(อพยพ 26:1-14)
“นอกจากนั้น เจ้าจงทำพลับพลาด้วยม่านสิบผืน ทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และผ้าทอด้วยด้ายย้อมสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม กับให้มีภาพเครูบฝีมือช่างออกแบบไว้ ม่านผืนหนึ่งให้ยาวยี่สิบแปดศอก กว้างสี่ศอก ม่านทุกผืนให้เท่ากัน ม่านห้าผืนให้เกี่ยวติดกัน และอีกห้าผืนนั้นก็ให้เกี่ยวติดกันด้วย จงทำหูม่านด้วยด้ายสีฟ้าติดไว้ตามขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่หนึ่ง และตามขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่สอง จงติดหูไว้เหมือนกัน ม่านผืนหนึ่งให้ทำหูห้าสิบหู และตามขอบม่านชุดที่สอง ให้ทำหูห้าสิบหูให้ตรงกัน จงทำขอทองคำห้าสิบขอสำหรับใช้เกี่ยวม่าน เพื่อให้เป็นพลับพลาเดียวกัน จงทำม่านด้วยขนแพะ สำหรับเป็นเต็นท์คลุมพลับพลาชั้นนอกอีกสิบเอ็ดผืน ม่านผืนหนึ่งให้ทำยาวสามสิบศอก กว้างสี่ศอก ทั้งสิบเอ็ดผืนให้เท่ากัน ม่านห้าผืนให้เกี่ยวติดกันต่างหากและม่านอีกหกผืนให้เกี่ยวติดกันต่างหากเช่นกัน และม่านผืนที่หกนั้นจงให้ห้อยซ้อนลงมาข้างหน้าพลับพลา ทำหูห้าสิบหูติดกับขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่หนึ่ง และหูห้าสิบหูติดกับขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่สอง แล้วทำขอทองสัมฤทธิ์ห้าสิบขอ เกี่ยวขอเข้าที่หู เกี่ยวให้ติดเป็นเต็นท์หลังเดียวกัน ม่านเต็นท์ส่วนที่เกินอยู่ คือชายม่านครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่นั้น จงให้ห้อยลงมาด้านหลังพลับพลา ส่วนม่านคลุมพลับพลา ซึ่งยาวเกินไปข้างละหนึ่งศอกนั้น ให้ห้อยลงมาข้างๆพลับพลาทั้งข้างนี้และข้างโน้น สำหรับใช้กำบัง เครื่องดาดเต็นท์ข้างบน เจ้าจงทำด้วยหนังแกะตัวผู้ ย้อมสีแดงชั้นหนึ่ง และคลุมด้วยหนังของตัวแบดเจอร์อีกชั้นหนึ่ง”
เต๊นท์คลุมพลับพลา
ตอนนี้เราได้เปลี่ยนไปให้ความสำคัญแก่เต๊นท์คลุมพลับพลา เต๊นท์คลุมพลับพลาได้ทำขึ้นจากสี่ชั้นด้วยกัน เมื่อพระเจ้าทรงบอกให้โมเสสสร้างพลับพลา พระองค์ก็ทรงประทานรายละเอียดในการทำให้ด้วย ชั้นแรกนั้นสามารถมองเห็นได้จากภายในพลับพลาเท่านั้น ที่คลุมไม้แผ่นของพลับ พลาและเครื่องใช้ภายในพลับพลาทั้งหมดผืนนี้ได้แขวนจากเหนือไม่แผ่นของพลับพลาในที่บริสุทธิ์และที่บริสุทธิ์ที่สุด สุดไปจนถึงพื้น และมันทำด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี และมันสวยงามด้วยภาพเครูปที่ทอลงบนนั้น
เต๊นท์ผืนแรกนั้นทำด้วยม่านสองชุดที่ติดเข้าด้วยกัน แต่ละผืนทำจากม่านผืนเล็กห้าผืนที่เกี่ยวติดกัน ในการเกี่ยวม่านทั้งสองชุดนี้เข้าด้วยกัน ได้ทำหูม่านด้วยด้ายสีฟ้าติดตามขอบม่านทั้งสองชุดเพื่อทำให้ม่านนั้นใช่และเป็นผืนเดียวกัน
เต๊นท์ผืนแรกของพลับพลานั้นทำด้วยม่านสิบผืน ที่เกี่ยวม่านที่กว้างกว่าทั้งสองชุด ความยาวของมันคือ 28 คิวบิต หนึ่งคิวบิตก็ประมาณ 45 ซ.ม. ( 1.5 ฟุต ) และความกว้างก็จะประมาณ 12.6 เมตร ( 41.6 ฟุต ) ตามการวัดในปัจจุบันนี้ ในขณะที่ความกว้างของม่านแต่ละผืนคือ สี่คิวบิต คือ 1.8 เมตร ( 5.9 ฟุต ) ม่านห้าผืนได้เกี่ยวเข้าด้วยกันเมื่อทำเป็นม่านสองชุด และจากนั้นก็ติดทั้งสองชุดนี้ด้วยหูม่านสีฟ้าห้าสิบหูและขอทองคำห้าสิบขอ นี่คือวิธีที่เต๊นท์ผืนแรกทำเสร็จ แต่ยังมีอีกสามผืน เต๊นท์ผืนแรกของพลับพลานั้นทำด้วยม่านที่ทอด้วยภาพเครูปฝีมือช่างออกแบบไว้โดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี
สิ่งนี้แสดงให้เราเห็นถึงวิธีไปสู่อาณาจักรสวรรค์ ตัวอย่างเช่น ด้ายสีฟ้าที่ใช้สำหรับเต๊นท์ผืนแรกของพลับพลาหมายความถึงพิธีบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับจากยอห์นเพื่อรับเอาบาปของโลกนี้ไว้ พระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกไว้ด้วยการรับบัพติศมา ( มัทธิว 3:15 ) เพราะว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกไว้บนร่างกายของพระองค์เองผ่านบัพติศมาของพระองค์ และตอนนี้บัพติศมานี้ก็ได้เป็นภาพของความรอด ( 1 เปโตร 3:21 )
เต๊นท์ผืนที่สองของพลับพลานั้นทำด้วยขนแพะ ( อพบพ 26:7 ) ความยาวของมันยาวกว่าผืนแรก 90 ซ.ม. ( 3 ฟุต ) ความยาวเป็น 30 คิวบิต คือ 13.5 เมตร ( 45 ฟุต ) และความกว้าง 4 คิวบิต คือ 1.8 เมตร ( 5.9 ฟุต ) เต๊นท์นั้นทำด้วยม่านสิบเอ็ดผืน ที่เกี่ยวแต่ละผืนเข้าด้วยกันเพื่อทำเป็นม่านสองชุด ชุดหนึ่งมีห้าผืน และอีกชุดหนึ่งมีหกผืน ทั้งสองชุดนี้ได้เกี่ยวเข้าด้วยกันด้วยขอทองสัมฤทธิ์
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สองนี้ได้ทำขึ้นมาจากขนแพะ ซึ่งบอกเราว่า พระเยซูทรงทำให้เราบริสุทธิ์ด้วยความชอบธรรมของพระเจ้า เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาโลกนี้ ในตอนพระชนม์ได้ 30 พรรษาก็ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นที่ออกมาจากความตั้งพระทัยของพระองค์เอง และพระองค์ทรงยอมรับเอาบาปของโลกนี้ไปสู่พระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระผู้เป็นเจ้าจึงแบกเอาบาปของโลกนี้ไปบนไม้กางเขน ทรงถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อลบมลทินบาปทั้งหมดของเราเพียงครั้งเดียวเพื่อทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา ดังนั้นเต็นท์ผืนที่สองที่เป็นขนแพะสีขาว จึงบอกเราว่าพระเยซู คริสต์ผู้เสด็จมาเป็นแพะรับบาปได้ทำให้เราไม่มีบาปโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์
เต๊นท์ผืนที่สามนั้นทำจากหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง ที่บอกเราว่าพระเยซูทรงแบกรับเอาบาปของเราไว้โดยการรับบัพติศมา, แบกมันขึ้นไปบนไม้กางเขน, หลั่งพระโลหิตของพระองค์และถูกปรับโทษ และจึงได้ปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปของเรา
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สี่ทำด้วยหนังของตัวแบดเจอร์ ความหมายของหนังของตัวแบดเจอร์ก็คือว่าพระเยซู คริสต์ไม่ทรงเป็นที่น่าพอใจเลยเมื่อมองดูรูปลักษณ์ภายนอกของพระองค์ แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าโดยแท้จริง หนังของตัวแบดเจอร์แสดงให้เราเห็นถึงภาพลักษณ์ของพระเยซู คริสต์ผู้ทรงโน้มพระองค์ลงมาในระดับของมนุษย์เราเพื่อที่จะช่วยเราให้รอดจากบาปของโลกนี้
ตอนนี้เราลองมาดูเต๊นท์ของพลับพลาทั้งสี่นี้ให้ละเอียดมากขึ้น
ความหมายทางจิตวิญญาณของเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรก
วัสดุที่ใช้สำหรับทำเต๊นท์ผืนแรกของพลับพลานั้นคือด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี ที่มันทำในวิธีนั้นที่ด้ายทั้งสี่สีจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายในพลับพลาเช่นเดียวกันก็ได้รูปทอเครูปที่ฝีมือช่างออกแบบไว้ด้วย เพื่อให้มันได้มองลงมายังพลับพลาจากด้านบน ความหมายทางจิตวิญญาณที่ยึดด้ายแต่ละสีทั้งสี่สีเข้าด้วยกันมาดังนี้
ความลับของด้ายสีฟ้าที่แสดงในวัสดุของเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกนั้นคือพระเมสสิยาห์ทรงยอมรับเอาบาปทั้งหมดของทั้งโลกไว้ทั้งหมดเพื่อครั้งเดียวโดยบัพติศมาของพระองค์ พระองค์เสด็จมายังโลกนี้และทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ทรงเป็นตัวแทนของมนุษยชาติในการแบกรับบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้ เหมือนกับเครื่องสังเวยบูชาของพันธะสัญญาฉบับเก่าที่ได้ยอมรับบาปชั่วช้าของผู้มีบาปให้ผ่านไปสู่พวกเขาโดยการวางมือ และมันบอกเราเช่นกันว่าความจริงก็คือว่าพระเยซูทรงชำระบาปทั้งหมดของโลกนี้โดยการแบกรับการปรับโทษบาปเหล่านี้ไปทั้งหมดเพียงครั้งเดียว
อีกนัยหนึ่งด้ายสีม่วงบอกเราว่าพระเยซู คริสต์ผู้เสด็จมายังโลกนี้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งปวง และทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวสำหรับเรา มันบอกเราว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ด้ายสีแดงเข้มที่แสดงในพลับพลาได้บอกเราว่าพระเยซูทรงยอมรับเอาบาปทั้งหมดของเราเพียงครั้งเดียวผ่านบัพติศมาที่ทรงรับจากยอห์น หลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนและจึงได้รับการปรับโทษบาปของเราแทน
พิธีบัพติศมาของพระเยซูและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระองค์เป็นเช่นเดียวกันกับระบบการสังเวยบูชาของช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่าที่เครื่องบูชาที่ไม่มีตำหนิได้ยอมรับบาปชั่วช้าของผู้มีบาปไปผ่านการวางมือและหลั่งพระโลหิตเพื่อรับการปรับโทษบาปเหล่านี้ ใน พันธะสัญญาฉบับใหม่ก็เป็นเช่นนี้พระเยซูทรงรับบัพติศมา, เสด็จไปบนไม้กางเขน, หลั่งพระโลหิตของพระองค์และสิ้นพระชนม์บนนั้น
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลอ้างว่าพระเยซู คริสต์เป็นดุจเครื่องสังเวยบูชา พระนาม “ เยซู “ หมาย ความว่า “ พระองค์จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขาทั้งหลาย “ ( มัทธิว 1:21 ) และพระนาม “ คริสต์ “ หมายความถึง “ พระองค์ผู้ถูกเจิม “ ในพันธะสัญญาฉบับเก่านั้นมีคนอยู่สามแบบที่จะต้องได้รับการเจิมคือกษัตริย์, ผู้เผยพระวจนะและปุโรหิต ดังนั้น พระนาม “ พระเยซู คริสต์ “ จึงมีความหมายถึงผู้ช่วยให้รอด, พระเจ้า, มหาปุโรหิตแห่งอาณาจักรสวรรค์ และพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความจริงอันเป็นนิรันดร์ พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริงของเราด้วยการเสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นและหลั่งพระโลหิตของพระองค์
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกได้เปิดเผยว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมาโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี และจึงจะช่วยเราทั้งหมดที่เชื่อในพระองค์ให้รอดจากบาปของตนและการปรับโทษบาป พระราชกิจเหล่านี้จึงไม่มีอื่นใดไปได้นอกจากบัพติสมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ความลับของความรอดที่แสดงในด้ายทั้งสี่สีตรงเต๊นท์ผืนแรกนี้คือว่าพระเมสสิยาห์เสด็จมายังโลกนี้, รับเอาบาปของมนุษยชาติไว้โดยการรับบัพติศมา, ถูกตรึงไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งหนึ่ง
พระเยซู คริสต์ทรงช่วยผู้ที่เชื่อในพระองค์ให้รอดจากบาปของตนด้วยพระราชกิจเหล่านี้ พระเยซู คริสต์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งปวงและทรงเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ได้ลบมลทินบาปชั่วช้าของผู้มีบาป และทรงปลดปล่อยผู้ที่เชื่อให้รอดจากบาปและการปรับโทษบาปของพวกเขาทั้งหมด
ความหมายทางจิตวิญญาณของเต็นท์คลุมพลับพลาผืนที่สอง
วัสดุที่ใช้ทำเต็นท์คลุมพลับพลาผืนที่สองก็คือขนแพะ สิ่งนี้บอกเราว่าพระเมสสิยาห์ที่จะเสด็จมาจะทำให้มนุษย์ชอบธรรมด้วยการปลดปล่อยพวกเขาให้พ้นจากบาปของตนและการปรับโทษบาปของบาปเหล่านี้ด้วย อีกนัยหนึ่งมันบอกเราว่าเพื่อให้มนุษย์ได้รับความชอบธรรมของพระเจ้า มันจึงมีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำ, พระโลหิตและพระวิญญาณ ความชอบธรรมของพระเจ้าได้ชำระหัวใจของเราให้ขาวสะอาดเหมือนหิมะ และมันจึงทำให้เราได้รับการยกความผิดบาปของเรา
ความหมายทางจิตวิญญาณของเต็นท์คลุมพลับพลาผืนที่สาม
วัสดุที่ใช้ทำเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สามคือหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง สิ่งนี้แสดงว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมายังโลกนี้, มารับเอาบาปของโลกนี้ไว้โดยการรับบัพติศมา, ถูกตรึงบนไม้กางเขน และจึงมาเป็นเครื่องสังเวยบูชาบาปของคนของพระองค์พระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งบนไม้กางเขนได้จ่ายค่าจ้างของความตายเพื่อบาปของโลกนี้อีกนัยหนึ่งมันบอกเราว่าพระเยซู คริสต์ทรงเป็นเครื่อง สังเวยบูชาด้วยพระองค์เองและทรงช่วยคนพระองค์ให้รอดจากบาปของพวกเขา ( เลวีนิติ 16 )
ในวันทำการลบมลทิน แพะสองตัวได้รับเอาบาปทั้งหมดของประชาชนชาวอิสราเอลไว้ หนึ่งในนั้นเป็นสัตว์สังเวยของการลบมลทินที่ได้ถวายต่อพระเจ้าเพื่อบาปของพวกเขา ในตอนนั้น มหาปุโรหิตได้วางมือของพวกเขาลงบนหัวของแพะสังเวยบูชาตัวแรก ได้ผ่านบาปทั้งหมดของคนของเขาไปที่มันเพียงครั้งเดียวจากนั้นเขาก็นำเอาเลือดของมันไปประพรมทางทิศตะวันออกของพระ ที่นั่งกรุณา และประพรมมันเจ็ดครั้งตรงหน้าพระที่นั่งกรุณา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีของการลบมล ทินของชาวอิสราเอลที่ได้ถวายต่อพระเจ้า
จากนั้น มหาปุโรหิตก็วางมือของเขาลงบนแพะรับบาปอีกตัวและผ่านบาปประจำปีของชาวอิสราเอลไปต่อหน้าพยานที่เป็นชาวอิสราเอลที่มารวมตัวกันรอบๆพลับพลา สิ่งนี้ได้ให้ชาวอิสรา เอลทั้งหมดได้ตระหนักถึงบาปของตนในปีที่ผ่านมาพื่อให้ได้รับเอาบาปของพวกเขาออกไปผ่านการวางมือของมหาปุโรหิต แพะรับบาปจึงถูกส่งออกไปยังถิ่นทุรกันดารให้ตายด้วยการแบกบาปทั้งหมดของพวกเขาไปด้วย ( เลวีนิติ 16:21-22 ) สิ่งนี้เป็นคำสัญญาของพระเจ้าที่พระเมสสิยาห์จะเสด็จมาโลกนี้ มารับเอาบาปของโลกนี้ไปโดยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ทรงเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ ( มัทธิว 11:11-13, 3:13-17 ) เพื่อรับเอาการปรับโทษบาปเหล่านี้โดยการถูกตรึงบนไม้กางเขนอย่างเต็มพระทัย และด้วยเหตุนี้จึงช่วยคนของพระองค์ให้รอดจากบาปของตน
ความหมายทางจิตวิญญาณของเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สี่
หนังของตัวแบดเจอร์ได้แสดงให้เราเห็นถึงภาพของพระผู้เป็นเจ้าในตอนที่เสด็จมายังโลกนี้เช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์เพื่อทรงเรียกผู้มีบาปและทำให้พวกเขาเป็นคนชอบธรรม หนังของตัวแบดเจอร์บอกเราเช่นเดียวกันว่าพระเยซู คริสต์ไม่ทรงยกพระองค์ให้สูงขึ้นในตอนที่เสด็จมายังโลกนี้แต่พระองค์ทรงทำให้พระองค์ทรงต่ำลงเหมือนกับเป็นมนุษย์ธรรมที่พระองค์ประสูติมานั่นเอง
ในช่วงเวลาของพันธะสัญญา พระเจ้าตรัสผ่านผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมาและปลดปล่อยผู้มีบาปของโลกนี้ให้รอดจากความชั่วช้าของพวกเขา เราเห็นได้ว่าพระเจ้าทรงทำให้พระวจนะของการพยากรณ์ที่ได้กล่าวเอาไว้ผ่านคนรับใช้ของพระองค์สมบูรณ์ด้วยบัพติศมาของพระเยซู คริสต์และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน คำสัญญานี้คือพระวจนะของพันธสัญญาที่พระเมสสิยาห์จะทรงแบกรับบาปและการปรับทาบาปของชาวอิสราเอลและของทุกคนในโลกนี้ด้วยเช่นกัน และพันธสัญญาที่พระองค์จะทรงช่วยคนที่เชื่อพระองค์ทั้งหมดให้รอดและทำให้พวกเขาเป็นคนของพระองค์
อพยพ 25 กล่าวถึงวัสดุที่ใช้สร้างพลับพลา วัสดุของพลับพลาเหล่านี้ได้รวมถึง ด้ายสีฟ้า, สีม่วง, สีแดงเข้ม, ผ้าป่านเนื้อดี, ขนแพะ, ขนแกะตัวผู้ย้อมสีแดง, หนังของตัวแบดเจอร์, ทองคำ, เงิน, ทองสัมฤทธิ์, เครื่องหอม, น้ำมัน และหินล้ำค่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้แสดงว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา ยังโลกนี้และช่วยคนของพระองค์ให้รอดจากบาปของตนผ่านพิธีบัพติศมาและพระโลหิตที่ทรงหลั่ง ดังนั้นสิ่งที่ซ่อนในเต๊นท์คลุมพลับพลาคือแผนการของความรอดอันลึกซึ้งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นเพื่อช่วยคนของพระองค์ให้รอดขากบาปของพวกเขา
เหตุผลที่พระเจ้าทรงรับสั่งให้ใช้ด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มในการใช้เป็นวัสดุของเต็นท์คลุมพลับพลาคืออะไร?และทำไมพระองค์ทรงรับสั่งให้ใช้ขนแพะ, ขนแกะตัวผู้ย้อมสีแดงและหนังของตัวแบดเจอร์? เราต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษในแผนการของพระเจ้าที่ทรงทำให้ปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปของโลกนี้ เราต้องเชื่อในพระราชกิจที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม ที่พระเยซูทรงช่วยคนของพระองค์ให้รอด และเราต้องรอดจากบาปของเราและได้เป็นคนของพระ องค์ อีกนัยหนึ่ง เราต้องรู้จักและเชื่อในแผนการของพระเจ้าที่แสดงในเต๊นท์คลุมพลับพลา
ด้วยสี่วิธี
เต๊นท์คลุมพลับพลาทั้งสี่บอกเราถึงวิธีที่พระเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปในราย ละเอียด:พระเมสสิยาห์จะเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนัง, ทรงรับบาปทั้งหมดของโลกนี้ด้วยพิธีบัพติศมาที่ทรงรับจากยอห์น, ถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อการลงโทษของบาปเหล่านี้ และได้ย้ายบาปของคนของพระองค์และช่วยพวกเขาให้รอดจากบาปด้วยพระโลหิตของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ความรอดนี้สมบูรณ์เพียงการเชื่อในพระเมสสิยาห์ว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา เราต้องเชื่อทั้งหมดว่าพระเยซู คริสต์เสด็จมาอย่างแท้จริงโดยบัพติศมาและไม้กางเขนของพระองค์ตามที่แสดงในวัสดุที่ใช้ทำเต๊นท์คลุมพลับพลา และด้วยเหตุนี้ทรงช่วยเราให้รอดครั้งเดียวเพื่อทั้งหมดเพื่อบาปของเรา
พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาหาเราเพื่อเป็นเครื่องสังเวยบูชาให้เราในช่วงของพันธสัญญาฉบับใหม่, ทรงรับบัพติศมาและทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน ตามการพยากรณ์..ของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่แสดงในเต๊นท์คลุมพลับพลา ยิ่งไปกว่านั้นด้วยกาเรเชื่อในพระเมสสิยาห์ที่เปิดเผยในเต๊นท์คลุมพลับพลานั้นที่เราสามารถถวายบูชาของความเชื่อแก่พระเจ้าที่ได้ช่วยเราให้รอด
ดังนั้น เราต้องเชื่อในความจริงที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม หากผู้ใดก็ตามไม่ ได้ออกมาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าและไม่สามารถถวายบูชาของความเชื่อโดยการเชื่อในพระราชกิจที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มแล้ว เขาหรือเธอก็จะถูกทำลายอย่างแน่นอนเพราะบาปของตนเอง แต่ใครก็ตามที่เชื่อในความจริงนี้ ด้วยความเชื่อของความรอดของเขาหรือเธอนั้นที่จะทำให้เขาหรือเธอได้ไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าได้ตลอดเวลาเหมือนกับเป็นบุตรของพระองค์ พลับ พลาแสดงให้เราเห็นว่าไม่มีผู้ที่ไม่เชื่อในพระเยซู คริสต์ผู้เสด็จมาเป็นเครื่องสังเวยบูชาและที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่จะสามารถเข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้
เต๊นท์คลุมพลับพลาจึงแสดงให้เราเห็นถึงหนทางไปสู่สวรรค์ เราต้องค้นหาวิธีเข้าสู่อาณา จักรสวรรค์โดยการเชื่อในความจริงที่เปิดเผยในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม ใครก็ตามที่ต้องการเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าอันดับแรกจะต้องมีการแก้ปัญหาบาปของเขาหรือเธอโดยการเชื่อในความจริงของการยกความผิดบาปที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มก่อน ดังนั้นไม่ว่าผู้คนจะได้เข้าสู่คริสตจักรของพระเจ้าด้วยการเชื่อในความจริงนี้หรือไม่ หากพวกเขาถูกปฏิเสธจากพระเจ้าเพราะการไม่เชื่อแล้วก็ไม่มีทางเลือกที่พวกเขาจะได้รับ
แน่นอนว่าความสำนึกของเรานั้นมีเสรีภาพที่จะเชื่อหรือไม่ในการเชื่อในความจริงของความรอดที่เปิดเผยในเต็นท์คลุมพลับพลา แต่ท่านควรจะตระหนักเช่นกันว่าผลของการไม่เชื่อในความจริงนี้ก็จะเป็นเรื่องหายนะอย่างหนักที่ใครก็ตามจะต้องอดทน อย่างไรก็ตามเราต้องรอดจากบาปของเราอย่างเป็นนิรันดร์ด้วยการเชื่อในบัพติศมาที่พระเมสสิยาห์ทรงรับจากยอห์นและพระโลหิตบนไม้กางเขน เพื่อให้เราได้เข้าไปสู่ครอบครัวของพระเจ้าที่ส่องแสงตามน้ำพระทัยของพระองค์ ทุกคนจะต้องยอมรับและเชื่อในหัวใจของพวกเขาว่าปัญหานี้ของพระเมสสิยาห์และพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนได้ย้ายบาปของพวกเขาออกไป เพียงเมื่อพวกเขาเชื่อเช่นนั้นก็สามารถได้รับการยกความผิดบาปอันเป็นนิรันดร์และเข้าสู่พระสง่าราศีของพระเจ้าได้
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกได้ทอด้วยด้ายสีแตกต่างกัน และมันได้คลุมอยู่ใต้เต็นท์ผืนที่สองที่ทำจากขนแพะ สิ่งนี้ได้แสดงให้เราเห็นว่าความจริงที่เราสามารถรับการยกความผิดบาปได้นั้นขึ้นอยู่กับพระราชกิจของพระเยซูคือ พิธีบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตของพระองค์เอง ดัง นั้นการยกความผิดบาปที่เราได้รับโดยการเชื่อในความชอบธรรมของพระเจ้านั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อของเราในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีที่แสดงในเต๊นท์ผืนแรก เราลองกลับไปสู่พระวจนะของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลข้างล่างนี้เพื่อดูว่าความจริงนี้เป็นเช่นใด
อิสยาห์ 53:6 กล่าวว่า “ พระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน “ ฮีบรู 9:28 ประกาศว่า“ พระคริสต์จึงต้องถวายพระองค์เองหนหนึ่ง เพื่อจะได้รับเอาความบาปของคนเป็น อันมาก” และ 2 โครินธ์ 5:21 กล่าวว่า “ เพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาปเพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าในทางพระองค์” ข้อ ความทั้งหมดนี้จึงบอกเราว่าความรอดของเราได้สมบูรณ์ตามพระราชกิจของความรอดของพระเยซูที่แสดงในผ้าป่านเนื้อดีและด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่ใช้สำหรับเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรก การที่พระคริสต์ทรงแขวนพระองค์เองบนไม้และแบกรับการปรับโทษบาปแทนเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์ได้ทำให้เป็นไปได้โดยความจริงที่ว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปของเราไว้เป็นสิ่งแรกโดยการรับบัพติศมาจากยอห์น และไม่เพียงไม้กางเขนเท่านั้นที่พระองค์ทรงแบกรับบาปของโลกนี้ไว้
เมื่อพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้โดยการรับบัพติศมาและด้วยการที่ทรงแบกรับความทรมานจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้พวกเขานั้นพระองค์ไม่ทรงกลัวเลย ในทางตรงกันข้าม พระองค์ทรงยินดี! ทำไม? เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่พระองค์ “ จะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ “ ( มัทธิว 3:15 ) พระเยซูทรงรับบัพติศมาและหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปของเรา พระองค์ทรงทำเช่นนั้นก็เพราะพระองค์ทรงรักเรา นี่คือเหตุผลที่พระองค์เสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับบัพจิศมาจากยอห์น และเต็มพระ ทัยที่จะดื่มแก้วของการสังเวยบูชา นี่ก็เป็นพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาบาปของเราไว้และให้มีลบมลทิลบาปผ่านพิธีบัพติศมาของพระองค์ที่ทรงสามารถหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กาง เขนและรับการปรับโทษบาปของเรา
ขอที่เกี่ยวเต๊นท์คลุมพลับพลาไว้ด้วยกันนั้นทำด้วยทองคำ
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกนั้นทำจากม่านห้าผืนสองชุดที่เกี่ยวไว้ด้วยกันด้วยขอทองคำ สิ่งนี้แสดงให้เราเห็นอย่างแท้จริงว่าเราสามารถเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้เพียงเมื่อเราเชื่อในความจริงของการยกความผิดบาปที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม การที่ม่านชุโละห้าผืนสองชุดได้เกี่ยวเข้าด้วยกันด้วยขอทองคำก็แสดงให้เราเห็นว่าเราสามารถรอดจากบาปของเราได้เพียงเมื่อเรามีความเชื่อในความรอดของพระองค์ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ทองหมายความถึงความเชื่อแท้จริงที่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้า
ดังนั้นพวกเราทุกคนและแต่ละคนต้องเชื่ออย่างแน่นอนในพระวจนะของพระเจ้าทั้งหมด มันมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราที่จะมีความเชื่อในความจริงที่แสดงในด้ายสีฟ้า ในการตรึงไม้กางเขนของพระเจ้าเองเพียงอย่างเดียวนั้นไม่มีผลอะไรกับความรอดของเรา ทำไม? เพราะว่าก่อนที่จะเป็นการตรึงไม้กางเขนของพระองค์นั้นจะต้องมีการรับบัพติศมาที่ผู้มีบาปได้ผ่านบาปของตนไป สู่พระเยซู คริสต์ก่อน ไม้กางเขนคือผลของความรอดของเราเมื่อเราเชื่อว่าพระเจ้า พระบิดาทรงทำให้พระเยซูทรงยอมรับบาปของโลกนี้ไว้โดยบัพติศมา
ผ้าป่านเนื้อดีในพลับพลาบอกอะไรกับเรา?
มันบอกเราว่าพระเจ้าทรงทำงานท่ามกลางเราตามพระวจนะของความจริงที่ซับซ้อนของพระองค์ พระเมสสิยาห์เสด็จมาโลกนี้อย่างแท้จริงและแบกรับบาปของเราและการปรับโทษไว้โดยบัพติศมาที่ทรงรับจากยอห์นและพระโลหิตของไม้กางเขนและมันบอกเราว่าความรอดของพระองค์นั้นสมบูรณ์แล้วตามที่ทรงสัญญาเอาไว้ในพระวจนะของพระองค์
ในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่ พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมายังโลกนี้อย่างแท้จริง ทรงรับเอาบาปของเราไว้โดยรับบัพติศมาจากยอห์น, หลั่งพระโลหิตจนสิ้นพระชนม์, ทรงแบกรับการปรับโทษบาปของเราทั้งหมด และจึงได้รักษาสัญญาของความรอดทั้งหมด พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จและสมบูรณ์ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นและถูกตรึงไม้กางเขน พันธะสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์นั้นสมบูรณ์โดยพระบุตรของพระองค์พระเยซู
แล้วใครควรจะให้ความสนใจในความจริงนี้อย่างใกล้ชิด? ประชาชนชาวอิสราเอลเท่านั้นหรือ? หรือท่านและผู้เขียน?
ความจริงที่ว่าเต๊นท์คลุมพลับพลาได้เกี่ยวเข้าด้วยกันกับขอทองคำห้าสิบอันนั้นต้องการความเชื่อที่แท้จริงจากเรา มันแสดงให้เราเห็นว่าเราสามารถเข้าสู่อาณาจักรของสวรรค์ได้เพียงเมื่อเรารู้จักและเชื่อว่าพระเยซูทรงชำระบาปของเราทั้งหมดออกไปโดยพระราชกิจของพระองค์ที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีที่ใช้สำหรับเต็นท์คลุมพลับพลาผืนแรก
อีกนัยหนึ่ง มันแสดงให้เราเห็นว่าการยกความผิดบาปนั้นได้รับเพียงการเชื่อในพระวจนะของความจริงเท่านั้น พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นอย่างแท้จริงผ่านพันธสัญญาฉบับใหม่ในรายละ เอียดที่เราได้รับความรอดอย่างแท้จริงของเราโดยการเชื่อว่าบัพติศมาและพระโลหิตของไม้กางเขนที่แสดงในเต็นท์คลุมพลับพลาได้ช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเรา
พระเจ้าทรงทำให้เราได้ชำระบาปทั้งหมดของเราอย่างแท้จริงและให้ขาวเหมือนหิมะด้วยการเชื่อในความจริงที่เปิดเผยในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีที่ใช้สำหรับเต๊นท์คลุมพลับพลา และพระเจ้าทรงยอมให้ผู้ที่มีความเชื่อนี้ได้เข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ เราต้องทราบเกี่ยวกับเต๊นท์คลุมพลับพลาและเชื่อมัน เราสามารถรับคุณสมบัติในการได้เป็นบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริงและได้รับสง่าราศีของการได้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระองค์ด้วยการเชื่อในพระเยซู คริสต์ผู้เสด็จมาหาเราผ่านพระราชกิจของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม
เมื่อพระเมสสิยาห์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราผ่านพระราชกิจของพระองค์ที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม เราจะไม่เชื่อในความลึกซึ้งของพระเจ้าและความรักของความรอดอันยิ่งใหญ่และปฏิเสธมันได้อย่างไร? เราจะสามารถปฏิเสธการยกความผิดบาปของเราและอาณาจักรสวรรค์ที่ได้รับด้วยความเชื่อได้อย่างไร? เราจะต้องเชื่อทั้งหมดในพระเยซู คริสต์ว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราผู้ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปของโลกโดยการรับบัพติศมาและหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน เพียงเท่านั้นเราก็จะสามารถได้เป็นบุตรของพระเจ้า
คนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในความจริงของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่แสดงในเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกไม่สามารถได้ชำระบาปของพวกเขาออกไปอย่างแท้จริงด้วยความเชื่อคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อในความจริงนี้ไม่สามารถเป็นบุตรของพระเจ้าได้ นี่คือเหตุผลที่เราจะต้องเชื่อในความจริงของความรอดที่เปิดเผยในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่ใช้สำหรับเต๊นท์คลุมพลับพลาและเราต้องได้รับชีวิตนิรันดร์
เต๊นท์ที่เป็นขนแพะได้ทำให้ใหญ่กว่าเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรก
เต๊นท์ผืนที่สองได้ทำจากขนแพะที่ใหญ่กว่าเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรก สิ่งนี้หมายความว่าคนทั้งหลายที่ยืนต่อต้านพระเจ้าก็จะไม่เห็นแม้แต่ส่วนหนึ่งของความจริงที่เปิดเผยในเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรก จริงๆแล้วต้องมีการซ่อนความลับของการยกความผิดบาปที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มของเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรก นี่ก็เป็นเพราะว่าพระเจ้าทรงกำหนดขึ้นเพียงผู้ที่เคารพและเกรงกลัวพระองค์เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ได้โดยความเชื่อในพระราชกิจของพระเยซูที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม
นี่จึงเป็นเหตุผลที่พระเจ้าทรงตั้งเครูปตรงทิศตะวันออกของสวนเอเดน และมีดาบเพลิงที่หมุนได้รอบทิศทาง เพื่อปกป้องทางเข้าสู่ต้นไม้แห่งชีวิตหลังจากที่พระองค์ทรงไล่มนุษย์ผู้ตกลงไปสู่บาปออกไปแล้ว ( ปฐมกาล 3:24 ) ความจริงที่ให้เราได้สามารถเข้าสู่อาณาจักรของสวรรค์ได้นั้นไม่สามารถเห็นได้โดยใครก็ตามที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้าก่อน นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงทำเต๊นท์ผืนที่สองขึ้นมาด้วยขนแพะ ที่ใหญ่กว่าแต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกเล็กน้อย
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สองแสดงให้เราเห็นว่าเราเป็นผู้ชอบธรรมได้เพียงเมื่อเราได้รับการยกความผิดบาปที่แสดงในเต๊นท์ผืนแรก ในทางตรงกันข้าม พระเจ้าทรงยอมให้เพียงผู้ที่เชื่อในพระวจนะของพระองค์ด้วยความกลัวและการเคารพและผู้ที่ยึดข่าวประเสริฐของความจริงเท่านั้นได้เป็นคนของพระองค์ เพราะนี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงระบุไว้ให้มันเป็น พระองค์ไม่ทรงยอมให้ผู้ที่ไม่มีความเชื่อในด้ายสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มที่เป็นความจริงของการยกความผิดบาปที่ทรงกำหนดไว้ เพราะนี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงระบุเอาไว้ น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือว่าคนทั้งหลายที่ยังมีความชั่วร้ายในหัวใจอยู่ด็ไม่สามารถตระหนักได้ถึงความลับของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มแม้แต่น้อย
เต็นท์คลุมพลับพลาผืนที่สองทำจากขนแพะและมันมีขอที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์
ความหมายทางจิตวิญญาณของขอทองสัมฤทธิ์ก็คือการพิพากษาบาปของผู้คน ขอทองสัมฤทธิ์บอกเราว่าบาปทั้งหมดนั้นต้องได้จ่ายค่าจ้างของมัน ดังนั้นขอทองสัมฤทธิ์จึงมีความจริงที่พระเมสสิยาห์ทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพราะพระองค์เสด็จมายังโลกนี้และรับเอาบาปของโลกไปทั้งหมดเพียงครั้งเดียวด้วยการรับบัพติศมา เพราะว่าพระเมสสิยาห์ทรงรับเอาบาปของโลกไว้ที่พระองค์ก่อนโดยบัพติศมาที่ทรงรับจากยอห์น จากนั้นพระองค์ก็ทรงแบกรับการปรับโทษบาปของโลกเหล่านี้ไว้ด้วยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขน
เราค้นพบกฎของพระเจ้าที่บอกเราว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย ( โรม 6:23 ) ได้จากขอทองสัมฤทธิ์ ดังนั้น เราจะต้องตระหนักว่าพระเจ้าทรงทำให้การพิพากษาบาปของเราสมบูรณ์ผ่านพระเมสสิยาห์ ตั้งแต่ที่พระเยซู คริสต์ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นและหลั่งพระโลหิตจนสิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขน ซึ่งทำให้การพิพากษาบาปทั้งหมดของมนุษยชาติสมบูรณ์ทั้งหมด
เมื่อเราไปอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า ท่านและผู้เขียนต้องคิดด้วยความสำนึกของเราว่าความ จริงคืออะไร เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ด้วยการทำบาปอยู่เรื่อยๆทุกวันด้วยหัวใจ, ความคิด และการกระ ทำของเรา อย่างไรก็ตาม พระเมสสิยาห์ทรงยอมรับบาปโดยแท้จริงเหล่านี้ที่เราได้ทำทุกวันเช่นกันด้วยการจ่ายค่าจ้างของบาปเหล่านี้ด้วยชีวิตของพระองค์ และจึงได้ทำให้ความรอดของเราสมบูรณ์ ความสำนึกของเราต่อพระพักตร์พระเจ้านั้นจะต้องตายไม่ว่าวิธีใดถ้าหากเราไม่มีความเชื่อในความจริงของพระองค์ ดังนั้น สำหรับเราทุกคน ในตอนนี้จะต้องเชื่อในความจริงนี้เพื่อว่าจิตวิญญาณที่กำลังจะตายของเราจะสามารถรอดได้และมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
หัวใจของเราปรารถนาที่จะเชื่อในความจริงที่แสดงในขอทองสัมฤทธิ์เหล่านี้ไหม? ความจริงที่ขอทองสัมฤทธิ์กำลังบอกกับเราก็คือว่าในขณะที่เราจะต้องถูกปรับโทษบาปโดยไม่มีทางเลี่ยงนั้น พระเมสสิยาห์ทรงรับเอาบาปของเราไว้ด้วยการรับบัพติศมาและถูกปรับโทษบาปเหล่านั้นทั้ง หมดแทนเรา พระเยซูทรงแบกรับการปรับโทษบาปทั้งหมดอย่างแท้จริงครั้งเดียวด้วยบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตบนไม้กางเขน ด้วยการทำเช่นนี้ พระเยซู คริสต์ทรงประทานความเชื่อมาให้เราและให้เราได้สามารถเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้
เมื่อใครก็ตามได้ทำบาปในหัวใจของเขาหรือเธอต่อพระพักตร์พระเจ้า เขาหรือเธอก็จะต้องตกนรก ทั้งหมดที่เราสมควรได้รับก็คือความตายอันเป็นนิรันดร์เพราะบาปของเรา แต่พระเมสสิยาห์เสด็จมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปให้เราและจึงช่วยเราให้รอดจากการถูกปรับโทษเหล่านั้นทั้งหมด เราควรจะต้องถูกลงโทษให้ต้องตกนรกเพราะบาปของเราหากยังไม่เชื่อในพระเมสสิยาห์ที่ทรงถูกลง โทษแทนเราตอนนี้เราก็สามารถเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้แล้ว
เราจะต้องได้ย้ายบาปของเราออกไปและพ้นจากการปรับโทษบาปของเราด้วยการเชื่อในความจริงนี้ในหัวใจของเรา ในการทำงานของความรอดนี้ที่พระเมสสิยาห์ทรงยอมรับบาปของโลกไว้ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นและทรงถูกตรึงไม้กางเขนเพราะบาปของโลกเหล่านี้ ไม่ใช่เราจะได้รับการยกความผิดบาปเท่านั้น แต่เรายังรอดจากการถูกปรับโทษบาปของเราด้วยเช่นกันด้วยการรู้จักและเชื่อในความจริงนี้
เราจะต้องเชื่อว่าพระเมสสิยาห์ทรงยอมรับเอาบาปของเราไว้ที่พระองค์และแบกรับการปรับโทษบาปเหล่านี้ไว้ด้วยการเสด็จมายังโลกนี้และได้รับบัพติศมาของพระองค์ก่อนในรูปแบบของการวางมือ หากพระเมสสิยาห์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของโลกของเรานี้ไว้ทั้งหมดโดยพิธีบัพติศมาที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนและหากพระองค์ทรงถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปเหล่านี้แล้ว เราจะต้องเชื่อเช่นกัน พระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้แก่ผู้ที่เชื่อเช่นนั้น
เพราะว่าเราต้องตกนรกเพราะบาปของเรา พระเมสสิยาห์จึงยอมรับเอาบาปของเราและสิ้น พระชนม์ในที่ของเรา และจึงรับเอาการปรับโทษบาปแทนเรา สำหรับเราผู้ที่จะต้องตายจากการสิ้นถูกปรับโทษบาปของเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงแบกรับการปรับโทษบาปเหล่านี้ไว้แทนเรา หากพระผู้เป็นเจ้าทรงถูกตรึงไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยเราให้รอดจากการพิพากษาของบาปของเราแล้วเราก็จะต้องเชื่อเช่นนั้น
เราต้องยอมรับความรอดของพระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่จิตวิญญาณของเรา, เข้าสู่ส่วนลึกของหัวใจของเรา ไม่ใช่ด้วยความปรารถนาตามทางโลกของเราแต่ด้วยความเชื่อในพระวจนะของพระองค์ทางจิตวิญญาณของเรา ท่านแต่ละคนและทุกคนผู้ที่ตอนนี้ได้ฟังข้อความนี้จะต้องเชื่อในความจริงนี้ในใจของท่าน เพราะว่าพระเมสสิยาห์ทรงช่วยเราให้รอดโดยบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตที่ทรงหลั่ง คนทั้งหลายที่เชื่อจึงรอดได้อย่างแท้จริง
หากประชาชนไม่เชื่อว่าพวกเขาต้องตกนรกแล้ว พวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องรอดด้วยการเชื่อในพระเมสสิยาห์ผู้เสด็จมาโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม แต่หากว่าผู้คนไม่เชื่อว่าพวกเขาต้องตกนรกอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาต้องรอดด้วยการเชื่อในพระเมสสิยาห์นี้ผู้เสด็จมาโดยด้ายสีฟ้า,สีม่วงและสีแดงเข้มนี่คือเหตุผลที่พระเยซูตรัสว่า“ คนปกติไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บต้องการหมอ เรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนชอบธรรมแต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่ “ ( มาละโก 2:17 ) เมื่อพวกเขาเชื่อในความจริงนี้ในหัวใจของเขาแล้ว พวกเขาก็จะได้รับการยกความผิดบาปในหัวใจของตน
หากเราดูตัวเราเองที่วัดด้วยพระราชบัญญัติต่อพระพักตร์พระเจ้าแล้ว เราก็จะไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเราเต็มไปด้วยบาปอย่างแท้จริง และว่ามีคำสาปแช่งอย่างเป็นนิรันดร์สำหรับบาปของเรา ไม่เพียงแต่เราต้องยอมรับตัวเราเองว่าต้องตกนรกเพราะบาปของเราเท่านั้น แต่เราต้องมีความปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงการปรับโทษบาปทั้นด้วยเช่นกัน เพื่อให้เราจะสามารถชำระบาปทั้งหมดของเราได้ด้วยการเชื่อในข้อความนี้ นี่คือหนทางเดียวของชีวิตที่แบกรับการปรับโทษบาปทั้งหมดของเราด้วยความเชื่อ
หากไม่มีความเชื่อในพระราชกิจของพระเยซูที่ทรงแสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วงและสีแดงเข้มที่ใช้สำหรับทำเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกแล้ว เราก็จะเผชิญกับนรกอย่างแน่นอน พิธีบัพติศมาที่พระเมสสิยาห์ทรงได้รับและพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งต่อความรอดของจิตวิญญาณของเรา
เพราะว่าเราเกิดมาเป็นทายาทของอดัมและจึงเต็มไปด้วยบาป เราจึงต้องตกนรก ดังนั้นเราต้องยอมรับต่อพระพักตร์พระเจ้าว่าเราทั้งหมดคือผู้มีบาปที่ต้องตกนรก แต่ท่านยอมรับสิ่งนี้ไหม? เมื่อพระเจ้าทรงมองดูที่เรา พระองค์ทรงเห็นว่าเราต้องตกนรก และเมื่อเรามองดูตัวของเราเองต่อพระพักตร์พระเจ้าเช่นเดียวกัน เราก็จะเห็นเช่นกันว่าเราต้องตกนรก เพราะว่าท่านและผู้เขียนต้องตกนรกพระผู้ช่วยให้รอดของเราจึงเสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราให้รอดจากบาปของเรา
พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทำพระราชกิจของการช่วยเราให้รอดสมบูรณ์ด้วยการเสด็จมายังโลกนี้, ทรงรับบัพติศมาและหลั่งพระโลหิตของพระองค์และสิ้นพระชนม์ หากเราไม่ต้องตกนรกตามพื้นฐาน ก็ไม่จำเป็นที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำพระราชกิจของความรอดนี้ แต่มันชัดเจนว่าแม้ว่าเราผู้ที่เกิดใหม่ไม่มีบาปในหัวใจของเราในตอนนี้เราก็ยังเป็นผู้มีบาปมาก่อนเช่นเดียวกัน
ใครก็ตามที่เต็มไปด้วยบาปจะต้องตกนรกอย่างแน่นอน ค่าจ้างของบาปคือความตาย สิ่งนี้หมายความว่าผู้มีบาปนั้นต้องตกนรกอย่างแน่นอน แต่คนทั้งหลายที่ได้รับของประทานของความรอดด้วยความเชื่อที่พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระเยซู คริสต์มาทานมาให้จะได้รับชีวิตนิรันดร์ เมื่อท่านและผู้เขียนเชื่อในพระเยซู พระเมสสิยาห์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราแล้ว พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากการปรับโทษบาปทั้งหมดในความรักเราของพระองค์ อาเมน! ฮาเลลูยาห์!
เราจะต้องตรวจสอบตัวเราเองและดูว่าเรามีความเชื่อที่แท้จริงที่พระผู้เป็ นเจ้าประทานมาให้ในหัวใ จของเราหรือไม่
เราลองมาดูที่ตัวเราเอง ท่านและผู้เขียนเชื่อตามกฎของพระวจนะของพระเจ้าไหม? หากเชื่อแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับเราต่อพระพักตร์พระเจ้า? เราจะไม่ต้องถูกปรับโทษบาปของเราจากพระเจ้าหรือ? พระเจ้าของเราไม่ทรงไม่มีเหตุผลกับผู้ที่ยังไม่ถูกลงโทษบาป เพราะพระเจ้าทรงบริ สุทธิ์และชอบธรรม พระองค์ไม่ทรงอดทนต่อความบาป พระเจ้าทรงบอกเราว่าพระองค์จะทรงให้ผู้ที่เต็มไปด้วยบาปที่ไม่เชื่อต้องตกนรกอย่างแน่นอน
พระองค์ทรงบอกเราว่าพระองค์จะส่งพวกเขาลงไปยังนรกไปเผาใหม้ด้วยไฟและกำมะถันที่ที่จะต้องตาย พระเจ้าจะเหวี่ยงผู้ที่ไม่พยายามลบบาปของตนออกไปและพยายามให้ความสบายกับใจตัวด้วยตัวเองให้ตกนรก นี่คือเหตุผลที่พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับคนเช่นนั้นว่า “ เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลยผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา “ ( มัทธิว 7:23 )
ดังนั้นเราต้องเชื่อในพระเมสสิยาห์ และเราจะต้องเชื่อในบัพติศมาที่พระองค์ทรงได้รับในตอนที่เสด็จมายังโลกนี้, เชื่อในพระโลหิตบนไม้กางเขน และเชื่อในการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ ทำไม? เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เราทั้งหมดเป็นผู้มีบาปต่อพระพักตร์พระเจ้าและต้องตกนรก นี่คือเหตุผลที่พระเมสสิยาห์เสด็จมาโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มเพื่อการถวายบูชาของความรอดด้วยร่างกายของพระองค์เอง และด้วยเหตุนี้จึงได้ลบบาปทั้งหมดของเราออกไป ดังนั้นเราจึงต้องเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรับบัพติศมาและสังเวยบูชาทั้งหมดเพื่อประโยชน์แห่งเรา หากเราไม่สามารถตระหนักถึงตัวเราเองว่าเราต้องตกนรกแล้ว เราก็ไม่มีอะไรที่จะทำกับพระผู้เป็นเจ้าอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้คนมากมายไม่คิดถึงตัวเองว่าจะต้องถูกขว้างลงนรกเพราะบาปของตน พวกเขาคิดว่าพวกเขาสบายดีเกินที่จะปรึกษาหมอ คนเช่นนั้นเป็นผู้ที่คิดถึงพระเยซูเพียงผู้ชายที่สุภาพและมีกิริยาดี, เป็นคนที่น่าเคารพและเป็นอาจารย์ เท่านั้น และพวกเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เชื่อในพระเยซูเพียงแค่การแกล้งแสดงพระองค์เหมือนคนทั่วไป พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับคนเช่นนั้นว่า “ คนปกติไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการหมอ “ ( มัทธิว 9:12 ) พวกเขาได้ตรวจสอบหัวใจของตัว เองทั้งหมดจากจุดมาตรฐานของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในตอนนี้ ด้วยเกรงว่าพวกเขาจะจบลงในนรก
เหตุผลที่เราเชื่อในพระเมสสิยาห์ก็คือการถ่ายบาปของเราออกไปด้วยการเชื่อในพระองค์ว่าเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา มันไม่ใช่การสร้างความดีของตัวเราเองที่เราเชื่อในพระเมสสิยาห์ นี่คือเหตุ ผลที่เราเชื่อ:ที่พระเยซู พระเมสสิยาห์ได้ประสูติบนโลกนี้ ; ที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นในตอนพระชนม์ได้ 30 พรรษา ; ที่พระองค์ทรงแบกรับเอาบาปของโลกนี้ไว้และทรงหลั่งพระโล หิตของพระองค์ด้วยการถูกตรึงไม้กางเขน ; ที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งในสามวัน ; ที่พระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์ ; และที่ตอนนี้พระองค์ประทับอยู่เบื้องพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า พระบิดาทั้งหมดนี้ได้ร่วมเป็นพยานของความรอดจากบาปของเรา เพราะว่าทั้งหมดนี้เป็นการทำงานของพระผู้ช่วยให้รอดผู้ปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปของเรา เราจึงต้องเชื่อทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน และไม่ละทิ้งอะไรไว้เลย
ในความคิดของเรามันอาจจะดูไม่เป็นไรที่จะทำเต๊นท์คลุมพลับพลาด้วยการทอด้ายหนา แต่พระพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พระเจ้าประทานรายละเอียดอย่างชัดเจนในการระบุว่ามันจะต้องทำเช่นใด, ว่าขอจะต้องทำจากทองคำและทองสัมฤทธิ์อื่นอย่างใด ท่านคิดไหมว่าทำไมพระเจ้าทรงรับสั่งเช่น นั้น? พระองค์ทรงรับสั่งเช่นนั้นก็เพราะว่าทั้งหมดนี้มีความหมายที่จะเปิดเผยลักษณะทางจิตวิญ ญาณให้แก่เรา นี่คือเหตุผลที่เราไม่สามารถมองข้ามมันไป
เราจะต้องเชื่ออย่างแน่นอนในพิธีบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู คริสต์ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์
เราต้องตกนรกเพราะบาปของเรา แต่พระเยซู คริสต์ พระเมสสิยาห์ได้เสด็จมายังโลกนี้และช่วยเราให้รอดจากบาป พระเยซูทรงรับบัพติศมา, ถูกตรึงไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตของพระ องค์อย่างแท้จริง ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเพียงกล่าวว่าเราไม่มีบาปด้วยการไม่ได้เชื่อในหัวใจของเราในพิธีบัติศมาของพระเยซูและพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขน พระเยซู ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ เสด็จโลกนี้โดยแท้จริงเพื่อช่วยเราให้รอด, ทรงยอมรับบาปของมนุษยชาติไว้ที่ร่างกายของพระองค์โดยพิธีบัพติศมา, ทรงแบกรับการลงโทษของเราและสิ้นพระชนม์, ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง และจึงได้มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอันเป็นนิรันดร์ของเรา พระเยซูทรงช่วยเราในวิธีนี้ก็เพราะว่าจะสามารถช่วยเราให้พ้นจากบาปทั้งหมดของเราด้วยการเชื่อในพระเยซูนี้
พระเมสสิยาห์ต้องรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจะจากนั้นก็สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อทำให้งานของความรอดสำเร็จ สิ่งนี้หมายความว่าตั้งแต่เริ่มต้น เราต้องถูกปรับโทษบาปของเราแต่ในความเป็นจริงตอนนี้เราไม่ต้องรับการปรับโทษอีกแล้ว ทำไม? เพราะว่าพระเมสสิยาห์ผู้ทรงไม่มีบาปได้ทรงยอมรับเอาบาปของเราให้ผ่านไปสู่พระองค์ และทรงรับการปรับโทษบาปแทนเรา ดังนั้น ด้วยการเชื่ออย่างหมดใจในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนที่จะทำให้เราได้พ้นจากการปรับโทษบาปทั้งหมดของเราได้
เราได้เห็นสติ๊กเกอร์คำว่า “ พระเยซูทรงรักท่าน! “ ที่ติดบนหลังรถยรต์หลายคัน นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูทั้งหมดทรงต้องการให้ท่านทราบหรือ? ความรอดของพระผู้เป็นเจ้าของเราไม่ใช่สิ่งที่จะกล่าวด้วยคำเช่นนั้นได้ พระองค์ทรงต้องการให้ท่านทราบว่า “ เรารักเจ้ามาก ดังนั้น เราจึงยกโทษบาปให้เจ้า เพียงเชื่อเรา และเราจะทำให้เจ้าเป็นบุตรของพระเรา “ พระเมสสิยาห์ทรงรับบัพติศมาและตรึงไม้กางเขน และหลั่งพระโลหิตของพระองค์จนสิ้นพระชนม์อย่างแท้จริงเพื่อที่จะปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปของเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดอย่างแท้จริงและปลดปล่อยเราให้พ้นจากการพิพากษาที่รอคอยเราอยู่
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นหมอรักษาความเจ็บป่วยทางบาปของเรา พระองค์เสด็จมายังโลกนี้แล้วรับเอาบาปของเราไปสู่ร่างกายของพระองค์ด้วยการรับบัพติศมา ถูกตรึงไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตจนสิ้นพระชนม์ ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายจริงๆ และจึงได้ช่วยเราให้รอด เมื่อเราต้องตกนรกอย่างแท้จริงเพราะบาปของเรา พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงรักษาเราให้หายจากความเจ็บป่วยของบาปทั้งหมดของเรา เราต้องได้รับการรักษาบาปของเราผ่านความเชื่อที่ถูกต้อง
หากผู้คนไม่ต้องตกนรกแม้ว่าพวกเขายังเต็มไปด้วยบาปแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่พระเมสสิยาห์จะเสด็จมายังโลกนี้และหลั่งพระโลหิตของพระองค์ แต่เหตุผลที่ผู้คนจะต้องเชื่อในพระเยซูอย่างแน่ นอนก็เพราะพวกเขามีความเจ็บป่วยของบาปที่น่ากลัวที่จะนำพวกเขาไปนรกได้ ในความจริงผู้คนที่มีความเจ็บป่วยทางบาปที่น่ากลัวจะต้องตกนรกอย่างไม่มีทางเลี่ยง และนี้คือเหตุผลที่พวกเขาจะต้องเชื่อในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
ทุกคนที่มีบาปในหัวใจของตนต้องได้รับการลงโทษของนรกอย่างแน่นอน เพราะมันได้มาถึงกฎของพระเจ้าที่ว่า ค่าจ้างของบาปคือความตายสำหรับทุกคน หากใครที่มีบาปแม้เพียงเสี้ยวเล็กๆในหัวใจของเขาหรือเธอแล้ว เขาหรือเธอก็จะต้องตกนรก นี่คือเหตุผลที่พระเยซูเสด็จมาหาเรา ดังนั้นเมื่อเราเชื่ออย่างแท้จริงในพระเมสสิยาห์ผู้ทรงลบมลทินบาปของเราออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เราก็สามารถรอดจากบาปทั้งหมดของเราได้ เราต้องเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา และเราต้องเชื่ออย่างแท้จริงในสิ่งที่พระองค์ทรงทำพื่อเรา
ตามจริงแล้วพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งอย่างแท้จริง แต่พระ องค์ทรงรักษาความเป็นพระเจ้าของพระองค์ไว้และเสด็จมาในเนื้อหนังของมนุษย์ในชั่วขณะหนึ่ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะปลดปล่อยท่านและผู้เขียนผู้ที่ทรงรักให้รอดจากการลงโทษที่น่ากลัวของบาป, นรก, ความพินาศ และการสาปแช่ง และพระองค์ทรงรับบัพติศมา, ถูกตรึงไม้กางเขน, ฟื้นขึ้นมาจากความตายและจากนั้นก็เสด็จขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง นี่คือความจริง เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อความจริงนี้ได้เลย ในการเชื่อในความจริงนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะวางให้เป็นทางเลือกของท่าน ท่านต้องเชื่ออย่างแน่นอนในความจริงนี้ในหัวใจของท่านและเราต้องรู้จักมันอย่างแน่นอน
แพะและแกะที่ใช้สำหรับสังเวยบูชาได้มีบาปใดๆไหม? ไม่ สัตว์ไม่เคยมีความคิดใดๆที่จะทำบาป แต่เพราะว่าสัตว์เหล่านี้ได้ยอมรับบาปของชาวอิสราเอลในพันธะสัญญาฉบับเก่าผ่านการวางมือ พวกเขาจึงได้ให้มันต้องตายแทนตนอย่างแท้จริง ทำไม? ก็เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย และนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงระบุเอาไว้ ดังนั้น เครื่องบูชาในวันทำการลบมลทินที่ได้ยอมรับบาปของประชาชนชาวอิสราเอลก็ต้องตายอย่างแน่นอนเช่นกัน ดังนั้นในเหตุผลเดียวที่พระเยซู คริสต์สิ้นพระชนม์ก็เพราะพระองค์ทรงแบกรับเอาบาปของโลกนี้เอาไว้โดยบัพติศมาของพระองค์
งานเหล่านี้ได้ทำอย่างแท้จริงกับผู้ใด? สำหรับท่านและผู้เขียนโดยแท้ มีบางสิ่งที่เราจะทั้งเชื่อและไม่เชื่อไหม? ผู้คนไม่เชื่อเพราะว่าพวกเขามีความกระจ่างชัดในการเจ็บป่วยทางบาปอย่างรุนแรงของตนอย่างสมบูรณ์ แต่หากพวกเขาได้มารู้จักความจริงที่ว่าพวกเขาต้องตกนรกแม้แต่ด้วยบาปเพียงน้อยนิดก็ตาม พวกเขาก็จะไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรอดของพระเยซู คริสต์ พระเมสสิยาห์ว่าเป็นเพียงทางเลือกของตนได้ บางสิ่งที่พวกเขาสามารถเชื่อและไม่เชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ
หากผู้คนมีบาป แม้จะเล็กเท่าเมล็ดข้าว พวกเขาก็จะต้องตกนรกอยู่ดี พวกเขาจะถูกทำลาย ทำสิ่งที่พวกเขาทำในโลกนี้ก็จะจบลงด้วยการถูกสาปแช่งในท้ายที่สุด คนทั้งหลายที่คิดว่ามันไม่เป็น ไรที่มีบาปเป็นภาพหลอนอย่างลึกๆอยู่ ผลของบาปนั้นคือความตายอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่ายังมีหลายคนที่มีชีวิตของตนที่ประสบความสำเร็จแม้ว่าพวกเขายังคงมีบาปในหัวใจตนอยู่ก็ตามคนหนุ่มสาวนั้นมีความชื่นชมที่จะนมัสการคนดังและฝันที่จะได้พบกับพวกเขาในสักวัน แต่พวกเขาจะมีชีวิตที่สวยหรูอย่างนั้นตลอดไปหรือ? หลายคนต้องเปลี่ยนไปเป็นคนทุกข์ยากหลังจากชื่อเสียงของตนหายไปเพียงสิบห้านาที
มีบางคนที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไปในทางที่ไม่ดี ท่านก็เช่นกัน ก่อนที่ท่านจะพบกับพระผู้เป็นเจ้าก็อาจจะเป็นเช่นนี้ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ในชีวิตแห่งการสาปแช่งนั้นอยู่ สิ่งที่ท่านคิดเอาไว้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ดังใจ และสิ่งที่ท่านคิดว่ามันจะไปได้ด้วยดีก็กลับล้มเหลว ท่านอาจจะฝันไกล และพยายามที่จะทำให้มันเล็กลง เล็กลง แต่ไม่มีอะไรเป็นไปตามนั้นอย่างแท้จริงจนกระทั่งหายไปในที่สุด เมื่อท่านตระหนักว่าแม้ว่าฝันที่เล็กที่สุดของท่านก็ไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว ฝันของท่านก็จะต้องจบลงในที่สุด
ทำไมเป็นเช่นนี้? ก็เพราะบาปที่อยู่ในใจท่านน่ะสิ ผู้คนที่มีบาปในใจตนไม่มีทางมีความสุขได้ พระเจ้าไม่เคยอวยพระพรให้พวกเขาโดยไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักเพียงใด หากยังมีบางคนที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จแต่ก็จะยังมีบาปอยู่ ท่านก็ต้องตระหนักว่าพระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขา ท่านควรจะทราบว่าแม้ว่าการมีชีวิตในปัจจุบันของเขาอาจจะดูมีความสำเร็จดี แต่พวกเขาก็เตรียมส่งพวกเขาลงนรกแล้ว หากโลกนี้เต็มไปด้วยคนไม่มีบาปทั้งหมด ก็จะไม่มีนรกอยู่อีกต่อไป แต่พระเจ้าทรงสร้างนรกขึ้นมาจริง และทรงสร้างมันเพื่อผู้ที่มีบาปในหัวใจของตนเท่านั้น
พระเจ้าทรงรับสั่งให้ทำเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนแรกด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มเพื่อประทานการยกความผิดบาปให้แก่หัวใจของเราอย่างแท้จริง และมันเปิดเผยเช่นกันว่าเมื่อช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่มาถึง พระเยซู คริสต์จะทรงรับเอาบาปของโลกไปโดยการรับบัพติศมาจากยอห์น และว่าพระองค์จะทรงถูกตรึงไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์เพื่อแบกรับการปรับโทษเหล่า นั้น พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของผู้มีบาปอย่างแท้จริง
นี่คือเหตุผลที่พระองค์ประทานการยกความผิดบาปมาให้แก่ผู้มีบาปผ่านการทำงานของด้ายสีฟ้า,สีม่วง และสีแดงเข้ม ตอนนี้ท่านตระหนักถึงสิ่งนี้ไหม? พระเยซู คริสต์ทรงรับบัพติศมา ณแม่น้ำจอร์แดนอย่างแท้จริงเพื่อรับเอาบาปของเราไว้ และพระองค์ทรงถูกตรึงไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตของพระองค์เพื่อจ่ายค่าจ้างของบาป การที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาก็เพื่อแบกรับบากของเรา ท่านเชื่อไหมว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพราะทรงรับเอาบาปของเราไว้โดยพิธีบัพติศมาที่ทรงรับจากยอห์น ?
ท่านและผู้เขียนก็เคยเหมือนกับหนังของตัวแบดเจอร์ในเนื้อหนังของเรา
เต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สี่ได้ทำด้วยหนังของตัวแบดเจอร์ แบดเจอร์เป็นชื่อที่แปลมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เรียกว่า “ Tachash “ ในภาษาฮีบรูในพันธะสัญญาฉบับเก่า มันถูกแปลไปเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต่างกันไป เช่น “ ช้างน้ำ “ ( NIV ), “ แมวน้ำ “ ( ASV ), “ หนังแพะอย่างดี “
( NLT ) และ“ ปลาโลมา “ ( NASB ) เราไม่สามารถระบุความหมายได้ชัดเจนว่าสัตว์ชนิดนี้คืออะไร ตามหลักพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่ได้ใส่คำดั้งเดิมนี้ “ Tachash “ อาจจะมีแหล่งที่มาจากถาษาต่างประเทศ ไม่ว่ากรณีใด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม “ Tachash “ ก็เป็นสัตว์ที่มีหนังที่ใช้ทำเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่สี่ และมันอาจจะสันนิษฐานได้ว่าเต๊นท์นี้ไม่สวยงามและไม่มีคุณสมบัติที่น่าดึงดูดสายตาเลย
เต็นท์คลุมผืนที่สี่ที่เป็นหนังของตัวแบดเจอร์นี้หมายความถึงพระเยซู คริสต์ที่เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ไม่มีอะไรดึงดูดสายตาคนได้เลย พระคัมภีร์ไบเบิ้ลอธิบายรูปลักษณ์ของพระองค์เอาไว้ว่า “ เพราะท่านจะเจริญขึ้นต่อพระพักตร์พระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือนรากแตกหน่อจากพื้นดินแห้ง ไม่มีรูปร่างหรือความสวยงามและเมื่อเราทั้งหลายจะมองท่าน ไม่มีความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน “ ( อิสยาห์ 53:2 )
การที่พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์ก็เพื่อช่วยเราทั้งหมดที่มีชีวิตอยู่ในความละอายจนถึงวันที่เราตายให้รอด เมื่อพระเจ้าทรงทอดพระเนตรมองเราผู้เป็นทายาทของอาดัม พระองค์ทรงเห็นว่าเราก็ไม่น่าดึงดูดใจอะไรเหมือนกับหนังนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็เหมือนกับทำบาปเพียงเท่านั้น เหมือนกับตัวแบดเจอร์ที่สกปรกที่สุด มนุษย์เรานั้นได้แต่สนใจที่จะให้ท้องของตัวเองอิ่มตั้งแต่เกิดจนตาย นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่พระเยซูเสด็จมาในเนื้อหนังมนุษย์และทรงได้รับความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน
มีเพียงผู้ที่รู้จักบาปโดยธรรมชาติของตนอย่างจริงจังเท่านั้นที่สามารถเชื่อในพระเมสสิยาห์ได้และรอดจากบาปของตนและการปรับโทษได้ ดังนั้นคนทั้งหลายที่เพิกเฉยต่อบาปของพวกเขา และผู้ที่ไม่รู้จักและเชื่อในการปรับโทษบาปของพวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการยกความผิดบาปได้ พระเจ้าทรงบอกเราว่าคนเช่นนั้นไม่ดีไปกว่าสัตว์เดรัจฉานเลย ( เพลงสดุดี 49:20 )
แม้เราได้ถูกสร้างขึ้นมาตามภาพของพระเจ้า แต่ไม่ทุกคนที่จะยอมรับความรักของพระเจ้า ผู้ที่ไม่เชื่อในแผนการของความรอดของพระเจ้าก็ไม่สามารถได้รับการยกความผิดบาปในหัวใจของพวกเขาได้และดังนั้นก็จะถูกทำลายเหมือนกับสัตว์เดรัจฉานที่ตายอย่างน่าอนาจที่พระองค์ทรงสร้างพวกเขาตามภาพของพระองค์นั้น เพราะว่าพระเจ้าทรงวางแผนเอาไว้สำหรับมนุษย์แล้ว
ลองมองดูสิ่งที่ทุกคนคิดและทำให้ใกล้ๆ ผู้เขียนไม่ได้หมายความถึงท่านเป็นพิเศษ แต่หมายถึงมนุษยชาติทั้งหมด คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่าใครคือผู้สร้างพวกเขามา ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนอ้างว่าพวกเขาไม่ได้ทำบาป และอ้างว่าพวกเขานั้นดีกว่าคนอื่น มนุษย์เราช่างทึ่มและโง่เขลาอะไรเช่นนี้? ผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้านั้นช่างเต็มไปด้วยความเยื่อหยิ่ง เมื่อเราเปรียบเทียบตัวเราเองกับผู้อื่น เราพบไหมว่าเราแตกต่างกันอย่างไร? เราดีกว่าหรือแย่กว่าเท่าใด? และผู้คนยังคงทำร้ายผู้อื่นเพื่อไล่ตามความเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง มันผิดได้อย่างไร?
เราไม่สามารถเข้าใจเพียงว่าทุกคนทำบาปเท่าใดในการต่อต้านพระเจ้าในชีวิตของพวกเขา ผู้เขียนไม่ได้พูดเพื่อให้ดูถูกลักษณะของมนุษย์ แต่เพียงชี้ให้เห็นความจริงที่ว่าแม้พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้ล้ำค่าแล้ว แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่ตระหนักว่าจะต้องถูกทำลายเพราะบาปของตน ผู้คนไม่ทราบว่าจะดูแลจิตวิญญาณของตนอย่างไร ; พวกเขาไม่สามารถเตรียมอนาคตสำหรับตัวเองได้ ; พวกเขาไม่ตระหนักถึงพระวจนะของพระเจ้า ; และพวกเขาไม่ต้องการที่จะเชื่อพระองค์แม้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากการถูกทำลายอย่างเป็นนิรันดร์ พวกเนี้เป็นใครอื่นไม่ได้นอก จากผู้ที่ไม่ดีกว่าสัตว์เดรัจฉานที่พินาศเลย
แต่พระเจ้าไม่ทรงทิ้งให้เราต้องพินาศ
ในความจริงพระเยซู เสด็จมายังโลกนี้ และลบมลทินบาปของเราทั้งหมด, หลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งเพื่อช่วยเราให้รอดจากบาปของเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริงของเรา เราต้องเชื่อในความจริงนี้ ท่านเชื่อไหม? ไม่ว่ากรณีใดๆที่นอกเหนือจากการเพิกเฉยของท่านและการขาดความรู้ทางพระคัมภีร์ไบเบิ้ลของท่านแล้ว ท่านกล่าวว่า “ ปัญหาคืออะไร? หากเราเชื่อในพระเยซูไม่ว่าวิธีใดแล้ว เราก็จะไปสวรรค์ทั้งหมดหรือ? “ และก็มีคนที่กล่าวว่า “ หากเราเชื่อเพียงพระโลหิตในไม้กางเขนของไม้กางเขนแล้ว สวรรค์จะเป็นของเรา “ แต่ความเชื่อเช่นนี้ถูกต้องหรือ?
ในความเป็นจริงพระเจ้าคือพระเจ้าของความจริง พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ตรัสกับเราเกี่ยวกับแผนการของพระองค์, ผู้ทรงทำพระราชกิจของความรอดให้สำเร็จตามพระวจนะของพระองค์, ผู้ประทานการยกความผิดบาปมาให้เรา และผู้ทรงพบกับเราผ่านความจริงนี้ พระเจ้าทรงดำรงอยู่ พระเจ้าทรงอยู่ที่นี่พร้อมกับเราทุกคนแม้แต่ตอนนี้ ผู้คนที่มีบาปในหัวใจของตนไม่ควรจะพยายามหลอกพระเจ้า หากผู้คนมีบาปในใจและในความสำนึกของพวกเขาที่กำลังกินพวกเขาอยู่แล้ว พวกเขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยการเชื่อในบัพติศมาที่พระองค์ทรงรับและพระโลหิตที่ทรงหลั่ง ผู้ที่เต็มไปด้วยบาปจะต้องเชื่อในความจริงนี้ที่เพราะพวกเขาต้องตกนรกแล้วพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากบาปโดยบัพติศมาและพระโลหิตบนไม้กางเขนของพระองค์
ไม่มีผู้ในอย่างแน่นอนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาบาปของตนด้วยการเชื่อในน้ำและพระโลหิตได้ แต่แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยเราให้รอดโดยน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ ( 1 ยอห์น 5:6-8 ) แล้ว หากในส่วนของเราไม่ได้ตระหนักและเชื่อในความจริงนี้และจึงถูกทำลายแล้ว เราก็จะไม่มีส่วนรับผิดชอบในผลที่ออกมานี้เลย เราทั้งหมดจะต้องสารภาพต่อพระพักตร์พระเจ้าว่า “ ข้าพระองค์ต้องตกนรกเพราะเต็มไปด้วยบาป แต่ข้าพระองค์เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำ, พระโล หิตและพระวิญญาณ “ เราต้องมีความเชื่อเช่นนั้น เราต้องเชื่อในหัวใจของเราว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราผ่านน้ำ, พระโลหิต และพระวิญญาณ เราจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเราเองด้วยหัวใจที่จริงใจและมีความเชื่อพร้อมกับความจริงที่แสดงในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ เพียงเท่านั้นเราก็รอดจากบาปทั้งหมดของเรา
ดังนั้น เราต้องเข้าใจทั้งหมดนี้ และเราต้องเชื่อในความจริงของพวกเขา บางคนเชื่ออย่างไม่มีความรู้ในความจริงที่แสดงในพลับพลาและข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณว่า “ เพราะฉันเชื่อ ฉันไปสวรรค์แม้ว่ายังคงมีบาป “ แต่พระเจ้าตรัสว่าผู้ที่มีบาปทุกคนจะต้องตกนรก พระองค์มิได้ตรัสว่าพวกเขาจะต้องตกนรกแม้ว่ามีบาปเพียงเพราะว่าพวกเขาเชื่อในพระเยซู สิ่งนี้เหมือนจะเป็นความโง่เขลาอย่างใหญ่หลวงที่สุด การกล่าวว่าพวกเขาจะไปสวรรค์เพราะเชื่อในพระเยซู ในเมื่อความจริงพวกเขาเชื่อในอะไรก็ตามที่มันเป็นเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงความโง่, ความเพิกเฉยและความเชื่ออย่างมืดบอดโดยสิ้นเชิง
บางคนกล่าวว่า “ ฉันได้เห็นคนหนึ่งที่ต้องตกนรก ไม่เคยเห็นใครขึ้นสวรรค์เลย เราจะไม่สามารถพบได้จนถึงวันของการพิพากษา “ แต่แท้จริงแล้วมีทั้งสวรรค์และนรก มีอะไรในโลกที่เราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้นหรือ? ท่านมองอากาศด้วยตาของท่านเห็นไหม? แน่นอนว่ามีขอบเขตที่ไม่เคยเห็นด้วย ผู้มีบาปทุกคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็เพราะพวกเขาไม่สามารถเห็นพระองค์ได้เหมือนกับเห็นสัตว์เดรัจฉานที่พินาศ
ดังนั้นผู้คนจะต้องตระหนักว่าหากพวกเขามีบาปในหัวใจของตนเองแล้ว พวกเขาก็จะพินาศ และพวกเขาจะต้องเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและหลบให้พ้นการพิพากษาของพระเจ้า คนฉลาดคือผู้ที่ตระหนักว่าพวกเขาได้ทำผิดมากมายต่อพระเจ้า แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรผิดกับผู้คนรอบตัวเลย ดังนั้นจึงยอมรับว่าพวกเขาจะได้รับการพิพากษาเมื่อพวกเขายืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าในไม่ช้า
เราไม่ควรจะพินาศตามการเพิกเฉยและการไม่คำนึงถึงพระเจ้าและการพิพากษาอันชอบธรรมของพระองค์ของเรา พระองค์จะทรงปรับโทษอย่างแน่นอนกับผู้มีบาปทุกคนด้วยไฟนิรันดร์ในนรก หากผู้คนถูกทำลายเพราะการไม่เชื่อในความจริงที่แสดงในพลับพลาแล้วแม้ว่าพวกเขาได้เคยฟังแล้ว พวกเขาก็จะต้องเป็นบุตรของซาตาน สิ่งที่พระเมสสิยาห์ทรงต้องการจากเราก็คือการยอมให้เราได้รับการยกความผิดบาปและได้เข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์
พระเจ้ามิได้ทรงทำให้เราเป็นเหมือนของเล่น
เมื่อพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงประสงค์ให้เรามีชีวิตโดยปราศจากการ
ทรมานจากบาป แต่ให้มีความยินดีในชีวิตนิรันดร์, งดงามตลอดไปและมีสง่าราศีพร้อมกับพระเจ้าเหมือนเป็นบุตรของพระองค์ ในการที่ไม่ส่งเราไปนรกนั้น พระเมสสิยาห์ทรงรับบัพติศมา, ทรงรับเอาบาปของโลกไว้, หลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน และจึงได้ลบมลทินบาปของเราทั้งหมด เมื่อพระเจ้าทรงรักเรามากเช่นนี้ หากเราไม่ยอมรับความรักนี้ แต่เพียงเชื่อเพียงครึ่งในในความรอดนี้ที่พระ องค์ประทานให้เรามาแล้ว เราก็จะไม่สามารถพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้าอย่างแน่นอน
พระเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้รอดจากบาปด้วยการสังเวยบูชาพระบุตรของพระองค์เอง เพราะพระเมสสิยาห์ทรงรับบัพติศมาเพื่อแบกรับเอาบาปของเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์และถวายพระองค์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปให้เราที่ทำให้พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปของเราของโลกนี้อย่างแท้จริง ก็เพราะว่าเราต้องตกนกจากบาปของเรา พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงกรุณาเรา และเพราะว่าสิ่งนี้ที่พระองค์ทรงรับบัพติศมา, หลั่งพระโลหิตของพระองค์จนสิ้นพระชนม์, ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และจึงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดและทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงสร้างเรามาเป็นของเล่นของพระองค์
เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่น้องสาวของคริสตจักรของผู้เขียนยังอยู่ในวิทยาลัย ผู้เขียนได้มีโอกาวเข้าร่วมในนิทรรศการจบการศึกษา ในอาร์ตแกลลอรี่นี้ผู้เขียนได้เห็นงานเขียนมากมาย หนึ่งในนั้นที่วาดด้วยชั้นที่จบการศึกษาที่เป็นภาพบนผืนผ้าใบรูปอาดัมกับอีฟกำลังกินผลของต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว หัวข้อได้เขียนว่า “ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาเป็นของเล่นหรือ? “ บางคนก็เห็นด้วยแล้วกล่าวว่า “ พระเจ้าทรงเบื่อ ดังนั้นพระองค์ทรงสร้างเรามาเป็นของเล่น “
ไม่มีอะไรที่จะผิดได้มากกว่าคำตอบนี้แล้ว แล้วทำไมพระเจ้าทรงสร้างต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว และจากนั้นก็ห้ามไม่ให้อดัมและอีฟกินผลของมัน? พระองค์ทรงทราบแล้วว่าพวกเขาจะกินผลจากต้นไม้นั้น และพระองค์ก็ยังคงสร้างต้นไม้นั้นขึ้นมาและห้ามไม่ให้พวกเขากินผลของมัน เมื่อพวกเขากินแล้ว พระองค์ก็ทรงขับไล่พวกเขาออกจากสวนเอเดนในการที่ตกลงไปสู่บาป แล้วพระ องค์ก็ตรัสว่าความผิดบาปจะส่งตรงไปยังนรก ทำไมพระเจ้าทรงทำเช่นนี้? พระเจ้าทรงสร้างเราเพราะพระองค์ไม่มีของเล่นหรือทรงรู้สึกเบื่อจริงๆหรือ? พระเจ้าทรงสร้างมนุษยชาติเพราะพระ องค์ทรงเบื่อเกินไปและไม่สามารถทนได้อีกต่อไปใช่ไหม? ไม่อย่างแน่นอน!
พี่น้องทั้งหลาย สิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการจะทำอย่างแท้จริงคือการเปลี่ยนเราไปเป็นคนของพระองค์ ทรงต้องการทำให้เราอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ และมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ตลอดไป อำนาจของพระเจ้าในการยอมให้ทั้งหมดนี้เกิดแก่มนุษยชาติคือการทำให้เราเป็นอมตะที่มีความรื่นเริ่งยินดีในความงดงามและสง่าราศีตลอดกาลและได้รับสง่าราศีตลอดไป ดังนั้นเมื่อท่านและผู้เขียนถูกซาตานหลอกและตกลงไปสู่บาปและต้องตกนรก พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวของพระองค์มายังโลกนี้เพื่อช่วยเราให้รอด และด้วยการให้พระบุตรทรงรับบัพติศมาและรับเอาบาปของโลกนี้ไว้ หลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนและก็ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระเจ้าก็ทรงช่วยเราให้รอดจากซาตาน
อย่างไรก็ตาม คนมากมายนับไม่ถ้วนเข้าใจผิดที่พิศดารว่าพระเจ้าทรงสร้างเรามาเป็นของเล่นเพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อของพระองค์ ท่ามกลางผู้ที่จบลงด้วยการเชื่อในพระเยซูและผู้ที่ไม่เคยเชื่อพระองค์ตั้งแต่เริ่มต้น จึงมีผู้ที่กล่าวกับพระเจ้าด้วยความขมขื่นว่า “ ทำไมพระเจ้าทรงสร้างเรามาและทำให้เราทุกข์ทรมาน? ทำไมทรงยืนกรานให้เราต้องเชื่อ? ทำไมทรงกล่าวเช่นนั้นว่าพระองค์จะทรงประทานความรอดมาให้เราหากเราเชื่อ แต่ไม่ประทานหากเราไม่เชื่อ? พวกเขากล่าวเช่นนั้นเพราะว่าพวกเขาไม่รู้จักอำนาจที่ลึกซึ้งของความรอดของพระเจ้าที่ประทานให้แก่มนุษยชาติ
อำนาจที่ลึกซึ้งของพระเมสสิยาห์นี้จะยอมรับเราว่าเป็นคนของพระเจ้าและจะทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ ยอมให้เราได้ยินดีปรีดาในสง่าราศีและความงดงามทั้งหมดของสวรรค์เหมือนเป็นครอบครัวของพระองค์ นี่คือพระประสงค์ที่ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้นมา ผู้เขียนเองก็ไม่สามารถเข้าใจความจริงนี้ได้จนได้มาเกิดใหม่โดยน้ำและพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่หลังจากที่ตนได้รับการยกความผิดบาปและเกิดใหม่แล้ว ผู้เขียนจึงทราบ “ อาห์ นี่คือเหตุผลที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเรา! “
การที่พระเมสสิยาห์ทรงรับเอาบาปของเราไว้ในตอนที่พระองค์เสด็จมายังโลกนี้เมื่อประ มาณ 2000 ปีก่อนนี้นคืออะไร? การที่พระองค์ทรงแบกรับเอาบาปของเราไว้คืออะไร? พระองค์ทรงรับบัพติศมาและหลั่งพระโลหิตของพระองค์! และสิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่ชอบธรรมทั้ง หมดและเป็นการสังเวยบูชาที่ชอบธรรมที่หมายถึงการลบมลทินบาปของเราออกไป
ในเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เราจะต้องเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง และเหตุผลที่เราจะต้องเชื่อในพระเยซู คริสต์ว่าทรงเป็นพระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของเรา เพราะว่าท่านและผู้เขียนที่ต้องตกนรก พระเจ้าจึงเสด็จมายังโลกนี้อย่างแท้จริงเพื่อช่วยเราให้รอด อีกนัยหนึ่ง พระเยซูจึงต้องรับบัพติศมาจากยอห์นและต้องสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง เหตุผลที่เราเชื่ออย่างแท้จริงในการยกความผิดบาปได้เปิดเผยในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มคือเพื่อให้เราได้สามารถย้ายบาปทั้งหมดของเราออกไปได้ การทำให้พระราชอำนาจของพระเจ้าที่สมบูรณ์ให้เรานั้นเราต้องเชื่อ และเมื่อเราเชื่อในความรอดของพระผู้เป็นเจ้า เราไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร แต่มันเป็นของเราเอง
ตอนนี้เป็นเวลาแรกสุดในการเชื่อในความจริงของความรอดของพระเจ้า
หากใครก็ตามต้องการที่จะเข้าถึงการตระหนักดังต่อไปนี้แล้ว คนผู้นี้จะต้องละทิ้งความเชื่อผิดๆของเขาหรือเธอออกไปและเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณในใจตน:“ ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องตกนรก ฉันเพียงแค่เชื่อเพราะมีคนบอกฉันว่าพระเยซูจะทรงลบมลทินบาปของฉัน แต่ความเชื่อของฉันยังคงขึ้นอยู่กับความเข้าใจผิดๆอยู่ !ตอนนี้ฉันความจะเรียนรู้ว่าอะไรถูกต้องและให้ความเชื่อของฉันได้ขึ้นอยู่กับความรู้ ในตอนนี้ฉันเชื่ออย่างผิดๆ แต่ยังไม่สายเกินไป ทั้งหมดที่ฉันต้องทำก็คือตระหนักตั้งแต่นี้ไปว่าฉันต้องตกนรกเพราะบาปของฉัน เชื่อในใจของฉันว่าพระเมสสิยาห์ทรงช่วยฉันให้รอดโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์ และจากนั้นก็จะได้รับการยกความผิดบาป ดังนั้นฉันต้องตกนรก! “
ตามความเป็นจริงมีคริสเตียนเพียงหนึ่งกำมือเดียวที่เข้าใจในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมเมื่อพวกเขาเชื่อในครั้งแรก สำหรับตัวของผู้เขียนเองก็เช่นกัน มันใช้เวลาถึง 10 ปีหลังจากที่ได้มาเป็นคริสเตียนในครั้งแรกที่ได้มาตระหนักว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปของโลกนี้ไปพร้อมกับบัพติศมาของพระองค์และทรงถูกตรึงไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แล้วผู้เขียนจึงรอดจากบาปอย่างแท้จริงด้วยการเชื่ออีกครั้งว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของตน ดังนั้น 10 ปีหลังจากมาเป็นคริสเตียนผู้เขียนได้ทิ้งความเชื่อผิดๆออกไป และมาเข้าใจในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่เหมาะสมเชื่อเชื่อมันอย่างถูกต้อง แต่บางที สำหรับผู้อื่นมันอาจจะใช้เวลามากกว่า 20 ปีที่จะมารู้จักความจริงและเชื่ออีกครั้ง
เมื่อคนเช่นนั้นมาตระหนักแม้แต่20 ปีหลังจากนั้นว่าพระเจ้าทรงวางแผนที่จะช่วยพวกเขาให้รอดโดยน้ำและพระวิญญาณพวกเขาจะต้องเชื่อว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาและถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อบาปของพวกเขา ไม่มีอะไรที่จะชั่วร้ายต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อีกแล้วนอกจากการรู้จักความจริงและยังปฏิเสธที่จะเชื่อมัน แต่หากพวกเขาได้เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณใน ตอนนี้ แม้ว่าจะหลังจากเป็นคริสเตียนแล้ว 10 หรือ 20 ปีก็ตาม มันไม่ดีหรือ? ไม่อย่างแน่นอน! ไม่มีอะไรผิดหรือน่าละอายอย่างแน่นอนเกี่ยวกับสิ่งนี้ เมื่อผู้คนได้มารู้จักและเชื่อในการยกความผิดบาปที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาก็จะรอดอย่างแท้จริง ความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ผู้เขียนหวังว่าท่านจะเชื่อทั้งหมดในความรอดนี้ที่ได้มีผลอย่างแท้จริงด้วยความสมบูรณ์ที่มาผ่านด้ายสีฟ้าและสีแดงเข้ม
เต๊นท์คลุมพลับพลาทำด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อน เพียงการดูในความจริงที่ว่าขนแกะย้อมสีแดงนั้นได้วางเอาไว้บนเต๊นท์ที่ทำด้วยขนแพะและที่ทำด้วยหนังของตัวแบดเจอร์ได้วางไว้ด้านบน สุด เราจะเห็นชัดเจนถึงการแสดงของความจริงที่เราต้องตกนรก แต่พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับเอาบาปของเราไปอย่างแท้จริงโดยการรับบัพติศมา และทรงเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเหล่านี้ให้เราด้วยการหลั่งพระโลหิตของพระองค์และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เราเชื่อทั้งหมดได้ในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดคือพระราชกิจของพระเยซูที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม เต็นท์คลุมพลับพลาจึงมีความลับของความรอดซ่อนอยู่
สิ่งสำคัญไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเท่านั้น สิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยไม่ไช่เพียงการเรียนรู้อย่างเดียวแต่เป็นการเชื่อด้วยคือ หากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกเราว่าพระเจ้าทรงกำหนดความรอดของเราไว้ผ่านพระราชกิจของพระเยซูที่เปิดเผยในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มแล้ว ท่านและผู้เขียนต้องยอมรับสิ่งนี้ในใจเราอย่างแท้จริงและเชื่อ นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงพอพระทัย หากในหัวใจเราได้ฟังพระวจนะของพระเจ้าอย่างแท้จริง ตระหนักถึงบาปของเรา และเชื่อในพิธีรับบัพติศมาของพระผู้เป็นเจ้าและพระโลหิตของไม้กางเขนแล้ว เราก็จะสามารถได้รับการยกความผิดบาปของเราอย่างแท้จริง แต่หากเราไม่เชื่อในการยกความผิดบาปนี้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้มาและเชื่อพระองค์แต่เพียงเรื่องตามทฤษฎีแทนแล้ว เราก็จะยังคงทุกข์ทรมานด้วยความสำนึกผิดๆอยู่
หากเราไม่แก้ปัญหาบาปโดยแท้จริงของเราด้วยการเชื่อในน้ำและพระวิญญาณแล้ว สำนึกผิดๆนี้ก็จะยังคงกัดกินหัวใจของเราต่อไป อย่างไรก็ตามหากเราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณแล้ว เราก็จะเป็นอิสระจากความรู้สึกผิดนี้ เพราะเมื่อเราเป็นผู้ไม่มีบาปด้วยการได้รับความรอดจากบาปที่สมบูรณ์แล้ว เราจะทรมานจากบาปได้อีกครั้งได้อย่างไร? นี่คือวิธีที่เราจะต้องเชื่ออย่างแท้จริงเราต้องเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและแก้ไขปัญหาบาปทั้งหมดของเราได้ คนทั้งหลายที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้จึงไม่มีทางเลือกโดยต้องติดอยู่ในบ่วงของบาปต่อไป
ชีวิตเรานั้นสั้นนักและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด พระเจ้าทรงยอมให้เกิดความเจ็บปวดแก่มนุษย์ทุกคน อะไรคือเหตุผลนี่? ก็เพราะพระองค์ทรงต้องการให้เราได้ตระหนักถึงความล้ำค่าของข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณผ่านความเจ็บปวดนี้ และเชื่อในข่าวประเสริฐนี้และจึงจะได้แก้ไขปัญหาบาปของเราได้ พระองค์ทรงนำความทุกข์ทรมานของบาปมาให้ท่านเพื่อให้ท่านจะได้เชื่อในใจของท่านว่าพระเมสสิยาห์จะทรงชำระบาปของท่านออกไปผ่านบัพติศมาของพระองค์และพระโลหิตของไม้กางเขน การไม่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณว่าเป็นความจริงคือสิ่งที่โง่ที่สุดบาปของมนุษยชาติสามารถชำระออกไปได้ด้วยความเชื่ออย่างแท้จริงในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ
พระเจ้ากำลังบอกเราให้แก้ปัญหาของบาปของท่านด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐที่แท้จริง เราจึงต้องเชื่อในพระเยซูว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริง ท่านก็เช่นกันจะต้องเชื่ออย่างแท้จริงในใจของท่านว่าพระเยซู คริสต์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน ท่านต้องยอมรับบาปของท่านต่อพระพักตร์พระเจ้า เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและจึงรอด เมื่อในหัวใจของท่าน ท่านเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู ผู้ช่วยให้รอด และพระโลหิตของบนไม้กางเขนของพระองค์แล้ว ท่านจะได้รับการย้ายบาปทั้งหมดของท่านออกไปอย่างแท้จริง เพียงเมื่อเราเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของไม้กางเขนว่าเป็นความจริงเราก็จะรอดจาปบาปทั้งหมดของเรา
ลำดับของเต๊นท์ที่สอดคล้องกันอย่างแน่นอนกับลำดับของความรอดของเรา
เมื่อมาสู่ลำดับของความรอดของเรา เบื้องต้นก็คือการตระหนักถึงความแท้จริงที่มาจากช่วง เวลาที่เราได้เกิดมาบนโลกนี้ เราเป็นผู้มีบาปทั้งหมดมาก่อนเหมือนกับตัวแบดเจอร์ เป็นสัตว์เดรัจ ฉานที่ต้องพินาศ และเราต้องเชื่อว่าเราต้องตายและตกนรกอย่างแน่นอนเพราะบาปของเรา ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องเชื่อเช่นกันว่าในการปลดปล่อยเราจากบาปเราต้องสังเวยบูชาอย่างแท้จริง ดังนั้นพระเมสสิยาห์จึงเสด็จมาอย่างแท้จริงและแบกรับบาปของเราไว้ด้วยการรับบัพติศมา เราต้องเชื่อว่าผู้ช่วยให้รอดของเราจะต้องไม่ใช่มนุษย์ แต่ทรงเป็นพระเจ้า และเราจะต้องเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดอย่างแท้จริงที่ช่วยเราให้รอดจากบาปโดยบัพติศมาของพระองค์และไม้กางเขน
หากไม่เป็นเช่นนี้แล้ว พระเจ้าจะทรงทำเต๊นท์คลุมพลับพลาเพียงสองผืน หากความรอดสามารถเข้าถึงได้ด้วยการละทิ้งบัพติศมาของพระเยซูแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีแต๊นท์คลุมพลับพลาที่แยกออกเป็นสี่ผืน และพระเจ้าก็จะคลุมมันด้วยหนังของตัวแบดเจอร์และขนแพะเท่านั้น แต่ได้ใช้เพียงเต๊นท์สองผืนนี้เท่านั้นหรือ? ไม่! พลับพลาจะต้องคลุมด้วยเต๊นท์สี่ผืนที่แตกต่างกัน; ม่านที่ทอด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี ; ม่านอีกผืนที่ทำจากขนแพะ ; ยังมีอีกผืนที่ทำด้วยหนังแกะ ; และผืนสุดท้ายที่ทำด้วยหนังของตัวแบดเจอร์
เราต้องเชื่อในความจริงนี้ คือ พระเยซูทรงยอมรับเอาบาปทั้งหมดของเราด้วยการรับบัพติศมา, สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และจึงช่วยจิตวิญญาณที่ชั่วช้าและน่าสงสารของเราที่ต้องตกนรกให้รอดจากบาปของเรา ทำให้เราเป็นคนของพระเจ้า นี่คือความลับที่ซ่อนอยู่ในเต๊นท์คลุมพลับพลาทั้งสี่ผืน และลำดับที่เต๊นท์ทั้งสี่ผืนนี้ได้วางบนพลับพลาจะต้องเป็นไปตามลำดับของความรอดของเรา
ในการเกี่ยวเต๊นท์คลุมพลับพลาผืนที่หนึ่งและที่สองเข้าด้วยกัน ต้องใช้ของทองคำและทอง สัมฤทธิ์ และตรงขอบของม่านทั้งสองชุดที่ได้เกี่ยวเข้าด้วยกัน ก็มีหูม่านสีฟ้า แต่สำหรับผู้ที่เชื่อเพียงพระโลหิตของไม้กางเขน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทราบถึงความหมายของทองคำและทองสัมฤทธิ์ที่เกี่ยวเข้าด้วยกันกับหูม่านสีฟ้าเพียงผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้าใจและเชื่อในความจริงที่ซ่อนอยู่ในเต๊นท์ทั้งสี่ผืนได้
หูม่านสีฟ้าหมายความถึงบัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับตรงแม่น้ำจอร์แดน แล้วทำไมผู้คนจึงไม่เชื่อในบัพติศมาที่พระเยซูทรงยอมรับบาปของโลกนี้แต่เชื่อเพียงพระโลหิตของไม้กางเขน? เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้าตามที่มันเป็น เมื่อเราสารภาพว่าเราเชื่อในพระเยซู เราไม่สามารถเชื่อพระองค์อย่างถูกต้องด้วยการเพิ่มหรือปรุงแต่งจากพระวจนะของพระเจ้า เราต้องเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้องตามที่มันเป็นด้วยคำว่า “ ใช่ “
ท่ามกลางผู้ที่อ้างว่าเชื่อในพระเยซู พวกเขาส่วนใหญ่เชื่อเพียงพระโลหิตที่พระองค์ทรงหลั่งบนไม้กางเขนเท่านั้น โดยละทิ้งบัพติศมาที่ทรงรับ นี่คือเหตุผลที่คริสเตียนหลายคนไม่สามารถเข้า ใจความลับของความจริงที่แสดงในเต๊นท์คลุมพลับพลาได้ และนี่คือเหตุผลที่คริสเตียนในปัจจุบันนี้ไม่เชื่อในการยกความผิดบาปที่แท้จริงที่พระเมสสิยาห์ทรงทำสำเร็จอย่างสมบูรณ์ พวกเขาเชื่อในพระเยซูอย่างไร้ประโยชน์ที่เป็นเพียงผู้ก่อตั้งศาสนาของโลกนี้เท่านั้น ดังนั้นคริสเตียนหลายคนจึงเดินทางผิด พวกเขาทำบาปทุกวัน และยังอ้างว่าตนไปสวรรค์ได้ด้วยการอธิษฐานกลับใจใหม่ทุกวัน สิ่งนี้อธิบายถึงเหตุผลที่คนตามทางโลกนี้มักจะประณามพวกคริสเตียน
เมื่อเราถามคริสเตียนว่า “ ความเชื่อเช่นใดและอย่างไรที่เราสามารถแก้ไขปัญหาบาปของท่านได้อย่างแท้จริง? แล้วพวกเขาส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า “ เราแก้ปัญหามันได้เพียงการถวายการอธิษฐานกลับใจใหม่ในขณะที่เชื่อพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระเยซู “ เมื่อเราถามพวกเขาว่า “ ท่านได้แก้ปัญหาบาปของท่านออกไปจากใจท่านอย่างแท้จริงไหม? พวกเขาก็ตอบว่า “ จริงๆแล้ว ฉันยังคงมีบาปเหลืออยู่ในใจของฉันอยู่ “ ผู้คนที่มีบาปในหัวใจของตนยังไม่ใช่คนของพระเจ้า คนเช่นนั้นอยกออกจากพระเยซู คริสต์ พวกเขาจะต้องมาสู่พระเยซู คริสต์โดยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณโดยเร็ว
เราจะต้องทราบรายละเอียดในวิธีที่ถูกต้องที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงลบมลทินบาปของเราออกไปตามความจริง ด้วยการแบกรับบาปของโลกนี้ไปบนไม้กางเขนโดยบัพติศมาที่ทรงได้รับอย่างแท้จริงจากยอห์นและหลั่งพระโลหิตของพระองค์ที่พระเยซูทรงได้ลบมบทินบาปของเราออก ไปอย่างแท้จริง หากเราต้องการเข้าสู่พระราชอำนาจของพระเจ้าแล้ว เราจะต้องเข้าไปด้วยการเชื่อในความรอดของเราที่ทอด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม โดยไม่ต้องสงสัยว่าใครจะเชื่อในพระเจ้าอย่างมากเพียงใดมันก็เป็นไปได้ที่เขาหรือเธอยังคงมีความเข้าใจผิดและเชื่อผิดตลอดเวลา เราต้องยอมรับความรอดที่เกิดจากด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่พระเมสสิยาห์ทรงลบมลทินบาปของเราออกไปอย่างแท้จริงตามความจริงและเชื่อมันเพื่อที่เราจะได้เข้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์ได้
หากความเชื่อของเราต่อพระพักตร์พระเจ้านั้นผิด เราก็ต้องแก้ไขมันและเชื่ออีกครั้งอย่างถูกต้องไม่ต้องกังวลว่าจะบ่อยเพียงใด เราต้องเชื่อในความรอดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาบาปของเราไปอย่างแท้จริงและชำระมันออกไปผ่านบัพติศมาของพระองค์ว่าเป็นความจริง เราต้องเชื่ออย่างแท้ จริงว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรับเอาบาปทั้งหมดไปครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดโดยบัพติศมาของพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์ทรงแบกรับการปรับโทษบาปทั้งหมดของเราไปโดยพระโลหิตของไม้กางเขน
ด้วยความเชื่อที่แท้จริงในพระราชกิจของพระเยซูที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มของพลับพลา เราจึงสามารถพบพระเมสสิยาห์ได้ ตอนนี้เราสามารถที่จะเข้าใจข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณได้ในรายละเอียดมากขึ้นผ่านพลับพลา และตระหนักได้ว่าพบความเชื่อของมันในความจริงที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี ความเชื่อที่สำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องมีในตอนนี้คือความเชื่อที่เชื่ออย่างแท้จริงในความรอดที่เกิดจากด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม
ตอนนี้เราได้ฟังและเรียนรู้เกี่ยวกับความจริงที่ยึดในพลับพลาที่เกิดจากด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี พระเมสสิยาห์กำลังรอคอยเราอยู่ ด้วยการย้ายบาปของเราออกไปอย่างแท้จริงผ่านพระราชกิจของพระองค์ที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม
พระเจ้ากำลังแนะนำให้ท่านเชื่อในความจริงนี้ด้วยใจทั้งหมดของท่าน ท่านยังคงมีบาปในใจของท่านไหม? แล้วท่านจะต้องตระหนักอย่างชัดเจนต่อพระพักตร์พระเจ้าว่าบาปในหัวใจของท่านนั้นดำมืดและสกปรกเพียงใด สารภาพบาปของท่าน เชื่อในความจริงที่เปิดเผยในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม แล้วจึงได้รับการยกความผิดบาปของท่านจึงหมด เมื่อท่านเชื่ออย่างแน่นอนว่าพระเยซูทรงย้ายบาปของท่านออกไปทั้งหมดแล้ว ท่านก็จะสามารถผ่านบาปทั้งหมดของท่านที่พบในหัวใจไปที่พระองค์และได้รับการยกความผิดบาปอันสมบูรณ์ของพระองค์
เราต้องเชื่อทั้งหมดในใจของเราในการยกความผิดบาปที่เกิดจากด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีที่พระเจ้าทรงวางแผนเอาไว้เพื่อเราพระเจ้าประทานข่าวประเสริฐที่เกิดจากพระ ราชกิจอันน่าอัศจรรย์นี้มาให้เรา ที่เป็นด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และจึงได้ทำให้เราได้รับการยกความผิดบาปและได้ยินดีในพลังและอำนาจทั้งหมดในการได้เป็นบุตรของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เราได้รอดจากบาปและการปรับโทษบาปทั้งหมด และได้รับชีวิตนิรันดร์ด้วยการเชื่อในพระราชกิจของความรอดที่ประทานให้เรามาและแสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม
ผู้เขียนขอขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าในการทำให้เราสามารถรอดได้ด้วยการเชื่อในความจริงที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดี ด้วยการเชื่อในความจริงนี้ที่เราสามารถย้ายบาปทั้งหมดของเราออกไปและได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ด้วยความเชื่อ ฮาเลลูยา!