Search

សេចក្តីអធិប្បាយ

เรื่องที่ 4: การแก้ปัญหาบาปประจำวัน

[4-1] ข่าวประเสริฐของการไถ่บาปอันมากมาย (ยอห์น 13:1-17)

ข่าวประเสริฐของการไถ่บาปอันมากมาย
(ยอห์น 13:1-17)
 “ก่อนถึงเทศกาลเลี้ยงปัสกา เมื่อพระเยซูทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักพวกของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด ขณะเมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว พญามารได้ดลใจยูดาสอิสคาริโอท บุตรชายของซีโมน ให้ทรยศพระองค์พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหารเย็น ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวพระองค์ไว้  แล้วก็ทรงเทน้ำลงในอ่าง และทรงตั้งต้นเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้นแล้วพระองค์ทรงมาถึงซีโมนเปโตร และเปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์หรือ?’ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ‘สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ’ เปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์ไม่ได้!’ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ‘ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้’ซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า มิใช่แต่เท้าของข้าพระองค์เท่านั้น แต่ขอทรงโปรดล้างทั้งมือและศีรษะด้วย’ พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคน’ เพราะพระองค์ทรงทราบว่า ใครจะเป็นผู้ทรยศพระองค์ เหตุฉะนั้นพระองค์จึงตรัสว่า ‘ท่านทั้งหลายไม่สะอาดทุกคน’ เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าเขาทั้งหลายแล้ว พระองค์ก็ทรงฉลองพระองค์ และเอนพระกายลงอีกตรัสกับเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายเข้าใจในสิ่งที่เราได้กระทำแก่ท่านหรือ?ท่านทั้งหลายเรียกเราว่า พระอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านเรียกถูกแล้ว เพราะเราเป็นเช่นนั้น  ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ของท่าน ได้ล้างเท้าของพวกท่าน พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วยเพราะว่าเราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่าน  เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ทาสจะเป็นใหญ่กว่านายก็ไม่ได้ และทูตจะเป็นใหญ่กว่าผู้ที่ใช้เขาไปก็หามิได้  ถ้าท่านรู้ดังนี้แล้ว และท่านประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข’“
 
ทำไมพระเยซูทรงล้างเท้าของเปโตรในวันก่อนงานเทศกาลปัสกา? ในขณะที่พระ องค์ทรงล้างเท้าของเขาอยู่นั้น พระองค์ทรงตรัสว่า “สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจแต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ” ซีโมนเปโตรเป็นสาวกที่ดีที่สุดของพระเยซู เขาเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้าและเป็นพยานว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ตามที่พระเยซูทรงล้างเท้าของพวกเขามันจะต้องมีเหตุผลที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้น เมื่อเปโตรยอมรับความเชื่อของเขาที่ว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์นั้นย่อมแสดงถึงว่าเขาเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระองค์ผู้ช่วยให้รอดซึ่งจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากบาปของเขาทั้งหลาย
 
ทำไมพระเยซูทรงล้างเท้าของสาวกของพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงบนไม้กางเขน?
เพราะว่าพระองค์ต้องการให้สาวกของพระองค์ได้เข้าใจ การช่วยให้รอดจากบาปที่สมบูรณ์ของพระองค์
 
ทำไมพระองค์จึงทรงล้างเท้าของ เปโตร? พระเยซูทรงทราบว่าเปโตรจะปฏิเสธพระ องค์ถึงสามครั้งและเขาจะทำบาปหลายครั้งในอนาคต
หลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เปโตรก็ยังคงมีบาปค้างอยู่ภายในใจของเขา เขาไม่สามารถที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูได้ แต่พระเยซูทรงทราบถึงความอ่อนแอของสาวกของพระองค์ และพระองค์ไม่ต้องการให้บาปของเขาทั้งหลายมาอยู่ระหว่างพระองค์และสาวกของพระองค์ ดังนั้นพระองค์ต้องการจะสอนพวกเขาว่าความชั่วช้าของพวกเขาทั้งหลายได้ถูกชำระไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือเหตุผลที่พระองค์ทรงล้างเท้าของสาวกของพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนและจากพวกเขาไป พระองค์มั่นใจว่าพวกเขาทั้งหลายเข้าใจคำสั่งสอนเกี่ยวกับวิทย์มาและการยกความผิดบาปชั่วชีวิตของพวกเขาทั้งหลาย
ยอห์นบทที่ 13 ได้กล่าวถึงความรอดที่สมบูรณ์ซึ่งพระเยซูได้ช่วยสาวกของพระองค์ให้รอดพ้นจากบาปแล้ว ในขณะที่พระองค์ทรงล้างเท้าของพวกเขาพระองค์ได้บอกพวกเขาถึงข้อดีของคำสั่งสอนเกี่ยวกับบัพติศมาที่ว่ามนุษย์ทุกคนสามารถชำระบาปทั้งหมดของตนได้โดยบัพติศมา
“จงอย่าให้มารมาหลอกลวงท่านได้ในอนาคต เราได้รีบเอาบาปทั้งหมดของท่านไป โดยบัพติศมาของเรา ณ แม่น้ำจอร์แดนแล้วและเราจะรับคำพิพากษาบาปเหล่านั้นบนไม้กางเขน จากนั้นเราจะเป็นขึ้นมาจากความตาย และทำความรอดของการเกิดใหม่ของท่านทั้งหลายให้สมบูรณ์ เราล้างเท้าให้ท่านก่อนที่เราจะถูกตรึงไม้กางเขนก็เพื่อที่จะสอนท่านว่า เราได้รับเราได้ชำระแม้กระทั่งบาปในอนาคตของท่านไปแล้ว และก็จะสอนท่านถึงข่าวประเสริฐของการชำระบาปดั้งเดิมให้แก่ท่าน นี่เป็นความลับของข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่ ท่านทั้งหลายควรจะเชื่อเช่นนั้น”
เราทั้งหมดควรจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมพระเยซูทรงล้างเท้าให้กับเหล่าสาวกและรู้ว่าทำไมพระองค์จึงตรัสว่า  “สิ่งที่เรากระทำในขณะ นี้ท่านยังไม่เข้าใจแต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ”  เพียงเท่านั้นเราก็สามารถเชื่อในข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่และการเกิดใหม่ของเราเอง
 
 
พระองค์ตรัสไว้ในยอห์น 13:12
 
การละเมิดต่อบาปคืออะไร?
คือบาปที่เรากระทำกันทุกวัน เนื่องจากเราอ่อนแอ   
 
ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงให้มีงานเลี้ยงเทศกาลปัสกาขึ้นให้กับเหล่าสาวกของพระองค์ เพื่อที่จะทำให้พวกเขาได้ตระหนักถึงข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปด้วยการล้างเท้าของพวกเขาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
 “เยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหารเย็น ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวพระองค์ไว้  แล้วก็ทรงเทน้ำลงในอ่าง และทรงตั้งต้นเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้นแล้วพระองค์ทรงมาถึงซีโมนเปโตร และเปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์หรือ?’ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ‘สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ’ เปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์ไม่ได้!’ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ‘ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้’ซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า มิใช่แต่เท้าของข้าพระองค์เท่านั้น แต่ขอทรงโปรดล้างทั้งมือและศีรษะด้วย’ พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคน’ เพราะพระองค์ทรงทราบว่า ใครจะเป็นผู้ทรยศพระองค์ เหตุฉะนั้นพระองค์จึงตรัสว่า ‘ท่านทั้งหลายไม่สะอาดทุกคน’ เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าเขาทั้งหลายแล้ว พระองค์ก็ทรงฉลองพระองค์ และเอนพระกายลงอีกตรัสกับเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายเข้าใจในสิ่งที่เราได้กระทำแก่ท่านหรือ?ท่านทั้งหลายเรียกเราว่า พระอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านเรียกถูกแล้ว เพราะเราเป็นเช่นนั้น  ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ของท่าน ได้ล้างเท้าของพวกท่าน พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วยเพราะว่าเราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่าน  เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ทาสจะเป็นใหญ่กว่านายก็ไม่ได้ และทูตจะเป็นใหญ่กว่าผู้ที่ใช้เขาไปก็หามิได้  ถ้าท่านรู้ดังนี้แล้ว และท่านประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข’” (ยอห์น 13: 3-17)
 พระองค์ทรงสอนเหล่าสาวกของพระองค์ถึง ข่าวประเสริฐของบัพติศมาและการไถ่บาปโดยน้ำของบัพติศมาของพระองค์
 ในเวลานั้น จากการที่เปโตเป็นคนสัตย์ซื่อต่อพระเยซู เขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจเหตุ ผลว่าทำไมพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงล้างเท้าให้กับเขา หลังจากที่เปโตรเข้าใจอย่างแท้จริงว่าพระเยซูทรงทำอะไรเพื่อเขา วิธีที่เขาเชื่อในพระเยซูก็จึงเปลี่ยนไป พระเยซูทรงต้องการที่จะสอนเขาถึงการชำระบาปเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
 พระองค์ทรงเป็นกังวลว่าเปโตรอาจจะไม่สามารถที่จะมาหาพระองค์ได้เพราะบาปในอนาคตของเขาทั้งหมด หรืออีกนัยหนึ่งบาปของเนื้อหนังของเขาในอนาคตนั่นเอง พระเยซูก็จะทรงล้างเท้าให้กับพวกเขา เพื่อที่มารจะไม่สามารถที่จะมาฉวยเอาความเชื่อของเหล่าสาวกไปได้ จากนั้นเปโตรก็จึงเข้าใจเหตุผลว่าทำไม
พระเยซูทรงเตรียมหนทางไว้เพื่อว่าใครก็ตามที่เชื่อในน้ำของบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตจะได้รับการชำระบาปของเขาอย่างเป็นนิรันดร์
 ในยอห์นบทที่ 13  ทุกคำที่พระองค์ทรงตรัสไว้ขณะที่ล้างเท้าให้สาวกของพระองค์นั้นได้ถูกบันทึกเอาไว้ เป็นพระวจนะที่สำคัญมากซึ่งผู้ที่เกิดใหม่เท่านั้นจะสามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริง
 เหตุผลที่พระเยซูทรงล้างเท้าของสาวกของพระองค์หลังจากงานของเทศกาลปัสกา ก็คือเพื่อให้พวกเขาได้ตระหนักว่า พระองค์ได้ทรงล้างบาปช่วยชีวิตของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว พระองค์ตรัสว่า “สิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ“ คำเหล่านี้ที่พระองค์ทรงตรัสกับเปโตรเต็มไปด้วยความจริงของการชำระบาปอันเป็นนิรันดร์ในพระองค์
 เราควรจะรู้และเชื่อในการรับบัพติศมาของพระเยซู ที่ได้ชำระบาปและความชั่วร้ายของเราทั้งหมดออกไป การรับบัพติศมาของพระเยซู ณ แม่น้ำจอร์แดน เป็นข่าวประเสริฐของการผ่านบาปไปโดยการวางมือ เราควรจะเชื่อในพระวจนะของพระเยซู พระองค์ทรงนำบาปทุกอย่างจากโลกนี้ไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์และได้ทรงยกความผิดบาปทั้งหมดโดยสำเร็จจากการที่พระองค์ทรงรับการพิพากษาและถูกตรึงไม้กางเขน พระ องค์ทรงรับบัพติศทาเพื่อกำจัดบาปทั้งหมดของประชาชนทั้งหลาย
 
 

การยกความผิดบาปของการละเมิดของเราตลอดชีวิตนั้นสมบูรณ์โดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู

 
อะไรคือ ‘กับดัก’ ของพญามาร ที่มีต่อคนชอบธรรม?
พญามารพยายามหลอกลวงคนชอบธรรม เพื่อที่จะทำให้พวกเขาเป็นคนบาปอีกครั้งหนึ่ง
 
พระเยซูทรงทราบดีหลังจากที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขน หลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ว่าพญามารและผู้นำมาซึ่งความสัตย์ซื่ออันจอม ปลอมจะเข้ามาและหลอกลวงสาวกทั้งหลาย พวกเราสามารถเห็นได้จากคำพยานของเปโตร “พระ องค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่“ ว่าเขาเชื่อในพระเยซู แต่พระเยซูยังคงต้องการสอนเปโตรอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับการยกความผิดบาป ข่าวประเสริฐนั้นเป็นการรับบัพติศมาของพระเยซูที่ได้รับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป  พระองค์ต้องการสอนเรื่องนี้อีกครั้งให้ กับเปโตรและสาวกทั้งหลายและพวกเราผู้ซึ่งจะมาอีกภายหลังด้วย “ สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจแต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ”  
เมื่อใดก็ตามที่สาวกของพระเยซูทำบาป พวกมันจะหลอกล่อและปรับโทษพวกเขาโดยพูดว่า “ดูสิ! ถ้าท่านทำบาปอยู่ แล้วท่านจะกล่าวว่าไม่มีบาปได้อย่างไร? ท่านยังไม่รอดเลย ท่านเป็นเพียงคนบาปเพียงเท่านั้นเอง” พระเยซูทรงบอกพวกเขาว่าความเชื่อในการรับบัพติศมาของพระเยซูของพวกเขา ได้ล้างบาปชั่วชีวิตของพวกเขาเรียบร้อยแล้วทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคตเพื่อที่จะป้องกันการติดเชื้อเหล่านั้น
“ท่านทั้งหลายทราบแล้วว่าเราได้เข้ารับบัพติศมา! เหตุผลที่เรารับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดนนั้นก็คือเพื่อล้างบาปของท่านทั้งหลาย เช่นเดียวกับบาปแต่กำเนิดของมนุษยชาติด้วย ขณะนี้ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าทำไมเราจึงรับบัพติศมา ทำไมเราจึงต้องถูกตรึงบนไม้กางเขนและทำไมเราจะต้องตายที่นั่น?” พระเยซูทรงล้างเท้าของสาวกของพระองค์เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์ได้ชำระล้างบาปของพวกเขาแล้วในแต่ละวันโดยการรับบัพติศมาและเชื่อว่าพระองค์จะรับคำพิพากษาของพวกเขาบนไม้กางเขน
ตอนนี้ท่านและผมได้รับการชำระบาปทั้งหมดของเราแล้วโดยความเชื่อของเราในข่าวประเสริฐของบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูที่ทำให้เราสามารถได้รับการชำระบาปทั้งหมดของเราได้ พระเยซูทรงรับบัพติศมาและทรงถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อเรา พระองค์ทรงชำระบาปทั้งหมดของเราโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ ใครก็ตามที่รู้จักและเชื่อในข่าวประเสริฐของการชำระบาปและผู้ที่เชื่อในความจริงนี้ก็จะได้รับการชำระบาปของเขาหรือเธอโดยทั้งหมด
และผู้ที่เกิดใหม่ควรจะทำอะไรหลังจากที่รอดแล้ว? พวกเขาจะต้องยอมรับบาปของตัวเองทุกๆวันและเชื่อในความรอดของบัพติศมา และพระโลหิตของพระเยซูที่เป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาปทั้งหมดของพวกเขา ข่าวประเสริฐของการชำระบาปก็คือสิ่งที่เราผู้ที่เกิดใหม่ควรจะจดจำเอาไว้ในใจของเราอย่างลึกซึ้ง
เพียงเพราะว่าท่านทำบาปอีกครั้งหนึ่ง มันจะหมายความว่าท่านเป็นคนบาปอีกครั้งใช่ไหม? ไม่ การที่รู้ว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปนั้นแล้วนั้น มันจะทำให้เราเป็นคนบาปอีกครั้งนึงได้อย่างไรกัน? บัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาปทั้งหมดของเรา ใครก็ตามที่เชื่อในข่าวประเสริฐของการชำระบาปดั้งเดิมนี้สามารถเกิดใหม่เป็นคนชอบธรรมได้โดยไม่มีข้อยกเว้น
 
 

คนชอบธรรมจะไม่กลายไปเป็นคนบาปได้อีก

 
ทำไมคนชอบธรรมจะไม่กลาย ไปเป็นคนบาปได้อีก?
เพราะว่าพระเยซูทรงไถ่บาปทั้งชีวิตของพวกเขาแล้ว
 
หากท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปของน้ำและพระวิญญาณ แต่ยัง คงรู้สึกว่าท่านยังเป็นคนบาปอยู่เพราะบาปที่ท่านได้ละเมิดในทุกๆวันของท่านแล้ว ท่านจะต้องกลับไปสู่แม่น้ำจอร์แดนที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของท่านไป หากท่านกลับไปเป็นคนบาปอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้รับการยกความผิดบาปแล้ว พระเยซูก็จะต้องรับบัพติศมาทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง ท่านจะต้องมีความเชื่อในการยกความผิดบาปในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซู ท่านจะต้องจดจำเอาไว้ว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของท่านไปเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดโดยบัพติศมาของพระองค์ เราจะต้องมีความเชื่อที่มั่นคงในพระเยซู คริสต์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน
 การเชื่อในพระเยซู คริสต์ว่าพระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน หมายความว่าท่านเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูที่ได้รับเอาบาปทั้งหมดตลอดชีวิตของท่านไป หากท่านเชื่อในการรับบัพติศมาของพระองค์ในไม้กางเขนในการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูแล้วท่านก็จะไม่มีทางกลับไปเป็นคนบาปได้อีกครั้งหนึ่งไม่ว่าท่านจะทำบาปชนิดใดไปก็ตาม ท่านได้รับการชำระบาปทั้งหมดของท่านตลอดช่วงชีวิตของท่านแล้วโดยความเชื่อ
พระเยซู คริสต์ทรงชำระบาปในอนาคตไปเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งบาปที่เราได้ทำเพราะความอ่อนแอของเราเองก็ตาม เพราะพระเยซูทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งถึงการรับบัพติศมาของพระองค์ พระองค์จึงทรงล้างเท้าให้กับสาวกของพระองค์ โดยน้ำที่เป็นสัญลักษณ์ของข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป นั่นคือ บัพติศมาของพระองค์ พระเยซู คริสต์ทรงรับบัพติศมา ถูกตรึงไม้กางเขน ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและเสด็จไปสวรรค์เพื่อทำตามคำสัญญาของพระเจ้าในการชำระบาปทั้งหมดของโลกนี้ให้สมบูรณ์และเพื่อช่วยมนุษยชาติทั้งหมดให้รอด ด้วยเหตุนี้สาวกของพระองค์จึงจะสามารถที่จะประกาศข่าวประเสริฐของการชำระบาปที่เป็นบัพติศมาของพระเยซู ไม้กางเขน การเป็นขึ้นมาจากความตาย ไปได้จนถึงตลอดชีวิตของพวกเขา
 
 
ความอ่อนแอของเนื้อหนังของเปโตร
 
ทำไมเปโตรปฏิเสธพระเยซู?
เพราะเขาอ่อนแอ
 
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าเมื่อมหาปุโรหิตเปโตรพบกับสาวใช้ของคายาฟาส เขาถูกกล่าวโทษว่าเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของพระเยซู เขาปฏิเสธมันไปถึงสองครั้งว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น” แล้วเขาสบถและสาบานถึงสามครั้ง
 เราลองมาอ่านข้อความ มัทธิว 26:69 กัน “ขณะนั้นเปโตรนั่งอยู่ภายนอกบริเวณคฤหาสน์นั้น มีสาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเขาว่า ‘เจ้าได้อยู่กับเยซูชาวกาลิลีด้วย’ แต่เปโตรได้ปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า ‘ที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้เรื่อง’ เมื่อเปโตรได้ออกไปที่ระเบียง สาวใช้อีกคนหนึ่งแลเห็นจึงบอกคนทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นว่า ‘คนนี้ได้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย’ เปโตรจึงปฏิเสธอีก ด้วยคำปฏิญาณว่า ‘ข้าไม่รู้จักคนนั้น!’ อีกสักครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นก็มาว่าแก่เปโตรว่า ‘เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่แล้ว ด้วยว่าสำเนียงของเจ้าก็ส่อตัวเจ้าเอง’ แล้วเปโตรก็เริ่มสบถและสาบานว่า ‘ข้าไม่รู้จักคนนั้น!’ ในทันใดนั้นไก่ก็ขัน เปโตรจึงระลึกถึงคำของพระเยซูที่ตรัสแก่เขาว่า ‘ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง’ แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้อย่างขมขื่นยิ่งนัก“ (มัทธิว 26:69-75)
 เปโตรเชื่อในพระเยซูอย่างแท้จริงและติดตามพระองค์ไปอย่างสัตย์ซื่อ เขาเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคือผู้ช่วยให้รอดของเขาและทรงเป็นผู้พยากรณ์ที่จะมาถึง แต่เมื่อพระเยซูได้ถูกนำตัวไปที่ศาลของคายาฟาส และมันก็ดูจะอันตรายที่เขาจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับพระเยซูให้แก่ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องให้รู้ได้ เขาจึงปฏิเสธและสาปแช่งพระองค์ต่อหน้าพวกเขา  
 เปโตรไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะปฏิเสธพระเยซู แต่พระเยซูทรงทราบว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์ พระองค์ทรงรู้ถึงความอ่อนแอทั้งหมดของเปโตร ดังนั้น พระองค์จึงทรงล้างเท้าของเขาและสอนเขาเรื่องข่าวประเสริฐการช่วยให้รอดจากบาป ดังที่เขียนไว้ในยอห์นบทที่ 13 ว่า  “ท่านจะทำบาปอีกในอนาคตแต่เราจะได้ล้างบาปในอนาคตของท่านไปหมดแล้ว”
 เปโตได้ปฏิเสธพระเยซูจริงๆเมื่อชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย แต่นั่นเป็นความอ่อน แอของเนื้อหนังของเขาที่ทำให้เขากระทำเช่นนั้น ดังนั้น เพื่อช่วยสาวกของพระเยซูให้พ้นจากความชั่วในอนาคตได้ พระองค์จึงทรงล้างเท้าของพวกเขาไว้ก่อน
 “เราจะล้างบาปในอนาคตทั้งหมดของพวกท่านเช่นกัน เราถูกตรึงบนไม้กางเขน เพราะเราได้รับการรับบัพติศมาและได้ล้างบาปทั้งหมดของท่านไปแล้ว และเราจะจ่ายค่าจ้างของบาปนั้นด้วยการเป็นผู้ช่วยให้รอดแท้จริงสำหรับท่านทั้งหมด เราเป็นพระเจ้าของท่าน เราเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน เราจะจ่ายมันเต็มจำนวณบาปของท่านทั้งหมด และเราจะเป็นพระเมฆโปดกของท่านโดยบัพติศมาและโลหิตของเรา เราเป็นพระเมษโปดกของการช่วยให้รอด”  
เพื่อที่จะปลูกฝังความจริงนี้อย่างหนักแน่นไว้ในหัวใจของพวกเรา พระเยซูจึงทรงล้างเท้าของพวกเขาหลังจากเทศกาลปัสกานี้คือความจริงของข่าวประเสริฐ
เพราะเนื้อหนังของเรานั้นอ่อนแอ แม้ว่าจะกลับมาเกิดใหม่เราก็จะทำบาปอีก แน่นอนว่าเราไม่ควรทำบาป แต่เมื่อเผชิญกับปัญหาหนักเช่นเดียวกับเปโตร เราก็คงจะทำบาปโดยไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เรามีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง ซึ่งบางครั้งเราถูกนำไปสู่การพินาศได้เพราะบาปของเรา เนื้อหนังจะทำบาปตลอดไปตราบเท่าที่อยู่บนโลกนี้ แต่พระเยซูทรงยกเอาความผิดบาปเหล่านั้นออก ไปทั้งหมดแล้วโดยบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตของพระองค์ที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขน
เราไม่ได้ปฏิเสธว่าพระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่เมื่อเราอยู่ในร่างกายในเนื้อหนังเราก็ยังทำบาปอยู่ต่อไป เราก็จะยังคงทำบาปต่อไปโดยขัดแย้งต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า เพราะว่าเราเกิดมาโดยเนื้อหนัง
พระเยซูทรงทราบว่าเราจะทำบาปในขณะที่มีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง ดังนั้นพระองค์จึงเสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราด้วยการจ่ายค่าจ้างของบาปของเราโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ พระองค์ทรงกำจัดบาปทั้งหมดเหล่านั้นไปให้กับผู้ที่เชื่อในความรอดของพระองค์และการเป็นขึ้นมาจากความตาย
นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมข่าวประเสริฐทั้งสี่จึงเริ่มต้นโดยบัพติศมาของพระเยซูโดยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เป้าหมายของชีวิตในการเป็นมนุษย์ของพระองค์คือทำให้ข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่ที่เป็นข่าวประเสริฐของความรอดสมบูรณ์นั่นเอง
 
เราทำบาปในเนื้อหนัง มานานเท่าใดแล้ว?
เราทำบาปตลอดทั้งชีวิตของเรา ไปจนกระทั่งวันที่เราตาย
 
เมื่อเปโตรปฏิเสธพระเยซูไป ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวหรือสองครั้ง แต่ถึงสามครั้งก่อนที่ไก่จะขัน มันจะทำให้เขาทุกข์ทรมานใจอะไรเช่นนั้น! เขาจะรู้สึก อับอายแค่ไหน? เขาสาบานต่อหน้าพระองค์ว่าเขาจะไม่ทรยศต่อพระองค์ เขาทำบาปเพราะความอ่อนแอของเนื้อหนังของเขา แต่เขาต้องรู้สึกทรมานใจแค่ไหน เมื่อเขาต้องจำนนต่อความอ่อนแอของเขาและปฏิเสธพระเยซูไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ถึงสามครั้ง? เขาจะรู้สึกลำบากใจแค่ไหนเมื่อเขามองพระพักตร์พระเยซูอีกครั้งหนึ่ง?
 แต่พระเยซูทรงทราบเรื่องทั้งหมดแล้วและยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ตรัสว่า “เราทราบว่าท่านทำบาปซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เราได้รับเอาบาปทั้งหมดไว้แล้วโดยบัพติศมาของเรา เผื่อว่าบาปของท่านจะทำให้ท่านก้าวพลาดและทำให้ท่านกลายไปเป็นคนบาป เผื่อว่าท่านจะพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาที่เราอีก เราได้เป็นผู้ช่วยให้รอดโดยสมบูรณ์เพื่อท่านแล้วด้วยการรับบัพติศมาและรับการพิพากษาจากบาปทั้งปวง เราเป็นพระเจ้าของท่าน เราเป็นพระเมษโปดกของท่าน จงเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปของท่าน เรายังรักพวกท่านอยู่ต่อไป แม้ว่าพวกท่านจะยังทำบาปโดยเนื้อหนังอยู่ เราก็ได้ชำระล้างความชั่วทั้งหมดของท่านไปเรียบร้อยแล้ว ข่าวประ เสริฐเรื่องการยกความผิดบาปนั้นจึงเป็นนิรันดร์ ความรักของเราที่มีต่อท่านก็เป็นนิรันดร์เช่น เดียวกัน”
 พระเยซูทรงบอกเปโตรและสาวกทั้งหลายว่า “ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้“ เหตุผลที่พระองค์ทรงกล่าวถึงข่าวประเสริฐนี้ในยอห์นบทที่ 13 ก็เพราะว่ามันมีความสำคัญที่ประชาชนจะได้เกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ ท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม?
 ในวรรคที่ 9 “ซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า มิใช่แต่เท้าของข้าพระองค์เท่านั้น แต่ขอทรงโปรดล้างทั้งมือและศีรษะด้วย!’ พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคน’“
 เพื่อนๆที่รักทั้งหลายท่านจะทำบาป’โดยเนื้อหนัง’ในอนาคตหรือไม่? ท่านจะทำอย่างแน่นอน แต่พระเยซูตรัสว่า พระองค์ทรงชำระบาปในอนาคตของท่านไปด้วย ซึ่งเป็นบาปชั่วร้ายทั้งหมดของเนื้อหนังของเราออกไปโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ และพระองค์ทรงบอกเหล่าสาวกของพระองค์ไว้อย่างชัดเจน ถึงพระวจนะของความจริงของข่าวประเสริฐของการไถ่บาป ก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงบนไม้กางเขน
 เพราะว่าเรามีชีวิตอยู่ในเนื้อหนังของเราพร้อมกับความอ่อนแอทั้งหมด เราจึงทำบาปโดยไม่มีทางเลือก พระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยบัพติศมาของพระองค์ ไม่เพียงแต่พระองค์ทรงล้างศรีษะและกายของเราเพียงเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงล้างเท้าของเราด้วยเช่นกัน นั่นคือบาปทั้งหมดของเราในอนาคตนั่นเอง นี่คือข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยบัพติศมาของพระเยซู
 หลังจากที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาแล้ว ยอห์นผู้ให้บัพติศมาจึงเป็นพยานว่า “จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย!” (ยอห์น 1:19) เราควรจะเชื่อว่าบาปทั้งหมดของโลกนี้ได้รับการชำระไป โดยการผ่านไปสู่พระเยซูในตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา
 ในขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยบาปนี้ เราได้แต่ทำบาปโดยไม่มีทางเลือก นั่นเป็นความจริงที่ชัดเจนยิ่งนัก เมื่อใดก็ตามที่ความอ่อน แอของเนื้อหนังของเราเกิดขึ้น เราก็จะต้องตระหนักว่าพระเยซูได้ทรงชำระบาปทั้งหมดของเรา และบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปแล้ว โดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปและจ่ายค่าจ้างของบาปโดยพระโลหิตของพระองค์ เราควรจะขอบคุณพระองค์จากก้นบึ้งของหัวใจของเรา เราลองมาสารภาพพร้อมกับความเชื่อว่าพระเยซูคือพระองค์ผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าของ เราขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
 ใครก็ตามในโลกนี้ได้แต่ทำบาปโดยไม่มีทางเลือกพร้อมกับเนื้อหนัง ประชาชนยังคงทำบาปอยู่ต่อไปโดยเนื้อหนังของพวกเขา และตายไปพร้อมกับบาปตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาเอง
 
 
ความคิดชั่วร้ายในหัวใจของผู้คน
 
อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน?
บาปและความคิดชั่วร้ายหลากหลายชนิด
 
พระเยซูตรัสในมัทธิว 15:19-20 ว่า “ความคิดชั่วร้าย การฆาตกรรม การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การพูดหมิ่นประมาท ก็ออกมาจากใจสิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่ซึ่งจะรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน“ เพราะบาปหลากหลายเหล่านั้นในหัวใจของคนเรานั่นเองที่ทำให้เขาหรือเธอเป็นมลทิน เขาหรือเธอนั้นจึงไม่สะอาด
 
 
คนเราจะต้องตระหนักถึงธรรมชาติชั่วร้ายของตัวเองได้
 
อะไรอยู่ในหัวใจของมนุษย์ทุกคน?
บาปทั้งสิบสองชนิด (มาละโก 7:21-23)
 
 เราต้องสามารถที่จะกล่าวได้ว่า “บาปทั้งสิบสองชนิดที่อยู่ในหัวใจของประชาชนทั้ง หลายนั้น ฉันมีมันทั้งหมดในหัวใจของฉัน ฉันมีบาปทั้งสิบสองชนิดข้างในตัวฉันตามที่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลเลย” ก่อนที่เราจะเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณ เราจะต้องยอมรับว่าบาปทั้ง หลายนั้นอยู่ในหัวใจของเราแต่เดิมอยู่แล้ว เราต้องยอมรับว่าเราเป็นคนบาปอย่างสมบูรณ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า แต่เราไม่ทำเช่นนั้นบ่อยๆ เราส่วนใหญ่จะหาข้อแก้ตัวให้กับบาปของเราเองโดยกล่าวว่า “ฉันไม่เคยมีความคิดเหล่านั้นอยู่ในหัวใจของฉันเลย ฉันได้แต่เพียงหลงทางไปชั่ว ขณะหนึ่งเท่านั้น”
แต่พระเยซูทรงกล่าวอะไรเกี่ยวกับมนุษย์? พระองค์ทรงกล่าวอย่างชัดเจนว่าอะไรที่ออกมาจากหัวใจของมนุษย์นั้นทำให้เขาหรือเธอเป็นมลทิน พระองค์ทรงบอกเราว่าประชาชนนั้นมีความคิดชั่วร้ายมาจากภายในตัวของพวกเขา ท่านคิดเช่นใด? ท่านเป็นคนดีหรือคนชั่ว? ท่านรู้ไหมว่าทุกคนนั้นมีความคิดชั่วร้าย? ใช่ ความคิดของทุกคนนั้นชั่วร้าย
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ห้างใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงโซลได้พังลงมา หลายครอบครัวเสียคนที่พวกเขารักไปอย่างทุกข์ทรมาณ แต่ก็มีคนจำนวณมากที่ไปที่นั่นเพื่อเพลิดเพลินไปกับปรากฏการณ์ที่น่าเศร้านั้น
บางคนคิดว่า “มีคนตายไปกี่คน?  200 คนหรือ? ไม่ นั่นน้อยไป 300 คนได้ไหม? อาจจะถึงนะ? ที่จริงมันคงจะน่าสนใจและน่าตื่นเต้นมากกว่านี้นะถ้ามีคนตายไปอย่างน้อยพันคน” จิตใจของมนุษย์ชั่วร้ายได้ขนาดนี้แน่ๆ เราจะต้องยอมรับมัน ช่างไม่เคารพต่อคนตายกันเลย! ช่างเป็นการทำร้ายจิตใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียจริงๆ! คนบางคนก็สูญเสียทรัพย์สินจนหมดสิ้น
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มาชมเหตุการณ์บางคนไม่ได้เห็นอกเห็นใจกันเลย ”มันคงจะน่าสนุกกว่านี้นะถ้ามีคนตายเพิ่มขึ้น! น่าตื่นเต้นจัง! จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ที่สวนสนุกที่มีคนอยู่เต็มไปหมด! คนเป็นพันๆคงถูกฝังอยู่ใต้ซากหินใช่ไหม! ใช่แล้ว! มันคงจะน่าสนใจกว่านี้แน่นอนเลย” บางทีบางคนอาจมีความคิดเช่นนี้ก็ได้ ปรากฏการณ์เดียวกันนี้เรามักจะได้ยินจากในตอนเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน คนที่อยากรู้อยากเห็นมีแนวโน้มที่จะรู้สึกผิดหวังเมื่อชนกันเพียงเล็กน้อย
เราทั้งหมดต่างก็รู้ว่าเราชั่วร้ายกันเพียงใดในบางครั้ง แน่นอนว่าเราอาจจะไม่เคยกล่าวความคิดชั่วร้ายออกมาดังๆ แต่เราก็อาจจะกระดกลิ้นของเราแล้วก็แสดงความเห็นอกเห็นใจออก มาเมื่อเรามองดูไปที่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อมีโอกาส แต่ในหัวใจของเราเงียบๆแล้วเรารอให้มันเป็นโศคนาฏกรรมที่ใหญ่โต ที่เราต้องการที่จะเห็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าที่คนประชาชนเป็นพันๆคนถูกฆ่าตาย ตราบเท่าที่มันไม่ได้ขัดแย้งกับความสนใจของเรา นี่คือวิธีที่หัวใจของผู้คนทำงานพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ก่อนที่เราจะเกิดใหม่
 
 
การฆาตรกรรมในหัวใจของมนุษย์ทุกคน
 
เราทำบาปทำไม?
เพราะว่าเรามีความคิดชั่วร้ายในหัวใจของเรา
 
 พระเจ้าทรงบอกเราว่ามีการฆาตกรรมภายในหัวใจของมนุษย์ทุกคนอยู่ แต่หลายคนจะปฏิเสธมันต่อพระพักตร์พระเจ้าโดยกล่าวว่า “พระองค์จะกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรกัน! ข้าพระ องค์ไม่มีความคิดของการฆาตกรรมในหัวใจของข้าพระองค์เลย! พระองค์จะมาว่าข้าพระองค์เป็นคนเช่น นั้นได้อย่างไรกัน!” พวกเขาไม่เคยยอมรับว่าพวกเขามีการฆาตกรรมในหัวใจของตน พวกเขาว่าฆาตกรทั้งหลายนั้นมีสายพันธุ์ที่แตกต่างจากพวกเขา
 “ฆาตกรต่อเนื่องในข่าววันนั้นที่ได้ฆ่าและเผาประชาชน พวกเขานั้นเป็นผู้ที่มีการฆาตกรรมในหัวใจ! พวกเขามีเผ่าพันธิ์ที่แตกต่างไป ฉันจะเป็นเหมือนกับพวกเขาไม่ได้! พวกเขาเป็นคนพาล! เป็นฆาตรกร!” พวกเขาเดือดดาลใส่ฆตรกรและตะโกนออกมาว่า “คนที่เกิดมาจากเมล็ดของความชั่วร้ายควรจะถูกกำจัดออกไปจากโลกนี้! พวกเขาควรจะถูกตัดสินประหารชีวิต!”
แต่โชคร้ายที่ความคิดของการฆาตกรรมนั้นอยู่ในหัวใจของประชาชนที่เดือดดาลเหล่า นั้นเช่นเดียวกับอยู่ในหัวใจของฆาตกรต่อเนื่อง และฆาตกรทั้งหลาย พระเจ้าทรงบอกเราว่าในหัวใจของประชาชนทุกคนนั้นมีการฆาตกรรมอยู่ เราจะต้องยอมรับพระวจนะของพระเจ้าผู้ที่ทรงเห็นสิ่งต่างๆที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของเรา ดังนั้นเราต้องยอมรับว่า”ฉันเป็นคนบาปที่มีจิตใจฆาตกรรมในหัวใจ”
ใช่แล้ว พระเจ้าทรงบอกเราว่า มีความคิดชั่วร้ายอยู่รวมทั้งการฆาตกรรมด้วย ที่อยู่ในหัวใจของประชาชนทั้งหมด แล้วเรามายอมรับพระวจนะของพระเจ้ากัน ตามที่ประชาชนในรุ่นต่อๆมามีความคิดชั่วร้ายมากขึ้น เครื่องมือในการป้องกันตัวส่วนตัวต่างๆก็เริ่มมาเป็นเครื่องมือในการฆาตกรรม นี่คือผลของการที่การฆาตกรรมอยู่ในหัวใจของเรา ท่านสามารถทำการฆาตกรรมได้ในความกลัวและความโกรธ ผมไม่ได้กล่าวว่าทุกๆคนนั้นจะฆ่าคนอื่นอย่างแท้จริงแต่เราคิดถึงมันในหัวใจของเรา
เราทั้งหมดเกิดมามีความคิดชั่วร้ายในหัวใจของเราบางคนก็จบลงด้วยการฆ่าอย่างแท้ จริง ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเกิดมาเป็นฆาตกรโดยเฉพาะ แต่เพราะว่าเราทุกคนสามารถที่จะกลาย เป็นฆาตกรได้ พระเจ้าทรงบอกเราว่าเรามีความคิดชั่วร้ายและการฆาตกรรมในหัวใจของเรา มันคือความจริง ในหมู่พวกเราไม่มีใครที่จะมีข้อยกเว้นในความจริงนี้ได้เลย
ดังนั้นทางที่ถูกต้องที่เราจะต้องเดินก็คือการยอมรับพระวจนะของพระเจ้าและเชื่อฟัง เราทำบาปในโลกนี้เพราะว่าเรามีความคิดชั่วร้ายในหัวใจของเรา
 
 
การล่วงประเวณีในหัวใจของเรา
 
พระเจ้าตรัสว่ามีการล่วงประเวณีในหัวใจของมนุษย์ทุกคน ท่านเห็นด้วยหรือไม่? ท่านยอมรับหรือไม่ว่าท่านมีการล่วงประเวณีอยู่ในใจของท่าน? ใช่แล้วมีการล่วงประเวณีอยู่ในใจของมนุษย์ทุกคน
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการขายบริการและการล่วงละเมิดทางเพศจึงเติบโตขึ้นในสังคมของเรา มันเป็นหนทางที่แน่นอนที่จะทำเงินได้ในทุกยุคทุกสมัยในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ธุรกิจอื่นๆอาจจะได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ธุรกิจสกปรกพวกนี้ไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก เนื่องจากมีการร่วมประเวณีอยู่ในใจของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว
 
 
ผลของคนบาปคือบาป
 
มนุษย์เรานั้นเปรียบเทียบได้กับอะไร?
ต้นไม้ที่ให้ผลของบาปเพียงเท่านั้น
 
เราผู้ที่เกิดมาพร้อมกับบาปทั้ง 12 ชนิดในหัวใจของเรา ก็จะให้ผลของบาปออกมาโดยไม่มีทางเลือกเหมือนกับต้นแอปเปิ้ลก็ให้ผลเป็นรูปแอปเปิ้ล ต้นแพร์ก็ให้ผลเป็นลูกแพร์ ต้นอินทผาลัมก็ให้ผลเป็นอินทผาลัม และต้นพลับก็ให้ผลเป็นลูกพลับเช่นกัน
พระเยซูตรัสว่าสิ่งที่ออกมาจากจิตใจมนุษย์นั่นแหละ ที่ทำให้เขาหรือเธอเป็นมลทิน ท่านเห็นด้วยหรือไม่? เราเพียงแต่เห็นด้วยกับพระวจนะของพระเยซูและก็กล่าวว่า “ใช่แล้ว พวกเราเป็นเชื้อสายของคนบาป คนทำชั่ว ใช่แล้วพระองค์ถูกต้องแล้ว พระองค์เจ้าข้า” ใช่แล้วเราต้องยอมรับความจริงของตัวเราเองต่อพระพักตร์พระเจ้า
เช่นกันกับที่พระเยซูทรงเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเจ้า เราก็จะต้องยอมรับพระวจนะของพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์ มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะรอดจากบาปของเราได้โดยน้ำและพระวิญญาณ นี่คือของประทานจากพระเจ้า
ประเทศของผมได้รับพระพรให้มีฤดูกาลที่สวยงามอยู่สี่ฤดูกาล เมื่อฤดูกาลต่างๆผ่านไปต้นไม้หลากหลายชนิดต่างก็ติดดอกออกผลสวย งาม ในทางเดียวกันนั้น บาปทั้งสิบสองชนิดในหัวใจของเราที่ได้เกาะกุมเราไว้ และค่อยๆนำเราไปสู่การทำบาป วันนี้มันอาจจะเป็นการฆาตกรรมที่ได้กุมหัวใจของเราไว้ วันพรุ่งนี้มันก็อาจจะเป็นการร่วมประเวณีก็ได้
และในวันถัดไปก็จะมีความคิดชั่วร้าย การผิดประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จและอื่นๆอีกต่อไป เรายังคงทำบาปกันต่อไปตลอดทั้งปี ทุกเดือน ทุกวัน ทุกชั่วโมง แต่ละวันที่ผ่านไปไม่ใช่เป็นวันที่เราไม่ได้ทำบาปแม้แต่อย่างเดียว เรายังคงสาบานให้อยู่ห่างจากบาปแต่เราก็ปรับทำบาปโดยไม่มีทางเลือกเนื่องจากเราเกิดมาบนหนทางนี้แล้ว
ฉันเคยเห็นต้นแอปเปิ้ลที่ไม่ออกผลเป็นแอปเปิ้ลเพราะว่ามันไปต้องการไหม?  “ฉันไม่อยากออกลูกเป็นแอปเปิ้ล!” ถึงแม้ว่ามันตัดสินใจที่จะไม่ออกลูกมาเป็นแอบเปิ้ล แต่มันก็จะไม่ออกผลเป็นแอปเปิ้ลได้อย่างไร? ดอกไม้จะบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ แอปเปิ้ลจะเจริญเติบโตและสุกในฤดูร้อน และมันก็พร้อมที่จะให้เก็บและกินได้ในฤดูใบไม้ร่วง
นี่เป็นระบบธรรมชาติและชีวิตของคนบาปที่เจ้าที่ต้องเจริญรอยตามระบบธรรมชาติ คนบาปจึงต้องออกผลของบาปออกมาโดยไม่มีทางเลือก
 
 

‘บัพติศมาและไม้กางเขนของพระเยซู’ ถูกนำไปใช้เพื่อไถ่บาปของเรา

 
การไถ่โดยพระเยซูนั้น หมายความว่าอะไร?  
มันคือการจ่ายค่าจ้างของบาปโดยบัพติศมาของพระเยซู (การวางมือ) และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
 
 เราลองมาอ่านข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิลกัน เพื่อให้พบว่าคนบาปผู้เป็นเชื้อสายของผู้กระทำการชั่วร้ายจะสามารถไถ่บาปของพวกเขาต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไรและมีชีวิตของพวกเขาอย่างมีความสุขได้อย่างไรนี่คือข่าวประเสริฐของการไถ่บาป  
 ในเลวีนิติบทที่ 4 ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าพลไพร่สามัญคนหนึ่งคนใดกระทำความผิดโดยมิได้เจตนาคือกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชามิให้เขากระทำ เขาก็มีความผิดเมื่อเขารู้ตัวว่ากระทำผิดดังนั้นแล้ว ก็ให้เขานำลูกแพะตัวเมียตัวหนึ่งซึ่งไม่มีตำหนิมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปที่เขาได้กระทำไปนั้น และเขาจะเอามือวางบนหัวของเครื่องบูชาไถ่บาป และฆ่าเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นในที่ที่เขาถวายเครื่องเผาบูชา ปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มเลือดแพะนั้นไปเจิมที่เชิงงอนของแท่นเครื่องเผาบูชา และเทเลือดส่วนที่เหลือลงที่ฐานของแท่นนั้น และเขาจะเอาไขมันออกเสียให้หมดอย่างที่เอาไขมันออกเสียจากเครื่องสันติบูชา และปุโรหิตจะเผาไขมันนั้นบนแท่น เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ และปุโรหิตจะทำการลบมลทินของเขาและเขาจะได้รับการอภัย“ เลวีนิติ 4:27-31)
ช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่านั้นประชาชนไถ่บาปของพวกเขาได้อย่างไร? พวกเขาวางมือลงบนหัวของเครื่องสังเวยบูชามาก่อน แล้วผ่านบาปของพวกเขาไปสู่มัน   
ได้มีบันทึกไว้ในเลวีนิติว่า “เมื่อคนใดในพวกท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระเยโฮวาห์ ให้นำสัตว์เลี้ยงอันเป็นเครื่องบูชาของท่านมาจากฝูงวัวหรือฝูงแพะแกะ ถ้าเครื่องบูชาของเขาเป็นเครื่องเผาบูชามาจากฝูงวัว ก็ให้เขานำสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ ให้เขานำเครื่องบูชานั้นมาที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมด้วยความเต็มใจต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ให้เขาเอามือวางบนหัวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชานั้น และเครื่องเผาบูชานั้นจะเป็นที่ทรงโปรดปรานเพื่อทำการลบมลทินของผู้นั้นแล้วให้เขาฆ่าวัวตัวผู้นั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ แล้วพวกปุโรหิต คือบุตรชายของอาโรน จะถวายเลือด และเอาเลือดมาประพรมที่แท่นและรอบแท่นบูชา ซึ่งอยู่ตรงประตูพลับพลาแห่งชุมนุม“ (เลวีนิติ 1:2-4)
 เมื่อคนในยุคนั้นได้ตระหนักถึงบาปในหัวใจของเขา เขาก็จะต้องเตรียมเครื่องสังเวยบูชาแบบที่จะใช้สำหรับไถ่บาปให้เขา เขาจะต้อง ’วาง มือของเขา’ลงที่หัวของเครื่องสังเวยบูชาเพื่อผ่านบาปที่เขาได้ทำไปไปสู่มัน ภายในลานของพระบริสุทธิ์นั้นมีแท่นเผาสังเวยบูชาอยู่ มันมีแบบเป็นคล้ายๆกล่องที่ใหญ่กว่าโต๊ะเรียนหนังสือหน่อยนึง และมันมีเชิงงอนในทุกๆมุม ประชา ชนชาวอิสราเอลไถ่บาปของพวกเขา ด้วยกันผ่านบาปของพวกเขาไปที่หัวของสัตว์สังเวยบูชาและเผาเนื้อของมันที่แท่นเผาสังเวยบูชา
 พระเจ้าตรัสต่อประชาชนในเลวีนิติว่า “ให้เขานำเครื่องบูชานั้นมาที่ประตูพลับพลา แห่งชุมนุมด้วยความเต็มใจต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ” บาปของพวกเขาได้ผ่านไปสู่เครื่องสังเวยบูชาบาปเมื่อพวกเขาได้วางมือลงบนหัวของมัน และจากนั้นคนบาปก็จะปาดคอของเครื่องสังเวยบูชาและเทเลือดลงที่เชิงงอนของแท่นเผาสังเวยบูชา
หลังจากนั้นร่างกายของเครื่องบูชา ก็จะถูกชำระให้สะอาดควักเอาตับไตไส้พุงออกมาและเนื้อของมันก็จะถูกตัดเป็นชิ้นๆและถูกเผาจนเป็นเถ้าที่แท่นเผาบูชา จากนั้นกลิ่นหอมของเนื้อก็จะส่งถวายไปสู่พระเจ้าเพื่อเป็นการไถ่บาปของพวกเขา นี่คือวิธีที่พวกเขาถ่ายบัตรประจำวันของพวกเขา
พระเจ้าทรงยอมให้มีการสังเวยบูชาไถ่บาปประจำปีสำหรับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง มันแตกต่างจากการสังเวยบูชาไถ่บาปประจำวัน ในกรณีนี้มหาปุโรหิตจะวางมือของเขาลงบนเครื่องสังเวยบูชาแทนประชาชนชาวอิสราเอลและเขาก็จะประพรมเลือดทางทิศตะวันออกของพระที่นั่งกรุณาเจ็ดครั้ง เช่นเดียวกันนี้การวางมือของเขาลงบนหัวของแพะที่มีชีวิตอยู่ นั้นก็จะต้องทำต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอลในวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด ในทุกๆปี (เลวีนิติ 16:5-27)
 
ใครเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องบูชา ไถ่บาปของพันธสัญญาฉบับเก่า?
พระเยซู คริสต์
 
 ตอนนี้เราลองมาดูกันว่า ระบบสังเวยบูชานั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในพันธสัญ ญาฉบับใหม่ และพระบัญญัติอันเป็นนิรันดร์ของพระเจ้ายังคงอยู่อย่างมั่นคงมาได้หลายปีได้อย่างไร
ทำไมพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน? พระองค์ทรงทำอะไรผิดบนโลกนี้จนพระเจ้าจึงต้องให้พระบุตรของพระองค์ต้องสิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขน? ให้บังคับองค์ให้ต้องสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน? เมื่อคนบาปทั้งหมดของโลกนี้ซึ่งหมายถึงเราทุกคนได้ตกลงไปสู่บาป พระเยซูก็จึงเสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราให้รอด
พระองค์ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดนและทรงรับการลงโทษบนไม้กางเขนเพื่อบาปทั้งหมดของมนุษย์  วิธีที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาและวิธีที่พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนนั้นเป็นเหมือนเหมือนกับการสังเวยบูชาไถ่บาปในพันธสัญญาฉบับเก่า คือการวางมือลงบนเครื่องสังเวยบูชาบาปและการหลั่งโลหิตของมัน
นี่เป็นวิธีที่มันได้ทำในพันธสัญญาฉบับเก่า คนบาปได้วางมือของพวกเขา ลงบนเครื่องบูชาบาปและสารภาพบาปของเขาโดยกล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้าข้าพระองค์ทำบาป ข้าพระ องค์ทำการฆาตกรรมและผิดประเวณี” จากนั้นบาปของเขาก็ได้ผ่านไปสู่สัตว์สังเวยบูชาบาป
 เหมือนกับที่ผู้มีบาปได้ปาดคอของเครื่องสังเวยบูชาและถวายมันให้แก่พระเจ้า ที่พระเยซูก็ทรงถูกถวายในวิธีเดียวกัน เพื่อที่จะไถ่บาปทั้งหมดของเรา พระเยซูทรงรับบัพติศมาและหลังโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้รอดและทรงไถ่บาปทั้งหมดของเราโดยการชำระให้บริสุทธิ์ของพระ องค์เอง
 ในความจริงพระเยซูสิ้นพระชนม์เพราะเรา ความหมายของการสังเวยบูชาสัตว์สังเวยบูชาที่ไม่มีตำหนิเหล่านั้นไปเป็นเครื่องบูชาบาปของประชาชนทั้งหมดล่ะ? สัตว์นั้นรู้ไหมว่าบาปอะไร? สัตว์เหล่านั้นไม่รู้จักบาปเลย แต่พวกมันจะต้องไม่มีตำหนิ
 เหมือนกับสัตว์เหล่านั้นที่จะต้องไม่มีตำหนิอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นพระเยซูก็ไม่มีบาปเช่นกัน พระองค์คือพระเจ้า คือพระบุตรของพระเจ้า และพระองค์ไม่เคยทำบาป ดังนั้นพระองค์ทรงรับเอาบัตรทั้งหมดของเราไปโดยบัปติศมาของพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดนเมื่อตอนที่พระองค์มีพระชนม์ได้ 30 ปี
 พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพราะบาปที่พระองค์ทรงรับจากเรา มันเป็นพันธกิจสำหรับความรอดของพระองค์ที่ได้ชำระบาปทั้งหมดของมนุษยชาติออกไป
 
 
จุดเริ่มต้นของข่าวประเสริฐของการไถ่บาป
 
ทำไมพระเยซูจึงรับบัพติศมาจาก ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน?
เพื่อกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ
 
 ได้บันทึกไว้ในมัทธิวบทที่ 3 ว่า “แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า ‘ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?’ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์“ (มัทธิว 3:13-15)
 เราจะต้องรู้จักและเข้าใจว่า ทำไมพระเยซูทรงรับบัพติศมาเมื่อตอนที่พระองค์มีพระชนม์ได้ 30 ปี พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อไถ่บาปทั้งหมดของประชาชนและเพื่อกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการของพระเจ้า พระเยซู คริสต์ พระองค์ผู้ไม่มีมลทิน ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา เพื่อช่วยมนุษยชาติทั้งหมดให้รอดจากบาปของพวกเขา
 พระองค์จึงทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป และทรงถวายพระองค์เองเพื่อไถ่บาปของมนุษยชาติทั้งหมด เราควรจะรู้ความจริงทั้งหมดและเชื่อมันเพื่อที่จะรอดจากบาป มันขึ้นอยู่กับเราแล้วที่จะเชื่อในความรอดของพระองค์และจะรอด
 บัพติศมาของพระเยซูหมายความว่าอย่างไร?  มันหมายความเหมือนกับการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่านั่นแหละ ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้นบาปของประชาชนทั้งหมดได้ผ่านไปสู่หัวของเครื่องบูชาไถ่บาปด้วยการวางมือของมหาปุโรหิต คล้ายกันนั้นในพันธสัญญาฉบับใหม่ พระเยซูได้ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไว้ด้วยการแสดงพระองค์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
 ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดามนุษยชาติทั้งหลาย เขาเป็นตัว แทนของมนุษยชาติที่ได้รับการบวชจากพระเจ้า ตามที่เป็นผู้แทนของมนุษยชาติ และเป็นมหาปุโรหิตของมนุษย์ทั้งหมด เขาจึงวางมือของเขาลงบนพระเยซูและผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระองค์ ‘บัพติศมา’ มีความหมายถึง’การผ่าน, การฝัง และการชำระ’
ท่านรู้ไหมว่าทำไมพระเยซูเสด็จมายังโลกนี้และทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา? ท่านเชื่อในพระเยซูโดยรู้จักความหมายของบัพติศมาของพระองค์ไหม? บัพติศมาของพระเยซูเป็นการรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป บาปที่เราผู้เป็นเชื้อสายของผู้กระทำความชั่วร้ายได้กระ ทำโดยเนื้อหนังของเราตลอดชีวิตทั้งชีวิตของเรา ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาให้บัพติศมาแก่พระเยซูเพื่อกระทำตามสิ่งชอบทำให้สมบูรณ์ เพื่อทำข่าวประเสริฐของการชำระบาปดั้งเดิมให้สมบูรณ์  
ในมัทธิว 3:13-17 มันเริ่มต้นกล่าวว่า ‘เพราะสมควรแล้ว’ และมันหมายความถึงเวลาที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาด้วย เป็นเวลาที่บาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระองค์
‘เพราะสมควรแล้ว’ ที่พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของมนุษยชาติไป สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนหลังจากสามปี และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม เพื่อที่จะชำระบาปทั้งหมดของโลกนี้พระองค์จึงรับบัพติศมาเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้ง หมด พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปและทรงช่วยให้คนทั้งหลายที่ต้องการที่จะได้ รับการไถ่บาปของพวกเขาให้รอดต่อพระพักตร์พระเจ้าเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด
ทำไมพระเยซูทรงต้องรับบัพติศมา? ทำไมพระองค์ทรงต้องสวมมงกุฎหนามและได้ รับการพิพากษาที่ลานปิลาจเช่นเดียวกับฆาตกรทั่วไปด้วยเล่า? ทำไมพระองค์จะต้องถูกตรึงบนไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตจนสิ้นพระชนม์? เหตุผลสำหรับทุกสิ่งอย่างนั้นก็เป็นเพราะว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป บาปของท่านและบาปของผมไปไว้ที่พระองค์เองโดยบัพติศมาของพระองค์ พระองค์จึงต้องสิ้นพระชนม์บนไม้กาง เขนเพื่อบาปของเรา
เราจะต้องเชื่อในพระวจนะของความรอด ที่พระเจ้าประทานมาให้เราและยินดีไปกับพระองค์ หากไม่มีบัพติศมาของพระเยซู  ไม้กางเขนของพระองค์ และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์แล้ว มันก็จะไม่มีความรอดสำหรับเรา
เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป พระองค์ได้ทรงชำระบาปของเราไปด้วย และทรงช่วยเรา ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของความรอดของพระ องค์ ยังมีคนที่คิดว่า “พระเยซูทรงรับเอาไปแต่เพียงแบบดั้งเดิมเท่านั้นไม่ใช่หรือ?” แต่พวกเขาผิดแล้วล่ะ
มันบันทึกไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดเมื่อตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา บาปทั้งหมดของเรา รวมทั้งบาปดั้งเดิมด้วย ก็ได้ถูกชำระออกไปเช่นกัน พระเยซูทรงกล่าวในมัทธิว  3:15 ว่า “ เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” เพื่อกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการนั้นหมายความว่าบาปทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้นได้เอาออกไปแล้วจากเราแล้ว
พระเยซูทรงชำระบาปตลอดชีวิตของเราไปเช่นกันใช่ไหม? ใช่ พระองค์ทรงรับไปด้วย ลองให้เราไปหาข้อพิสูจของมันกันในเลวีนิติก่อนมันบอกเราเกี่ยวกับมหาปุโรหิตและการสังเวยบูชาของวันของการไถ่บาป
 
 
การชำระของไถ่บาปประจำปีของชาวอิสราเอลทั้งหมด
 
ชาวอิสราเอลทั้งหลายจะสามารถได้รับ การชำระให้บริสุทธิ์ครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดได้ โดยเครื่องบูชาไถ่บาปทางโลกได้ไหม?
ไม่มีทางได้เลย
 
“และอาโรนจะถวายวัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของตนเอง และจะทำการลบมลทินบาปตนเองและครอบครัวของตน แล้วเขาจะนำแพะสองตัวนั้นไปถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมและอาโรนจะจับสลากแพะสองตัวนั้น สลากหนึ่งตกเป็นของพระเยโฮวาห์ และอีกสลากหนึ่งเพื่อแพะรับบาปแพะตัวที่สลากตกเป็นของพระเยโฮวาห์นั้น อาโรนจะนำมาถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแต่แพะอีกตัวหนึ่งซึ่งสลากตกเพื่อเป็นแพะรับบาปนั้น จะนำถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์เป็นสัตว์เป็น เพื่อทำการลบมลทินบาปให้ตกที่มัน แล้วจะได้เอามันไปปล่อยเสียในถิ่นทุรกันดารเป็นแพะรับบาป“ (เลวีนิติ 16:6-10) ตรงนี้เองที่อาโรนได้นำเอาแพะทั้งสองตัวไปไว้ที่ประตูพลับพลาของที่ประชุมเพื่อไถ่บาปประจำปีของชาวอิสราเอล
 “และอาโรนจะจับสลากแพะสองตัวนั้น สลากหนึ่งตกเป็นของพระเยโฮวาห์ และอีกสลากหนึ่งเพื่อแพะรับบาป“
 การชำระให้บริสุทธิ์ด้วยสัตว์นั้นมีความจำเป็นต่อกฎของการไถ่บาปสำหรับบาปประ จำวัน เพื่อที่จะผ่านบาปของคนบาปไปด้วยการวางมือลงบนหัวของเครื่องบูชา แต่สำหรัลบาปประจำปีของชาวอิสราเอลนั้น มหาปุโรหิตผู้เป็นตัวแทนของประชาชนทั้งหมด ก็จะผ่านบาปประจำปีไปสู่เครื่องบูชาไถ่บาปในวันที่สอบของเดือนที่เจ็ดในทุกๆปี
ในเลวีนิติ 16:29-31 บันทึกไว้ว่า “ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลายว่า ในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าต้องถ่อมใจลง ไม่กระทำการงานสิ่งใด ทั้งตัวชาวเมืองเองหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางเจ้า เพราะว่าในวันนั้นปุโรหิตจะกระทำการลบมลทินบาปของเจ้า และชำระเจ้า เจ้าจะสะอาดต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ พ้นจากบาปทั้งสิ้นของเจ้า เป็นวันสะบาโตให้เจ้าทั้งหลายหยุดพักสงบ และเจ้าต้องถ่อมใจลง ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดไป“ (เลวีนิติ 16:29-31) 
ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้น จะมีการนำเครื่องบูชาไถ่บาปประจำวันมา และผ่านบาปของพวกเขาไปที่หัวของมันพร้อมกับสารภาพว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้กระทำบาปเช่น นั้นและบาปเช่นนี้ ได้โปรดยกโทษบาปให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด” จากนั้นเขาก็จะปาดคอของเครื่องบูชาไถ่บาปแล้วมอบเลือดของมันให้แก่ปุโรหิตแล้วก็กลับบ้านไป ด้วยการตระหนักว่าตอนนี้เขาเป็นอิสระจากบาปของเขาแล้ว ดังนั้นเครื่องบูชาไถ่บาปจึงตายเพื่อคนบาปทั้งหลายพร้อมกับบาปอยู่บนหัวของมัน สัตวบูชานั้นถูกฆ่าแทนผู้มีบาป เครื่องบูชาใถ่บาปจะสามารถเป็นแกะ แพะ ลูกวัว หรือวัวได้ นั่นคือหนึ่งในสัตวบูชาที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้
พระเจ้าในความเมตตาที่ไม่มีสิ้นสุดของพระองค์ได้ทรงยอมให้ชีวิตของสัตว์ได้มาเป็นเครื่องถวายแทนคนบาปที่จะต้องตายเพื่อบาปของเขาหรือเธอได้
ในพิธีนี้ในพันธสัญญาฉบับเก่าคนบาปทั้งหลายสามารถไถ่บาปของพวกเขาได้โดยการชำระให้บริสุทธิ์ โดยการชำระของการไถ่บาป การล่วงละเมิดของคนบาปทั้งหลายจึงได้ถ้าได้ผ่านไปสู่เครื่องบูชาไถ่บาปด้วยการวางมือ และเลือดของมันก็ได้ถูกมอบหมายให้แก่ปุโรหิตเพื่อไถ่บาปให้ กับคนบาป
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไถ่บาปในทุกๆวัน ด้วยเหตุนี้พระเจ้าทรงยอมให้มหาปุโรหิตได้ไถ่บาปตลอดทั้งปีได้ ในทุกๆปีในวันที่สอบของเดือนที่เจ็ดแทนประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด
จากนั้นอะไรคือบทบาทของมหาปุโรหิตในวันของการไถ่บาปล่ะ? อันดับแรก มหาปุโรหิตอาโรนวางมือของเขาลงบนเครื่องบูชาไถ่บาป แล้วทำการสารภาพบาปทั้งหลายของประ ชาชนว่า “พระองค์เจ้าข้า ประชาชนชาวอิสราเอลได้ทำบาปเช่นนั้นแบบต่างๆเช่น การฆาตกรรม การผิดประเวณี การรับขโมย การเป็นพยานเท็จ การหมิ่นประมาทเป็นต้น”
จากนั้น เขาก็ปาดคอของเครื่องบูชาไถ่บาป และนำเอาเลือดของมันไปและประพรมเลือดนั้นเจ็ดครั้งตรงพระที่นั่งกรุณาภายในสถานบริสุทธิ์ (ในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น เลข 7 นั้นมีความหมายถึงว่าเป็นเลขที่สมบูรณ์)  
มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะผ่านบาปประจำปีของประชาชนไปสู่หัวของเครื่องบูชาไทยบาปแทนพวกเขา และเพื่อบูชาไถ่บาปก็เป็นตัวแทน ที่ถูกชำระให้บริสุทธิ์
เพราะว่าพระเจ้าทรงเที่ยงธรรม เพื่อที่จะช่วยประชาชนให้รอดจากบาปของพวกเขา พระองค์ทรงยอมให้เครื่องบูชาไถ่บาปได้ตายในที่ของประชาชน เพราะพระเจ้าทรงมีพระเมตตาอย่างแท้จริง พระองค์จึงทรงยอมให้ประชาชนได้ถวายชีวิตของสัตวบูชาแทนพวกเขา แล้วมหาปุโรหิตก็ประพรมเลือดทางทิศตะวันออกของพระที่นั่งกรุณา และจึงได้ไถ่บาปทั้งหมดของประ ชาชนในช่วงปีที่ผ่านมา ในวันของการไถ่บาปคือวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด
 
ใครคือพระเมฆโปดกตามพันธสัญญาฉบับเก่า?
พระเยซูผู้ที่ปราศจากมลทิน
 
มหาปุโรหิตจะต้องถวายแพะ 2 ตัวในวันของการไถ่บาปของชาวอิสราเอล  หนึ่งในนั้นถูกเรียกว่าแพะรับบาป ที่หมายถึง ‘ที่จะนำออกไป’ ในเวธีเดียวกันนั้น แพะรับบาปของพันธสัญญาฉบับใหม่ก็คือพระเยซู คริสต์ “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์“ (ยอห์น 3:16)  
พระเจ้าประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มาให้เราเป็นพระเมษโปดก ตามที่ทรงเป็นพระเมษโปดกของมนุษยชาติทั้งหมด พระ องค์จึงทรงรับบัพติศมาจัดยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด เป็นพระเมสสิอาห์ของโลกนี้ พระเยซูหมายถึง ‘พระองค์ผู้ช่วยให้รอด’ และพระคริสต์หมายถึง ‘กษัตริย์ที่ถูกเจิม’ ดังนั้นพระเยซู คริสต์จึงหมายถึง ‘พระบุตรของพระเจ้าผู้เสด็จมาช่วยเราทั้งหมดให้รอด’
พระเยซู คริสต์ เสด็จมายังโลกนี้เมื่อกว่าสองพันปีมาแล้ว เพื่อรับบัพติศมา และหลั่งโลหิตของพระองค์จนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อทำข่าวประเสริฐของการไถ่บาปให้สมบูรณ์เพื่อบาปทั้งหมดของเรา ก็เหมือนกับที่บาปประจำปีของประชาชนชาวอิสราเอลได้รับการไถ่ในวันของการไถ่บาปในพันธสัญญาฉบับเก่า
ในจุดนี้ เราลองมาอ่านข้อความในเลวีนิติกัน “และอาโรนจะเอามือทั้งสองวางบนหัวแพะที่มีชีวิตนั้น และกล่าวคำสารภาพบรรดาความชั่วช้าของคนอิสราเอล และการละเมิดทั้งหมด และบาปทั้งสิ้นให้ตกลงบนหัวแพะนั้น และให้คนที่เตรียมมือไว้พร้อมแล้วมานำแพะไปปล่อยเสียในถิ่นทุรกันดารแพะนั้นจะแบกความชั่วช้าทั้งหมดไปยังที่เปลี่ยว แล้วเขาก็ปล่อยให้แพะนั้นเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร“ (เลวีนิติ 16:21-22)
มันได้บันทึกไว้ว่า บาปทั้งหมดของประชาชนชาวอิสราเอลได้ผ่านไปสู่หัวของแพะตามที่มันได้กล่าวไว้ในเลเวีนิติ บทที่ 1 เช่นกันว่า ‘การละเมิดทั้งหมด’ ที่หมายความถึงบาปที่พวกเขาได้กระทำในหัวใจของพวกเขาและโดยเนื้อหนังของพวกเขา และ’การละเมิดทั้งหมด’ ได้ส่งไปสู่หัวของเครื่องบูชาไถ่บาปด้วยการวางมือของมหาปุโรหิตนั่นเอง
 
 
โดยพระบัญญัติของพระเจ้า เราจะต้องตระหนักรู้ถึงบาปของเราทั้งหมดอย่างแท้จริง  
พระเจ้าประทานพระบัญญัติมาให้เราทำไม?
เพื่อประทานการตระหนักถึงบาปมาให้เรา   
 
 พระบัญญัติของพระเจ้านั้นมี 613 ข้อ ในความเป็นจริง เมื่อเราคิดถึงมัน เราได้ทำสิ่งที่พระองค์ทรงบอกเราว่าไม่ให้ทำและไม่ทำสิ่งที่พระองค์ทรงบอกเราให้ทำ
 ดังนั้น เราเป็นคนบาป มันได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่าพระเจ้าประทานพระบัญญัติมาให้เราเพื่อที่จะให้เราได้ตระหนักถึงบาปของเรา (โรม 3:20) สิ่งนี้หมายความว่าพระองค์ประทานกฎของพระบัญญัติมาเพื่อสอนเราว่าเราเป็นคนบาป พระองค์ไม่ได้ประทานมันมาให้เราเพราะเราสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้เพราะมัน แต่เพื่อให้เราได้ตระหนักถึงบาปของเรา
พระองค์ไม่ได้ประทานพระบัญญัติของพระองค์มาให้เรารักษา ท่านคาดหวังไม่ได้ว่าสุนัขจะอยู่เหมือนกับมนุษย์ ในวิธีเดียวกันนี้ เราไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้โดยพระบัญญัติของพระเจ้า แต่สามารถตระหนักได้ถึงบาปของเราได้โดยพระบัญญัติของพระองค์
พระเจ้าประทานมันมาให้เราเพราะว่าเราเป็นกองบาป แต่เราไม่ได้ตระหนักถึงขนาดของมัน “ท่านเป็นฆาตรกร เป็นชู้ เป็นคนทำชั่ว” พระเจ้าทรงบอกเราอย่างขัดแย้งกันผ่านพระบัญญัติ พระองค์ทรงบอกเราไม่ให้ฆ่า แต่เราก็ฆ่าแม้จะเป็นในหัวใจของเราที่ไม่ใช่ทางกายก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เพราะว่ามันบันทึกเอาไว้ในพระบัญญัติที่เราไม่ควรจะฆ่า เราก็รู้ว่าเราเป็นฆาตรกรโดยกล่าวว่า “อาห์ ฉันยังเด็กนัก ฉันเป็นคนบาปเพราะฉันทำบางสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ฉันได้ทำบาป”
เพื่อที่จะช่วยประชาชนชาวอิสราเอลให้รอดจากบาป พระเจ้าจึงทรงยอมให้อาโรนให้ถวายเครื่องบูชาไถ่บาปในพันธสัญญาฉบับเก่าและอาโรนนั้นเองก็เป็นผู้ที่ไถ่บาปให้กับผู้คนปีละครั้ง  
ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้นได้มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปต่อพระเจ้าในวันของการไถ่บาป ตัวหนึ่งถวายต่อพระพักตร์พระเจ้า ในขณะที่อีกตัวหนึ่งได้ถูกส่งไปยังถิ่นทุรกันดารหลังจากวางมือแล้ว มันจึงได้รับเอามาประจำปีของผู้คนไป ก่อนที่แพะจะถูกส่งออกไปยังถิ่นทุรกันดารโดยมือของคนที่ถูกเลือกแล้วนั้น มหาปุโรหิตจะวางมือของเขาลงที่หัวของแพะที่มีชีวิตนั้นก่อน และสารภาพบาปของชาวอิสราเอลไป “พระองค์เจ้าข้า ผู้คนได้ฆ่า ทำผิดประเวณี ลักทรัพย์ นมัสการรูปเคารพ...เราได้ทำบาปต่อพระพักตร์พระองค์”
ดินแดนของปาเลสไตน์นั้นคือถิ่นทุรกันดาร แพะรับบาปถูกส่งต่อไปยังถิ่นทุรกันดารและก็ตายไปในท้ายที่สุด เมื่อมันถูกส่งออกไป ประชาชนชาวอิสราเอลก็มองหามันจนกระทั่งมันหายไปก็มองดูมันจนกระทั่งมันหายไปลับสายตา และเชื่อว่าบาปของพวกเขาก็หายไปกับแพะรับบาปด้วย ผู้คนได้รับสันติสุขทางจิตใจและแพะรับบาปก็ตายไปในถิ่นทุรกันดารเป็นประจำทุกปีเพื่อบาปของประชาชนทั้งหมด
ในกิริยาเดียวกันนี้ พระเจ้าทรงไถ่บาปทั้งหมดของเราให้โดยพระเมษโปดกของพระเจ้า พระเยซู คริสต์ ออกไปอย่างสมบูรณ์โดยบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
พระเยซูคือพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์คือพระบุตรของพระเจ้าผู้เสด็จมาช่วยมนุษยชาติทั้งหมดให้รอดจากบาป พระองค์คือผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงสร้างเราขึ้นมาตามแบบพระฉายของพระองค์และเสด็จลงมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราให้รอดจากบาป
ไม่เพียงแต่บาปประจำวันที่เราทำด้วยเนื้อหนังของเราเท่านั้นที่จะผ่านไปสู่พระเยซู แต่ยังมีบาปในอนาคตของเราและบาปของหัวใจและเนื้อหนังของเราอีกด้วยเช่นกัน ดังนั้นพระองค์จึงต้องรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพมาเพื่อทำความชอบธรรมของพระเจ้าให้สมบูรณ์ทั้งหมด เพื่อ ให้การไถ่บาปทั้งหมดของโลกนี้สมบูรณ์
สามปีก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงไม้กางเขน เมื่อตอนที่พระองค์ทรงเริ่มงานสาธารณะของพระองค์ในครั้งแรก พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้ง หมดของโลกนี้ไปด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน ความรอดของมนุษยชาติโดยการไถ่บาปเพื่อบาปทั้ง หมดของเรานั้นเริ่มต้นจากบัพติศมาของพระองค์ ที่แม่น้ำจอร์แดนจะมีจุดจุดหนึ่งที่อาจจะมีความลึกเพียงแค่เอว ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาวางมือของเขาลงที่พระเศียรของพระเยซูและจุ่มพระองค์ลงในน้ำ  การรับบัพติศมานี้เป็นเหมือนกับการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่า และมีผลเหมือนกันคือการผ่านบาปทั้งหมดไป
การจุ่มลงในน้ำนั้นหมายความถึงความตาย และการเสด็จขึ้นมาจากน้ำหมายความถึงการเป็นขึ้นมาจากความตาย ดังนั้น ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั้นที่พระเยซูได้ทรงเปิดเผยส่วนประกอบทั้งสามของพันธกิจของพระองค์และทรงทำให้มันสมบูรณ์แล้ว คือการรับเอาบาปทั้งหมดไป การถูกตรึงไม้กางเขน และการเป็นขึ้นมาจากความตาย
เรารอดได้หากเราเพียงเชื่อฟังพระวจนะที่พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดจากบาป พระเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะช่วยเราให้รอดโดยพระเยซูและพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่าได้สมบูรณ์แล้ว ด้วยการกระทำนี้พระเยซูทรงดำเนินไปสู่ไม้กางเขนพร้อมกับบาปทั้งหมดของเราบนพระเศียรของพระองค์
 
งานชนิดไหนที่เหลือให้เราทำหลังจากที่ พระเยซูทรงลบบาปทั้งหมดของเราแล้ว?
ทั้งหมดที่เราจะต้องทำก็คือมีความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า
 
ในยอห์น 1:29 ได้บันทึกไว้ว่า “วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า ‘จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย!’“  ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นพยานว่า “จงดู! พระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย!“ บาปทั้งหมดของมนุษยชาติได้ผ่านไปสู่พระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์ แดน จงเชื่อ! แล้วท่านก็จะได้รับพระพรของการไถ่บาปทั้งหมดของท่าน
เราจะต้องมีความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า เราจะต้องกำจัดความคิดของเราเอง และความดื้อรั้น และเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าที่บันทึกเอาไว้ เราจะต้องเชื่อโดยง่ายในความจริงที่ว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป
เพื่อที่จะกล่าวว่าพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป และเพื่อที่จะกล่าวว่าพระองค์ทรงกระทำตามสิ่งชอบธรรมของพระเจ้าทุกประการด้วยการไถ่บาปของเรานั้นเป็นสิ่งเดียวกัน ‘การวางมือ’และ’การรับบัพติศมา’ ก็มีความหมายเหมือนกันเช่นกัน
ไม่ว่าเราจะกล่าวว่า ‘ทั้งหมด’ ‘ทุกสิ่ง’ หรือ ‘ทั้งหมด’ มันก็มีความหมายเหมือนกัน ความหมายของคำว่า ‘การวางมือ’ ในพันธสัญญาฉบับเก่ายังคงเหมือนกันกับในพันธสัญญาฉบับใหม่ ยกเว้นคำว่า ‘บัพติศมา’ ได้นำมาใช้แทน
มันมาจากความจริงที่พระเยซูทรงรับบัพติศมา และทรงรับการพิพากษาบันไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปทั้งหมดของเรา เรารอดได้เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐดั้งเดิมนี้ เรารอดได้เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐดั้งเดิม
เมื่อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่าพระเยซูทรงรับเอา’บาปของโลกนี้’ไป (ยอห์น 1:29) บาปของโลกนี้หมายความว่าอะไร? มันหมายความว่าบาปทั้งหมดที่เราเกิดมาพร้อม นั่นคือ ความคิดชั่วร้าย, การลักขโมย, การล่วงประเวณี, การคิดร้าย, ความชั่วร้าย, การหมิ่นพระมาท, ความเย่อหยิ่ง และความโง่เขลาต่างก็อยู่ในจิตใจของเราทั้งหมด มันรวมทั้งการละเมิดและการฝ่าฝืนที่เรากระทำทั้งทางเนื้อหนังและในใจของเราด้วย
“เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซู คริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา“(โรม 6:23) “และถ้าไม่มีโ ลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย“ (ฮีบรู 9:22) ตามที่มันกล่าวในวรรคเหล่านี้ว่าบาปทั้งหมดได้จ่ายไปแล้ว พระเยซู คริสต์ทรงเสนอชีวิตของพระองค์เองและทรงจ่ายค่าจ้างของบาปเพื่อเราเพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด เพื่อช่วยมนุษยชาติให้รอดจากบาป
ดังนั้น เพื่อเป็นอิสระจากบาปทั้งหมดของเรา ทั้งหมดที่เราจะต้องทำก็คือเชื่อในข่าวประเสริฐดั้งเดิม คือบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์และความเป็นพระเจ้าของพระองค์
 
 
การไถ่บาปของวันพรุ่งนี้
 
เราต้องถวายเครื่องบูชา ไถ่บาปอยู่อีกไหม?
ไม่ต้องทำอีกแล้ว
 
บาปของวันพรุ่งนี้ วันมะรืนนี้ และที่เราจะทำกระทั่งวันที่เราตายไปต่างก็รวมกันใน ‘บาปของโลกนี้’ ด้วย เหมือนกับบาปของวันนี้ ของเมื่อวานนี้ และของวันก่อนเมื่อวานนี้ที่ต่างก็รวมเป็น ‘บาปของโลกนี้’ ด้วยเช่นกัน บาปของผู้คนตั้งแต่เกิดมาจนตายไปนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ ‘บาปของโลกนี้’ ทั้งหมด และบาปของโลกนี้นั้นได้ผ่านไปสู่พระเยซูอย่างแน่นอนโดยบัพติศมาของพระองค์ บาปทั้งหมดที่เราทำไปกระทั่งว่าที่เราตายไปก็ได้ถูกเอาออกไปจากเราแล้ว
เราต้องการเพียงแค่เชื่อในข่าวประเสริฐดั้งเดิมนี้ที่ได้บันทึกพระวจนะของพระเจ้าเอา ไว้ และเชื่อฟังความจริงที่จะรอด เราควรจะกำจัดความคิดของเราเองอออกไปเพื่อที่จะได้รับการชำระบาปของเราทั้งหมด ท่านอาจจะถามว่า “พระองค์ทรงรับเอาบาปที่ยังไม่ได้ทำไปได้อย่าง ไร?” แล้วผมก็จะถามกลับมา “พระเยซูควรจะเสด็จมายังโลกนี้ในทุกครั้งที่เราทำบาปและหลั่งพระโลหิตอีกครั้งอยู่เรื่อยๆอย่างนั้นหรือ?”  
มันมีกฏของการไถ่บาปของเราอยู่ภายในข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่ “และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย“(ฮีบรู 9:22) เมื่อบางคนต้องการที่จะได้รับการไถ่บาปของเขาในวันของพันธสัญญาฉบับเก่า เขาจะต้องผ่านบาปไปด้วยการวางมือของเขาลงบนเครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาไถ่บาปจะต้องตายเพื่อบาปของเขา
ในวิธีเดียวกันนี้ พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยมนุษยชาติทั้งหมด พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปของเรา และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนโดยตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม และตอนนี้ประทับอยู่ที่เบื้องพระหัตถ์ขวาของพระเจ้าอยู่ ดังนั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราตลอดกาล
เพื่อที่จะได้รับการลบความผิดบาปอย่างสมบูรณ์ เราจะต้องละทิ้งความคิดที่สับสนและละทิ้งคำสอนทางศาสนาที่บอกเราให้ลบบาปประจำ วันของเราด้วยการอธิษฐานกลับใจใหม่ทุกๆวัน เพื่อที่จะได้กำจัดบาปของมนุษยชาติออกไปนั้นจะต้องมีการชำระให้บริสุทธิ์อย่างถูกต้องตามหลัก เพียงครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด พระเจ้าในสวรรค์ทรงผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระบุตรของพระองค์เองโดยบัพติศมาของพระองค์และทรงถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อเรา ความรอดของเราสมบูรณ์ด้วยการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์
“แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา แน่ทีเดียวท่านได้แบกความระทมทุกข์ของเราทั้งหลาย และหอบความเศร้าโศกของเราไป กระนั้นเราทั้งหลายก็ยังถือว่าท่านถูกตี คือพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ ... และพระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน“  ในอิสยาห์ 53 มันได้กล่าวว่าการละเมิดและความชั่วช้าของโลกนี้ ของมนุษยชาติทั้งหมด ได้ผ่านไปสู่พระเยซู คริสต์แล้ว
ในพันธสัญญาฉบับใหม่ ในเอเฟซัส 1:4 ที่ได้บันทึกเอาไว้ว่า “พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก“ สิ่งนี้บอกเราว่าพระองค์ทรงเลือกเราในพระองค์ไว้ก่อนที่จะทรงสร้างโบก ก่อนที่โลกนี้จะถูกสร้างขึ้นมา พระเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะทำให้เราเป็นประชา ชนของพระองค์ เป็นคนชอบธรรมที่ไม่มีมลทิน ในพระคริสต์ ไม่ว่าเราเคยคิดเช่นใดมาก่อน แต่ตอนนี้จงเชื่อและเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า ที่เป็นพระวจนะของน้ำ พระโลหิต และพระวิญญาณ
พระเจ้าทรงบอกเราว่าพระเยซู คริสต์ ผู้เป็นเจ้าเมษโปดกของพระองค์ ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไปและทรงไถ่บาปทั้งหมดของมนุษยชาติทั้งหมด ในฮีบรูบทที่ 10 ได้บันทึกไว้ว่า “โดยเหตุที่พระราชบัญญัตินั้นได้เป็นแต่เงาของสิ่งดีที่จะมาภายหน้า มิใช่ตัวจริงของสิ่งนั้นทีเดียว พระราช บัญญัตินั้นจะใช้เครื่องบูชาที่เขาถวายทุกปีๆเสมอมากระทำให้ผู้ถวายสักการบูชานั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้“ (ฮีบรู 10:1)  
มันกล่าวตรงนี้ว่า เครื่องบูชาที่ได้ถวายในทุกๆปีเสมอมานั้น ไม่มีทางทำให้พวกเขาสมบูรณ์ได้ พระราชบัญญัตินั้นเป็นเงาของสิ่งดีที่กำลังจะมา และไม่ใช่ตัวจริงของสิ่งนั้นทีเดียว พระเยซู คริสต์ พระเมสสิอาห์ผู้เสด็จมาทำให้เราสมบูรณ์ครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด (เหมือนกับบาปประจำปีของชาวอิสราเอลที่ได้ไถ่ไปครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมด) ด้วยการรับบัพติศมาและถูกตรึงไม้กางเขนเพื่ไถ่บาปทั้งหมดของเรา
ดังนั้น พระเยซูทรงกล่าวในฮีบรู 10 ว่า “แล้วพระองค์จึงตรัสว่า ‘ดูเถิด ข้าพระองค์มาแล้ว โอ พระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์’ พระองค์ทรงยกเลิกระบบเดิมนั้นเสีย เพื่อจะทรงตั้งระบบใหม่ โดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซู คริสต์เพียงครั้งเดียวเท่านั้นฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติอยู่ทุกวันๆและนำเอาเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆ เครื่องบูชานั้นจะยกเอาความบาปไปเสียไม่ได้เลยฝ่ายพระองค์นี้ ครั้นทรงถวายเครื่องบูชาเพราะความบาปเพียงหนเดียวซึ่งใช้ได้เป็นนิตย์ ก็เสด็จประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าตั้งแต่นี้ไปพระองค์คอยอยู่จนถึงบรรดาศัตรูของพระองค์จะถูกปราบลงเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ เพราะว่าโดยการทรงถวายบูชาหนเดียว พระองค์ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ถูกชำระแล้วถึงที่สำเร็จเป็นนิตย์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงเป็นพยานให้แก่เราด้วย เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่า ‘นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับเขาทั้งหลายภายหลังสมัยนั้น’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ‘เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลายและจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป’ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป“ (ฮีบรู 10:9-18)
เราเชื่อว่าพระเยซูทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของโลกนี้โดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
 
 
ความรอดของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณที่ได้สลักไว้ในหัวใจและในจิตใจของเรา
 
เราเป็นคนชอบธรรมเพียงเพราะ เราไม่ได้ทำบาปอีกต่อไปใช่ไหม?
ไม่ใช่ เราเป็นคนชอบธรรมเพราะพระเยซูทรงรับ เอาบาปทั้งหมดของเราไปและเราเชื่อในพระองค์
 
 ท่านเชื่อในความรอดที่สมบูรณ์ของพระองค์ทั้งหมดไหม? -อาเมน- ท่านเชื่อฟังโดยความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าที่พระเยซู คริสต์เองทรงรับบัพติศมาและทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้รอดไหม? เราจะต้องมีความเชื่อในพระวจนะของพระองค์ เพื่อให้ได้เกิดใหม่ เรารอดจากบาปได้เมื่อเราเชื่อว่าพระเยซู คริสต์ทรงชําระบาปทั้งหมดของเราออกไปพร้อมกับบาปของโลกนี้โดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป
เราไม่มีทางที่จะไม่มีบาปได้ด้วยการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า แต่เราสามารถสมบูรณ์ได้โดยความเชื่อของเราในงานของพระองค์ พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ณ แม่น้ำจอร์แดน และทรงทุกข์ทรมานจากการพิพากษาและทรงรับการลงโทษเพราะบาปทั้งหมดของเราบนไม้กางเขน เราสามารถได้รับการไถ่บาปทั้งหมดของเราได้ และเป็นคนชอบธรรมได้ด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐนี้อย่างหมดหัวใจของเรา ท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม?
บัพติศมาของพระเยซู  การถูกตรึงบนไม้กางเขนและการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์นั้นเป็นการยกความผิดบาปทั้งหมดของมนุษยชาติและเป็นกฎของความรอดที่ขึ้นที่ตั้งอยู่บนความรักของพระเจ้าที่ไม่มีสิ้นสุดและไม่มีเงื่อนไข พระเจ้าทรงรักเราตามที่เราเป็นและพระ องค์ทรงเที่ยงธรรม ดังนั้นพระองค์ทรงทำให้เราเป็นคนชอบธรรมก่อน พระองค์ทรงทำให้เราเป็นคนชอบธรรมด้วยการผ่านบาปทั้งหมดของเรามาสู่พระเยซูโดยการรับบัพติศมาของพระองค์
พระองค์ทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์ พระเยซู เสด็จมายังโลกนี้เพื่อชำระบาปทั้งหมดของเรา พระองค์ทรงยอมให้พระเยซูรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป โดยการรับบัพติศมาของพระองค์ และจากนั้นก็ผ่านการพิพากษาไปสู่พระบุตรของพระองค์เพื่อบาปทั้ง หมดของเรา พระองค์ทรงทำให้เราเป็นบุตรอันชอบธรรมของพระองค์โดยความรอดของน้ำและพระโลหิต
ได้บันทึกไว้ในฮีบรู 10:16 ว่า “เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย“
ในหัวใจและจิตใจของเรา เราเป็นคนบาปต่อพระพักตร์พระเจ้าหรือเราเป็นคนชอบธรรม? หากเรามีความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าเราเป็นคนชอบธรรม พระเยซูคริสต์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปและทรงรับการพิพากษาเพื่อมัน พระเยซู คริสต์ คือผู้ช่วยให้รอดของเรา ท่านอาจจะคิดว่า “เพราะว่าเราทำบาปทุกๆวัน แล้วเราจะเป็นคนชอบทำได้อย่างไร? เราเป็นคนบาปอย่างแน่นอน” แต่เมื่อเราเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าเหมือนกับที่พระเยซู คริสต์ทรงเชื่อฟังพระบิดา เราก็จะเป็นคนชอบธรรม
แน่นอนว่าผมได้กล่าวมาก่อนนี้ว่าเรามีบาปในหัวใจของเราก่อนที่เราจะเกิดใหม่ แต่หลังจากที่เรารับเอาข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปเข้าสู่หัวใจของเรา เราก็รอดจากบาปทั้ง หมดของเรา เมื่อเราไม่รู้จักข่าวประเสริฐเราก็เป็นคนบาป แต่เราเป็นคนชอบธรรมเมื่อเราเริ่มต้นที่จะเชื่อในความรอดของพระเยซู และเป็นบุตรของพระเจ้าที่ชอบธรรม นี่คือความเชื่อของการเป็นคนชอบธรรมที่อัครสาวกเปาโล ได้กล่าวถึงความเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปทำให้เราเป็น’คนชอบธรรม’
ไม่เพียงแต่อัครสาวกเปาโลหรือว่าอับราฮัมหรือบรรพบุรุษของความเชื่อทั้งหลายที่ต่างก็มีความชอบธรรมด้วยการทำงานของพวกเขาเองเท่านั้น แต่พวกเขายังมีความความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า ที่เป็นพระวจนะของพระพรของการได้รับการยกความผิดบาปของพระองค์ด้วย  
ในฮีบรู 10:18 “ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป“ เหมือนกับที่ได้บันทึกไว้เลย ที่พระเจ้าทรงช่วยเราเพื่อที่เราจะไม่ต้องตายไปเพราะบาปของเราอีก ท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม? -อาเมน-
ในฟีลิปปี 2 “ท่านจงมีน้ำใจอย่างนี้ เหมือนอย่างที่พระเยซู คริสต์ทรงมีด้วย พระองค์ผู้ทรงอยู่ในสภาพพระเจ้ามิได้ทรงเห็นว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นการแย่งชิงเอาไปเสีย แต่ได้ทรงกระทำพระองค์เองให้ไม่มีชื่อเสียงใดๆ และทรงรับสภาพอย่างผู้รับใช้ ทรงถือกำเนิดในลักษณะของมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระ องค์ขึ้นอย่างสูงที่สุดด้วย และได้ทรงประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ เพื่อ ‘หัวเข่าทุกหัวเข่า’ ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดี ใต้พื้นแผ่นดินโลกก็ดี ‘จะต้องคุกกราบลง’ นมัสการในพระนามแห่งพระเยซูนั้น  และเพื่อ ‘ลิ้นทุกลิ้นจะยอมรับ’ ว่าพระเยซู คริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา“ (ฟีลิปปี 2:5-11)
พระเยซู คริสต์ ทรงเป็นแสงสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้าและทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ (ฮับรู 1:3) ไม่ได้ทรงไล่ตามชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์ พระองค์กลับรับเอาพิมพ์ของคนรับใช้มา และเสด็จมาเป็นดั่งมนุษย์ทั่วไปแทน พระองค์ทรงถ่อมตัวและทรงเชื่อฟังไปถึงจุดของความตายเพื่อช่วยเราให้รอด
ดังนั้น เราสรรเสริญพระเยซูว่า “พระองค์คือพระเจ้าของเรา คือพระองค์ผู้ช่วยให้รอดและกษัตริย์” เหตุผลที่เราสรรเสริญพระเจ้าและสรรเสริญพระเยซูก็คือพระเยซูทรงเชื่อฟังน้ำพระ ทัยของพระบิดาของพระองค์ไปจนถึงที่สุด หากพระองค์ไม่เชื่อฟังแล้วเราก็จะไม่ได้สรรเสริญพระบุตรของพระเจ้าอยู่ในตอนนี้ แต่เพราะว่าพระบุตรของพระเจ้าทรงเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระบิดาของพระองค์ ไปจนถึงจุดของความตาย สรรพสิ่งทั้งหลายและประชาชนทั้งหมดในโลกนี้จึงสรรเสริญพระองค์และจะทำเช่นนั้นไปตลอดกาล
พระเยซู คริสต์ทรงเป็นพระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป แล้วมันได้บันทึกเอาไว้ว่าพระองค์ทรงรับเอามันไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปกว่าสองพันปีแล้วหลังจากที่พระองค์ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไป ท่านและผมกำลังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ตั้งแต่ตอนที่เราเกิดมาและบาปทั้งหมดของเราก็ได้รวมกันอยู่ในบาปของโลกนี้ด้วย
 
เราจะเป็นคนบาปไหม หากเราทำบาปในวันพรุ่งนี้?
ไม่ เพราะว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมด ของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเราไปหมดแล้ว
 
 หากไม่แยกบาปดั้งเดิมออกจากการละเมิดตลอดชีวิตของเราเองแล้ว เราไม่ได้ทำบาปมาตั้งแต่ที่เราเกิดมาเลยหรือ? ใช่ เราทำ -
 พระเยซูทรงทราบว่า เราจะทำบาปตั้งแต่วันที่เราเกิดมา จนกระทั่งวันที่เราตายไป ดังนั้นพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้ท่านเข้าใจมันแล้วใช่ไหม? หากเรามีชีวิตอยู่ไปจนกระทั่งอายุ 70 ปี บาปของเราก็คงจะมีเกินกว่าร้อยคันรถบรรทุกเลยทีเดียว แต่พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปแล้วเพียงครั้งเดียวโดยบัพติศมาของพระองค์และทรงแบกมันไปพร้อมกับพระองค์บนไม้กางเขน
หากพระเยซูทรงรับเอาไปแต่เพียงบาปดั้งเดิมของเรา เราก็จะต้องตายและตกนรกไปโดยทั้งหมด หากแม้ว่าเรารู้สึกว่าพระองค์ไม่สามารถที่จะรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปได้ มันก็จะไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าพระเยซูทรงลบบาปทั้งหมดของเราออกไปแล้ว
เราทำบาปได้เท่าใดในโลกนี้? บาปทั้งหมดที่เราได้ทำนั้นรวมเป็นบาปรวมอยู่ในบาปของโลกนี้ด้วย
เมื่อพระเยซูทรงบอกยอห์นให้บัพติศมาแก่พระองค์ มันเป็นไปตามสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการอย่างแท้จริง พระเยซูทรงเป็นพยานต่อพระ องค์เองว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปแล้ว พระเจ้าทรงส่งคนรับใช้ของพระองค์มาก่อนพระเยซูและให้พระเยซูรับบัพติศมาจากเขา พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของมนุษยชาติไปด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้เป็นตัวแทนของมนุษยชาติ ด้วยการที่พระองค์ทรงก้มพระเศียรของพระองค์ต่อหน้าเขาเพื่อที่จะรับบัพติศมา
บาปทั้งหมดของเราตั้งแต่อายุ 20 ปีไปจนถึง 30 ปี จากอายุ 30 ปีไปจนถึง 40 ปี และต่อไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งบาปของลูกๆของเราต่างก็รวมอยู่ในบาปของโลกนี้ด้วยที่พระเยซูได้ทรงรับออกไปแล้ว โดยการรับบัพติศมาของพระองค์
ใครจะกล่าวได้ว่าบาปยังคงเหลืออยู่ในโลกนี้อยู่? พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไปแล้วและเราก็รอดทั้งหมดแล้วเมื่อเราเชื่อในหัวใจของเราโดยไม่มีเงาของความสงสัยใดๆในสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อไถ่บาปให้เรา จากบัพติศมาของพระองค์และการหลั่งพระโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์
ประชาชนส่วนใหญ่มีชีวิตของพวกเขาอย่างทุกข์ยาปด้วยการยึดติดอยู่กับความคิดของตัวเอง พูดถึงอยู่แต่กับชีวิตของตัวเองราวกับว่าชีวิตของพวกเขานั้นมีความสำคัญยิ่งนัก แต่ยังมีคนหลายๆคนผู้ที่มีชีวิตอยู่ที่ยากลำบากกว่านี้ ประชาชนมากมายมีชีวิตอยู่อย่างยากลำเค็ญผมก็เคยมีชีวิตเช่นนั้นมาก่อนที่ผมจะได้เกิดใหม่ ท่านจะไม่เข้าใจหรือยอมรับข่าวประเสริฐของการยกความ ผิดบาป ของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ได้อย่างไร?
 
 
ความรอดของผู้มีบาปทั้งหลายนั้นสมบูรณ์แล้ว
 
ทำไมพระเยซูทรงล้างเท้าให้เปรโต?
เพราะว่าพระองค์ทรงต้องการให้เปรโตได้มีความเชื่อ ที่มั่นคงในความจริงที่ว่าพระองค์ทรงชำระบาปในอนาคต ของเขาทั้งหมดไปแล้วโดยบัพติศมาของพระองค์
 
ลองมาอ่านยอห์นบทที่ 19 กัน  “และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า สถานที่กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา ณ ที่นั้น เขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลางปีลาตให้เขียนคำประ จานติดไว้บนกางเขน และคำประจานนั้นว่า ‘เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของพวกยิว’ พวกยิวเป็นอันมากจึงได้อ่านคำประจานนี้ เพราะที่ซึ่งเขาตรึงพระเยซูนั้นอยู่ใกล้กับกรุง และคำนั้นเขียนไว้เป็นภาษาฮีบรู ภาษากรีก และภาษาลาติน“ (ยอห์น 17-20)
 เพื่อนที่รักทั้งหลาย พระเยซู คริสต์ ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปและทรงถูกตัดสินให้ถูกตรึงไม้กางเขนตรงที่ศาลของปีลาต ตอนนี้ลองมาคิดถึงฉากนั้นอีกครั้งหนึ่งกัน
 จากวรรคที่ 28 “หลังจากนั้นพระเยซูทรงทราบว่า ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จ” พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปเพื่อทำให้พระคัมภีร์สมบูรณ์ “จึงตรัสว่า ‘เรากระหายน้ำ!’ มีภาชนะใส่น้ำองุ่นเปรี้ยววางอยู่ที่นั่น เขาจึงเอาฟองน้ำ ชุบน้ำองุ่นเปรี้ยวใส่ปลายไม้หุสบชูขึ้นให้ถึงพระโอษฐ์ของพระองค์เมื่อพระเยซูจึงทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้ว พระองค์ตรัสว่า ‘สำเร็จแล้ว!’ และทรงก้มพระเศียรลงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป“ (ยอห์น 19:28-30)
 พระเยซูตรัสว่า “สำเร็จแล้ว!” และจากนั้นพระองค์ก็สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ในวันที่สามหลังจากนั้น พระองค์ก็ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและเสด็จขึ้นสวรรค์ไป
การรับบัพติศมาของพระเยซูจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน นั้นมีความสัมพันธ์ที่มีความ สำคัญต่อกันและกันอย่างที่สุด ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะอยู่ได้หากปราศจากอีกสิ่งหนึ่ง ดังนั้นเรามาสรรเสริญองค์พระเป็นเจ้า พระเยซูกันสำหรับการช่วยเราให้รอดโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปของพระองค์
เนื้อหนังของมนุษยชาติมักจะเชื่อตามความต้องการของเนื้อหนังอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงทำบาปพร้อมกับเนื้อหนังของเราโดยไม่มีทางเลือก พระเยซู คริสต์ประทานบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตมาให้เราเพื่อช่วยเราให้รอดจากบาปของเนื้อหนังของเราพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปของเนื้อหนังของเราโดยข่าวประเสริฐของพระองค์
คนทั้งหลายที่ได้รับการยกความผิดบาปแล้วสามารถเข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ตอนไหนก็ได้โดยการเชื่อในพระเยซูผู้ที่ประสูติมาจากเมืองเบธเลเฮม ทรงรับบัพติศมาในแม่น้ำจอร์ แดน สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและทรงเป็นขึ้นมาจากความตายภายในวันที่สาม  เราสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและขอถวายสง่าราศีในพระนามของพระองค์ตลอดกาล
บทสุดท้ายในยอห์นพระเยซูได้เสด็จไปที่เมืองกาลิลีหลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วพระองค์เสด็จไปหาเปรโตและตัดกับเขาว่า “ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?“ และเปรโตรตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์“ จากนั้นพระเยซูทรงบอกจากนั้นพระเยซูทรงบอกเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด“
เปรโตตระหนักถึงทุกสิ่งถึงข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ว่าเป็นการยกความผิดบาป ตอนนี้ จึงเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ได้ยกความผิดบาปให้เขาโดยทั้งหมดและได้ตระหนักถึงว่าทำไมพระเยซูทรงล้างเท้าให้เขา ความเชื่อของเขาในพระเยซูจึงมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ลองมาอ่านยอห์น 21:15 อีกครั้ง “เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วพระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า ‘ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?’ เขาทูลตอบพระ องค์ว่า ‘ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์’ พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า ‘จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด’“  พระองค์ทรงวางพระทัยให้เปรโตเลี้ยงดูลูกแกะของพระองค์เพราะเปรโตเป็นสาวกของพระองค์ ผู้ที่รอดอย่างสมบูรณ์แล้ว และเพราะว่าเปรโตได้เป็นคนรับใช้ที่ชอบธรรมและสมบูรณ์ของพระเจ้าแล้ว
หากเปรโตเป็นคนบาปอีกครั้งหนึ่งจากบาปประจำวันของเขา พระเยซูก็จะไม่ทรงบอกเขาให้ประกาศข่าวประเสริฐของการไถ่บาปไปเพราะว่าเขารวมทั้งสาวกคนอื่นๆด้วยต่างก็ทำบาปในเนื้อหนังอยู่ทุกวันโดยไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงบอกพวกเขาให้ประกาศข่าวประเสริฐที่ได้ลบบาปทั้งหมดของพวกเขาไป เพราะว่าพวกเขาเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนที่เป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาป
 
 
พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์
 
ท่านจะเป็น’คนบาป’อีกครั้งไหม เมื่อท่านทำบาปอีกครั้งหนึ่ง?
ไม่ พระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดใน อนาคตของฉันไป ณ แม่น้ำจอร์แดนแล้ว
 
เราลองมาคิดเกี่ยวกับพระวจนะของพระเยซูที่มีต่อเปรโต “ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?“ “ถูกแล้วพระ องค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” คำสารภาพความรักของเขานั้นเป็นจริง มันเกิดขึ้นตามความเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาปทั้งหมด
หากพระเยซูไม่ได้สอนเปรโตและสาวกคนอื่นๆถึงข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปด้วยการล้างเท้าให้พวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถที่จะสารภาพความรักของพวกเขาได้ในวิธีนั้น
เมื่อพระเยซูเสด็จมาหาพวกเขาและถามว่า “ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?” แล้วเปรโตรก็คงจะตอบไปแทนว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นเพียงคนที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น ข้าพระองค์เป็นคนบาปผู้ที่ไม่สามารถรักพระองค์ไปได้มากกว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ ได้โปรดอย่ายุ่งกับข้าพระ องค์เลย” และเปรโตก็อาจจะวิ่งหนีไป หรือซ่อนตัวเองจากพระเยซู
แต่เราลองมาคิดดูเกี่ยวกับคำตอบขอองเปรโตกัน เขาได้รับพระพรโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป โดบบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ที่ได้ช่วยมนุษย์ทั้งหมดให้รอด
ดังนั้น เปรโตจึงสามารถที่จะกล่าวว่า “ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” คำสารภาพความรักนี้ออกมาจากความเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความ ผิดบาปของพระเยซูของเขา เปรโตเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปแท้จริงที่พระเยซูได้รับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป สิ่งนี้รวมทั้งบาปทั้งหมดในอนาคตที่ผู้คนจะทำด้วยเพราะข้อบกพร่องและความอ่อนแอของเนื้อหนังของพวกเขา
เปรโตเชื่ออย่างมั่นคงในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป และเพราะว่าเขาเชื่อเช่นกันว่าพระเยซูคือพระเมษโปดกของพระเจ้าเขาจึงสามารถตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าไปโดยไม่มีการลังเลได้เลย ความรอดของพระเยซูนั้นมาจากข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป และเปรโตจึงรอดจากบาปประจำวันทั้งหมดของเขาด้วยเช่นกันเปรโตเชื่อในความรอดโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้
ท่านเชื่อเหมือนกับเปรโตไหม? ท่านสามารถรักและวางใจในพระเยซูผู้ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของท่านไปโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปของพระองค์ และโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ไหม? ท่านจะไม่เชื่อหรือไม่รักพระองค์ได้อย่างไรกันล่ะ? ไม่มีทางอื่นเลย
หากพระเยซูเพียงแต่ละรับเอาบาปในอดีตหรือปัจจุบันไปและทิ้งบาปในอนาคตไว้กับเรา เราก็จะไม่สามารถสรรเสริญพระองค์ได้ตามที่เราทำอยู่ในตอนนี้ อีกอย่างเราทั้งหมดก็จะต้องไปนรกอย่างแน่นอน ดังนั้นเราทั้งหมดควรจะสารภาพว่าการเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปได้ช่วยเราให้รอด
เนื้อหนังนั้นมีแนวโน้มที่จะทำบาปอยู่เสมอดังนั้นเราจึงทำบาปอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเราจะต้องสารภาพว่าการเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาปที่พระเยซูประทานมาให้เรา ในข่าวประเสริฐของบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูได้ช่วยเราให้รอด
หากเราไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาปที่เป็นบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูแล้ว ก็จะไม่มีผู้ที่เชื่อคนใดที่จะรอดจากบาปตลอดชีวิตของเขาหรือเธอได้ หากเราได้รับการไถ่บาปตลอดชีวิตทั้งหมดของเราแล้วด้วยการสารภาพและกลับใจใหม่ในทุกๆครั้งเราก็คงจะขี้เกียจเกินไปที่จะอยู่เป็นคนชอบธรรมและก็จะมีบาปอยู่ในหัวใจของเราอยู่เสมอ
หากเป็นเช่นนี้เราก็จะกลับไปเป็นคนบาปอีกครั้งหนึ่งแล้วก็จะไม่รับพระเยซูหรือเข้าใกล้พระองค์ได้เลย และเราก็จะไม่สามารถเชื่อในความรอดของพระเยซูและเชื่อตามพระองค์ไปจนถึงจุดสุดท้ายของชีวิตของเราได้
พระเยซูประทานข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปมาให้และทรงช่วยคนทั้งหลายที่เชื่อให้รอด พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่สม บูรณ์และทรงชำระการละเมิดบาปประจำวันทั้งหมดของเราไปเพื่อที่เราจะรักพระองค์อย่างแท้จริง
เราผู้ที่เชื่อจึงรับข่าวประเสริฐของบัพติศมา และพระโลหิตของพระเยซู ที่เป็นการยกความผิดบาปของเราไว้ ผู้ที่เชื่อทั้งหมดสามารถรักพระเยซูได้ตลอดกาลและเป็นเชลยของความรักของความรอดโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปที่พระเยซูประทานมาให้เรา
ท่านที่รักทั้งหลาย! หากพระเยซู ทรงละทิ้งบาปเพียงเล็กๆน้อยๆเอาไว้ ท่านก็จะไม่สามารถเชื่อในพระเยซูได้และท่านก็จะไม่สามารถเป็นพยานของข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปได้ ท่านจะไม่สามารถทำงานในการเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าได้
แต่หากท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป ท่านจะสามารถรอดจากบาปของท่านได้ พระองค์ทรงยอมให้ท่านรอดจากบาปทั้งหมดของท่านเมื่อท่านตระหนักถึงข่าวประ เสริฐของการยกความผิดบาปแท้จริงที่ได้บันทึกเอาไว้ในพระวจนะของพระเยซู
 
 
“ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?”
 
อะไรทำให้เรารักพระเยซูมากกว่าสิ่งอื่นใด?
ความรักที่พระองค์มีต่อเราผ่านการรับบัพติศมา ของพระองค์ที่ได้ชำระบาปทั้งหมดของเราออกไป แม้แต่บาปในอนาคตของเราด้วย
 
พระเจ้าทรงวางใจลูกแกะของพระองค์ให้แก่คนรับใช้ของพระองค์ ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปอย่างสมบูรณ์ พระเยซูทรงถามสามครั้งว่า “ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?” และเปรโตก็ตอบทุกครั้งว่า “ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์“  ตอนนี้เราลองมาคิดถึงคำตอบของเปรโตกัน เราเห็นได้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้แสดงถึงความตั้งใจของเขา แต่เป็นความเชื่อของเขาในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป
 เมื่อเรารักใครสักคนหนึ่งและถ้าหากว่าความรักนั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเรามันก็จะสามารถชะงักได้เมื่อเราอ่อนแอ แต่ถ้าหากว่าความรักนั้นขึ้นอยู่กับความรักของพระเจ้าแล้วมันจะอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ ความรักของพระเจ้านั้น เป็นความรอดของน้ำของบัพติศมาของพระเยซูและพระวิญญาณที่ได้ไถ่บาปทั้งหมดของเราออกไป
 ความเชื่อของเราในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป จะต้องเป็นพื้นฐานของความรักของเราและทำงานเพื่อพระผู้เป็นเจ้า หากเรารักพระองค์ด้วยความตั้งใจของเราเพียงอย่างเดียวเราก็จะสะดุดล้มในวันพรุ่งนี้และจบลงด้วยการเกลียดตัวเองสำหรับบาปชั่วช้า อย่างไรก็ตามพระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปไม่ว่าจะเป็นบาปดั้งเดิม บาปในชีวิตประจำวันของอดีต บาปของวันนี้และบาปของวันพรุ่งนี้ และบาปตลอดทั้งชีวิตของเรา พระองค์ไม่ได้ทรงละเว้นผู้ใดออกจากความรอดของพระองค์เลย
 ทั้งหมดนี้คือความจริง หากความรักและความเชื่อของเราขึ้นอยู่กับความตั้งใจและการแก้ปัญหาของเรา เราก็จะไม่สามารถอยู่ในความเชื่อของเราได้ แต่เพราะว่าความรักและความเชื่อของเรามันขึ้นอยู่กับข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปที่พระเยซูประทานมาให้เรา เราจึงเป็นบุตรของพระเจ้า และเป็นคนชอบธรรมแล้ว เราไม่มีบาปแล้วเพราะเราเชื่อในความรอดของน้ำและพระวิญญาณ
 ตามความจริงที่ว่าความรอดของเรานั้นมาถึงไม่ใช่จากรูปแบบของความเป็นพระเจ้าในตัวเอง แต่มาจากความรักของพระเจ้าและพระบัญ ญัติของความรอดแท้จริงของพระองค์ด้วยการยกความผิดบาปของเรา เราเป็นคนชอบธรรม ไม่ว่าเราจะมีข้อบกพร่องหรืออ่อนแอเพียงใดก็ตามในชีวิตของเรา เราจะเข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์และสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างเป็นนิรันดร์ ท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม?
 1 ยอห์น 4:10 กล่าวว่า “ในข้อนี้แหละเป็นความรัก มิใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงใช้พระบุตรของพระองค์ให้เป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา“  พระเยซูรงช่วยเราให้รอดโดยน้ำและพระวิญญาณ ดังนั้น เราควรจะมีความเชื่อในข่าวประ เสริฐของการยกความผิดบาปที่เป็นบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์
หากพระเจ้าไม่ทรงช่วยเราให้รอดโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปแล้ว เราก็จะไม่สามารถรอดได้ ไม่ว่าเราจะเชื่ออย่างมั่นคงเพียงใด แต่พระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดที่เราทำในหัวใจและเนื้อหนังของเราออกไป
เพื่อที่เราจะเป็นคนชอบธรรม เราจะต้องมั่นใจในความรอดของเราผ่านความเชื่อในพระวจนะของน้ำและพระวิญญาณ ที่เป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาปเสียก่อน ข่าวประเสริฐของการไถ่บาปของโลกนี้ทั้งหมดนั้นประกอบโดยบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ ข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปนั้นประกอบเป็นความเชื่อแท้จริง เป็นพื้นฐานของความรอดแท้จริง และเป็นกุญแจไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า
 
 
เราจะต้องละทิ้งความเชื่อตามความตั้งใจของเราเอง
 
ความเชื่อแท้จริงมาจากไหน?
มันมาจากความรักของพระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ทรง ชำระบาปของอนาคตทั้งหมดของเราไปแล้ว
 
ความเชื่อหรือความรักตามความตั้งใจของใครก็ตามนั้น ไม่ใช่ความรักแท้จริงและไม่ ใช่ความเชื่อแท้จริง มีคนมากมายในโลกนี้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูด้วยความตั้งใจที่ดีก่อน และจากนั้นก็ยอมแพ้ต่อความเชื่อของพวกเขาด้วยกันนั้นเพราะความทุกข์ทรมาณจากบาปในหัวใจของพวกเขานั้นเอง
 แต่เราจะต้องตระหนักว่าพระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของโลกนี้ออกไปแล้วไม่เพียง แต่ความผิดบาปชั่วช้าที่มีความสำคัญใหญ่โตเพียงเท่านั้น แต่ยังทรงรับเอาบาปทั้งหลายที่ได้กระ ทำด้วยความเพิกเฉยออกไปด้วย
 ในยอห์นบทที่ 13 นั้นพระเยซูทรงรวบรวมบรรดาเหล่าสาวกของพระองค์ให้มาอยู่ด้วยกันก่อนที่พระองค์จะทรงถูกตรึงไม้กางเขน เพื่อที่จะสอนเหล่าสาวกของพระองค์ว่าความรอดของพระองค์นั้นเป็นผลดีตลอดกาลเพียงใด ในขณะที่ทรงรับประทานอาหารร่วมกับเหล่าสาวกของพระองค์ และทรงล้างเท้าของพวกเขา เพื่อที่จะนำความจริงของความรอดที่สมบูรณ์ของพระ องค์เข้าสู่หัวใจของพวกเขา เราควรจะรู้จักและเชื่อโดยทั้งหมดในข่าวประเสริฐของการยกความ ผิดบาปที่พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกด้วยการล้างเท้าของพวกเขา
แต่เปรโตปฏิเสธไม่ให้พระเยซูล้างเท้าให้เขาก่อน “พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์หรือ?“ และสิ่งนี้เป็นการแสดงความเชื่อที่เป็นความตั้งใจของเขาเอง แต่พระเยซูทรงบอกเขาว่า “สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ“  
ตอนนี้ เราสามารถเข้าใจพระวจนะของพระคัมภีร์ไบเบิลที่อยู่นอกเหนือความหยั่งรู้ของเราได้โดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณคือพระวจนะของความจริง คือการยกความผิดบาปที่ปล่อยให้ผู้มีบาปได้เป็นคนชอบธรรมได้ ด้วยการเชื่อด้วยหัวใจของเขาหรือเธอ
 เปรโตออกไปตกปลาพร้อมกับเหล่าสาวกคนอื่นๆเหมือนกับที่พวกเขาได้เคยทำมาก่อนที่จะได้พบกับพระเยซูจากนั้นพระเยซูก็ทรงปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาและทรงเรียกพวกเขาไปหา พระเยซูทรงเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พวกเขาและในขณะที่กินอาหารเช้าอยู่นั้นเปรโตก็ได้ตระหนักถึงความหมายของพระวจนะที่พระเยซูได้ทรงกล่าวถึงมาก่อนว่า  “สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ“ ท้ายที่สุดเขาก็ได้มาตระหนักว่าพระเยซูทรงหมายความว่าอย่างไรจากการล้างเท้าให้เขา
 “พระผู้เป็นเจ้าทรงชำระบาปทั้งหมดของฉันออกไป บาปทั้งหมดทั้งหมดที่ฉันได้ทำไปเพราะความอ่อนแอของฉัน รวมทั้งบาปทั้งหมดที่ฉันจะทำในอนาคตเช่นเดียวกัน” เปรโตละทิ้งความเชื่อที่เกิดมาจากความตั้งใจและการแก้ปัญหาของเขาเองและเริ่มต้นอย่างมั่นคงต่อบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู ที่เป็นข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป
หลังจากอาหารเช้าแล้วพระเยซูทรงถามเปรโตว่า “ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ?“ ตอนนี้เปรโตก็สารภาพพร้อมกับความเชื่อในความรักของพระเยซูว่า “ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์“ เปรโตไม่สามารถตอบได้เพราะว่าเขาได้ตระ หนักว่าพระเยซูหมายความว่าอย่างไรเมื่อพระองค์ตรัสว่า “แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ“ เขาสามารถที่จะสารภาพความเชื่อแท้จริงของเขาได้ซึ่งเป็นความเชื่อในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูเป็นข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปนั่นเอง
 
 
ต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าแท้จริง
 
หลังเหตุการณ์ที่ได้พบเจอนั้นเปรโตและสาวกคนอื่นๆก็ประกาศข่าวประเสริฐไปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา แม้ว่าเปรโตเองผู้ที่เคยข่มเหงคริสเตียนอย่างไร้ความเมตตาก็ยังเป็นพยานต่อข่าวประเสริฐในช่วงเวลายากลำบากของจักรวรรดิ์โรมัน
 
ท่านเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า แท้จริงได้อย่างไร?
 ด้วยการเชื่อในการไถ่บาปทั้งหมด อันเป็นนิรันดร์ของพระองค์
 
ในหมู่เหล่าสาวกทั้งสิบสองคนของพระเยซู ยูดาสได้ขายพระเยซูและจากนั้นเขาก็แขวนคอตัวเอง อัครสาวกเปาโลจึงเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเขา เหล่าสาวกได้เลือกมัทธีอัสขึ้นมา แต่ว่าพระเจ้าทรงเลือกเปาโลไว้แล้ว ดังนั้น เปาโลจึงเป็นอัครสาวกของพระเยซูและประกาศข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปไปพร้อมกับสาวกคนอื่นๆ
 สาวกของพระเยซูส่วนใหญ่ตายไปเพราะความทุกข์ลำบาก แม้ว่าเมื่อพวกเขาถูกขู่ฆ่า แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อของพวกเขา และก็ออกไปประกาศข่าวประเสริฐดั้งเดิมอยู่
 พวกเขาอาจจะประกาศไปว่า “พระเยซู คริสต์ทรงชำระบาปทั้งหมดของท่านไปโดยการรับบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ นั่นคือโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปของพระองค์ พระเยซูทรงรับเอาบาปของท่านไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ที่แม่น้ำจอร์แดนและทรงรับการพิพากษาเพื่อท่านบนไม้กางเขน จงเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนแล้วท่านจะรอด”
 การได้ฟังข่าวประเสริฐดั้งเดิมและเชื่อนั้นได้ช่วยผู้คนมากมายให้รอดอย่างแท้จริงมันเป็นพลังของความเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซู พระโลหิตของพระองค์ และพระวิญญาณ
 สาวกประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณออกไป โดยกล่าวว่า “พระเยซูคือพระเจ้าและพระองค์ผู้ช่วยให้รอด” เพราะว่าพวกเขาได้เป็นพยานต่อข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณทำให้ตอนนี้ท่านและผมสามารถได้ฟังข่าวประเสริฐของบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูได้ตามที่เป็นความรอดของเรา และรอดจากบาปของเราได้ เพราะความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้าและความรอดที่สมบูรณ์ของพระเยซูทำให้เราทั้ง หมดได้เป็นสาวกของพระเยซู
 ท่านเชื่อทั้งหมดไหม? พระเยซูทรงรักเรายิ่งนักจนที่พระองค์ประทานข่าวประเสริฐของน้ำในพระวิญญาณมาให้เรา ทรงยกความผิดบาปให้เราและเราได้เป็นสาวกที่ชอบธรรมของพระเยซู เพื่อที่จะสอนข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปแท้จริง พระเยซูจึงได้ทรงล้างเท้าให้สาวกของพระองค์
 พระเยซูทรงล้างเท้าให้สาวกของพระองค์เพื่อที่จะสอนพวกเขาและเราว่าบาปทั้งหมดของโลกนี้ รวมทั้งบาปทั้งหมดของเราที่ได้เราที่เราได้ทำตลอดชีวิตของเรา ได้ชำระออกไปอย่างสมบูรณ์แล้วเมื่อตอนที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาและหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน เราขอขอบ พระคุณพระเยซูสำหรับความรักของพระองค์และข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป
 พระเยซูทรงสอนเราสองสิ่งด้วยการล้างเท้าของเหล่าสาวก สิ่งแรกมันเป็นการพวกมันเป็นการสอนพวกเขาเหมือนกับที่พระองค์ตรัสว่า “สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ“ บาปทั้งหมดของเรานั้นได้รับชำระออกไปแล้วโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปคือบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์
 อันดับที่สอง มันได้สอนเราว่าพระเยซูได้ทรงน้อมพระองค์ลงมาเพื่อช่วยคนบาปทั้ง หลายและทำให้พวกเขาเป็นคนชอบธรรม เราคนชอบธรรมควรจะช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยการประกาศข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปไปมันถูกต้องสำหรับเราผู้ที่มาก่อนที่จะช่วยดูแลคนทั้งหลายเหล่า นั้นที่มาทีหลัง
 เหตุผลที่ว่าทำไมพระเยซูทรงล้างเท้าให้กับสาวกของพระองค์ในวันของเทศกาลปัสกานั้นชัดเจนและพวกเขาก็ยังคงอยู่ภายในคริสตจักรของพระองค์อยู่
 สาวกไม่มีทางที่จะสูงกว่าอาจารย์ของเขาได้ ดังนั้นเราจึงประกาศข่าวประเสริฐไปสู่โลกและรับใช้มันราวกับว่าเรากำลังรับใช้พระเยซูอยู่ เราผู้ที่รอดมาก่อนหน้านี้ควรจะรับใช้ผู้ที่มาหลังจากเรา พระเยซูทรงล้างเท้าให้เหล่าสาวกของพระองค์เพื่อที่จะสอนสิ่งนี้ พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่สมบูรณ์เพื่อที่เราอาจจะไม่ถูกหลอกโดยพวกมารอีกด้วยการล้างเท้าให้เปรโต
 ท่านสามารถรอดได้โดยทั้งหมดด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปของน้ำและพระวิญญาณ เยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปโดยบัพติศมาของพระองค์ ด้วยการถูกตรึงบนไม้กางเขน และด้วยการเป็นขึ้นมาจากความตาย มีเพียงผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของพระ องค์เพียงเท่านั้นที่สามารถรอดจากบาปของโลกนี้อย่างเป็นนิรันดร์ได้
 
 
ความเชื่อในข่าวประเสริฐที่ได้ชำระบาปประจำวันทั้งหมดของเราออกไปได้
 
 เราสามารถกำจัดการหลอกลวงของพวกมารออกไปได้ ด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป ที่เป็นพระวจนะของน้ำและพระวิญญาณ ผู้คนถูกหลอกอย่างง่ายดายจากพวกมารและพวกมันเองก็ยังคงกระซิบอยู่ที่ข้างหูของพวกเขาอยู่เรื่อยๆ พวกเขาจะสามารถอยู่โดยไม่มีบาปได้อย่างไรในเมื่อรู้ว่าเนื้อหนังของผู้คนทำบาปอย่างไม่หยุดหย่อนในโลกนี้? ประชาชนทั้งหมดคือคนบาป
 อย่างไรก็ตามเรารู้คำตอบว่า “การรู้ว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเนื้อหนังของเราไปโดยการรับบัพติศมาของพระองค์นั้นผู้ที่เชื่อจะไม่มีบาปได้อย่างไร? พระเยซูทรงจ่ายค่าจ้างของบาปอย่างเต็มราคาทั้งหมดแล้ว จะมีค่าจ้างอะไรเหลือให้เราจ่ายอีก? “
 หากเราไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิตแล้ว คำพูดของพวกมารนั้นก็ดูเหมือนว่าจะมีเหตุมีผล แต่หากว่าเรามีข่าวประเสริฐอยู่ข้างเรา เราก็จะมีความเชื่อที่มั่นคงในความจริงของพระวจนะของพระเจ้า
 เราจะต้องมีความเชื่อในข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่โดยน้ำและพระโลหิต ความเชื่อแท้จริงคือการเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซู ในพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และในการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์
 เคยเห็นภาพของโครงสร้างของพลับพลาบริสุทธิ์ไหม? มันเป็นบ้านเต็นท์เล็กๆบ้านได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนข้างนอกคือที่บริสุทธิ์ และส่วนข้างในคือที่บริสุทธิ์ที่สุดที่เป็นที่ตั้งของพระที่นั่งกรุณาอยู่
 มีเสามี 60 เสาร์ที่ตั้งอยู่ เสาร์ที่ตั้งอยู่ข้างนอกลานพลับพลาบริสุทธิ์และ และที่บริสุทธิ์มี 48 แผ่นไม้ เราจะต้องนึกภาพพระ พลับพลาบริสุทธิ์ไว้ในใจเพื่อที่จะเข้าใจความหมายของพระวจนะของพระเจ้า
 
 
ประตูของลานพลับพลาทำจากอะไร ?
 
ประตูของลานพลับพลาทำจากอะไร?
ผ้าบังตาทำจากผ้าสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม  และผ้าป่านเนื้อละเอียด
 
ที่ประตูของลานพลับพลานั้นได้บรรยายไว้ในปฐมกาล 27:16 ว่า “ให้มีผ้าบังตาที่ประตูลานยาวยี่สิบศอก ผ้าสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด ประกอบด้วยฝีมือของช่างด้ายสี กับเสาสี่ต้นและฐานรองรับเสาสี่ฐาน“ วัสดุเหล่านี้ถูกใช้ทำประตูของลานพลับพลาที่มีสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด มันได้ถักทอไว้อย่างละเอียดและมีสีสันต์มาก
 พระเจ้าทรงสั่งให้โมเสสถักประตูที่มีสีสันนี้ด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม เพื่อที่มันจะทำให้ทุกๆคนมองเห็นได้ง่ายในเวลาเดินเข้ามา ประตูที่ถูกถักด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่าเนื้อละเอียดนั้นได้ถูกแขวนไว้ที่เสาทั้งสี่ต้น
วัตถุดิบทั้งสี่นี้เป็นสัญลักษณ์ของพิมพ์เขียวของความรอดของพระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงช่วยคนทั้งหลายที่เชื่อในพระบุตรของพระองค์ให้รอดโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูและในการเป็นพระเจ้าของพระองค์
ของแต่ละอย่างที่ถูกใช้เพื่อสร้างพลับพลาบริสุทธิ์นั้นมีความหมายเป็นพิเศษและมันได้แสดงถึงพระวจนะของพระเจ้าและแผนการของพระองค์ที่จะช่วยมนุษยชาติให้รอดผ่านพระเยซู
ตอนนี้มีวัตถุดิบมีของกี่ชิ้นที่ถูกใช้เพื่อทำประตูของลานพลับพลาบริสุทธิ์ครองทั้ง 4 อย่างที่ถูกใช้ได้แก่ได้สีฟ้าสีม่วงสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียดทั้ง 4 อย่างนี้มีความหมายสำคัญในการช่วยเราให้มีกำลังในความเชื่อในข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่หากมันไม่สำคัญแล้วข้อมูลนี้ก็จะไม่ ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลไว้อย่างละเอียด
ทุกๆสิ่งที่ถูกใช้เพื่อทำประตูของลานพลับพลาบริสุทธิ์มีความหมายโดยนัยต่อความรอดของเราดังนั้นพระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้แก่โมเสสและทรงบอกเขาให้ทำตามที่พระองค์ทรงบอกอย่างถูกต้อง
 
 
ด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม หมายความว่าอย่างไรภายในข่าวประเสริฐ ของพระเจ้า?  
 
วัสดุต่างๆที่ถูกใช้สำหรับพลับพลา มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ว่าอย่างไร?
ความรอดของพระเยซูโดยบัพติศมา และพระโลหิตของพระองค์
 
ภายในพลับพลาบริสุทธิ์ มีด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าป่าเนื้อละเอียดที่ถูกใช้เพื่อเป็นม่านบังตาที่ถูกแขวนระหว่างที่บริสุทธิ์และที่บริสุทธิ์ที่สุด วัสดุเดียวกันนั้นได้ถูกใช้สำหรับเป็นเสื้อคลุมของมหาปุโรหิตผู้ที่จะสามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่สุดได้ปีละครั้ง
 สีฟ้ามีความหมายโดยนัยถึงบัพติศมาของพระเยซู ใน 1 เปรโต 3:21 กล่าวว่า “เช่นเดียวกัน บัดนี้พิธีบัพติศมาก็เป็นภาพที่รอดแก่เราทั้งหลาย” เปรโตยืนยันบัพติศมาของพระเยซูว่าเป็นภาพของความรอดของการไถ่บาปจากการที่พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้ บาปทั้ง หมดได้ผ่านไปสู่พระเยซูโดยการรับบัพติศมาของพระองค์ ดังนั้น ด้ายสีฟ้าที่หมายถึงบัพติศมาของพระเยซูจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดของพระวจนะของความรอด
 ด้ายสีแดงเข้มมีความหมายถึงพระโลหิตของพระเยซู และด้ายสีม่วงนั้นมีความหมาย ถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ สถานะของพระเยซูคือกษัตริย์และพระเจ้า ด้ายทั้งสามสีจึงมีความจำเป็นสำหรับความเชื่อของเราในพระเยซูและความรอดของพระองค์
 เสื้อผ้าที่สวยงามที่ถูกสวมโดยมหาปุโรหิตนั้นเรียกว่าเอโฟด และเสื้อคลุมของเอโฟดก็เป็นสีฟ้าทั้งหมดเช่นกัน มหาปุโรหิตได้สวมมาลาไว้บนศรีษะที่มีแผ่นทองคำบริสุทธิ์จารึกคำว่า “บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์” แผ่นทองนั้นก็ถูกผูกด้วยด้ายสีฟ้าไว้กับมาลาเช่นกัน
 
 
ความจริงที่แสดงออกมาโดยด้ายสีฟ้า
 
ด้ายสีฟ้ามีความหมายถึงอะไร?
บัพติศมาของพระเยซู
 
ผมหาดูความหมายของด้ายสีฟ้าในพระคัมภีร์ไบเบิล ไบเบิลกล่าวอะไรเกี่ยวกับสีฟ้า? เราต้องเข้าใจด้ายสีฟ้าในหมู่ด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม
ด้ายสีฟ้าได้แสดงถึง ‘น้ำ’ นั่นคือบัพติศมาของพระเยซู พระเยซู คริสต์รับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป (มัทธิว 3:15)
หากพระเยซูไม่ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปโดยบัพติศมาของพระองค์แล้ว เราก็จะไม่สามารถบริสุทธิ์จากบาปต่อพระพักตร์พระเจ้าได้ ดังนั้น พระเยซู คริสต์จึงต้องเสด็จมายังโลกนี้และรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดนเพื่อที่จะรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป
เหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องมีด้ายสีฟ้าอยู่ที่ประตูของลานพลับพลาบริสุทธิ์นั้นก็เป็นเพราะว่า เราจะไม่สามารถได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ได้โดยไม่มีบัพติศมาของพระเยซู
ด้ายสีแดงเข้มมีความหมายถึงพระโลหิตของพระองค์ คือความตายของพระเยซูนั่นเอง ด้ายสีม่วงหมายความถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ดังนั้นสถานะของพระเยซูจึงเป็นเช่น “ทรงฤทธิ์สูงสุดแต่พระองค์เดียว พระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้านายทั้งปวง“ (1ทิโมธี 6:15)
ความจริงก็คือว่าได้สีแดงเข้มมีความหมายถึงพระโลหิตของพระคริสต์ ผู้ที่ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดของมนุษยชาติ เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของมนุษยชาติ ไว้ที่พระองค์ด้วยบัพติศมาของพระองค์และทรงจ่ายค่า จ้างทั้งหมดของบาปด้วยการเสียสละพระองค์เองบนไม้กางเขน บัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู คือข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปแท้จริงที่ได้พยากรณ์ไว้ผ่านสีต่างๆของด้ายที่ถูกใช้สำหรับพลับพลาบริสุทธิ์ในพันธสัญญาฉบับเก่า
เสาของพลับพลานั้นถูกทำด้วยไม้กฐินเทศที่มีขอแขวนเสาจงทำด้วยทองคำ แล้วหล่อฐานทองสัมฤทธิ์ห้าฐานสำหรับรองรับเสานั้น
คนบาปทั้งหลายที่ได้รับการพิพากษาบาปของพวกเขาเหล่านั้นเพราะค่าจ้างของบาปคือความตาย ก่อนที่ใครจะได้รับพระพรจากพระเจ้าเพื่อที่จะได้รับชีวิตใหม่เขาหรือเธอจะต้องทำการถวายการชำระบาปของเขาหรือเธอในวันของพันธะสัญญาฉบับเก่าเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม การรับบัพติศมาของพระเยซูในพันธสัญญาฉบับใหม่ที่ได้แสดงสัญ ลักษณ์โดยได้สีฟ้าของพลับพลาบริสุทธิ์นั้นได้รับเอาบาปทั้งหมดของเราไป พระเยซูทรงรับเอาบาปของเราไปบนไม้กางเขน ทรงหลังพระโลหิตและทรงรับการพิพากษาเพื่อมัน เพื่อที่จะช่วยเราทั้งหมดให้รอด เราผู้ที่มีความเชื่อในข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป พระองค์คือพระมหา กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวงและทรงเป็นพระเจ้าบริสุทธิ์
คริสเตียนที่รักทั้งหลาย บัพติศมาของพระเยซูเป็นความรอดของพระเยซูผู้ทรงช่วยเราให้รอดด้วยการรับเอาบาปทั้งหมดของเราไป พระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้าได้เสด็จลงมายังโลกนี้ในเนื้อหนัง (ด้ายสีม่วง) พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป (ด้ายสีฟ้า) พระองค์ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน เพื่อยอมรับการพิพากษาบาปแทนเรา (ด้ายสีแดงเข้ม) การรับบัพติศมาของพระเยซูนั้นได้สอนเราอย่างไม่มีข้อสงสัยเลยว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดแท้จริงสำหรับมนุษยชาติทั้งหมด
เราเข้าใจได้ในสีต่างๆที่ถูกใช้สำหรับทำประตูของพลับพลาบริสุทธิ์เช่นกัน
เพื่อที่จะประดับของประตูด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม ในผ้าป่านเนื้อละเอียดนั้นได้บอกเราอย่างชัดเจนถึงความจริงของความรอดของพระเจ้า ผ้าป่านเนื้อดีตรงนี้หมายความว่าพระองค์ทรงช่วยเราทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้นให้รอดจากบาปของเรา มันเป็นความสำคัญต่อความรอดของการไถ่บาปอย่างที่สุด
เราเห็นได้จาก วัสดุแบบเดียวกันที่ใช้สำหรับประตูของพลับพลาบริสุทธิ์ ที่พระเยซู คริสต์ไม่ได้ทรงช่วยเราผู้มีบาปอย่างไม่ได้วางแผน พระ องค์ทรงเชื่อฟังแผนการของพระเจ้าอย่างละเอียดรอบคอบ ทรงรับบัพติศมา ทรงถูกตรึงไม้กางเขนและทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อที่จะทำความรอดของมนุษยชาติให้สมบูรณ์ พระเยซูทรงช่วยทุกคนที่เชื่อในความรอดของพระองค์ให้รอดโดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มที่เป็นวัสดุของข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป
 
 
ขันทองสัมฤทธิ์ของพันธสัญญาฉบับเก่านั้นเป็นเงาของบัพติศมาของพันธสัญญาฉบับใหม่
 
ทำไมปุโรหิตจึงต้องล้างมือและเท้า ก่อนที่จะเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์?
เพราะว่าพวกเขาจะต้องไปยืนอยู่ ต่อพระพักตร์พระเจ้าโดยไม่มีบาปใดๆ
 
ขันนั้นทำขึ้นมาจากทองสัมฤทธิ์ ทองสัมฤทธิ์แสดงถึงการพิพากษาที่พระเยซูทรงทุกข์ทรมาณเพื่อเรา อ่างน้ำนั้นมีความหมายถึงพระวจนะของข่าวประเสริฐที่ได้บอกเราว่าบาปชั่วร้ายทั้งหมดได้ชำระออกไปแล้ว
มันได้แสดงให้เราเห็นถึงวิธีชำระบาปประจำวันของเราออกไป บาปประจำวันของมนุษยชาติทั้งหมดสามารถชำระออกไปได้โดยความเชื่อในพระวจนะของบัพติศมาของพระเยซู
 แท่นเผาสังเวยบูชาแสดงถึงการพิพากษา น้ำของพระเยซูที่เป็นสีฟ้าคือข่าวประเสริฐของการไถ่บาป หรืออีกนัยหนึ่ง คือบัพติศมาของพระเยซูที่ทรงรับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมานั่น เอง (มัทธิว 3:15, 1 ยอห์น 5:5-10) มันคือคำพยานของข่าวประเสริฐของความรอดผ่านการไถ่บาปนั่นเอง
 ใน 1 ยอห์น 5 ได้บันทึกว่า “และนี่แหละเป็นชัยชนะซึ่งได้มีชัยต่อโลก คือความเชื่อของเราทั้งหลายนี่เอง----พราะมีพยานอยู่สามพยานในสวรรค์ คือพระบิดา พระวาทะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพยานทั้งสามนี้เป็นองค์เดียวกัน“ เขาบอกเราเช่นกันว่าผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าได้มีพยานของน้ำ พระโลหิตและพระวิญญาณในตัวเขา
พระเจ้าทรงยอมให้เราบริสุทธิ์ ผ่านความเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาปและเพื่อ ให้เข้าไปสู่พลับพลาบริสุทธิ์ได้ ดังนั้นตอนนี้เราจึงสามารถมีชีวิตอยู่ในความเชื่อได้ พระวจนะของพระเจ้าได้รับพระพรจากพระองค์ได้มีชีวิตอยู่เป็นคนชอบธรรม เพื่อที่จะเป็นประชาชนของพระเจ้าหมายความว่าจะต้องรอดผ่านความเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาปและมีชีวิตอยู่ภายในพลับพลาบริสุทธิ์
ผู้คนมากมายในวันนี้กล่าวว่าเพียงเชื่อโดยไม่ได้คิดถึงความหมายของด้ายสีฟ้า สีม่วงและสีแดงเข้มของประตูพลับพลาบริสุทธิ์นั้นมันก็เพียงพอแล้ว หากผู้ใดเชื่อในพระเยซูโดยไม่รู้จักเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ความเชื่อของเขาหรือเธอก็จะไม่ถูกต้องเพราะมันยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจของเขาหรือเธออยู่ คนผู้นั้นก็จะยังคงมีบาปอยู่ในหัวใจเพราะความไม่เชื่อในความจริงของการเกิดใหม่ด้วยข่าวประเสริฐของการไถ่บาปของน้ำพระโลหิตและพระวิญญาณ
หากใครถูกถามให้ประเมินอีกคนที่เขาไม่ทันรู้จักเพื่อทำให้ผู้ฟังพอใจ และถ้าเขาตอบว่า “ใช่แล้ว ฉันเชื่อคนคนนั้นแล้ว ฉันไม่เคยพบเขามาก่อนแต่ฉันเชื่อเขา” แล้ว ท่านคิดว่าผู้ฟังจะพอใจที่ได้ยินคำตอบนี้หรือไม่? พวกท่านบางคนอาจจะพอใจ แต่นี่ไม่ใช่ความไว้วางใจที่พระเจ้าทรงต้องการจากพวกเรา
พระเจ้าทรงต้องการให้เราเชื่อในคำสอนเรื่องการยกความผิดบาป ที่เป็นการช่วยให้รอดของพระเยซูโดยสีฟ้า (การรับบัพติศมา) สีม่วง (ความเป็นพระเจ้าของพระเยซู)  สีแดงเข้ม (พระโลหิตของพระเยซู) เราควรทำความเข้าใจก่อนที่เราจะเชื่อในพระเยซูว่าพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหลายได้อย่างไร
เมื่อเราเชื่อในพระเยซู เราควรจะรู้ว่าพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดได้อย่างไรโดยน้ำ (ที่มาของพระเยซู) พระโลหิต (ความตายของพระองค์) และพระวิญญาณ( ความเป็นพระเจ้าของพระเยซู)
เมื่อเราเข้าใจอย่างแท้จริงเราก็จะสามารถพบกับความจริงและมีความเชื่อที่สมบูรณ์ได้ ความเชื่อของเราไม่มีทางสมบูรณ์ได้โดยไม่รู้จักความจริงนี้ ความเชื่อแท้จริงมาโดยความเข้าใจของคำพยานของความรอดของพระเยซู คือข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปและการเป็นพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดแท้จริงของพระเยซู
แล้วความเชื่ออะไรที่เป็นการเยาะเย้ยพระเยซู ? เราลองมาดูกัน
 
 
ความเชื่อที่เป็นการเยาะเย้ยพระเยซู
 
สิ่งใดที่จะเป็นที่สุดสำหรับความเชื่อ?
ความรู้ที่ถูกต้องของบัพติศมาของพระเยซู
 
 ท่านจะต้องตระหนักว่าการเชื่อในพระเยซูโดยปราศจากเหตุผลนั้น เป็นการเยาะเย้ยพระองค์ หากท่านคิดว่า “มันยากที่ฉันจะเชื่อ แต่พระองค์ก็คือพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า ฉันก็จะต้องเชื่อพระองค์ในอะไรสักอย่างหนึ่งล่ะ” แล้ว ท่านก็กำลังเยาะเย้ยพระเยซูอยู่ หากท่านต้องการที่จะเกิดใหม่อย่างแท้จริง ท่านจะต้องเชื่อในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู ที่เป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาป
เพื่อที่จะเชื่อในพระเยซูโดยไม่รู้จักข่าวประเสริฐของการไถ่บาปนั้น มันเลวร้ายยิ่งกว่าการไม่เชื่อในพระเยซูเลยเสียอีก การประกาศข่าวประ เสริฐแต่เพียงพระโลหิตของพระเยซูไปเพียงอย่างเดียวก็เป็นการทำงานอย่างไร้ประโยชน์โดยไม่รู้จักความจริง
พระเยซูไม่ทรงต้องการให้ใครก็ได้ออกไปประกาศ เกี่ยวกับความเชื่อในพระองค์ที่ปราศจากเหตุผล พระองค์ทรงต้องการให้เราเชื่อในพระองค์โดยการรู้จักในข่าวประเสริฐของการไถ่บาป
เมื่อเราเชื่อในพระเยซูเราก็ต้องยอมรับว่าข่าวประเสริฐของการไถ่บาปคือบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู เมื่อเราเชื่อในพระเยซูเราจะต้องเข้าใจข่าวประเสริฐของการไถ่บาป ผ่านพระวจนะของพระองค์และรู้จักวิธีที่พระองค์ทรงชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปอย่างเป็นพิเศษ
เราจะต้องรู้จักเช่นกันว่าอะไรคือความหมายโดยนัยของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มที่ประตูของพลับพลาบริสุทธิ์ จากนั้นเราก็จะมีความเชื่อแท้จริงที่จะอยู่อย่างเป็นนิรันดร์
 
 
เราไม่มีทางเกิดใหม่ได้โดยไม่มีการเชื่อในพระเยซูโดยการตระหนักถึงได้สีฟ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม
 
ปุโรหิตทำอะไรก่อนที่พวกเขา จะเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์?
พวกเขาล้างมือและเท้าโดยน้ำจากอ่างทองสัมฤทธิ์
 
พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดเราจึงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราได้เห็นว่าพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร เราควรดูไปที่พลับพลาบริสุทธิ์ พระองค์ประทานพระวจนะของข่าวประเสริฐของการไถ่บาปมาให้เรา ผ่านด้ายสีฟ้าสีม่วงและสีแดงเข้มของพลับพลาบริสุทธิ์และทรงช่วยเราให้รอดจากสิ่งเหล่านี้ เราขอบพระคุณและสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้มีบาปไม่สามารถเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์ได้โดยไม่ได้ผ่านการพิพากษาที่น่ากลัว จะมีใครเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์โดยไม่ได้รับการพิพากษาบาปของเขาหรือเธอได้อย่างไร? สิ่งนี้มันเป็น ไปไม่ได้หากคนเช่นนั้นได้เข้าไปสู่ในสถานที่ต้องห้ามเขาหรือเธอก็จะต้องถูกฆ่าตรงนั้นเลยทันทีมันจะเป็นความพินาศเลยทีเดียวคนบาปจะไม่มีทางเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์และคาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ได้
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยเราให้รอด ผ่านความลับที่ซ่อนอยู่ในประตูของพลับพลาบริสุทธิ์ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดโดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด พระองค์ทรงบอกเราถึงความลับของความรอดของพระองค์ผ่านสิ่งต่างๆเหล่านี้
ท่านและผมรอดในวิธีนั้นใช่ไหม? หากเราไม่เชื่อในพระวจนะของได้สีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มแล้ว ก็จะไม่มีความรอดผ่านข่าวประเสริฐของการไถ่บาปได้เลยสีฟ้าไม่ได้มีความหมายถึงพระเจ้ามันเป็นสัญลักษณ์ของบัพติศมาของพระเยซู คือบัพติศมาที่พระเยซูทรงรับบาปทั้งหมดของเราไป
ใครก็ตามสามารถเข้าไปได้ไกลถึงแท่นเผาสังเวยบูชาโดยไม่มีการเชื่อในได้สีฟ้าก็ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่ที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ได้
ดังนั้นก่อนที่เราจะเข้าไปสู่ประตูของพลับพลาบริสุทธิ์เราจะต้องเชื่อในด้ายสีฟ้า (บัพติศมาของพระเยซู) ด้ายสีแดงเข้ม (พระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน) และด้ายสีม่วง (การเป็นพระเจ้าและการเป็นพระบุตรของพระเจ้าของพระเยซู) เพียงเมื่อเราเชื่อเราก็จะได้รับการยอมรับจากพระเจ้าและได้รับอนุญาตให้เข้าไปผ่านม่านของที่ของที่บริสุทธิ์ที่สุดได้
บางคนเข้ามาสู่ภายในของลานพลับพลาและคิดว่าพวกเขาเข้ามาข้างในแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ความรอด เราจะต้องไปไกลเพียงใดที่จะรอด? เราจะต้องสามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่สุดให้ได้
เพื่อที่จะเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ที่สุดเราจะต้องผ่านอ่างทองสัมฤทธิ์ก่อน อ่างทองสัมฤทธิ์มีความหมายถึงการรับบัพติศมาของพระเยซูและเราต้องได้รับชำระบาปประจำวันของเราก่อนด้วยการรับบัพติศมาของพระเยซูและได้เป็นผู้ที่ได้รับชำระเพื่อเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์
ในพันธสัญญาฉบับเก่านั้น ปุโรหิตจะต้องชำระตัวเองก่อนที่พวกเขาจะเข้าไป และในพันธสัญญาฉบับใหม่ พระเยซูทรงล้างเท้าให้สาวกของพระองค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการชำระการละเมิดตลอดชีวิตของพวกเขาก่อนเช่นกัน
กฎของพระเจ้ากล่าวว่า “เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (โรม 6:23)  พระเจ้าทรงพิพาก ษาบาปของมนุษย์โดยไม่มีข้อยกเว้น แต่พระองค์ทรงผ่านมันไปสู่พระบุตรของพระองค์และพิพาก ษาพระองค์แทน นี่คือความรักของพระเจ้าที่เป็นความรอดของพระองค์ ความรอดแท้จริงนั้นได้รับเพียงเมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาปที่มีบัพติศมาของพระโลหิต ความตาย และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูเท่านั้น
 
 
เพื่อที่จะได้เกิดใหม่ ไม่ควรที่จะดูถูกความจริงตามพระคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาป
 
อะไรคือสิ่งสุดท้ายที่เหลือให้เราทำ ?
มันคือการเชื่อในพระวจนะของ ข่าวประเสริฐของพระเจ้า
          
ผมไม่เคยดูถูกคนอื่น เมื่อมีใครพูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ผมคลับคล้ายคลับคลาผมก็จะถามเขาหรือเธอไปอย่างสุภาพให้อธิบายมันกับผม แต่เมื่อผมถามไปรอบๆเกี่ยวกับความหมายโดยนัยของพลับพลาบริสุทธิ์แล้ว ก็ไม่มีใครที่จะสามารถบอกผมได้เลย
 แล้วผมจะทำอย่างไรได้? คุณจะต้องกลับไปสู่พระคัมภีร์ไบเบิล ในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้นได้กล่าวถึงพลับพลาบริสุทธิ์ไว้ตรงที่ใด? มันได้บรรยายไว้อย่างละเอียดในบทอพยพ หากผู้ใดได้อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างรอบคอบผู้นั้นจะสามารถเข้าใจความหมายของมันได้ผ่านพระวจนะของพระเจ้าที่บันทึกเอาไว้นี้
 เพื่อนที่รักทั้งหลายท่านจะไม่สามารถรอดได้จากการเชื่อในพระเยซูอย่างมุทะลุ ท่านไม่สามารถเกิดใหม่ได้ด้วยการเข้าร่วมที่โบสถ์อยู่สม่ำเสมอ เรารู้ว่าพระเยซูทรงบอกแก่นิโคเดมัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดจากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้...ท่านเป็นอาจารย์ของชนอิสราเอล และยังไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้หรือ?“ (ยอห์น 3:5,10)
 คนทั้งหลายทั้งมวลที่เชื่อในพระเยซูจะต้องเชื่อในด้ายสีฟ้า (บาปทั้งหมดของโลกนี้ได้ผ่านไปสู่พระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมา) ด้ายสีแดงเข้ม (ความตายของพระเยซูเพื่อบาปทั้งหมดของเรา) และด้ายสีม่วง (พระเยซูคือพระองค์ผู้ช่วยให้รอดคือพระเจ้าและคือพระบุตรของพระเจ้า)
 เราจะต้องเชื่อว่าพระเยซูคือผู้ช่วยให้รอดของผู้มีบาปทั้งหมดของโลกนี้ หากไม่มีความเชื่อนี้ผู้นั้นก็จะไม่มีทางเกิดใหม่ได้และผู้นั้นก็จะไม่มีทางเข้าไปสู่สถานบริสุทธิ์ของอาณา จักรของพระเจ้าได้ ผู้นั้นจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสัตย์ซื่อได้ในโลกนี้ได้โดยปราศจากมัน
มันคงจะไม่ง่ายไปใช่ไหมหากมีใครที่จะเกิดใหม่ได้ ด้วยการมีความเชื่อในพระเยซูเพียงอย่างเดียว? --ใช่-- “ท่านรอดแล้ว ฉันรอดแล้ว เราทั้งหมดรอดแล้ว” วิเศษจริงๆ! แต่มีคนมากมายที่เชื่อในพระเยซูโดยไม่ได้’เกิดใหม่’เลย
เราต้องรู้จักความจริงในพระคัมภีร์ไบเบิลเช่นเดียวกับมีความเชื่อในพระเยซู เราต้องเข้าใจข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปในพระคัมภีร์ไบเบิลและความหมายของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มเพื่อที่จะเข้าไปสู่พลับพลาบริสุทธิ์ได้และอยู่กับพระเจ้าในดินแดนของความเชื่อ ภายในพลับพลาของความเชื่อนั้น เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขกระทั่งถึงเวลาที่พระเยซูเสด็จกลับมานำเราไปสู่อาณาจักรของพระองค์ มันจำเป็นที่เราจะเชื่อในพระเยซูในทันทีเลย
 
 
ข่าวประเสริฐดั้งเดิมก่อให้เกิดการชำระให้บริสุทธิ์โดยด้ายสีฟ้า
 
อะไรคือเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับความรอดของเรา นอกเหนือจากไม้กางเขนของพระเยซูแล้ว?
การรับบัพติศมาของพระเยซู
 
ผู้คนมักจะคิดว่าพวกเขาสามารถอยู่ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ทําความผิดพลาดใดๆเลย อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาพยายามทำดีอย่างหนักเพียง ใดพวกเขาก็จบลงด้วยการค้นพบข้อบกพร่องของตัวเองไวมากที่สุดเพียงนั้น มนุษย์เรานั้นไม่มีความสมบูรณ์ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่ทำบาป อย่างไรก็ตามเพราะว่าพระเยซูทรงช่วยเราให้รอดโดยได้สีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มที่เป็นข่าวประเสริฐของการไถ่บาป ทำให้เราสามารถได้รับชำระและเข้าสู่สถานบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้
 หากพระเจ้าไม่ทรงช่วยเราให้รอดโดยด้ายสีฟ้า สีม่วงและสีแดงเข้มแล้ว เราก็จะไม่สามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้ด้วยตัวของเราเอง อะไรคือเหตุผลสำหรับสิ่งนี้ล่ะ? หากคนทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์โดยเนื้อหนังของพวกเขาจะสามารถเข้าไปสู่ที่บริสุทธิ์ได้เพียงเท่านั้น มันก็จะมีมันก็จะไม่มีใครเลยที่จะมีคุณสมบัติเข้าไป เมื่อผู้นั้นเชื่อในพระเยซูโดยไม่รู้จักข่าวประเสริฐแท้จริงผู้นั้นก็จะได้แต่เพียงเพิ่มบาปเข้าสู่หัวใจของเขาหรือเธอเท่านั้นเอง
 พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดด้วยแผนของความรอดที่รอบคอบของพระองค์ ความรอดของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียด พระองค์ทรงชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม? -- เชื่อ-- ท่านมีความจริงของข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาปในหัวใจของท่านและเป็นพยานต่อมันไหม? - มี-
 เพียงเมื่อท่านเป็นพยานต่อข่าวประเสริฐท่านก็สามารถสวมแผ่นทองที่หน้าผากของท่านที่กล่าวว่า ‘บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์’และร่วมกับเป็น’ปุโรหิตหลวง’ ได้  (1 เปโตร  2:9)  เพียงเท่านั้นท่านก็สามารถยืนต่อหน้าประชาชนได้และบอกพวกเขาได้ว่าท่านเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าที่กำลังทำงานเป็นปุโรหิตหลวงอยู่ได้
 มาลาของมหาปุโรหิตมีแผ่นป้ายทองคำอยู่และเย็บคิดด้วยด้ายสีฟ้า ทำไมเป็นสีฟ้า? เพราะว่าพระเยซูทรงช่วยเราให้รอดโดยข่าวประเสริฐของการยกความผิดบาป ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปและทรงทำให้เราไม่มีบาปโดยบัพติศมาของพระองค์ บัพติศมาของพันธสัญญาฉบับใหม่นั้นมีค่าเท่ากับการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่านั่นเอง
 ไม่ว่าเราจะเชื่อในพระเจ้าอย่างแรงกล้าและสัตย์ซื่อเพียงใด เราก็จะไม่สามารถได้รับแผ่นทองที่สลักคำว่า ‘บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์’ ได้เลยโดยปราศจากการตระหนักถึงความลับของด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม
เราเป็นคนชอบธรรมได้อย่างไร? มัทธิว 3:15 กล่าวว่า “เพราะสมควรแล้วที่เราจะทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” พระเยซูทรงรับบัพติศมาและทรงช่วยเราให้รอดจากบาททั้งหมดของโลกนี้ พระองค์ทรงรับเอาบาททั้งหมดของเราไปผ่านการรับบัพติศมาของพระองค์และผู้ที่เชื่อจึงเป็นคนชอบธรรม
เรากล่าวได้อย่างไรว่าเราไม่มีบาปหากไม่มีบัพติศมาของพระเยซู? หากแม้ว่าเราเชื่อในพระเยซูและร้องออกมาด้วยคิดถึงความตายของพระ องค์บนไม้กางเขนแล้ว น้ำตาในโลกนี้ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปได้ ไม่ ไม่ว่าเราจะร้องไห้และกลับใจใหม่มากมายเพียงใดบาปของเราก็จะยังคงอยู่กับเรา
‘บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์’ เพราะว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไปโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงยอมให้บาปทั้งหมดได้ผ่านไปสู่พระเยซู และเพราะว่าพระวจนะของความรอดได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลเราจึงได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อของเรา แม้จะมีความชั่วช้าและความอ่อนแอของเราอยู่ก็ตาม
ดังนั้น ตอนนี้เราสามารถยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าได้ ตอนนี้เราสามารถมีชีวิตอยู่เป็นคนชอบธรรมและประกาศข่าวประเสริฐไปสู่โลกนี้ได้ “ฉันรอดแล้ว ท่านรอดแล้ว เราทั้งหมดรอดแล้ว” เราได้รอดตามแผนการที่เปี่ยมไปด้วยพระกรุณาของพระเจ้า
หากไม่มีพระวจนะของข่าวประเสริฐของการไถ่บาปในหัวใจของท่านแล้ว มันก็จะไม่มีความรอดไม่ว่าท่านจะพยายามอย่างหนักเพียงไร มันคล้ายกับบทเพลงที่มีชื่อเสียงในเกาหลีที่กล่าวถึงความรักที่ยังไม่ได้ชำระว่า “โอ้ หัวใจของฉันช่างเต้นเร็วโดยไม่มีเหตุผล เมื่อใดก็ตามที่ฉันได้เจอเธอ ในทุกๆครั้งที่ฉันได้ใกล้เธอ ฉันจะต้องตกอยู่ในห้วงของความรักที่ไม่ได้ชำระ”  จังหวะการเต้นของหัวใจของฉันไม่ใช่ของเธอ ความรักของผมไม่เคยกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นมีคริสเตียนมากมายยังคงมีที่ยังไม่ได้ชำระต่อพระเจ้าอยู่
ผู้คนมักจะคิดว่าความรอดนั้นมาได้ในหลากหลายวิธีสำหรับคนที่แตกต่างกันไป พวกเขาถามว่า “ทำไมมันมาผ่านข่าวประเสริฐของบัพติศมาเพียงเท่านั้นล่ะ?” แต่มันไม่มีทางเป็นความรอดที่สมบูรณ์ได้หากมันไม่ใช่ข่าวประเสริฐของประเทศมาของพระเยซู มันเป็นทางเดียวที่เราสามารถเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้าได้ เพราะมันเป็นทางเดียวที่เราสามารถชำระบาปทั้งหมดของเราออกไปได้อย่างสมบูรณ์
 
 
ความรอดของด้ายสีฟ้าที่พระเยซูประทานมาให้เราคืออะไร?
 
อะไรที่ทำให้เราเป็นคนชอบธรรม?
ข่าวประเสริฐของด้ายสีฟ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม
 
ความรอดผ่านข่าวประเสริฐของด้ายสีฟ้า สีม่วงและสีแดงเข้ม คือของประทานของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติทั้งหมด ของประทานนี้ได้ทำให้เราได้เข้าไปสู่พลับพลาบริสุทธิ์และมีชีวิตอยู่ในสันติสุขมันได้ทำให้เราเป็นคนชอบธรรมได้ ทำให้เราได้มีชีวิตอยู่ภายในคริสตจักรและได้รับการฝึกฝนโดยพระคัมภีร์บริสุทธิ์ผ่านคริสตจักร
 เมื่อใดก็ตามที่เราไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่ออธิษฐาน ข่าวประเสริฐก็จะอวยพรเราด้วยความรักของพระองค์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมความรอดช่างมีค่าต่อเรายิ่งนัก พระเยซูทรงบอกเราให้สร้างบ้านของความเชื่อไว้”บนหิน” หินคือข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระองค์ เราควรจะรอดโดยทั้งหมดควรจะมีชีวิตอยู่พร้อมกับความรอด ได้ไปสวรรค์ ได้รับชีวิตนิรันดร์ และได้เป็นบุตรของพระเจ้า
 เพื่อนที่รักทั้งหลาย เพราะข่าวประเสริฐของการไถ่บาปนั่นเองที่เราสามารถเข้าไปสู่พลับพลาบริสุทธิ์ได้โดยความเชื่อ เพราะการชำระบาปทั้งหมดของเราไป (ด้วยบัพติศมาของพระเยซู) และการพิพากษาบนไม้กางเขนที่เราได้รอดโดยความเชื่อในข่าวประเสริฐของบัพติศมาของพระเยซู
 การไถ่บาปทั้งหมดของเรา และการรับบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูเป็นข่าวประเสริฐที่ได้ชำระบาปทั้งหมดของเราท่านเชื่อในสิ่งนี้ไหม? ข่าวประเสริฐที่แท้จริงก็คือข่าวประเสริฐของการไถ่บาปแห่งสวรรค์ที่ได้ชำระบาปทั้งหมดของเราไปอย่างสมบูรณ์
 เราเกิดใหม่ด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของการไถ่บาป พระเยซูได้ประทานข่าวประเสริฐของการไถ่บาปมาให้เราที่ได้ชำระบาปประจำวันและแม้กระทั่งบาปในอนาคตทั้งหมดของเราออกไป ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า ฮาเลลูยา!
 ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ (ข่าวประเสริฐของน้ำและพระโลหิต) คือข่าวประเสริฐแท้จริงที่สมบูรณ์และประกาศโดยพระเยซู คริสต์ หนังสือเล่มนี้ได้บันทึกไว้เพื่อเปิดเผยความลับของข่าวประเสริฐของพระเยซูที่เป็นข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นเอง
 เพราะว่าผู้คนมากมายเชื่อในพระเยซูโดยไม่รู้จักความจริงที่สมบูรณ์ ตอนนี้พวกเขากำลังโอ้อวดตนเองว่าเป็นผู้ยึดถึอหลักเก่าหรือพหุนิยมทางศาสนาในโลกแห่งเทววิทยาคริสเตียน (เป็นที่รู้จักกันในนามของเทวปรัชญานิยม) สรุปแล้วพวกเขามีชีวิตอยู่ในความเสแสร้งและสับสน ดังนั้นเราควรจะกลับไปและเชื่อในข่าวประเสริฐแท้จริงมันยังไม่สายเกินไป
 เราจะไปให้ละเอียดกว่านี้ในหนังสือเล่มที่สอง สำหรับคนที่มีคำถามเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของการเกิดใหม่ของน้ำและพระวิญญาณ