Search

خطبے

เรื่องที่ 9: โรม (ข้อคิดเกี่ยวกับหนังสือของโรม)

[บทที่ 8-9] พระเจ้าทรงช่วยให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง (โรม 8:28–30)

(โรม 8:28–30) 
“เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งคือคนทั้งปวงที่พระองค์
ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปี ท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก และบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระ องค์ได้ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และพระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย”
 
 
วันนี้เราจะพิจารณาข้อความข้างต้นในโรมบทที่ 8 ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่าพระเจ้าทรงตั้งไว้ ทรงเรียกและทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีแก่เรา ผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า เราจะพูดเกี่ยวกับสิ่งนี้ และเกี่ยวกับวิธีที่มนุษย์ทำความเข้าใจลัทธิการเพิ่มขึ้นของการให้บริสุทธิ์ ด้วยเช่นกัน
โรม 8:28 กล่าวว่า “เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคน ทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” เราต้องคิดถึงผู้ที่เป็น “คนทั้งหลาย ที่รักพระเจ้า”
พระเจ้าทรงช่วยทุกๆสิ่งที่ก่อให้เกิดผลอันดีไหม?พระเจ้าตรัสเช่นนั้นในตอนเริ่มต้นก่อนที่พระเจ้าจะทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์ทรงวางแผนที่จะทำให้เราเป็นคนของพระองค์ ตาม พระประสงค์ของพระองค์และทรงทำสิ่งดีในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระบุตรพระองค์เดียวของ
พระองค์
เราจะต้องจดจำว่าในสวนของเอเดนมีต้นไม้ของการรู้จักความดีความชั่วทำไมพระเจ้าทรงปลูกต้นไม้นี้? มันอาจจะดีกว่าถ้าพระเจ้าไม่ทรงปลูกต้นไม้นี้ในตอนแรก มีหลายๆคนที่แปลก ไปจากจุดนี้
แต่มีพระเจ้าทรงพระประสงค์และแผนที่ลึกซึ้งพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามจินตนาการของพระองค์ความจริงแล้วมนุษย์ไม่ได้แตกต่างจากที่สร้างตั้งแต่แรกจนกระทั่งเราได้รับความชอบธรรมของพระเจ้า
 
 

ทำไมพระเจ้าทรงปลูกต้นไม้ของความรู้จักความดีความชั่ว?

 
นั่นคือเหตุผลที่จะต้องทราบว่าทำไมทรงห้ามอดัมและอีฟกินผลไม้จากต้นไม้ของการแบ่งความดีความชั่ว อะไรคือเหตุผล?มันจะต้องรักษา มนุษย์ให้อยู่ภายใต้กฎของพระเจ้า และทำให้ เราเป็นบุตรของพระองค์โดยผ่านการชำระบาปของเราผ่านพระเยซูคริสต์ความชอบธรรมของพระเจ้าทั้งหมดนั้นซ่อนอยู่ในพระวจนะ“เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งคือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” (โรม 8:28) เราจะต้องค้น พบคำตอบของคำถามในคำสอนของน้ำและพระวิญญาณที่พระเยซูคริสต์ทรงประทานให้
เราต้องมีความรู้ในคำสอนของพระเจ้าเป็นอันดับแรกเพื่อสิ่งนี้แล้วเราต้องทราบถึงทุกๆสิ่งที่พระเจ้าทรงปลูกและมันคือความดีแต่การเข้าใจในความจริงอันนี้เราจะต้องเกิดใหม่โดยความ
ศรัทธาในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณซึ่งต้องมองหาคำตอบในคำสอนที่พระเจ้าประ
ทานให้เรา
เหตุผลที่พระเจ้าทรงสร้างเรามา,ทรงปลูกต้นไม้ของการรู้จักความดีความชั่วในสวนของ
เอเดน, ทรงยอมให้อดัมและอีฟกินของในสวนได้และทรงให้เราทราบถึงธรรมบัญญัติที่ทำให้เรา
เป็นบุตรของพระองค์ที่พระองค์ทรงยอมให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะพระองค์จะทรงประทานความผิดบาปให้เรา ประทานชีวิตนิรันดร ศักดิ์ศรีและสวรรค์ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์จากฝุ่นผง และมนุษยชาติถูกสร้างขึ้นและเกิดมาอ่อนแอ พระคัมภีร์ไบเบิลมักจะได้รับการเปรียบเทียบกับเรา ให้เราเป็นดินของพระเจ้า และพระองค์ ทรงเป็นช่างปั้น ทรงปั้นมนุษย์จากดิน พระองค์ทรงปั้น มนุษย์จากฝุ่นผงและหายใจไปสู่ความรุกของน้ำและพระวิญณาณกับพระองค์พระเจ้าทรงประทานความจริงของน้ำและพระวิญญาณทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า
เครื่องปั้นดินเผาที่ทำมาจากดินก็แตกได้ง่าย เช่นนี้พระเจ้าทรงสร้างร่างกายของมนุษย์ก่อน และวิญญาณนั้นอ่อนแอ เพื่อที่จะทำให้เขาเป็นบุตรของพระเจ้า พระประสงค์ของพระองค์ถูกทำ ให้สมบูรณ์โดยพระเยซูผู้ทรงล้างบาปทั้งหมดของมนุษยชาติและสวมเสื้อผ้าให้พวกเขาในศักดิ์ศรีของพระเจ้า เพื่อประทานชีวิตนิรันดรให้พวกเขา โดยทำให้พวกเขาเกิดใหม่ พร้อมกับข่าวประ เสริฐของน้ำและพระวิญญาณนี่เป็นเหตุผลที่พระเจ้าทรงทำให้เราไม่สมบูรณ์และอ่อนแอจากจุด
เริ่มต้น มากกว่าข้าบกพร่อง
 
 

ทำไมพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้อ่อนแอในตอนแรก?

 
ทำไมพระเจ้าทรงปลูกต้นไม้ของความรู้ของความดีและความชั่วในสวนเอเดนและจากนั้นก็ทรงรับสั่งไม่ให้อดัมกับอีฟกินมัน?เหตุผลเบื้องหลังสิ่งนี้จะต้องเป็นความเข้าใจและเชื่อในข่าว
ประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณทำไมพระเจ้าทรงกล่าวว่าเมล็ดของผู้หญิงจะสร้างรอยฟกช้ำให้กับศรีษะขององซาตาน และว่าซาตานจะรักษาแผลของเขาเมื่ออดัมและอีฟตกลงไปและทำบาป? ทั้งหมดนี้เป็นการทำให้ผู้คนเป็นบุตรของพระองค์มันเป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงมีต่อเราใน
พระเยซู คริสต์ พระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์
จากนั้นใครที่ถูกเรียกตามพระประสงค์ของพระเจ้า? ก็คือผู้ที่รู้จักบาปและความชั่วของตัว
เองและค้นหาความรักและความเมตตาจากพระเจ้าเราจะต้องตระหนักว่าการอ้างถึงทฤษฎีของการคัดเลือก อย่างไม่มีเงื่อนไข และลัทธิของการเพิ่มขึ้นของการทำให้บริสุทธิ์นั้นผิด เพราะว่า พระเจ้า ของเราไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงถูกเลือกโดยใครคนหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไขในขณะที่ละทิ้งผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกและทรงเรียกคือผู้ที่สิ้นหวังในบาปและสารภาพว่าพวก
เขาต้องตกนรกคือผู้ที่พระเจ้าทรงเมตตาและผู้ที่พระองค์ทรงเรียกพร้อมด้วยข่าวประเสริบของน้ำ
และพระวิญญาณ
มีคนมากมายนับไม่ถ้วนที่เกิดมาในโลกใบนี้ และกลับไปสู่พระเจ้า ไม่มีซักคนเดียวที่ถูก เรียกและเลือกหรือละทิ้งจากพระเจ้าโดยไม่มีเหตุผล ท่านจะประท้วงต่อต้านพระองค์ มันไม่ควร ที่จะกล่าวว่าพระเจ้าทำให้ท่านหรือบางคนเป็นบุตรของซาตานโดยไม่มีเหตุผลนี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงทำ
ถ้าหากท่านไม่ถูกเลือกโดยพระเจ้าก็เพราะท่านไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณถ้าท่านไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้พระเจ้าจะเพิก
เฉยต่อท่าน คำที่พระเยซูตรัสว่า “ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อเห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวก เขาว่านอกรีต” (มัทธิว 9:13) นักทฤษฎีได้ทำอะไรไป เคราะห์ร้ายที่เราหนีจากพระเจ้าของเราไป หาพระเจ้าที่มีทิฐิและถืออคติ
 
 

ใครที่ถูกเรียกตามพระประสงค์ของพระเจ้า?

 
ผู้ที่ถูกเรียกจากพระเจ้านั้นเป็นผู้ที่มีบาป ผู้ที่เชื่อมเข้ากับนรก เขามาหาพระเจ้าและสารภาพ ว่าเขาควรจะตกนรกเพราะว่าเขาอ่อนแอและไม่มีทางเลือกแต่ไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าจนกระทั่งพวกเขาตายพระเจ้าทรงเรียกผู้ที่มีบาปและชำระบาปของพวกเขาด้วยข่าวประเสริฐของน้ำ
และพระวิญญาณพระองค์ทรงเรียกคนพวกนี้ที่ต้องส่งลงนรกและนำพวกเขาพ้นจากบาปของพวก
เขา ด้วยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
พระเจ้าไม่ทรงเรียกผู้ที่เป็นคนดีและเชื่อฟังธรรมบัญญัติพระเจ้าทรงเรียกผู้ที่พยายามอยู่
ตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างหนักจริงๆตามความอ่อนแอของพวกเขาที่บังคับให้พวกเขาต้องทำ แม้ว่าพวกเขามีความศรัทธาที่ขึ้นกับพระเจ้าพระประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อเรียกความอ่อนแอ และความไม่มั่นคงเพื่อทำให้พวกเขามีความชอบธรรมทำให้พวกเขาเป็นบุตร ของพระองค์ นี่คือ สิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์พระเจ้าทรงช่วยให้เกิดผลดีในทุกสิ่งแก่ที่ที่
เรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
เราจะต้องเชื่อในการเรียกของพระเจ้าเราต้องไม่กล่าวว่าเราเชื่อในพระเยซูโดยไม่มีเหตุผล ความศรัทธาเช่นนี้ไม่ใช่ความศรัทธาที่ถูกต้องความศรัทธาที่ถูกต้องคือการเชื่อในพระเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้าไม่ใช่ประสงค์ของตัวเองหมายความว่าการเชื่อที่พระเจ้าทรงทราบความอ่อนแอของเราอย่างดีแล้วทรงนำบาปของเราออกไปครั้งหนึ่งและเพื่อทั้งหมดและพระองค์ทรงทำให้
เราไม่มีบาปโดยการวางความศรัทธาของพระองค์ลงบนพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยบัพติสมา
และพระโลหิตของพระเยซูมันคือพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทำให้เราเป็นบุตรที่ไม่มีบาปของพระองค์เมื่อเราทราบและยอมรับพระประสงค์ของพระองค์คนเหล่านี้คือผู้ที่พระเจ้าทรงรักอย่างแท้
จริง และผู้ที่พระองค์ทรงเรียก
 
 
ใครคือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก?
 
พระเจ้าไม่ทรงมีคนที่ยืนอยู่บนสองเส้นแล้วเลือกทุกๆคนไปยังด้านขวนของพระองค์แล้วกล่าวว่า “มาเชื่อในพระเยซูและไปสู่สวรรค์” และจากนั้นก็กลับไปทางซ้ายแล้วก็บาปว่า “ไปลง นรกซะ”
แคลวินนิสต์อ้างว่าพระเจ้าทรงเลือกคนโดยปราศจากเหตุผลอื่นใดและตัดสินพระทัยที่จะละทิ้งจากจุดเริ่มต้นแต่ไม่เป็นเช่นนั้นพระเจ้าทรงช่วยให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งสำหรับผู้ที่ถูกเรียก
ตามพระประสงค์ของพระองค์มันไม่มีถูกเลยที่จะคิดว่าเราถูกเลือกอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยไม่มีเหตุผล
พระเจ้าไม่ยุติธรรมใช่ไหม?ไม่อย่างแน่นอนทุกๆคนนั้นยุติธรรมก่อนพระเจ้าและธรรม
บัญญัติของพระองค์ ทุกๆคนที่ยุติธรรมก่อนการพิพากษาก็เช่นเดียวกัน เราได้รับความเมตตา ของการไถ่บาปจากพระเจ้าที่ช่วยเราจากบาปของพวกเราผ่านพระเยซูคริสต์โอกาสเชื่อในความ
จริงนี้คือความยุติธรรมสำหรับทุกคนเช่นเดียวกันพระองค์ทรงอนุญาตให้กับผู้ที่ยอมรับพระประ
สงค์ของพระเจ้าและรู้จักความอ่อนแอของพวกเขาเองเพื่อทราบและเชื่อในคำสอนของน้ำและ
พระวิญญาณ
แล้วเราแบ่งแยกอะไรระหว่างการกำหนดไว้ล่วงหน้ากับการเลือก?มันก็คือการที่เราเรียก
ตามพระประสงค์ของพระเจ้าในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่พระองค์ประทานให้เรา เพราะว่าพระเจ้าทรงนำบาปของเราออกไปผ่านพระเยซูและทรงวางแผนทำให้เราเป็นบุตรของ
พระองค์ และประทานโอกาสให้เราได้ฟังคำสอน พระเจ้าทรงวางแผนทุกสิ่งใน พระเยซูคริสต์ ไว้ล่วงหน้า มันคือแผนของพระเจ้า   เมื่อเรามาอยู่หน้าพระพักตร์ของพระองค์ดังนั้นเราจะต้อง
พิจารณาก่อนเป็นอันดับแรก
พระคัมภีร์บอกกับเราว่า พระเจ้าทรงรักจาคอปในขณะที่พระองค์เกลียดอีซัว พระองค์ไม่มี เหตุผลใช่ไหม? ไม่เลยมันเป็นเพราะว่าอีซัวไว้วางใจเพียงแค่ความแข็งแรงส่วนตัว และไม่เคยร้อง ขอความเมตตาของพระเจ้า  ในขณะที่จาคอปทราบถึงความอ่อนแอของตัวเองและร้องขอความ
เมตตาจากรพะเจ้าและไม่ไว้ใจในพระวจนะของพระองค์
พระคัมภีร์ได้อธิบายการกำหนดไว้ล่วงหน้าของพระเจ้าและคัดเลือกโดยการใช้คนเหล่านี้
เป็นตัวอย่าง เราเป็นของฝ่ายไหนล่ะ? หากเราไว้ใจความแข็งแกร่งของเราแล้วเราจะพบพระเจ้า ไหม? ไม่ เราทำไม่ได้ มีทางเดียวที่เราจะพบพระเจ้าได้ คือการที่เราจะพบพระองค์ผ่านคำสอน ของน้ำและพระวิญญาณที่ทำให้สมบูรณ์ด้วยความเมตตาของพระเจ้า ด้านใดที่เรายืนก่อนพระเจ้า? เราคือผู้หนึ่งที่ต้องการพระพรจากพระเจ้าแต่มักจะผิดหวังในการทำเช่นนี้เพราะความอ่อนแอของ
เราแม้ว่าเราประสงค์ที่จะอยู่ตามพระประสงค์ของพระเจ้าเรายังคงอ่อนแอก่อนพระเจ้าและดังนั้น
จึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราร้องขอความเมตตาของพระองค์ได้
หากเรามีความหวังว่าจะได้รับพระพรจากพระเจ้า เราต้องเป็นเหมือนกับยาโคป และเรามี ความเชื่อที่อาเบลมี เราต้องมีการยอมรับต่อพระพักตร์พระเจ้าในความจริงที่ว่าเราอ่อนแอ, ไม่แข็ง แรงและขี้ขลาด
เพลงสดุดี 145:14 กล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ทรงชูทุกคนที่กำลังจะล้มลงและทรงยกทุกคนที่ โน้มตัวลงให้ลุกขึ้น”คนโน้มตัวลงต่อพระพักตร์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง เราไม่มีความ กล้าหาญ
เราทำข้อตกลงเพียงแค่ผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยที่สุด เรายอมจำนน บางครั้งเราอาจจะดู กล้าหาญแต่นี่เพียงแค่เพื่อช่วงวินาทีเดียวเท่านั้นถ้าเรามองการเข้าไปมีชีวิตของเราอย่างใกล้ชิดแล้ว เราสามารถพบว่าเราเป็นทาสรับใช้ได้อย่างง่ายดาย เรายอมรับในความเข้มแข็ง แม้ว่าเรายัง ปฏิเสธความจริงที่ไม่เป็นความจริงก็ตาม แต่พระเจ้าทรงเรียกคนรับใช้ให้รักพวกเขา และให้การ ไถ่บาปแก่พวกเขา ในพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นบุตรของพระเจ้าด้วย เรา จะต้องตระหนักเพียงแค่ความอ่อนแอและการมีบาปเพื่อที่เราจะได้รับความรักจากพระเจ้าเราจำ
เป็นต้องได้อย่างไร เราจะต้องถามว่า ถ้าเราสามารถเชื่อฟังธรรมบัญญัติได้จริงๆ เพื่อให้ความ พอใจนั้นสมบูรณ์จากนั้นเราจะต้องมาเตรียมพร้อมที่จะตระหนักว่าเราเป็นเพียงแค่ไม่สามารถรัก
ษาธรรมบัญญัติได้ และเช่นที่ว่าเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าผมเคยสมบูรณ์   ผมจะไม่ต้องการผู้ช่วยให้รอดหากเราเคยทำไมยังต้องการความช่วย
เหลือและพระพรจากพระเจ้าล่ะมันเป็นเพราะว่าเราอ่อนแออย่างยิ่งก่อนพระเจ้าเราจึงต้องการพระพรของพระองค์เราต้องการความเมตตาของพระองค์ที่พระองค์ทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มาและให้นำบาปทั้งหมดของเราไปและพระเจ้าทรงผ่านคำพิพากษาเพื่อบาปบนพระเยซูแทนที่เรา เพื่อว่าเราอาจจะถูกนำออกไปให้พ้นจากบาป นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเชื่อมัน
เพียงแค่ความศรัทธานี้ที่เราสามารถเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าได้เป็นเพราะความเมตตานี้ที่
เราสวมความรักของพระองค์และไม่ใช่เพราะว่าความพยายามของตัวเราที่จะได้รับการไถ่บาป
ส่วนตัวของเรา
แม้ว่าชาวคริสเตียนส่วนใหญ่สอนและเชื่อฟังลัทธิของการกำหนดไว้ล่วงหน้าและการคัด
เลือกพวกเขารู้สึกวิตกกังวลใจเกี่ยวกับลัทธินี้นี่เป็นเพราะว่าพวกเขายังคงสงสัยว่าพวกเขาจะได้รับเลือกจากพระเจ้าหรือไม่
สองลัทธินี้แตกต่างจากลัทธิแคลวินนิสต์ประมาณ 90% คำถามก็คือแม้ว่าความศรัทธาใน พระเยซูของพวกเขา ได้รับการเลือกหรือไม่ก็ตามและนี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขากระวนกระวายใจแต่ การที่ท่านถูกเลือกหรือไม่นั้นไม่สำคัญเมื่อท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ถูก
ช่วยให้รอดโดยการได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าผู้ที่ได้รับความชอบธรรมของพระ
เจ้าด้วยความศรัทธานี้คือผู้ที่ถูกเลือก
มีผู้หนึ่งที่ศึกษาปริญญาโทของทฤษฎีอนุรักษ์นิยมเค้าได้วางคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ไปสู่การสอน
ของแคลวินนิสต์
วันหนึ่งเขาสอนเกี่ยวกับหัวข้อนี้มีนักศึกษาถามว่า “ท่านได้รับเลือกจากพระเจ้าหรือไม่? ท่านทราบได้อย่างไรว่าใครที่พระเจ้าทรงเลือก?”
เขาก็ตอบไปว่า “ใครจะทราบได้ละ? เราจะพบเพียงแค่ว่าเมื่อใดเรายืนก่อนพระเจ้า”
ดังนั้นนักศึกษาถามอีกครั้งว่า “จากนั้นท่านทำอะไรต่อไป เมื่อท่านไปก่อนพระเจ้า และ พระองค์ทรงตรัสว่าท่านคือผู้ถูกเลือก?”
เขาตอบไปว่า “ผมจะทำอะไรได้ล่ะ หากพระองค์ทรงตัดสินด้วยพระทัยของพระองค์ ไปแล้ว? นี่คือเหตุผลที่ผมกล่าวว่าท่านจะทราบเพียงเมื่อท่านยืนก่อนพระเจ้า”
นักศึกษาคิดว่า เขาเป็นคนที่ถ่อมตัวแม้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างเขา ก็ยังกล่าวว่า เขาไม่ทราบว่า เขาถูกเลือกหรือไม่ ดังนั้นมันเป็นธรรมชาติที่ไม่มีใครจะทราบได้ว่า เขาหรือเธอถูกเลือกหรือไม่”
แต่ในความจริงของความชอบธรรมของพระเจ้าที่ซ่อนอยู่ตอนนี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัด
เจนแล้วมีเพียงไม่กี่สิ่งที่พระเจ้าทรงปกปิดมนุษย์ไว้แต่พระองค์ทรงเปิดเผยพวกเขาจากช่วงเวลา
นั้นอีแวนเจลิสต์ก็ได้สอนคำสอนตามพระคัมภีร์เมื่อพวกเขาไม่ทราบว่าถูกช่วยให้รอดและถูก
เลือกหรือไม่? ผู้ที่ถูกเรียกจากพระเจ้าคือผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้า
โรม 8:29 กล่าวว่า “เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้วผู้นั้นพระองค์ได้ ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตร
หัวปี ท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก” พระเจ้าผู้เป็นพระบิดา ทรงตั้งไว้ตามลักษณะพระฉายแห่ง พระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เพื่อพระองค์จะได้เป็นบุตรหัวปี ท่ามกลางพวกพี่น้องเป็น อันมาก พระเยซูทรงถูกเรียกว่า “ผลแรก” หากเราเชื่อในพระเยซูและเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำ และพระวิญญาณเราถูกช่วยให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราพระองค์ทรงเป็นบุตรพระองค์แรกของพระเจ้า เราคือ น้องชายและน้องสาวของพระองค์
นานมาแล้วเมื่อผมอาศัยอยู่ในบ้านอธิษฐาน มีอีแวนเจลิสต์แก่ท่านหนึ่ง มาเยี่ยมผมเขาได้ เริ่มเชื่อในพระเยซูเมื่อเขาอยู่ในประเทศจีนและจากนั้นก็มาที่เกาหลี วันหนึ่งผมได้ยินเขาสวดมนต์ เขาสวดว่า “พระเชษฐา เยซู และพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา ขอขอบพระคุณมากที่ช่วยข้าพระองค์ พระเชษฐาเยซูได้โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วย” พระเยซูก็คือพี่ชายของเรา
เราอาจจะถามว่าพระเจ้าทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับเราไหม คำตอบก็คือทราบสิ พระองค์ทรง ทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับเราพระองค์ทรงวางแผนเพื่อช่วยเราจากบาปของเราแม้ว่าพระองค์ทรงมีพระ
บุตรพระองค์เดียว แม้ว่าก่อนพระองค์จะทรงสร้างสรรพสิ่งของโลกนี้มา นี่คือแผนของพระเจ้า พระบุตรของพระองค์ พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับบัพติสมา ทรงถูกตึงไว้บนไม้กางเขน เพื่อ ช่วยเราจากบาปของเรา พระเจ้าทรงวางแผนเอาไว้แล้ว
เราอาจจะกล่าวว่าพื้นฐานของโลกก่อนหน้านี้ มีพระเจ้าแบ่งเป็นสามพระองค์ คือพระบิดา พระบุตร และพระจิต ทรงวางแผนนำผู้ที่เชื่อในความชอบธรรมของพระองค์ ทรงวางแผนสร้าง มนุษย์และสร้างพระบุตรของพระองค์ ให้อยู่ร่วมกันในอาณาจักรที่สามบูรณ์แบบของพระองค์
พระบิดา พระบุตร และพระจิต ทรงเห็นด้วยกับแผนการทั้งหมด ในกระบวนการของวิธีที่ พระองค์ควรจะสร้างมนุษย์ขึ้นมา และทำให้มนุษยชาติเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าทรงวาง แผนส่งพระบุตรของพระองค์มาโลกนี้และได้รับบัพติสมาและให้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อ ว่าพวกเขาเป็นตามลักษณะพระฉายของพระบุตรของพระองค์
พระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงสร้างเรามาคืออะไร? ก็คือเพื่อให้เราเป็นบุตรของพระองค์ พระเยซูทรงเป็นผลแรกของพระเจ้าหรือ? ใช่พระองค์ทรงเป็นและเราก็เป็นบุตรของพระเจ้า เรา จึงเป็นน้องของพระองค์
ในขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้มา33ปีมีประสบการณ์ทั้งหมดของมนุษย์ที่อ่อนแอและบก
พร่อง เมื่อเราอธิษฐานเราร้องว่า “พระเยซูเจ้าข้า ข้าพระองค์ช่างอ่อนแอยิ่งนัก นี่คือที่ข้าพระองค์ เป็นได้โปรดช่วยข้าพระองค์และปกป้องข้าพระองค์หัวใจของมนุษย์ที่อ่อนยอมรับพระวจนะของพระองค์ ทรงดูแล ทรงประทานความปราณี และช่วยพวกเขา” พระเยซูทรงได้ยิน การอธิษฐานต่อ พระเยซูและพระเจ้า เหมือนกับพระองค์เป็นหนึ่งเดียว
พระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงสร้างเราขึ้นมาคืออะไร?คือการทำให้เราเป็นบุตรของพระ
องค์พระเจ้าทรงทราบทุกอย่างเกี่ยวกับเราพระองค์ทรงทำให้เราไปสู่พระวจนะของพระองค์และ
ช่วยเราจากบาปทั้งหมดผ่านบัพติสมาและพระโลหิตบนไม้กางเขนของพระเยซูเพราะพระองค์
ทรงกำหนดเราไว้แล้ว แม้ก่อนหน้านี้สร้างโลกนี้เพื่อรับเราเป็นบุตรของพระองค์ พระองค์ทรง ทราบว่าไม่เพียงแต่มีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ทุกคนเคลื่อนไหวด้วย พระองค์ทรงทราบว่าเราเป็นใครเมื่อ เราเกิดมา ทรงทราบว่าเมื่อใดเรา จะแต่งงาน เมื่อใดที่เรามีบุตร และอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา พระเจ้าทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับชีวิตของเรา ประทานคำสอนของน้ำและพระวิญญาณมาให้เรา เพื่อว่าเราอาจจะเชื่อในพระเยซูและเป็นบุตรของพระเจ้า
พระเจ้าทรงทำนายเราและทรงกำหนดเราไว้ล่วงหน้า ในโรม 8:30 ว่า “และบรรดา ผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระ องค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรมและพระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย”ผมเน้นได้ไม่เพียงพอ
เพียงแค่ว่ามันสำคัญอย่างไร สำหรับเราในการเข้าใจและเชื่อในข้อความนี้
หลายๆคนนำข้อความนี้ไปสนุบสนุนลัทธิการเพิ่มขึ้นของการทำให้บริสุทธิ์ตามข้อความนี้ที่พระเยซูทรงกำหนดเอาไว้ ทรงเรียกเรา ทรงพิพากษาเรา และทรงประทานศักดิ์ศรีให้เรา พวก เขาอ้างว่านี่คือเหตุผลที่แม้ว่าเรามีบาปในหัวใจของเรา พระเจ้าทรงพิจารณาเราให้ปราศจากบาป และหลังจากผ่านช่วงเวลาของการทำให้บริสุทธิ์เราจะมีศักดิ์ศรี
พระเจ้าไม่ทรงกำหนดผู้มีบาปทั้งหมด ให้เรียกพวกเขาในพระคริสต์หรือ? พระองค์ทรง
เรียกเราทั้งหมด และยังมีบางคนไม่รับผิดชอบการเรียกของพระองค์ พวกเขาเป็นผู้หนึ่งที่ต้อง ถูกส่งไปนรก
 
 
ในความเมตตาของพระเจ้า
 
พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาทรงวางแผนเรียกเราในพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ และกำหนดเราให้เป็นบุตรของพระองค์โดยการล้างบาปของเราด้วยน้ำและพระโลหิตผู้ที่ยังไม่ได้ไปสู่พระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงเรียกพวกเขาแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ยังอยู่ห่างจากการไถ่บาปของพระ
เจ้าคนเช่นนี้ถูกแยกจากความปราณีของพระองค์ต้องตกนรกแต่มีผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าเช่นกันที่พระ
องค์ทรงเรียก พวกเขากล่าวว่า “พระเยซูเจ้าข้า แม้ว่าข้าพระองค์อ่อนแอเช่นนี้ พระองค์จะยังยอม รับใครเช่นข้าพระองค์ไหม?”
พระเจ้าตรัสว่า “แน่นอนเราจะทำ”
“จริงๆหรือ? พระองค์จะทรงยอมรับข้าพระองค์ตอนที่ข้าพระองค์อ่อนแอไหม?”
“แน่นอนเราจะยอมรับเจ้า”
“พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษเพื่อเสนอให้ท่าน และข้าพระองค์ไม่สามารถแม้ แต่สัญญาว่า ข้าพระองค์จะเป็นคนดี จากตอนนี้เป็นต้นไป”
“เรายังคงยอมรับเจ้า”
“มันอาจเป็นเพราะว่าพระองค์ยังไม่รู้จักข้าพระองค์พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ ผิดหวัง”
เรามักจะไม่รู้สึกอึดอัดใช่ไหมเหมือนกับว่าถ้าเราต้องการซ่อนอยู่ซักที่หนึ่งเมื่อเราทราบว่า
เราเป็นอย่างไร และยังมีบางคนที่พูดว่าเขาหรือเธอเชื่อในเราจริง ทำไมเราต้องการเช่นนั้น? เรา ต้องการซ่อนเพราะเราไม่สามารถทำดีได้กว่านี้ และเราไม่สามารถรักษาสิ่งที่เราได้ทำมานานแล้ว
นี่คือเหตุผลที่เราถามว่า “พระองค์ยังทรงยอมรับข้าพระองค์ไหม แม้ว่าข้าพระองค์ อ่อนแอ?พระองค์จะทรงยอมรับข้าพระองค์จริงๆไหม?ข้าพระองค์ได้รับอนุญาตให้เชื่อพระองค์
ไหม? ใครบางคนเหมือนกับที่ข้าพระองค์จะได้รับการยกความผิดบาปไหม? มีใครบางคนเช่นข้า พระองค์เป็นผู้มีความชอบธรรมแม้ว่าข้าพระองค์ไม่มีความสามารถเป็นคนดีได้ในอนาคตก็ตาม?” แต่พระเจ้าทรงมีพลังในการทำต้นมะกอกป่าให้เป็นต้นมะกอกบ้านได้
เราเคยเป็นต้นมะกอกบ้านที่เป็นต้นมะกอกป่าโดยธรรมชาติแต่เราเป็นต้นมะกอกบ้านโดยคำสอนของพระเยซูที่ประทานให้เรา พระองค์ทรง เรียกเราผู้ที่ไม่สามารถช่วยได้แต่มีบาป พระ องค์ทรงเรียกเราเมื่อเรานั้นอ่อนแอเพียงเล็กน้อยใช่ไหม?พระองค์ทรงเรียกเราแม่ว่าเราต้องการที่
จะมีความสามารถพระองค์ทรงเรียกเราในพระเยซูคริสต์โดยไม่คำนึงถึงข้อบกพร่องและความ
อ่อนแอของเราพระองค์ทรงเรียกเราผู้ที่อ่อนแอพระองค์ทรงทำอะไรต่อไปหลังจากทรงเรียกเรา
แล้ว?พระองค์ทรงนำบาปทั้งหมดของเราไปแล้วประทานความชอบธรรมให้เราเพื่อเราจะได้มี
ชีวิตนิรันดร์
พระองค์ทรงทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? ในมัทธิวบทที่ 3 บอกเราว่า พระเยซูเสด็จมายัง โลกนี้เพื่อทำให้ความชอบธรรมของพระเจ้าเพื่อมนุษยชาติสมบูรณ์พระเยซูทรงรับบัพติสมาจาก
ยอห์นแล้วแบกรับบาปทั้งหมดของมนุษยชาติไว้ที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปทั้งหมดของพวกเขาบนไม้กางเขนและทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายในวันที่สามเพื่อช่วยพวกเขาจากบาปของ
โลกนี้ พระองค์ประทานชีวิตใหม่ให้กับเรา พระองค์พิพากษาเราและทรงล้างบาปทั้งหมดของเรา พระเยซูทรงเรียกเรา ทรงล้างบาปทั้งหมดของเราด้วยน้ำและพระโลหิต ประทานความชอบธรรม ของพระเจ้าให้แก่เรา ทรงทำให้เราเป็นผู้ไม่มีบาปและจากนั้นก็ประทานศักดิ์ศรีแก่เรา พระองค์ ทรงทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า
พระเยซูประทานศักดิ์ศรีให้เราเข้าไปในสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างเป็นนิรันดร ท่านเข้าใจสิ่งนี้ไหม? แต่ลัทธิต่างๆสอนว่า แม้ว่าท่านคือผู้มีบาป ถ้าท่านเชื่อในพระเยซู ท่านจะ ถูกทำให้บริสุทธิ์ในตอนนั้นแน่นอนและในเวลาที่ท่านตายท่านจะเป็นผู้ที่สมบูรณ์ต่อพระพักตร์
พระเจ้า นี่มันไม่ตรงตามความเป็นจริง มันเป็นความศรัทธาที่ไม่จริงเลย
พระเยซูทรงช่วยเราจากบาปของเราและพระเจ้าทรงกำหนดเรา ทรงเรียกเรา ทรงล้าง บาปของเราด้วยน้ำและพระโลหิตไปทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ทรงทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ เป็นผู้บริสุทธิ์และพระทานพระพรให้เราเพื่อเราจะได้เข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้านี่คือความ
จริงนี่คือแผนการของพระเจ้า ข้อความนี้ไม่ได้กล่าวถึง 7 ขั้นตอนของลัทธิการเพิ่มขึ้นของการ ทำให้บริสุทธิ์ มันไม่ได้กล่าวว่าเราจะเป็นคนที่สมบูรณ์หลังจากผ่าน 7 ขั้นตอนเพื่อเข้าไปสู่การ ทำให้บริสุทธิ์
โรม 8:30 ไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเราหลังจากเราเชื่อในพระเยซูหรือที่เราจะ บริสุทธิ์ตอนที่เราแก่ขึ้นและก็ไม่ได้กล่าวว่าการปีนขั้นบันไดของการการทำให้บริสุทธิ์ทีละขั้นจนกระทั่งเราเป็นผู้ที่บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ตอนที่เรารู้จักพระเยซูคริสต์และตอนที่พระเยซูคริสต์ทรง
เรียกเรา พระองค์ทรงยกความผิดบาปของเราครั้งหนึ่งและเพื่อทั้งหมดด้วยน้ำและ พระโลหิต มัน คือเมื่อเรามาสู่พระเจ้าด้วยคำสอนของความจริงที่เราได้รับการโอบกอดจากพระหัตถ์ของพระองค์
มีบางคนกล่าวว่า “ฉันไม่ทราบบาปของตัวเองมาก่อนเลย แต่หลังจากที่ได้ยินคำสอน ฉันเริ่มต้นที่จะตระหนักว่ามีบาปอยู่หนึ่งหรือสองบาปจากอดีตที่ฉันจำได้และฉันอาจจะยังทำบาปต่อไปในอนาคต ดังนั้นฉันไม่คิดว่าฉันสามารถเชื่อในพระเจ้า” แต่นั่นไม่ถูกต้อง เราควรจะ คิดเช่นนี้แทน “อาร์! ถูกต้องแล้ว ฉันไม่รู้จักบาปของฉันแม้ว่าฉันได้ทำมันก็ตาม พระวจนะของ พระเจ้าทั้งหมดนั้นถูกต้องฉันต้องเชื่อในพระวจนะของพระองค์แต่ฉันไม่สามารถที่จะอยู่ตามพระวจนะได้ ฉันหลีกเลี่ยงที่จะเป็นผู้มีบาปไม่ได้ ผู้ที่จะต้องตกนรก นี่คือเหตุผลที่พระเยซูเสด็จมา”
เราถูกทำให้เป็นผู้ไม่มีบาปโดยการเชื่อในพระเยซูและได้รับการยกความผิดบาปเราถูกทำ
ให้เป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นบุตรของพระเจ้าแล้วเราสามารถเข้าไปในสวรรค์และได้รับศักดิ์ศรี นี่ คือความชอบธรรมของพระเจ้าและความจริง
พระเจ้าทรงกำหนดเราไว้แล้ว ทรงเรียกเรา และทรงประทานศักดิ์ศรีให้เรา ท่านอาจจะ คือ ว่าลัทธิของการเพิ่มขึ้นของการทำให้บริสุทธิ์นั้นถูกต้องแล้วกล่าวว่า“ฉันจะเปลี่ยนและเป็นผู้ไม่มีบาปอย่างแน่นอน ” แต่ท่านจะถูกพิพากษาและเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดเพียงครั้งเดียวในทุกขณะที่
ท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ หัวใจของท่านไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามขั้นตอน หัวใจของท่านเป็นผู้ไม่มีบาปทั้งหมดเพียงครั้งเดียวและมันคือความศรัทธาของท่านที่เติบโตขึ้น
ตามความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าและโบสถ์ของพระองค์
ความศรัทธาของเราเติบโตขึ้นตามของพระวจนะของพระเจ้าและท้ายที่สุดก็เข้าถึงที่ที่เรา
สามารถสอนคนอื่นได้แต่การยืนยันว่าเรายังเป็นบุตรของพระเจ้าหลังจากเราเป็นผู้ไม่มีบาปอย่าง
สมบูรณ์และนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เราเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่มีบาปเพียงครั้งเดียว
พระเจ้าทรงเรียกเราตามที่กำหนดไว้ในพระเยซูคริสต์ใช่ไหม? ใช่ พระองค์ทรงทำเช่นนั้น พระองค์ทรงเรียกเราในพระเยซูคริสต์และทรงทำให้เราเป็นผู้ไม่มีบาปและมีความชอบธรรมพระ
เจ้าทรงพิพากษาเราและทำให้เราเป็นผู้ไม่มีบาปผ่านพระเยซูคริสต์ทรงนำเราไปเป็นบุตรของพระองค์และทรงประทานศักดิ์ศรีให้เราในอาณาจักรของพระองค์
เราเป็นผู้มีความชอบธรรมเพียงครั้งเดียว โดยการเชื่อในการไถ่บาปของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงทำให้ความชอบธรรมของพระเจ้าสมบูรณ์เราได้รับพระพรเพราะเราฟังพระเจ้าเรียกเราและ
เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงล้าง บาปทั้งหมดของเรา ทรงทำให้เราไม่เป็นผู้อ่อนแออีกต่อไป และไม่มี บาป และเป็นบุตรที่ชอบธรรมของพระเจ้า เป็นคนของอาณาจักรสวรรค์
นั่นคือเหตุผลที่คำสอนของการทำให้บริสุทธิ์นั้นผิด มันไม่มีความหมายอะไรเลย พระ คัมภีร์ไบเบิ้ลบอกเราอย่างชัดเจนว่า “ยิ่งกว่านั้นบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ ทรงเรียกมาด้วยและผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้นพระองค์ได้ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และ ผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ก็ทรงให้มีสง่าราศีด้วย” (โรม 8:30) ความ เชื่อค่อยๆเติบโต แต่การยกความผิดบาป, การเป็นบุตรของพระเจ้า และการเข้าสู่สวรรค์ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด ท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม?
เราเป็นบุตรของพระเจ้าได้โดยเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญณาณพระเจ้าทรง
ช่วยชีวิตที่ไร้ค่าของเราจากบาปทั้งหมดผ่านพระเมตตาของน้ำและพระวิญญาณเราได้ทำอะไรเพื่อพระเจ้าในวิธีอื่นได้เพื่อการไถ่บาปของเราไหม? เราได้แจกจ่ายการเป็นผู้ชอบธรรมไหม? ไม่มี อะไรที่เราวางแผนไว้เลย  และไม่มีใครตัดสินใจที่จะเชื่อในพระเยซู  ในขณะที่เขาหรือเธออยู่ใน
ครรภ์มารดาเลย
เราได้ยินความจริงจากการประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและทราบว่านี่คือความจริงและคิดว่า“ฉันไม่มีทางเลือกแต่ฉันเชื่อมัน ผู้มีบาปเหมือนฉันจะต้องเชื่อมันจากตอนนั้น”
จากเวลานั้นมาเราเริ่มตนเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้รับการยกความ
ผิดบาป และได้เป็นบุตรของพระเจ้า พียงความชอบธรรมก้เป็นบุตรของพระเจ้า พระเจ้าทรง ประทานศักดิ์ศรีให้พวกเขาด้วยความร่ำรวยและความซื่อสัตย์ที่เป็นนิรันดร์ในอาณาจักรสวรรค์ นี่คือสิ่งที่พระองค์ประทานศักดิ์ศรีให้เราพระเจ้าทรงประทานพระพรให้แก่ผู้ที่เชื่อที่ยอมรับข่าว
ประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า!