทุกๆชนชาติด้วยการสอนของซาตาน วรรคนี้บอกเราว่าการสอนตามระบบของซาตานนั้นได้ทำงานอยู่ในท่ามกลางศาสนาตามทางโลกที่ได้เจาะลึกเข้าไปได้ในทุกๆชนชาติทุกๆภาษาในโลกนี้ และบอกว่าอิทธิพลของพวกเขานั้นได้ขยายไปเป็นวงกว้างในการสร้างความพินาศให้กับจิตวิญญาณของผู้คนทั้งหลาย. 
 
วรรคที่ 16: “เขาสิบเขาที่ท่านได้เห็นอยู่บนสัตว์ร้าย จะพากันเกลียดชังหญิงแพศยานั้น จะกระทำให้นางโดดเดี่ยวอ้างว้างและเปลือยกาย และจะกินเนื้อของหญิงนั้น และเผานางเสียด้วยไฟ.” 
วรรคนี้บอกเราว่าชนชาติต่างๆของโลกจะรวมกันเข้ากับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เพื่อที่จะฆ่าและทำลายผู้คนทางศาสนามันบอกเราว่าการที่ผู้คนของทางโลกและปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะเกลียด และข่มเหงผู้คนทางศาสนา และฆ่าผู้ที่เลื่อมใสในศาสนาของโลกทั้งหมดจากสิ่งที่มันเผชิญอยู่ แม้ผู้ คนที่เลื่อมใสศาสนาของโลกได้ฆ่าเหล่าวิสุทธิชนก่อนโดยการสนับสนุนของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ พวกเขาเองก็จะถูกทำลายจากซาตานและผู้คนตามทางโลกเช่นเดียวกัน ในช่วงสุดท้าย ซาตานได้ใช้ผู้ที่เลื่อมใสในศาสนาตามทางโลกยกตัวเขาเองเป็นดุจพระเจ้า. 
 
วรรคที่ 17: “เพราะว่าพระเจ้าทรงดลใจเขาให้กระทำตามพระทัยของพระองค์ โดยการทรงทำให้พวกเขามีความคิดอย่างเดียวกัน และมอบอาณาจักรของเขาให้แก่สัตว์ร้ายนั้น จนถึงจะสำเร็จตามพระวจนะของพระเจ้า.” 
สิ่งนี้บอกเราว่าผู้คนของโลกนี้จะมอบอาณาจักรของตนและพลังให้กับซาตาน ดังนั้น พวกเขาก็จะเป็นคนของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ตามที่ได้รับเครื่องหมายของเอาไว้ มีความมั่นใจในการได้เป็นคนรับใช้ของเขา และฆ่าผู้ที่ปฏิเสธที่จะได้รับเครื่องหมายของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การข่มเหงเหล่าวิสุทธิชนของพวกเขาจะยอมให้แต่เพียงช่วงเวลาที่พระวจนะของพระเจ้าได้รับอนุญาตเท่า นั้น ในช่วงเวลาที่อนุญาตนี้ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะเทความชั่วร้ายของหัวใจและการเป็นศัตรูต่อพระเจ้าและเหล่าวิสุทธิชนอย่างเป็นอิสระมา. 
 
วรรคที่ 18: “และผู้หญิงที่ท่านเห็นนั้นก็คือนครใหญ่ ที่มีอำนาจเหนือกษัตริย์ทั้งหลายทั่วแผ่นดินโลก.” 
พระเจ้าทรงบอกว่าโลกนี้จะบัญญัติกฎขึ้นใหม่และควบคุมเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และบอกว่ากษัตริย์ของโลกเหล่านั้นจะถูกปกครองด้วยข้อผูกมัดของกฎบัญญัติใหม่นี้ พลังสูงสุดของโลกจะครอบครองเหนือกษัตริย์ของโลกนี้ อีกนัยหนึ่งโลกนี้จะกำ หนดข้อบัญญัติที่ผู้มัดกษัตริย์ทั้งหลายเหล่านั้นอย่างแน่นหนา และเป็นเหมือนดั่งพระเจ้าเพื่อปกครองพวกเขา. 
“นครใหญ่” หมายถึงสถาบันทางการเมืองผ่านการปกครองของปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ ทุกคนของโลกนี้จะสิ้นสุดโดยการได้รับใช้การปกครองทั้งโลกที่พระเจ้าประทานให้พวกเขา ราวกับเป็นพระเจ้าเสียเอง เนื่องจากมนุษย์ได้มาเป็นคนรับใช้ของซาตาน ดังนั้นพวกเขาก็จะถูกทำลาย. 
เพลงสดุดี 49:20 บอกเราว่า “มนุษย์ซึ่งมียศศักดิ์ แต่ขาดความเข้าใจก็เหมือนสัตว์เดรัจ ฉานที่พินาศ” ดังนั้นผู้คนของโลกนี้จะต้องทราบล่วงหน้าถึงแผนการอันชั่วร้ายของซาตาน และมาเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ประกาศโดยเหล่าวิสุทธิชนในยุคนี้ และก็หลีกหนีจากคำสาปแช่งของการเปลี่ยนไปเป็นคนรับใช้ของซาตานและมีชีวิตที่ได้สวมในพระพรของอาณา จักรของพระเจ้าอันเป็นนิรันดร์ดุจเป็นคนของพระองค์แทน.