Search

ስብከቶች፤

เรื่องที่ 11: พลับพลา

[11-25] แท่นสำหรับเผาเครื่องหอม คือที่ที่พระเจ้าประทาน พระกรุณาของพระองค์มาให้ (อพยพ 30:1-10)

แท่นสำหรับเผาเครื่องหอม  คือที่ที่พระเจ้าประทาน พระกรุณาของพระองค์มาให้
(อพยพ 30:1-10)
“เจ้าจงสร้างแท่นสำหรับเผาเครื่องหอม จงทำแท่นนั้นด้วยไม้กระถินเทศ ให้ยาวศอกหนึ่ง กว้างศอกหนึ่ง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และสูงสองศอก เชิงงอนมุมแท่นนั้นให้เป็นไม้ท่อนเดียวกับแท่น และจงหุ้มแท่นด้วยทองคำบริสุทธิ์ ทั้งด้านบนและด้านข้างทุกด้าน และเชิงงอนด้วย และจงทำกระจังทองคำล้อมรอบแท่น จงทำห่วงทองคำสองห่วง ติดไว้ใต้กระจังด้านละห่วงตรงกันข้าม ห่วงนั้นสำหรับสอดใส่ไม้คานหาม ไม้คานหามนั้นจงทำด้วยไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ จงตั้งแท่นนั้นไว้ข้างนอกม่านซึ่งอยู่ใกล้หีบพระโอวาท ข้างหน้าพระที่นั่งกรุณาซึ่งอยู่เหนือหีบพระโอวาท ที่ที่เราจะพบกับเจ้า จงให้อาโรนเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้นทุกเวลาเช้า เมื่อเขาแต่งประทีปก็จงเผาเครื่องหอมด้วย และในเวลาเย็นเมื่ออาโรนจุดประทีป ให้เผาเครื่องหอมบนแท่น เป็นเครื่องหอมเนืองนิตย์ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ตลอดชั่วอายุของเจ้า แต่เครื่องหอมอย่างที่ห้าม อย่าได้เผาบนแท่นนั้นเลย หรือเผาเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องธัญญบูชา หรือเทเครื่องดื่มบูชาบนนั้น ให้อาโรนทำการบูชาไถ่บาปที่เชิงงอนปีละหนด้วยเลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปลบมลทิน ให้เขาทำการลบมลทินแท่นนั้นปีละหนตลอดชั่วอายุของเจ้า แท่นนั้นจะบริสุทธิ์ที่สุดแด่พระเยโฮวาห์”
 

หากเราก้าวเข้าไปข้างในที่บริสุทธิ์ ที่เป็นพระนิเวศน์ ของพระเจ้า เราจะได้เห็นคันประทีป และโต๊ะสำหรับวางขนมปัง และแท่นเผาเครื่องหอมแท่นเผาเครื่องหอมนั้นได้วางไว้ด้านหน้าของทางเข้าที่บริสุทธิ์ที่สุด ที่ที่พระที่นั่งกรุณาได้ตั้งอยู่ โดยผ่านคันประทีปและโต๊ะสำหรับวางขนมปังความยาวและความกว้างของแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมนั้น คือหนึ่งศอก ในขณะที่ความสูงเป็นสองศอก ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น หนึ่งศอกนั้นโดยประมาณได้ 45-50 ซ.ม. ในมาตรฐาน การวัดในปัจจุบันนี้ ดังนั้น แท่นเผาเครื่องหอมจึงคล้ายเหมือนกับ กล่องสี่เหลี่ยมที่มีความยาวและความกว้างราวๆ 50 ซ.ม. และสูง 100 ซ.ม. และก็เหมือนกับแท่นเผาสังเวยบูชา ที่แท่นเผาเครื่องหอมก็มีเชิงงอนทั้งสี่มุมด้วยเช่นกัน แท่นเผาเครื่องหอมนั้นทำด้วยไม้กระถินเทศที่หุ้มด้วยทองคำ
 

แท่นเผาเครื่องหอมภายในสถานบริสุทธิ์มีเชิงงอนสี่อัน
 
เมื่อมหาปุโรหิตถวายเครื่องบูชา ในวันของการไถ่บาปในทุกๆปีเขาต้องเทเลือดของสัตวบูชาที่รับเอาบาปประจำปีของประชาชนชาวอิสราเอลที่เชิงงอนของแท่นเผาสังเวยบูชา ที่ตั้งอยู่ที่ลานของพลับพลา ในวิธีเดียวกันนี้ มหาปุโรหิตก็เทเลือดนี้ เพื่อถวายต่อพระเจ้ามันแก้ปัญหาบาปที่ขัดขวางผู้คนชาวอิสราเอลจากพระเจ้า เราทุกคนได้รับการยกความผิดบาปด้วยการเชื่อในข่าวประ เสริฐของน้ำและพระวิญญาณและในยุคปัจจุบันของพันธสัญญาฉบับใหม่นี้ความเชื่อของเรานี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้กำจัดอุปสรรคออกไปเมื่อเราได้มาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่ออธิษฐานแม้แต่คนชอบธรรมก็ทำบาปในขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ อย่างไรก็ตาม เพราะว่าเราเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู และโลหิตของพรีะองค์การสังเวยบูชาที่เป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าจากระบบการสังเวยบูชาของพันธสัญญาฉบับเก่าเรา ยังคงมาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าได้และอธิษฐานต่อพระองค์ได้ด้วยความกล้าหาญ 
แม้ว่าคนชอบธรรมอาจจะรู้สึกลังเลที่จะมาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าเพราะบาปที่พวกเขาทำไปในโลกนี้ แต่ในเวลาเช่นนี้ พวกเขาก็ยังสามารถออกมาสู่พระเจ้าได้อย่างกล้าหาญด้วยการวางใจข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ตามที่เราเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณของพระเยซู คริสต์ เราก็สามารถออกมาสู่พระเจ้าได้อย่างกล้าหาญ แม้ว่าร่างกายของเราและจิตใจเราอาจจะยังคงอ่อนแอ นั่นเป็นเพราะ เราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยความเชื่อของเราในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ และพระผู้เป็นเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากการละเมิดทั้งหมดครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดโดยความจริงของความรอดที่แสดงไว้ในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มของประตูพลับพลา ดังนั้นเราจะต้องใคร่ครวญอยู่กับข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณอยู่เสมอพระเยซูทรงทำความรอดที่สมบูรณ์ของเรา สำเร็จไปครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดโดยบัพติศมาที่พระ องค์ทรงรับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และโลหิตที่พระองค์ทรงหลั่งบนไม้กางเขน และมีพื้นฐานของความเชื่อที่แตกต่างกันระหว่างคนทั้งหลาย ที่เชื่อในความรอดนี้และคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อคนชอบธรรมเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาสามารถอธิษฐานต่อพระเจ้าได้โดยไม่มีความลังเลเพราะพวกเขาเชื่อว่าพระเยซูทรงยอมรับบาปทั้งหมดของพวกเขาไปแล้วครั้งเดียวและเพื่อทั้งหมดโดยบัพติศมาของพระองค์และโลหิตที่พระองค์ทรงหลั่งเพื่อพวกเขา ดังนั้น ทุกคนจะต้องเชื่อเช่นกันว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของพวกเขาไปโดยบัพติศมาที่พระองค์ทรงรับจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาและว่าพระองค์ทรงรับการปรับโทษบาปของพวกเขาเหล่านี้ด้วยการหลั่งโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพียงเท่านั้น พวกเขาก็สามารถเป็นปุโรหิตของความเชื่อต่อพระพักตร์พระเจ้าได้และอธิษฐานได้ทั้งเพื่อเขาเองและเพื่อผู้มีบาปการเชื่อว่าพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของโลกนี้คือสิ่งที่เป็นความเชื่อแท้จริงของคริสเตียนและเป็นพื้นฐานของความเชื่อที่เป็นข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ 
เราทุกคนสามารถพบความจริงของความรอดที่แสดงในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดีที่ทอเป็นประตูพลับพลาได้โดยข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณและเราทุกคนสามารถเข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้ด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐแท้จริงนี้ ดังนั้น ผมขอให้ท่านเชื่อว่าความชอบธรรมของพระเยซู คริสต์ ที่พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของท่านไว้และที่พระองค์ทรงรับการปรับโทษบาปทั้งหมดของท่านบนไม้กางเขน นั่นคือความรอดของท่านแล้วท่านจะเป็นอิสระจากบาปทั้งหมดของท่านไปตลอดกาล เพียงการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณของพันธสัญญาของพระเจ้า เพียงเท่านั้นในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ท่านจะสามารถได้รับการยกความผิดบาปได้ ได้เป็นวิสุทธิชนที่ชอบธรรม และได้รับการยอมรับจากพระเจ้าในการมีความเชื่อที่ถูกต้อง ครั้งหนึ่งที่ท่านเข้าถึงความรอดของท่านด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณแล้วสิ่งแรกที่จะทำ คือการอธิษฐานต่อพระเจ้าสำหรับงานของความรอดของพระองค์ นั่นคือ เพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณออกไปทั่วโลกนั่นเองผู้ที่เชื่อที่ชอบธรรมในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณอธิษฐานต่อพระเจ้าเช่นนี้เพื่อที่พวกเขาอาจจะส่องประกายในความสว่างของข่าวประเสริฐบนโลกนี้ ผ่านคริสตจักรของพระเจ้า คันประทีปของที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า ความเชื่อนั้นมีความจำเป็นทั้งหมดสำหรับเราที่จะสนับสนุนพันธกิจของคริสตจักรของพระเจ้าและนำข่าวประเสริฐมาเพื่อให้บานเต็มที่ทั่วโลกด้วยการได้ฟังและเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าที่ประกาศไปโดยคนรับใช้ของพระองค์นั้นทำให้ทุกคนทั่วโลกสามารถได้รับการยกความผิดบาปและเติบโตได้ในความเชื่อ
ความเชื่อของท่านที่ว่าพระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่านนั้นมีพื้นฐานในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ และตามที่วิสุทธิชนชอบธรรมรอดจากบาปทั้งหมดของท่าน ท่านจะต้องออกมาสู่แท่นเผาเครื่องหอมและยืนต่อหน้าพระที่นั่งกรุณาในที่บริสุทธิ์ ทำไมสิ่งนี้จึงจำเป็นยิ่งนัก ? มันก็เพราะว่าท่านต้องมีพระคุณของพระเจ้าอย่างต่อเนื่องนั่นเอง แท่นเผาเครื่องหอมเป็นที่ที่เราถวายการอธิษฐานต่อพระเจ้า เพราะเครื่องหอมในที่นี้มีความหมายถึงการอธิษฐานของวิสุทธิชน ( วิวรณ์ 5 : 8 ) เราสวมในพระคุณของพระเจ้า เมื่อใดก็ตามที่เราออกมาสู่แท่นเผาเครื่องหอมและอธิษฐานต่อพระเจ้าแท่นเผาเครื่องหอมในที่บริสุทธิ์ แสดงให้เราเห็นถึงการอธิษฐานต่อพระเจ้าโดยความเชื่อเป็นทางไปพบพระคุณของพระเจ้า นั่นคือเหตุผลที่เราผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณจะต้องออกมาสู่แท่นเผาเครื่องหอมต่อไป และอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนโดยความเชื่อ เพื่อที่เราจะสวมในพระคุณของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา 
 


แท่นเผาเครื่องหอมคือที่ที่เราร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

 
แม้ว่าเราได้รับการยกความผิดบาปแล้ว ด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญ ญาณ เรายังคงต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าสำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเรา สำหรับเราแล้วที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรของพระเจ้า และให้ผลทางจิตวิญญาณเป็นดุจความสว่างของโลกนี้ พระคุณของพระเจ้านั้นมีความจำเป็นอยู่เสมอ ดังนั้น มันมีความสำคัญสำหรับเราทุกคนที่จะอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน โดยถามพระองค์ว่า “ พระองค์เจ้าข้า ได้โปรดช่วย เหลือข้าพระองค์ด้วย ได้โปรดยึดข้าพระองค์ไว้ ประทานความเชื่อมาให้ข้าพระองค์ ให้กำลังข้าพระองค์ทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ ให้ความเชื่อของข้าพระองค์เข้มแข็งเพื่อที่มันจะไม่มีทางสั่นคลอน กำจัดความปรารถนาในหัวใจของข้าพระองค์ที่เชื่อตามทางดลกนี้ ได้โปรดกำจัดความปรารถนาที่ไม่ยอมรับพระเจ้าของข้าพระองค์ด้วย” พระเจ้าทรงต้องการให้เราคนชอบธรรม ได้ออกมาสู่แท่นเผาเครื่องหอม คุกเข่าต่อมัน และอธิษฐานต่อพระองค์เช่นนี้เพื่อที่เราจะพบพระคุณของพระองค์ในทุกๆสิ่ง และได้รับพระพรของพระองค์ทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ นั่นคือเหตุผลที่มันช่างจำเป็น ที่วิสุทธิชนที่ชอบธรรมทุกคนผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาปจะยังคงนำชีวิตที่สวดมนต์เป็นประจำที่แท่นเผาเครื่องหอม 
แม้ว่าเรา คนชอบธรรมได้เกิดใหม่ และรอดจากบาปทั้งหมดของเราด้วยการเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ มันยังคงจำเป็นที่เราจะอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ประทานพระคุณของพระองค์มาที่เราในชีวิตประจำวันของเรา นั่นเป็นเพราะว่าแม้ว่าเราคนชอบธรรมผู้ที่ได้รับการยกความผิดบาป ถ้าเราไม่สวมในพระคุณของพระเจ้าอยู่เสมอ เราก็ไม่สามารถดำเนินไปในหนทางแคบๆแห่งชีวิตที่พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้เราเดินตามไปได้ มันเมื่อคนชอบธรรมอธิษฐานต่อพระเจ้่าที่พระองค์จะประทานพระคุณของพระองค์มาสู่พวกเขา และมันเป็นไปได้เพียงเมื่อเราอยู่ในคริสตจักรของพระเจ้าและเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ ในทางตรงกันข้าม คนชอบธรรมสวมในพระคุณของพระเจ้าเมื่อพวกเขาทำงานของพระองค์ในการรวมเป็นหรึ่งเดียวกับคริสตจักรของพระองค์ ตามที่กล่าวมาแล้ว มหาปุโรหิตได้เทเลือดของสัตวบูชาไปที่เชิงงอนของแท่นเผาเครื่องหอมปีละครั้ง สิ่งนี้มีความหมายว่าเมื่อใดก็ตามที่เราคนชอบธรรมได้มาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า เราก็ควรจะสารภาพความเชื่อของเราและทูลพระองค์ว่า “ พระองค์เจ้าข้า พระองค์คือผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์พระองค์ทรงละทิ้งความเป็นพระเจ้าที่เรืองรองของพระองค์ และเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ พระองค์ทรงรับเอาบาปของข้าพระองค์ไว้ด้วยการรับบัพติศมา และพระ องค์ทรงหลั่งโลหิตที่ล้ำค่าของพระองค์ในที่ของข้าพระองค์ ทั้งหมด เพื่อช่วยข้าพระองค์ให้รอด”เพียงเมื่อเรีามีความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนนี้เท่านั้นที่พระเจ้าที่เป็นพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดจะทรงสวมเราในพระคุณที่สมบูรณ์ ของพระองค์ได้ ไม่ว่าสถานการณ์ที่เราอยู่จะมีความยากลำบากเพียงใด แต่พระเยซู คริสต์ก็ยังคงเป็นพระเจ้าของเราและผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเราและการปรับโทษบาปทั้งหมดของเรา เมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้าด้วยความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนนี้เราก็จะสวมอยู่ในพระคุณของพระเจ้า
 


เราสามารถยืนยันความรอดของเราได้อีกครั้งหนึ่งในการอธิษฐานของเราทุกครั้ง

 
ในการอธิษฐานของเราเองที่เราสามารถยืนยันได้ อีกครั้งหนึ่งว่าพระเจ้าคือพระเจ้าของเราและความเชื่อนี้คือสิ่งที่นำพระพรของพระเจ้ามาสู่เรา ในทางตรงกันข้าม เรายินยอม ที่จะคุกเข่าต่อบัลลังค์ของพระเจ้า เพราะเราตระหนัก อย่างแน่นอนว่าพระเจ้าจะทรงอวยพระพรให้เราอย่างแน่ นอน ความเชื่อของเราในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนี้รับประกันว่าพระเจ้าจะทรงตอบการอธิษฐานของเราทุกครั้ง ที่เมื่อใดก็ตามที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าพระเจ้าทรงฟังทุกคำอธิษฐานของคนชอบธรรมและอวยพระพรให้แก่พวกเขาทั้งหมด ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าเราควรจะใคร่ครวญถึงพระคุณของพระองค์ก่อนตามนี้ว่า “ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อในความชอบธรรมของพระองค์ข้าพระองค์รู้ว่าชีวิตของข้าพระองค์นั้นเต็มไปด้วยข้อด้อยมากมายแต่พระองค์เจ้าข้าข้าพระองค์ก็รู้เช่นกันว่าพระองค์เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ที่พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของข้าพระองค์ไป ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาที่พระ องค์ทรงถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์ในที่ของข้าพระองค์และที่พระองค์เสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์พระองค์คือพระเมสสิยาห์ของข้าพระองค์และคือพระเจ้าของความรอด ดังนั้น ข้าพระ องค์เชื่อด้วยใจทั้งหมดของข้าพระองค์ว่าพระองค์จะประทานพระคุณของพระองค์มาให้พระองค์ เพราะพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ “ 
เช่นเดียวกันนี้ เมื่อใดก็ตามที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ประทานพระคุณของพระองค์มาให้แก่เราเราควรจะใคร่ครวญถึงพระคุณของพระเจ้านี้ก่อน และวางใจของเราทั้งหมดกับมันแล้วเราก็สามารถมีความกล้าที่จะถามพระเจ้าสำหรับสิ่งที่เราต้องการทั้งหมด และพระองค์จะทรงกล่าวแก่เราว่า “ ใช่ เจ้าเป็นบุตรของเราจริงๆ ตามความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนของเข้า เราก็เป็นพระเจ้าของเจ้าและเจ้าคือหนึ่งในประชาชนของเราอย่างแท้จริง ดังนั้น เราจะตอบการอธิษฐานของเจ้าและอวยพรให้เจ้าเสมอ เราจะพบเจ้าบนพระที่นั่งกรุณา เราเห็นได้จากการอธิษฐานของเจ้าว่าความเชื่อของเจ้าในเรานั้นไม่สั่นคลอน ว่าเจ้าได้มีความไว้วางใจของเราทั้งหมดในเราเพียงเท่านั้น และว่าเจ้าเชื่อด้วยใจทั้งหมดของเจ้าว่า เราคือพระเจ้าของเจ้า ดังนั้นเราจะตอบการอธิษฐานของเจ้าสำหรับประชาชนในโลกนี้ทั้งหมดที่จะรู้ว่าเราเป็นพระเจ้าของเจ้าอย่างแท้จริง “ 
เช่นเดียวกันนี้เมื่อเราเชื่อในความจริงของความรอดนั้นพระเจ้าจะทรงสวมเราในพระคุณของพระองค์และโปรยพระพรของพระองค์มาให้การที่เรารอดจากบาปทั้งหมดของเรานั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดของโลกนี้ทั้งหมด ในทางตรงกันข้าม หากเราพ้นจากบาป ทั้งหมดของเราอย่างแท้จริงแล้วเราก็ควรจะเชื่อว่าพระพรของพระเจ้ามาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ด้วยการวางใจในความชอบธรรม ของพระเจ้าที่เราได้สวมในพระคุณทุกๆวันเพียงเท่านั้นก็สามารถ นำชีวิตที่ศรัทธาในพระเจ้าไป นั่นคือเหตุผลที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีอะไรที่เป็นห่วงเราในใจของเรา โดยทูลพระองค์ว่า “ พระองค์เจ้าข้า ได้โปรดช่วยคริสตจักรของพระองค์ด้วย คริสตจักรของพระองค์ต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อทำงานของพระองค์ในตอนนี้ “ แม้ว่าเมื่อมันมาถึงเรื่องทางโลก ก็ไม่มีความกังวลใดหรือการอธิษฐานใดๆที่จะออกมาจากใจของเรา เราควรจะมาที่แท่นเผาเครื่องหอมและอธิษฐานต่อบัลลังค์ของพระคุณโดยความเชื่อ แล้วเราจะเห็นพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงกำลังสวมเราในพระคุณทั้งหมดของพระองค์ 
ท่านควรจะจำไว้ตรงนี้ว่าแท่นเผาเครื่องหอมนั้น เป็นที่ที่เราพบพระคุณจากพระเจ้าวิสุทธิชนเราควรจะอธิษฐานต่อพระเจ้า สำหรับการไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการสวมในพระคุณทั้งหมดของพระองค์ อีกนัยหนึ่ง มันเป็นการได้รับพระพรของพระเจ้าที่ เราอธิษฐานต่อพระองค์ ตอนนี้ที่เรารอดแล้วโดยความเชื่อ มันมีความจำเป็นอย่างที่สุดที่เราจะอธิษฐาน ต่อพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนหากเราต้องการมีชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา ด้วยการวางในในพระวจนะของคำสัญญาของพระเจ้าและได้รับพระพรทั้งหมดของพระองค์ เช่นเดียวกันนี้ แท่นเผาเครื่องหอมนั้นเป็นที่ที่เราได้สวมพระคุณของพระเจ้า 
อุปสรรค ที่ใหญ่ที่สุดที่เราเผชิญอยู่เมื่อเราอธิษฐานต่อ พระเจ้าคือบาป ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีชีวิตที่ไม่มีตำหนิ ดังนั้น เมื่อเราพยายามออกมาสู่พระเจ้าและอธิษฐานต่อพระองค์ แหล่งแรกที่จะลังเลก็คือบาปของเรา นั่นคือเหตุผลที่มันช่างสำคัญกับเรายิ่งนักที่จะใคร่ครวญถึงความจริงของความรอดอีกครั้งและปรับความเชื่อของเราใหม่ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงลบบาปทั้งหมดของเราไปแล้วโดยด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้มของประตูพลับพลา อีกนัยหนึ่ง เราจะต้องเชื่อ อย่างไม่สั่นคลอนว่าพระเยซู คริสต์ ผู้เป็นพระเจ้า เสด็จมายังโลกนี้เป็นผู้ช่วยให้รอดของเราทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้ด้วยการรับบัพติศมาและทรงรับการปรับโทษบาปทั้งหมดเหล่านี้ไว้ และขอบ พระคุณพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา เราได้รับการแก้ไขปัญหาบาปทั้งหมดของเราแล้วเพียงเท่านั้นเราก็สามารถอธิษฐานต่อพระเจ้าให้อวยพระพรเราได้ มันเป็นการสอนบทเรียนนี้แก่เรา เป็นการเตือนให้เราเห็นถึงงานของความรอดของพระผู้เป็นเจ้า ที่ว่าโลหิตของสัตวบูชานั้นได้เทลงที่เชิงงอนของแท่นเผาเครื่องหอมปีละครั้ง 
 


มีเพียงผู้เดียวที่ถูกทำให้มั่นใจในการยกความผิดบาปทั้งหมดเพียงเท่านั้นที่สามารถอธิษฐานต่อพระเจ้าได้อย่างกล้าหาญ

 
เมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้าเราก็สามารถขอพระองค์ตามความต้องการทั้งหมดได้โดยไม่มีความลังเล ขานพระนามของพระองค์ในกิริยาเช่นนี้เพราะพระเจ้าคือพระบิดาของเราพระผู้เป็นเจ้าของเรา และผู้ช่วยให้รอดอย่างแท้จริง อีกนัยหนึ่ง เราไม่มีความลังเลที่จะขานพระนามของพระเจ้าในพระนามที่แตกต่างกันไปและอธิษฐานต่อพระองค์เพราะไม่เพียงแต่พระองค์คือผู้ทรงสร้างของเราเพียงเท่านั้นแต่ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราด้วย 
นี่คือวิธีที่เราทุกคนควรจะอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “ พระองค์เจ้าข้าขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับการช่วยเหลือข้าพระองค์ให้รอดจากบาปทั้งหมดของข้าพระองค์ข้าพระองค์ต้อง การพระพรและความช่วยเหลือของพระองค์อย่างแท้จริง ดังนั้น ได้โปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วยและดูแลข้าพระองค์ในทุกๆก้าวย่างของทางนี้ ข้อพระองค์ได้ทำบางสิ่งไปอย่างดี แต่ข้าพระองค์ก็ทำความผิดพลาดไปด้วยเช่นกันและข้าพระองค์ก็ยังมีความเป็นกังวลอยู่ ข้าพระองค์วางในทั้งหมดกับพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือของพระองค์และช่วยนำทางข้าพระองค์ด้วยได้โปรดนำข้าพระองค์ไปสู่จิตวิญญาณที่หลงทางเพื่อที่ข้าพระองค์จะประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์ไปสู่พวกเขาและให้ผลทางจิตวิญญาณอันบริบูรณ์สำหรับพระองค์เปิดหัวใจของพวกเขาและหว่านที่นาในหัวใจของพวกเขา เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้หว่านเมล็ดของข่าวประเสริฐไปที่พวกเขา ข้าพระองค์ร้องขอให้พระองค์ได้โปรดยึดคริสตจักรของพระองค์ไว้ให้มั่นคงและดูแลคนรับใช้ของพระองค์อวยพระพรให้พวกเขา เพื่อที่ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณจะประการไปได้อย่างสำเร็จผล ปล่อยให้ข่าวประเสริฐนี้ได้เผยแพร่ออกไปทั่วทั้งโลก คนรับใช้ของพระองค์ต้องการการปกป้องจากพระองค์ และดังนั้น ข้าพระองค์ขอร้องให้พระองค์ดูแลพวกเขาภายใต้สายพระเนตรที่ปกป้องดูแลของพระองค์ พระองค์เจ้าข้า ได้โปรดอวยพระพรให้ข้าพระองค์ด้วยและอวยพระพรให้ครอบครัวของพระองค์ด้วย อวยพระพรให้บุตรของข้าพระองค์ด้วย อวยพระพรให้วิสุทธิชนเช่นกันอวยพระพรให้พี่น้องทั้งหมดของข้าพระองค์ ในพระคริสต์ด้วยให้พระพรของพระองค์บริบูรณ์ไปเพื่อที่แม้ว่าผู้ที่เชื่อยืนอยู่ภายนอกคริสตจักรของพระองค์จะรอดทั้งหมด “ เมื่อเราอธิษฐานและวางใจในความหวังและความฝัน ทั้งหมดต่อพระเจ้าเช่นนี้พระองค์ก็จะตอบการอธิษฐานของเราอย่างแน่นอนและอวยพระพรให้เรานี่คือวิธีที่เราสามารถได้รับพระพรทั้งหมดมั่งคั่งบริบูรณ์ผ่านการอธิษฐาน และนั่นคือวิธีที่เราสามารถพบพระคุณเหนือพระคุณได้ทุกๆวัน 
พระเจ้าคือพระเจ้าของทุกคนที่เชื่อในความชอบธรรมของพระองค์พระองค์คือพระเจ้าของผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณอย่างไม่สั่นไหว ดังนั้นพระเจ้าไม่มีทางล้มเหลวในการประทานพระคุณของพระองค์ มาให้แก่ผู้ที่เชื่อของพระองค์ทั้งหมดผู้ที่เข้าใกล้บัลลังค์ของพระคุณอย่างกล้าหาญ โดยความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนและร้องขอพระคุณและพระพรของพระองค์ โดยกล่าวว่า “ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์คือพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ พระองค์เจ้าข้า ได้โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วย ! “
ผู้ร่วมสามัคคีธรรมทั้งหลาย ผมไม่สามารถเน้นได้ว่ามันสำคัญเพียงใดที่เราทั้งหลายจะตระหนักว่าความรอดจากบาปของโลกนี้นั้นไม่ได้เป็นจุดจบของเรื่องทั้งหมด แต่เราควรอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน หากการอธิษฐานของท่านไม่ใช่คำตอบจากพระผู้เป็นเจ้าของเราหรือหากท่านไม่รู้วิธีอธิษฐานแล้ว ท่านก็ควรจะตรวจสอบความเชื่อของท่านไปทีละขั้นตอนและคิดถึงว่าใครคือพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงสำหรับท่าน ความเข้าใจที่ชัดเจนของความสำพันธ์ของท่านกับพระผู้เป็นเจ้านั้นมีความสำคัญอย่างที่สุด อีกนัยหนึ่ง ท่านจะต้องมั่นใจว่าความเชื่อของท่านนั้น มีความมั่นคง ตระหนักและเชื่ออย่างหมดหัวใจว่าพระผู้เป็นเจ้าคือผู้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดินโลกว่าพระองค์เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ เพื่อช่วยท่านให้รอดว่าพระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของท่านด้วยการรับบัพติศมาโดยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาว่าพระองค์ทรงรับการปรับโทษบนไม้กางเขนในที่ของท่าน ว่าพระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งในสามวันและว่าพระองค์ยังทรงมีพระชนม์อยู่เป็นผู้ช่วยให้รอดของท่าน ตอนนี้ที่ท่านรอดแล้ว พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงของท่านและท่านคือแกะของพระองค์ดังนั้นท่านควรจะไม่มีข้อสงสัยอะไรว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบคำถามอะไรแก่ท่านในทุกครั้งที่ท่านร้องขอความช่วยเหลือของพระองค์ 
 

เราควรจะอธิษฐานทั้งวันทั้งคืน
 
เราทั้งหลายผู้ที่ยอมรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ช่วยให้รอดโดยความเชื่อและการอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าทั้งวันทั้งคืนก็จะได้รับพระคุณและพระพรของพระองค์ที่บริบูรณ์ตลอดชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ทั้งหมดของพวกเขา ในทางตรงกันข้าม เราทั้งหลายที่ไม่ได้อธิษฐานอย่างขันแข็งสำหรับเหตุผลใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะเพราะว่าพวกเขาคิดอย่างโอ้อวด ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะเตรียมสิ่งจำ เป็นทั้งหมดให้พวกเขา แม้ว่าพวกเขาไม่อธิษฐานหรือพวกเขาขาดความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าไม่สามารถได้รับพระพรของพระเจ้า เพราะพวกเขาขาดความเชื่อในแท่นเผาเครื่องหอมหากท่านคิดว่าพระเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่ท่านต้องการให้ท่าน หากท่านไม่อธิษฐานเพียงเพราะท่านเชื่อว่าพระองค์คือพระเจ้าของท่านแล้วความเชื่อของท่านก็จะวางไว้ในผิดที่ หากสิ่งนี้เป็นความจริงแล้ว มันก็ไม่ควรจะมีแท่นเผา เครื่องหอมในที่บริสุทธิ์ท่านคิดไหมว่าพระเจ้าทรงสร้างแท่นเผาเครื่องหอมเพียงพระทรงเบื่อหน่าย ? ไม่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน ! มหาปุโรหิตอาโรนจุดไปที่แท่นเผาเครื่องหอมด้วยเครื่องหอมนานาชนิดในทุกๆเช้าและทุกๆเย็นกลิ่นหอมจึงอบอวลอยู่ในที่บริสุทธิ์ตามที่กลิ่นของเครื่องหอมได้ฟุ้งกระจายไปทั่วแล้ว นี่คือกลิ่นหอมที่แสนวิเศษเสียจริงๆที่ทำให้เราได้มาสู่พระเจ้าได้อย่างกล้าหาญเครื่องหอมนี้ก็มีผลที่จะปกปิดข้อด้อยของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าเช่นกัน ตัวอย่างเช่น มหาปุโรหิตจะต้องทำให้ที่บริสุทธิ์ที่สุดเต็มไปด้วยเครื่องหอมก่อนที่เขาจะเข้าไปในนั้นปีละครั้งรับประกันว่าควันของ ของเครื่องหอมก็จะปกคลุมที่นั่งกรุณาที่อยู่บนหีบคำพยาน หรือไม่อย่างนั้นแล้วเขาก็จะต้องตาย ( เลวีนิติ 16 : 12-13 ) 
ผู้ที่เชื่อทั้งหลาย เมื่อใดก็ตามที่เราเข้าใกล้พระเจ้า เราก็จะต้องมีความตระหนักอย่างเต็มที่ถึงความจริงที่ว่าเราได้รับการยกความผิดบาปแล้ว ที่ว่าตอนนี้พระเจ้าคือพระเจ้าของเรา และที่ว่าพระเจ้าจะประทานพระคุณของพระองค์มาให้เราเมื่อใดก็ตามที่เราอธิษฐานต่อพระองค์เมื่อเราได้ มาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า โดยความเชื่อที่ไม่สั่นไหวนี้และยืนอย่างกล้าหาญต่อบัลลังค์ของพระ คุณของพระองค์ไม่เพียงแต่เราจะไม่เผชิญกับการกรับโทษบาแเพียงเท่านั้น แต่เราจะสวยในพระ คุณของพระเจ้า พระเจ้าคือพระเจ้าของความกรุณาที่มีพระคุณมั่งคั่งที่ประทานมาให้เราทุกคน
 

ห่วงที่ติดไว้ที่แท่นเผาเครื่องหอมก็ทำด้วยทองคำ
 
แท่นเผาเครื่องหอม ในสถานบริสุทธิ์ของพระเจ้าเป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากปริซึมที่มีหกด้าน (มีด้านทั้งหมดหกด้านด้วยกัน ) ที่วัดรอบๆได้ความยาวและความกว้างประมาณ 50 ซ.ม. และความสูงวัดได้ 100 ซ.ม. และห่วงทองคำทั้งสองคู่ก็ติดอยู่กับทั้งสองด้านของแท่นบูชา สองทั้งสองต้นจึงได้สอดเข้าไปผ่านห่วงทองคำนี้เสานี้ทำด้วยไม้กระถินเทศและหุ้มด้วยทองคำแม้ว่าแท่นเผาเครื่อง หอมจะดูเหมือนจะเล็กๆ แต่มันจะต้องถูกยกขึ้นด้วยคนสอนคน เพราะความยสวและความกว้างของมันมีเพียง 50 ซ.ม. และความสูงของมันก็ 100 ซ.ม. มันจึงยกขึ้นง่ายๆและแบกไปด้วยคนๆเดียวแต่มันก็ไม่ได้รับการยอมให้ทำได้เหมือนกับเครื่องใช้อื่นๆของพลับพลาสิ่งนี้มีความหมายว่าเรา คนชอบธรรมควรจะอธิษฐานต่อพระเจ้าในความเป็นหนึ่งเดียวตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูทรงกล่าวว่า “เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้“ ( มัทธิว 18:19 ) 
เสาของแท่นเผาเครื่องหอม ก็แสดงให้เราเห็นเช่นกันว่าผู้ที่เกิดใหม่ควรจะรับใช้พระเจ้าด้วยการอธิษฐานของเรา การอธิษฐานของความเชื่อของเราก็เป็นวิธีที่เราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน ตอนนี้ที่เราได้เกิดใหม่จากบาปทั้งหมดของเรา เราก็สามารถรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ได้ในหนทางแตกต่างไฟไม้ว่ามันจะด้วยการอธิษฐานหรือการอาษาสมัครจิตวิญญาณของเรา เมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้า เราก็ไม่อธิษฐานเพียงเพื่อตัวเราเองแต่เราเราอธิษฐานสำหรับงานของพระเจ้า คริสตจักรของพระองค์ สมาชิกของมัน และเผยแพร่ข่าวประเสริฐไปเป็นพิเศษ อีกนัยหนึ่ง การอธิษฐานของเรานัั้นไม่ได้ยอมให้เรายืนต่อหน้าบัลลังค์ของพระคุณของพระเจ้าและพบพระคุณของพระองค์ได้เพียงเท่านั้น แต่มันให้เราได้รับใช้พันธกิจอันชอบธรรมของพระเจ้าได้เช่นกัน ด้วยการอธิษฐานในความเป็นหนึ่งเดียวนี้ที่เราสามารถรับใช้อาณาจักรของพระเจ้าได้ เมื่อเราอธิษ,ฐานสำหรับพี่น้องของเรา สำหรับคริสตจักรของเรา และสำหรับจิตวิญญาณที่หลงทางไป สำหรับการขยายอาณาจักรของพระเจ้าและสำหรับพันธกิจของความชอบธรรมของพระเจ้า เราก็รับใช้พระเจ้าเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่มันช่างมีความสำคัญที่เราจะเข้าใจความหมายโดยนัยของปุโรหิตที่กำลังรับใช้พระเจ้าที่แท่นเผาเครื่องหอมในที่บริสุทธิ์ เราจะต้องอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่ างขันแข็งโดยความเชื่อนี้ เหมือนกับที่เราประกาศพระวจนะ ของพระเจ้าเพื่อที่รับใช้พระเจ้าและประชาชนของพระองค์ ดังนั้น เราก็อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อรับใช้พระอค์และประชาชนของพระองค์ เราทุกคนทำหน้าที่นี้เพื่อรับใช้พระเจ้าในุกทางที่เป็นไปได้ 
สิ่งสำคัญที่สุดที่ท่าน จะต้องทำเพื่อนำชีวิตคริสเตียนที่ศรัทธาในพระเจ้าและรับใช้น้ำและพระทัยของพระเจ้า คือความเชื่อในพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์โดยความเชื่อเพียงอย่างเดียวที่ท่านสามารถประกาศพระวจนะของพระเจ้า, อธิษฐานต่อพระองค์, ประกาศข่าวประ เสริฐของน้ำและพระวิญญาณ และรับใช้พระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ ทุกสิ่งที่เราทำเพื่อรับใช้พระเจ้านั้นทำโดยความเชื่อ ท่านไม่มีทางนำชีวิตที่ศรัทธาในพระเจ้าของความเชื่อไปได้ถ้าท่านไม่ยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า ผมก็ไม่สามารถเน้นได้เพียงพอว่ามันจะมีความสำคัญเพียงใดที่เราอธิษฐานที่จะรับใช้พระเจ้าเมื่อใดก็ตามที่วิสุทธิชนมารวมตัวกันในโบสถ์ที่พวกเขานับถือนับจากพี่น้องของเราทั้งหลายและแม้แต่เด็กๆในโรงเรียนวันอาทิตย์พวกเขาก็จะต้องรับใช้พระเจ้าก่อนสิ่งอิ่นใดทั้งหมด เราควรจะร่วมมือกันพื่อแบ่งปันอาหารของพระวจนะของพระเจ้า และเราควรจะรับใช้ความชอบธรรมของพระเจ้าเช่นกัน การอธิษฐานของเรานั้นสูงขึ้นไปสู่พระเจ้าเป็นเครื่องหอมเมื่อเราผู้ที่เกิดใหม่อธิษฐานต่อพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยกล่าวว่า “ พระ องค์เจ้าข้า ได้โปรดยึดมั่น และอวยพระพรให้คริสตจักรของพระองค์ คนรับใช้ของพระองค์ และวิสุทธิ์ชนของพระองค์ในคริสตจักรทั่วโลก อวยพระพรจิตวิญญาณและหัวใจของพวกเขาและประทานพระพรของพวกองค์ได้โดยความเชื่อรับใช้จิตวิญญาณทั้งหมดที่ยังคงหลงทาง “ แล้วพระเจ้าจะทรงตอบคำถามเราและอวยพระพรให้เรามีความสุขกับกลิ่นหอมของการอธิษฐานนี้พระองค์ทรงตอบคำถามทุกสิ่งที่เราร้องขอต่อพระองค์ในการอธิษฐานของเรานี่คือสิ่งที่เป็นความหมายที่จะรับใช้พระเจ้าด้วยคำอธิษฐาน แลัผมขอแนะนำให้ทุกท่าน จดจำงานของพระเจ้าในการอธิษฐานของท่านมากกว่าเพียงอธิษฐานสำหรับความต้องการของท่าน
ในขณะที่วิสุทธิชนในคริสตจักรร้องขอที่จะอธิษฐาน หากท่านสามารถทำได้มากว่าคนอื่นๆแล้วไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ไม่ว่ามันเพราะว่าท่านจะเหน็ดเหนื่อยหรือเจ็บป่วยท่านก็ควรจะอธิษฐานต่อคริสตจักรของพระเจ้า ต่อคนรับใช้ของพระองค์ และต่อวิสุทธิชนของพระองค์มากขึ้นสิ่งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับแม่บ้านมันไม่ใช่เพราะว่าเราขาดเงินที่ทำให้เราเราไม่สามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้ ท่านก็สามารถรับใช้ข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณมากมายเท่าที่ท่านต้องการโดยความเชื่อของท่านคนทั้งหลายที่ยากจนก็ยังคงสามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้ด้วยการอธิษฐานของความเชื่อของพวกเขา หากเพียงพวกเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรของพระเจ้าเหมือนกับเสาทั้งสองต้น ที่สอดเข้าสู่ห่วงของแท่นเผาเครื่องหอมที่จะต้องแบกด้วยชายสองคนไปบนบ่าของพวกเขา คนที่ร่ำรวยก็สามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยการครอบครองทางวัตถุเช่นกัน อย่างเพียงแต่กล่าวว่า “ ฉันงานยุ่ง เกินไปที่จะจัดเวลาในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าฉันไม่ต้องการเวลาใดๆอีก “ วิสุทธิ์ชนที่ชอบธรรมทุกคนและแต่ละ คนสามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและน้ำพระ ทัยของพระองค์โดยความเชื่อ ไม่ว่าด้วยการถวายบูชา การอธิษฐาน และการประกาศข่าวประเสริฐเราทุกคนนั้นสามารถรับใช้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้หากเพียงเราปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น และเราผู้ที่เกิดใหม่สามารถรับพระพรของพระเจ้าทั้งหมดได้หากเพียงเราร้องขอมัน 
 


พระเจ้าทรงอวยพระพรเราทุกคนผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ

 
พระผู้เป็นเจ้าคือผู้เลี้ยงเรา ความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้เป็นเจ้านั้นใกล้ชิดกันยิ่งนักที่ไม่มีอะไรและไม่มีใครจะสามารถแยกเราออกจากพระองค์ได้ 
ลองกลับไปดูมัทธิว 26:26-28 กันตรงนี้ “ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อขอบพระคุณแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า ‘ จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา’แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยมาขอบพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า ‘ จงรับไปดื่มทุกคนเถิด ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก’ “ 
พระนาม “ เยซู ” หมายถึงผู้ช่วยให้รอดหรือพระเมสสิยาห์และเราขานพระนามของพระ องค์ พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพื่อแสดงถึงว่าพระองค์คือพระเจ้าของเราและนายของเรา พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราเพื่อปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปทั้งหมด พระเจ้าเองเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ และก่อนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเตรียมอาหารมื้อสุดท้ายเอาไว้ รวบรวมเหล่าสาวกของพระองค์ และให้อาหารและเหล้าองุ่นแก่พวกเขาโดยทรงกล่าวกับพวกเขาว่า “ รับเอาขนมปังไปและกินมันเสีย นี่คือร่างกายของเรา รับเอาแก้วใบนี้ไปและจงดื่มมันเสีย นี่คือโลหิตของพันธสัญญา ที่ได้หลั่งไปมากมายเพื่อการยกความผิดบาป “สิ่งนี้คือคือความหมายที่พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดด้วยการเสด็จมายังโลกนี้เป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา และทรงทำพระวจนะของคำสัญญาของพระองค์ให้สมบูรณ์โดยพระองค์เองโดยน้ำและพระวิญญาณ อย่างถูกต้องตามที่พยากรณ์เอาไว้ในพันธสัญญาฉบับเก่า พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทรงยอมรับบาปทั้งหมดของโลกนี้ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดนจึงทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา แล้วพระองค์ประทานร่างกายของพระองค์บนไม้กางเขน และจึงรับเอาการปรับโทษบาปทั้งหมดของทุกคนในโลกนี้ไว้ และพระ องค์ประทานชีวิตใหม่ให้เราด้วยการฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง
โลหิตของสัตวบูชาที่ได้เทลงที่แท่นเผาเครื่องหอมนั้นหมายความถึงความตายทางกายของพระเยซู คริสต์ ที่เหมือนกับ หลังจากรับบาปทั้งหมดของเราไปโดยบัพติศมาของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อเรามันก็เป็นการขอบพระคุณการสังเวยบูชานี้ ที่เรารอดแล้วมันเป็นรายการของความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ทำให้เราเข้าถึงความรอดของเรา มันไม่ใช่ด้วยความเชื่อที่มืดบอดหรือโดยตามพลการ ใดที่ที่จะทำให้เรารอดจากบาปทั้งหมดของเรา แต่โดยพระเยซูเพียงพระองค์เดียว ที่ทรงเป็น พระเจ้าทรงเสด็จมายังโลกนี้เอง เพื่อเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราทรงรับเอาบาปทั้งหวดของเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์เองด้วยการรับบัพติศมาและทรงหลั่งโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์เพื่อเราทุกคน
นั่นเป็นวิธีที่พระเจ้าทรงทำความรอดของเราให้สมบูรณ์ ที่มีความหมายโดยนัย ในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อละเอียดที่แขวนอยู่เป็นประตูพลับพลา สีม่วงตรงนี้ที่แสดงว่า กษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งปวงนั้นเสด็จมา เป็นมนุษย์มันสอนเราว่าพระเยซูทรงยอมรับเอาบาปทั้ง หมดของเราไว้ด้วยการรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดของเราด้วยการหลั่งโลหิตของพระองค์ในที่ของเรา นี่คือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราความเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณนี้คือความเชื่อที่ทำให้เราสามารถมีส่วนในพิธีศีลมหาสนิทได้ เมื่อพระเยซู ทรงเตรียมอาหารมื้อสุดท้ายไว้ พระองค์มิทรงเตรียมไว้แต่เพียงขนมปังเพียงเท่านั้นแต่พระองค์ทรงเตรียมเหล้าองุ่นเอาไว้ด้วยและพระองค์ทรงบอกให้เหล่าสาวกของพระองค์ดื่มและกินทั้งสองอย่างนั้นเสีย ขนมปังในที่นี่หมายความถึง ร่างกายของพระเยซู ความหมายโดยนัยที่พระเจ้าเอง เสด็จมาเป็นมนุษย์ก็เพื่อที่จะช่วยเราผู้มีบาปขนมปังก็มีความ หมายว่าพระเยซูทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์เอง ด้วยการรับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน อีกนัยหนึ่ง เหล้าองุ่นมีความหมายถึงโลหิตของชีวิตและของความรอดที่พระเยซูทรงหลั่งบนไม้กางเขนในที่ของเรา 
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราเข้าร่วมในพิธีศีลมหาสนิท มันมีความจำเป็นอย่างที่สุดสำหรับเราทุกคนที่จะมีความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนที่พระเจ้าเองเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์เพื่อช่วยเราให้รอดที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาเอาบาปทั้งหมดของเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์ด้วยการรับบัพติศมาที่พระองค์ทรงรับการปรับโทษบาปบนไม้กางเขนในที่ของเราและที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดและทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของเรา อย่างไรก็ตามน่าเศร้าที่คริสเตียนส่วนใหญ่ไม่รู้เหตุผลอย่างชัดเจนที่ว่าทำไมพระเยซู คริสต์ทรงตั้งพิธีของศีลมหาสนิท และรับสั่งให้เรารักษามันไปจนกระทั่งพระองค์เสด็จกลับมา ท่านไม่ควรจะใช้ชีวิตของความเชื่อของทั่นไปอย่างเบาๆเกิน ไป หากท่านยังคงไม่มั่นใจว่าพระเยซูคือผู้ช่วยให้รอดของท่านแล้ว ท่านก็ไม่ควรจะคิดนานและคิดหนักเกี่ยวกับความเชื่อของท่านก่อนที่จะรับขนมปังและเหล้าองุ่นของพระเยซู ในพิธีศีลมหาสนิทคิดถึงและถามตัวท่านเองอย่างระมัดระวัง อย่างจริงจัง ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าของท่านหรือไม่ มากกว่าที่จะมีอารมณ์ใดๆ
พระเจ้า คือพระเจ้าของท่านและของผมด้วย พระองค์ทรง สร้างทายาทของพระองค์และของผมด้วยและพระองค์ทรงยอมให้เราได้เกิดมาบนโลกนี้ ด้วยพระเจ้านี้เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอก จากพระเยซู และพระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้าเอง เสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราพระ องค์เสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราเพื่อที่จะช่วยเราให้รอด พระองค์ทรงรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์โดยการรับบัพติศมาของพระองค์ แล้วพระองค์ ทรงรับเอาบาป ทุกบาปและบาปทั้งหมดของเรานี้ไว้บนไม้กางเขน ไม่เคยปลดเปลื้องมันออกจากพระ องค์เลย และทรงรับการลงโทษบนไม้กางเขนที่ควรจะทนรับการกล่าวโทษนั้นเพียงเท่านั้น เพื่อที่เรา จะไม่ต้องรับการปรับโทษเพราะบาปของเรา นี่คือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากการปรับโทษบาปทั้งหมดของเรา 
ท่านเข้าใจความจริงของความรอดนี้ ได้โดยง่ายหากท่านเพียงคิดถึงข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ แม้สำหรับชั่วขณะหนึ่งการรอดจากบาปทั้งหมดของโลกนี้คือการยอมรับข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเข้าสู่หัวใจของท่าน ผมเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผมให้รอดจากบาปทั้งหมดของโลกนี้โดยน้ำและพระโลหิต ไม่มีอะไรที่ผมเองได้ทำเพื่อความรอดของผมเอง เมื่อพระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เมื่อพระองค์ประสูติมาในโรงนาเก่าๆในเมืองเบธเลเฮม ผมไม่อยู่ที่นั่น ผมก็ไม่ได้สอดแทรก ในรูปแบบหรือรูปร่างใดๆห่างไกลจากที่ผมขอให้พระเจ้าทรงช่วยผมให้รอด แต่พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ ไม่คำนึงถึงความตั้งใจของผม ทั้งหมดก็เพื่อช่วยผมให้รอดผมตระหนักอย่างแน่นอนว่าการที่พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ ก็ทรงรับบัพติศมา และหลั่งโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน
พระเจ้า พระบิดาทรงรักโลกนี้ยิ่งนัก ที่พระองค์ประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระ องค์มาพระเจ้าเองเสด็จมายังโลกนี้ เพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนและมนุษย์แต่ละคนให้รอดและพระองค์ทรงช่วยท่านและผมให้รอดจากบาปทั้งหมดของโลกนี้และพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของท่านและของผมทั้งหมดที่เราจะต้องทำเพื่อเข้าถึงความรอดของเราก็คือการวางใจในพระเยซู คริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าและทางยอมรับงานของความรอดที่ที่พระองค์ทำเพื่อเราเข้าสู่หัวใจของเรา มีเพียงผู้ที่เหน็ดเหนื่อยจากกำลังของพวกเขาเพียงเท่านั้นผู้ที่ละความพยายามของพวกเขาในการตระหนักถึงการไร้ประโยชน์ของมัน และผู้ที่ได้มอบการยกความผิดบาปของพวกเขาและความรอดทั้งหมดของพวกเขาต่อพระเจ้า คนเช่นนั้นเพียงเท่านั้นที่จะสามารถพบพระคุณของพระเจ้าได้ แม้ว่ามันอาจจะมีความสำคัญต่อท่านในความคิดของท่าน แต่พระเจ้าเองก็ทรงทำความรอดของเราสมบูรณ์อย่างสิ้นเชิงเพื่อปลดปล่อยเราทั้งหมด ดังนั้น ไม่มีอะไรอีกแล้วที่เราจะทำนอกจากการเชื่อในงานของความรอดของพระเจ้านี้
 

วางใจตัวท่านเองต่อพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
 
มันจำเป็นสำหรับท่านที่สุดที่ท่านที่จะวางใจตัวท่านเองต่อพระเจ้าขอขอบพระคุณสำหรับสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อท่าน พระเจ้าเองทรงเป็นมนุษย์ และพระเจ้าทรงทำ สิ่งนี้เพื่อช่วยท่านและผมให้รอด ยิ่งไปกว่านั้น พระเยซู ผู้ทรงเป็นพระเจ้าทรงรับบัพติศมาเพื่อเราเพื่อที่จะรับเอาบาปทั้งหมดของเราไว้และลบมันออกไปทั้งหมดพระเยซูทรงถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์ หลั่งโลหิตของพระองค์เพื่อเราบนไม้กางเขน พระองค์จึงทรงรับเอาการปรับโทษบาปไปในที่ของเราทั้งหมดเพื่อจ่ายค่าจ้างของบาปทุกบาป และบาปแต่ละบาปของเราทั้งหมด เพื่อปลดปล่อยเราให้รอดจากการปรับโทษบาป และเพื่อทำให้มันเป็นไปได้สำหรับเราที่จะหนีให้พ้นจากการพิพากษาของเราแล้วพระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งหนึ่งภายในสามวัน เพื่อนำเรากลับมาสู่ชีวิตใหม่และชีวิตนิรันดร์ 
และตอนนี้พระองค์ประทับอยู่ที่เบื้องพระหัตถ์ขวาของบัลลังค์ของพระเจ้า พระบิดา และทรงมองเราอยู่ พระองค์ทรงมองเราอยู่ให้เห็นว่าใครที่ต้องการที่จะวางใจในทุกสิ่งของเขาเพื่อพระองค์ ที่ทรงเป็นพระเจ้าเองและผู้ช่วยให้รอด และผู้ที่เชื่อในพระองค์อยู่หมดหัวใจคนทั้งหลายที่ได้รับพระเยซูนั้นเป็นผู้ที่วางใจทุกสิ่งของพวกเขาต่อพระเจ้าพวกเขาเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยพวกเขาให้รอดอย่างสมบูรณ์พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองเกี่ยวกับความรอดของตนเลย พวกเขาแน่นอนว่าออกมาจากความรักของพระองค์เองที่พระเจ้าทรงช่วยพวกเขาให้รอดโดยความจริงของความรอดที่เปิดเผยในด้ายสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม ของประตูพลับพลา และสำหรับคนเช่นนั้นผู้ที่วางใจตัวเองต่อพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ และผู้ที่ยอมรับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์เข้าสู่หัวใจของพวกเขาพระเจ้าก็จะประทานสิทธิในการเป็นบุตรของพระองค์มาให้ 
ดังนั้นผมขอให้ท่านมีความเข้าใจที่ชัดเจนในความจริงของความรอดนี้ก่อนที่ท่านจะมีส่วนในพิธีศีลมหาสนิท บัพติศมาที่พระเยซูทรงได้รับนั้นได้รับเอาบาปทั้งหมดของเราไปและทำการไถ่บาปความตายทางกายที่พระเยซูทรงทุกข์ทรมาณนั้น ก็เพื่อช่วยท่านและผมให้รอดจากบาปทั้ง หมดของเรา พระเยซูทรงถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์หลั่งโลหิตของพระองค์ในที่ของเราและทรงรับการปรับโทษเช่นนี้เพื่อที่จะปลดปล่อยเราให้รอดจากการพิพากษาบาปของเราและทำให้เราเป็นคนชอบธรรม 
สำหรับเราทุกคน ที่อยู่ในและอธิษฐานในที่บริสุทธิ์ พระเจ้าก็ทรงประทานแท่นเผาเครื่องหอมให้เพื่อที่จะสวมเราในพระคุณของพระองค์ นี่คือที่ที่เราสามารถพบพระคุณของพระเจ้าได้ ดังนั้น ผมขอแนะนำให้ทุกท่านและแต่ละท่านได้วางใจในตัวเองกับพระผู้เป็นเจ้าเถิด 
ฮาเลลูยาห์ !