3-10. เมื่อท่านกล่าวว่าการปลื้มปีติของเหล่าวิสุทธิชนจะมาหลังจากทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตร ท่านไม่โต้แย้งในสิ่งที่พระเจ้าตรัส แต่ไม่มีผู้ในจะทราบวันหรือเวลาของการปลื้มปีติที่แท้จริง หรือแม้แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเองใช่ไหม?
ไม่ทั้งหมด! สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกเรานั้นไม่ใช่วันเวลาที่แน่นอนของการปลื้มปีติของเหล่าวิสุทธิชน แต่เป็นเบื้องหลังและสัญญาณที่นำไปสู่เหตุการณ์ที่สังเกตุได้ จึงมีเพียงเหล่าวิสุทธิชนเท่านั้นผู้รักพระเจ้าและเตรียมความเชื่อที่จะสามารถเข้าร่วมในการปลื้มปีติโดยต่อสู้กับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และยอมรับการทนทุกข์ยากของพวกเขาเมื่อเวลานั้นมาถึงได้.
พระเจ้าทรงแสดงให้อัครสาวกเปาโลผู้ที่ถูกเนรเทศไปสู่เกาะปัทมอสในเวลานั้นได้เห็นทุกสิ่งที่จะผ่านในช่วงเวลาสุดท้ายของโลกนี้ผ่านวิวรณ์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าทรงวางแผนและทรงทำให้พระราชกิจทั้งหมดของพระองค์สมบูรณ์.
หนังสือวิวรณ์ได้เขียนเอาไว้ด้วยการแสดงด้วยคำอุปมาของพระวจนะของพระเจ้าทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ มีเพียงคนรับใช้ของพระเจ้าผู้ที่ได้รอดจากความผิดบาปทั้งหมดของพวกเขาโดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและจึงมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในหัวใจของพวกเขาที่สามารถแก้ไขคำอุปมาเหล่านี้ได้และอธิบายมันไปสู่ผู้คนของพวกเขา พระวจนะของวิวรณ์ได้เปิด เผยรายละเอียดทุกสิ่งเกี่ยวกับภัยพิบัติของแตรทั้งเจ็ดให้แก่คนรับใช้ของพระเจ้าและเหล่าวิสุทธิชนของพระองค์ ถึงการปรากฎของปฎิปักษ์ต่อพระคริสต์ การทนทุกข์ยากของเหล่าวิสุทธิชน การฟื้นคืนชีพและการปลื้มปีติ อาณาจักรพันปีของพระคริสต์ และฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่.
การปลื้มปีติของเหล่าวิสุทธิชนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดต่อการทนทุกข์ยากของพวกเขา วิวรณ์ 11:10–12 บอกเราเกี่ยวกับการตายของศาสดาพยากรณ์ทั้งสอง และการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพวกเขาและการปลื้มปีติในสามวันครึ่งพยานทั้งสองนี้ได้ทนทุกข์ยากโดยปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และจากนั้นก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายในสามวันครึ่งจากการตายของพวกเขา สิ่งที่เราจะพบได้ออกมาจำรายการนี้คือว่าเมื่อปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เกิดขึ้นบนโลกนี้และทำให้ผู้คนบูชาสัตว์ร้ายโดยการได้ รับเครื่องหมายของเขาที่มือขวาหรือหน้าผาก เหล่าวิสุทธิชนจะต่อสู้กับปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์และทนทุกข์ยากด้วยความเชื่อของพวกเขา แต่ด้วยการเสด็จกลับมาของพระผู้เป็นเจ้าที่จะตามมาโดยเร็วนั้น พวกเขาก็จะเข้าร่วมในการฟื้นขึ้นมาจากความตายและปลื้มปีติ.
สาวกเปาโลกล่าวถึงการปลื้มปีติใน 1 เธสะโลนิกา 4:16–17 ว่า “ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอา กาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์.” อีกนัยหนึ่งอัครสาวกเปาโลบอกเราว่าเวลาของการปลื้มปีติจะมาหลังจากการทนทุกข์ยากของวิสุทธิชนและเมื่อทูตสวรรค์เป่าแตรที่เจ็ดของเขา.”
เมื่อปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์เริ่มครอบครองโลกนี้ เมื่อเขาพยายามที่จะบังคับเราให้รับเครื่อง หมายของเขา และเมื่อเขาต้องการให้บูชาเขาดุจเป็นพระเจ้า เราผู้เป็นเหล่าวิสุทธิชนจะต้องตระหนักว่าช่วงเวลาของความทุกข์ลำบากของเราได้อยู่ในมือแล้ว และเราจะต้องเชื่อเช่นกันว่าหลังจากการทนทุกข์ยากของเราได้ไม่นานก็จะเกิดการฟื้นคืนชีพและการปลื้มปีติ เราไม่ทราบอย่างแน่นอนว่าวัน หรือเดือนอะไรที่จะเกิดสิ่งนี้ขึ้น แต่สิ่งที่ชัดเจนแก่เราก็คือว่าการปลื้มปีติของเหล่าวิสุทธิชนจะ ต้องจัดเตรียมที่จะรับวันของพระผู้เป็นเจ้าโดยการเชื่อในความจริงนี้.